คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3 กลับมาอีกครั้ง
รถเบนซ์คันหรูวิ่งผ่านต้นไม้สูงใหญ่นับร้อยต้นครอบคลุมบริเวณจนแสงพระอาทิตย์เข้าไม่ถึง อัณณ์ดามองนาฬิกาบนจอโทรศัพท์บอกเวลาบ่ายสามแก่ๆ แต่ทุกอย่างกลับมืดมิดผิดแปลกจากเมื่อครู่จนเธอรู้สึกหวั่น เสียงลมดังลิ้วไปมา พัดเอาความเย็นมาปกคลุมยิ่งทำให้หัวใจของสาวน้อยเต้นแรง
รถเลี้ยวไปตามทางและเริ่มช้าลง เธอมองไปเบื้องหน้าเห็นประตูรั่วสูงใหญ่ค่อยๆเปิดออก รากไม้ใหญ่เกาะประตูรั่วดูแล้วคร่ำครึ อย่างกับประสาทร้างไม่มีผิด
เมื่อผ่านพ้นประตูรั่ว ก็พบกับคฤหาสน์หลังใหญ่ สีเทาเกือบดำ ข้างหน้ามีน้ำพุกับรูปปั้นเด็กตั้งตระหง่าน มันพิศวงแต่ก็ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน รอบบริเวณปกคลุมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด สมกับเป็นตระกูลที่ส่งออกยาสมุนไพรรายได้นับพันล้านแห่งดิเรกฤกดิ์
อัณณ์ดาใจเต้นแรง เมื่อรถดับสนิท ประตูก็ถูกเปิด ชายชราผายมือต้อนรับหญิงสาว
เธอกล่าวขอบคุณก่อนจะลงจากรถเบ้นซ์หรูพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัส
อัณณ์ดายิ้ม ส่งสัญญาณเป็นมิตรให้แก่สาวใช้สองคน พวกเธอสวมเสื้อเชิร์ตสีขาว กระโปรงสีกรมสุภาพ สวมเอี๊อมทับ รวมผมไว้ด้านหลังดูสะอาดสะอ้านทุกคน มีสาวใช้หนึ่งคนเดินมาหิ้วกระเป๋าหลังรถ พร้อมเสียงซุบซิบ "สวยจังเลย"
"ได้ยินว่ามาจากในเมือง"
เธอแอบมองอัณณ์ดาเพลินจนลืมตัว
อัณณ์ดาได้แต่หลบสายตาอย่างรู้สึกประหม่า
"สวัสดีค่ะคุณหนู"
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ปรากฏร่างหญิงชราจากเงามืด เธอผอม ตัวสูง ผมถูกรวบขึ้นอย่างมีระเบียบ ชุดยูนิฟอร์มแตกต่างจากสาวใช้คนอื่น นัยน์ตาสีเทาดูกร้านโลกหน่ำซ้ำยังดูหม่นหมองราวกับผ่านชีวิตมานานแสนนาน ใบหน้าไม่ค่อยเป็นมิตร ท่าทีก็ดูเย็นชาทำอัณณ์ดาหัวใจหล่นวาบ
สาวใช้ชรา ยืนนิ่งจ้องมองอัณณ์ดา ตาเขม็ง
"ยินดีต้อนรับ กลับมาอีกครั้งค่ะ"
เสียงเย็นๆดังแผ่วออกมาจากลำคอเหี่ยวย่น ปากซีดๆค่อยยิ้มมุมปากให้เธออย่างมีเลศนัย สาวใช้ชราพูดต่อ "ดิฉัน...ลั่นทม เป็นแม่บ้านของที่นี้"
อัณณ์ดามองสายตานั้นแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บ ใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาดุดัน คางแหลม มือเล็กเรียวที่ถือตะเกียงอยู่ มันช่างชวนขนลุกอะไรแบบนี้
"ตามดิฉันมาค่ะ คุณหนูอาซาเลีย.."
อัณณ์ดาเบิกตากว้างอย่างมองไปรอบๆดูบรรยากาศภายในคฤหาสน์ที่หรูหรา ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ถูกจัดวางไว้อย่างมีระเบียบ ไร้ซึ่งเศษฝุ่นผงสักตารางวาเดียว เธอเดินผ่านโคมไฟระย้าที่ส่องประกาบวิบวับ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไม้สักกว้าง เท้าเล็กของอัณณ์ดาก้าวเหยียบพรมสีแดงเลือดนกอย่างตื้นเต้น สายตาจังจองมองไปที่รูปวาดเก่าแก่แขวนอยู่บนผนังบอกถึงเรื่องราวของคฤหาสน์หลังนี้ที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน จากห้องสู่อีกห้อง ประตูหลายบานเปิดออกราวกับเขาวงกต แม้กว้างใหญ่แต่ก็ซับซ้อน ถ้าเธออยู่คนเดียวอาจจะหลงทางได้ง่ายๆ
สักครู่เดียวสาวใช้ก็พาอัณณ์ดามาถึงห้องโถงใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยหรู โซฟาใหญ่สีน้ำตาลเข้ม ดอกไม้จัดตกแต่งสวยงาม ข้างหน้ามีทีวีจอกว้าง บนผนังมีภาพถ่ายครอบครัววางเด่น พร้อมกับแอร์เครื่องใหญ่ที่ถูกเปิดอัตโนมัติเมื่อเธอก่าวผ่านประตูเช่นเดียวกับม่านสีทองสวยหรูค่อยๆเปิดออกทันทีราวกับมีเวทย์มนต์
"เราติดตั้งระบบไฟอัตโนมัติ มันถูกใช้งานภายใน5นาทีที่เราเปิดประตู"
เสียงแจ่วดูขี้เล่น ดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มวัยประมาณ30 เขาสวมชุดสีดำ กางเกงยีนส์เข้ม ยืนมองหญิงสาวตาค้างเมื่อพบว่าเธอหน้าตาคล้ายเจ้าคุณปู่ถวัลย์
"คุณหนูอาซาเลีย แห่งดิเรกกฤษิ์ตัวจริงเสียจริง"
แม้ว่าอาซาเลียจะเป็นชื่อที่เธอไม่คุ้นเท่าใดนัก แต่ในขั้วหัวใจลึกๆก็รู้สึกผูกพันธ์กับผู้หญิงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก คฤหาสน์หลังนี้ บรรยากาศที่ชวนพิศวง มันกำลังบอกอะไรเธอ หัวใจของอัณณ์ดาเต้นแรงขึ้นจนแทบจะทะลุออกมา
อะไรบางอย่างบอกให้เธอกลับมา ....
กลับมาเพื่อ...ปลดแอกบางอย่างจากคฤหาสน์แห่งนี้
"คุณคือ..."
"ผมชื่อจำปูนครับ เป็นพ่อบ้านที่นี้ ดูแลทุกอย่างตั้งแต่งานในไร่ ยันงานที่บ้านดิเรกกฤษิ์ครับผม จริงๆก็เป็นญาติห่างๆของคุณนั้นแหละครับ คุณอาซาเลีย"
"อาซาเลียคือ..."
"ชื่อของคุณครับ ตอนเด็กๆที่คุณยังอยู่ที่นี้"ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ "หลังจากเจ้าคุณปู่ถวัยล์เสีย เราก็ต้องตามหาทายาททางสายเลือดให้ครบ เพื่อเปิดพินัยกรรม"
"แล้ว....ทายาทของดิเรกกฤษิ์...มีใครบ้างที่ยังอยู่ค่ะ"
"หลักๆก็มีคุณหนูอาซาเลียเป็นทายาทอันดับหนึ่ง แล้วก็คุณอัคคินณ์"
"สองคนเหรอค่ะ"
"ครับ ที่เหลืออยู่ตอนนี้"
"คุณทำอะไรเกตุกนก!"
"ก็ส่งนังเด็กนรกนั้นกลับบ้านมันยังไงค่ะ!"
เสียงปรี๊ดดังสวนกลับมาทันที ร่างอวบอิ่บเดินมาชิดหนุ่มใหญ่ ทวีภพผลักเธอออกอย่างไม่ยี่ระ เขากัดฟันกรอดหัวใจร้อนลน เลือดในตัวพุ่งกระชูดด้วยความโมโห มือหนาบีบแขนเล็กๆของเกตุกนกด้วยสีหน้าที่เอาเรื่อง
"คุณรู้ไหมว่าอัณณ์ดาจะไม่ปลอดภัย คนตระกูลดิเรกฤกษิ์จ้องจะทำร้ายเธอ"
"หมายความไงคะ ...จ้องจะทำร้าย"
เกตุกนกสวนกลับมา
"คุณกำลังส่งเนื้อไปให้เสือขย้ำเล่น อัณณ์ดาเป็นเพียงทายาทคนเดียวของตระกูลดิเรกฤกษ์ที่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมด คนพวกนั้นจะต้องหาทางกำจัดอัณณ์ดา"
เสียงเข้มของทวีภพทำให้เกตุกนกหูผึ่ง ในใจก็ยิ้มเยาะ สมใจของเธอยิ่งนัก
"ทำไม! คุณคิดจะเก็บตัวอัณณ์ดาไว้กินคนเดียวเหรอค่ะ ห๊ะ ทายาทอะไร ฉันไม่สนทั้งนั้น!!!"
"ยังไงผมก็ต้องส่งตัวอัณณ์ดาคืนอยู่แล้ว แต่ต้องรอเธออายุครบ25ปีก่อน สิทธิ์ทั้งหมดจึงจะถูกต้องตามพินัยกรรม ตอนนี้เธออายุ24ปี! นั้นเท่ากับว่าคุณส่งเธอไปตาย ตระกูลนั้นไม่มีทางให้เธอมาชุปมือเปิดไปง่ายๆหรอก"
"คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง..."เสียงเล็กแหลกถามขึ้นอย่างสงสัย
"แม่อัณณ์ดาบอกผมก่อนที่จะเสีย เขาฝากเธอไว้กับผมก่อนตาย คุณเข้าใจมั๊ย?"
ทวีภพหมดแรง ทิ้งตัวลงบนพื้น ภาพเหตุการณ์ในอตีดแล่นขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง เสียงรถชนดังโครมในคืนฝนตก เมื่อเขาลงไปก็พบร่างสองแม่ลูกนอนอยู่ ทวีภพเป็นแพทย์ที่เก่งมาก แต่ขับรถชนคนเพราะเมาสุรา เสียงของหญิงสาวที่ฝากฝั่งลูกไว้ยังดังก้องหู แหวนประจำตระกูลของอัณณ์ดาที่ทวีภพแอบเก็บมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนมีดที่จี้ใจเขามาเป็นสิบปี ไม่มีใครรู้ว่านายแพทย์ทวีภพขับรถชนคนตาย มีเพียงแม่ของอัณณ์ดา ที่ฝากอัณณ์ดาไว้ การดูแลอัณณ์ดาเป็นเหมือนกับการกระทำเผื่อทดแทนคำขอโทษของเขาในคืนนั้น เขากุมความลับนี้ไว้มานาน
จากความรู้สึกผิดก็เป็นความสงสาร
จากความสงสารก็ค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นความรัก
รักเกินกว่าอะไรทั้งหมด.....
ทวีภพรีบกดโทรศัพท์หาอัณณ์ดาแต่ยังไม่ทันได้กดโทรออกมือเล็กก็กระชากโทรศัพท์นั้นไป
"โอเคค่ะ ถ้าคุณเป็นห่วงมันมาก งั้นสิ้นเดือนนี้เราไปเยี่ยมมัน ฉันแน่ใจ ว่านังเด็กนรกนั้นต้องอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน มันรวยกว่าฉัน รวยกว่าคุณ และตระกูลผีสิงห์นั้นก็คือครอบครัวของมัน ส่วนเราไม่ใช่ เราแค่รับเลี้ยงมัน! คุณเข้าใจไหม "
เกตุกนก มองหน้าสามีของตัวเอง เธอพูดเน้นย้ำเสียงดัง "เข้าใจไหมค่ะ"
ความคิดเห็น