คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 อาหารมื้อแรกกับครอบครัวของอาซาเลีย
หลังจากที่อัณณ์ดาอยู่คุยกับจำปูนได้ไม่นาน คำถามนับพันคำถามก็พุดขึ้นบนหัวแต่บทสนทนาก็จบลงแค่นั้นเมื่อนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ตีเวลาสี่โมงครึ่ง จำปูนเรียกสาวใช้สองคนให้เดินขึึ้นไปส่งอัณณ์ดาที่ห้องนอนส่วนตัว เพื่อเตรียมตัวทานอาหารเย็น
อัณณ์ดากำลังขนของออกจากกระเป๋าและจัดการจัดเข้าที่เข้าทาง ภายในห้องของเธอใหญ่โตที่เดียว เตียงสีขาวมีเสาสีด้านสำหรับม่านปิดแบบโบราณ ข้างๆมีโต๊ะเครื่องแป้งทำด้วยไม้สักขัดเงาอย่างดี จอทีวีแบนถูกแขวนอยู่ผนัง ใกล้ๆกันมีรูปวาดของอัณณ์ดาในวัยเด็กตั้งตระหง่านอยู่
หญิงสาวเดินผ่านไปเพื่อสำรวจห้องน้ำ ในห้องน้ำมีอ่างนอนแช่และสามารถมองไปนอกหน้าต่างได้ด้วย กระจกบานใหญ่นั้นทำให้หญิงสาวมองเห็นทุ่งสมุนไพรที่อยู่ไม่ไกล
"....เออ มานี้หน่อยค่ะ คือ..."
"คุณหนูไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเห็นตอนโป๊นะคะ คฤหาสน์ทั้งหลังติดฟิล์มดำ ข้างนอกมองไม่เห็นคุณหนูหรอกค่ะ"
หญิงสาวนึกขำ สาวใช้ก็พลอยขำไปด้วย
"เธออยู่ที่นี่นานแล้วยัง" อัณณ์ดาถาม
"เพิ่งมาอยู่ปีกว่าค่ะ"สาวใช้ตอบ
"ถามจริง"อัณณ์ดาฉงนใจ "บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้นอกจากคุณอัคคินณ์แล้วมีใครอยู่อีก"
สาวใช้เกาจมูกก่อนจะเริ่มคิด "ก็มีคุณกาหลง คุณชบาผกา คุณชะเอม แล้วก็คุณจำปูน"
"แล้วพวกเขาไม่ใช่ทายาทของดิเรกกฤษิ์เหรอ"
"ท่าที่หนูทราบ ทายาทโดยตรงของเจ้าคุณปู่ถวัลย์มีแค่คุณอาซาเลียกับคุณอัคคิณณ์
คุณอัคคินณ์เป็นพี่ชายต่างแม่ของคุณหนู"
สาวใช้เล่าอย่างละเอียดว่า อัคคินณ์เป็นลูกของคุณขจร ลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านดิเรกกฤษ์โดยมีอาซาเลียเป็นน้องสาวต่างแม่ เจ้าคุณปู่ถวัลย์ยังมีหลานอีกประกอบไปกาหลง ฝาแฝดชบาผกา และชะเอมที่ยังดำรงนามสกุลดิเรกกฤษิ์ ซึ่งเหลือแต่รุ่นลูก เพราะรุ่นแม่นั้น ทุกคนต่างเสียชีวิตไปหมดแล้ว....ถ้าจะมีก็ยังอยู่แค่ย่าเสลา เมียคนสุดท้ายของเจ้าคุณปู่ถวัลย์ ซึ่งไม่มีลูก
ในห้องอาหารสุดหรู มีกระจกรอบด้านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต้นไม้สูงและทิวเขาสวยงามด้านนอกยิ่งมองตัดสลับกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าสาดส่องผ่านเข้ามากระทบกับผ่าม่านที่กำลังพริวไหว พื้นกระเบื้องสีดำมันวาว โต๊ะอาหารหินอ่อนสุดหรูยาวกับเก้าอี้ราวยี่สิบที่นั่ง เชิงเทียนที่ถูกจัดวางสลับกับอาหารที่สาวใช้เรียงรายมาเสริฟอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเสียงฝีเท้าหนักก่าวเข้ามาในห้อง สาวใช้สี่คนก็รีบประจำที่ เสียงในห้องเงียบ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเหลือบตามองเจ้าของฝีเท้าคู่นั้น
แม่บ้านใหญ่ลั่นทม เดินไปรินน้ำในแก้วให้จำปูนก่อนจะมายืนอยู่ประจำตำแหน่ง
สักครู่ กาหลง เจ้าของใบหน้านิ่งเฉยชา ผมรวบตึง ผอมสูง ดูท่าทางหยิ่งทนงค์และเป็นที่เคารพหวั่นเกรงของทุกคน สาวใช้รีบมาขยับเก้าอี้เพื่อให้เธอนั่งโต๊ะ ก่อนจะดึงผ้าแนปกิ๊นวางไว้บนตัก
"ปิดม่าน"
เสียงคุณกาหลงสั่ง
"มาแล้วค่ะผกาชบา มาแล้วค่ะ"
เสียงใสแจ๋วของสาววัย17-18ดังขึ้น สองสาวฝาแฝด ผกา-ชบา เป็นลูกสาวของพยับหมอก น้องชายของเจ้าคุณปู่ถวัลย์ มีเเม่เป็นคุณครูฝรั่งที่เคยมาสอนภาษาให้ลูกหลานตระกูลดิเรกฤษ์ แต่พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เด็กสาวทั้งสองจึงมีผมสีอ่อนๆ เป็นเด็กลูกครึ่งจอมแก่นเลยก็ว่าได้ ทาท่ากระโตกกระตากทำให้กาหลงหันไปทำตาดุ เมื่อสองสาวเห็นก็เปลี่ยนสีหน้า ท่าทางเรียบร้อยขึ้นทันที "ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพี่จะมาทานด้วยวันนี้" ชบาเสียงเบา
"ปกติไม่เห็นจะมา"ผกาแทรก
"วันนี้อาซาเลียกลับมาบ้าน ฉันต้องมาดูให้เห็นกับตา ว่ายังไม่ตาย"
กาหลงนั่งกอดออก "หายไปสิบสี่ปี....กลับมาคิดจะชุปมือเปิดมันไม่ง่ายหรอก..."
"อย่าพูดแบบนั้นสิ กาหลง"
ดนัย หนุ่มร่างสูงวัย30มีศักดิ์เป็นญาติห่างๆ ตอบอย่างมั่นใจ เขาเขยิบเก้าอี้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง
"เธอคือทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล ถ้านับดีๆมีศักดิ์สูงกว่าเธอ"
"ที่สำคัญ...อาซาเลียมีแหวนประจำตระกูล" ชายหนุ่มเน้นย้ำ
--------
บทสนทนาหยุดเมื่อประตูห้องอาหารเปิดออก ลูกหลานราชนิกุลผู้ดีนั่งอยู่ในห้องอาหาร จับจ้องมองมาที่อัณณ์ดาเป็นสายตาเดียว
การรับประทานอาหารเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน อัณณ์ดามองไปรอบๆเห็นลูกพี่ลูกน้องบรรดาญาติมิตรของเธอมองเธอไม่วางตา ยกเว้นกาหลงที่ทานอาหารโดยไม่สนใจเธอสักนิด ใบหน้าเฉยชาของกาหลงทำใหอัณณ์ดาประหลาดใจ กาหลง เป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสวย ผมดำยาวขับใบหน้าให้ขาวผ่อง เธอดูสูงชั้น และการวางตัวก็ดูเหนือ...กว่าใครในบ้าน
ผกาชบา ฝาแฝดที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วได้ตลอดเวลา แม่จะอากัปกิริยาแก่แดดนิดๆ แต่ก็ยังดูไร้เดียงสาอยู่มาก
ชะเอม สาวอายุไล่เลี่ยกับอัณณ์ดา เธอส่วมชุดเดรสสั้นสีชมพู หน้าตาละอ่อน ดูสุภาพอ่อนหวาน ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้อัณณ์ดาเป็นครั้งคราว นัยน์ตาดูเศร้าซึม
"วันนี้เป็นโอกาสดีที่อาซาเลียแห่งดิเรกกฤษิ์จะกลับมาอยู่กับเรา แต่ทั้งนี่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย กระผมขอแหวนประจำตระกูลของคุณด้วยเพื่อเป็นเครื่องยืนยัน"
สิ้นเสียงของจำปูน อัณณ์ดาก็เอาแหวนประจำกูลยื่นให้
"ตอนที่ทนายมาติดต่ออัณณ์เรื่องพินัยกรรม บอกตรงๆว่าอัณณ์ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะคะ อัณณ์แค่อยากรู้จักว่าตัวเองเป็นใครแค่นั้นเอง พ่อของอัณณ์ แม่ของอัณณ์ ญาติพี่น้อง เรื่องเงินไม่ได้สำคัญกับอัณณ์ค่ะ"
"ตอนนี้ทรัพย์สินมรดกฉันเป็นผู้ดูแลทั้งหมด บริษัทิดิเรก คอปเปอร์เรชั่น มีฉันเป็นประธานร่วมกับอัคคินณ์ " กาหลงพูด "กล่าวได้ว่าตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในทรัพย์สินทั้งนั้น และแน่ใจได้ว่าเธออาจจะไม่ใช่หลานสาวของเจ้าคุณปู่ถวัยล์ด้วย"
"ฉันพร้อมที่จะตรวจดีเอ็นเอ"อัณณ์ดาพูด
"แน่นอนหลังพินัยกรรม และตอนนี้ฉันไม่นับว่าเป็นญาติฉัน "
สิ้นเสียงนั้นบทสนทนาก็เงียบอยู่ครู่ใหญ่ บรรยากาศเริ่มอึดอัด จากความไม่เป็นมิตรที่สัมผัสได้ของกาหลง
อัณณ์ดาก้มหน้านิ่ง
"ทำไมพี่เพลิงยังไม่มา...จวนจะค่ำแล้วด้วย"ชะเอมเอ่ยปากถามหา บุคคลสำคัญ อัคคินณ์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏตัว
" เออ คุณอาซาเลียอยู่ที่ไหนมาถึง14ปีครับ" ดนัยถาม
"เรียกอัณณ์ดาเถอะคะ"อัณณ์ดากระดากใจที่จะมีคนมาเรียกเธอด้วยชื่อที่ไม่คุ้นหู หญิงสาวบอก "อัณณ์ดา มาจากอันดามันค่ะ"
"คุณเรียนจบอะไรมาครับ"จำปูนถาม
"อัณณ์ดาเรียนเกษตรพัฒนา จบเอกประมงมาค่ะ"
"จริงเหรอครับ"ดนัยตกใจ "ไม่น่าเชื่อเลย รูปร่างหน้าตาแบบคุณอัณณ์จะเรียนประมง"
"แล้วอยู่ในเมืองเป็นยังไง เดินห้างทุกวันไหม"ชบาผกาเริ่มถามบ้าง
"ชบาอยากลองไปเที่ยวบาร์ดูสักครั้งจังเลย คุณเคยไปมายังอ่ะ"
"แก่แดด" เสียงดุดังขึ้นจากริมฝีปากบางๆ กาหลงมองค้อน "อย่าพูดแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีกนะ เป็นถึงลูกหลานตระกูลดิเรกกฤษิ์แต่กลับมีความคิด...."
"พี่กาหลงค่ะ เดี๋ยวชะเอมขออนุญาติไปตามพี่เพลิงนะคะ" ชะเอยเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งนิ่งมานาน
"ไม่ต้อง"กาหลงห้าม
"ถ้าพี่เพลิงไม่อยากทานก็ไม่เป็นไร ลั่นทมเตรียมอาหารไว้ที่ห้องพี่เพลิงด้วยนะ" กาหลงพูดจบก็มองมาที่อัณณ์ดา "สงสัยไม่อยากมาเจอหล่อนมั่ง"
.......
ความคิดเห็น