คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สงครามปักษา ชนวนเเห่งรัก
ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีทองของดวงสุริยาสาดส่องผ่องอำไพ...เป็นวันใหม่ที่แสนอบอุ่น บรรยากาศยามเช้าตรู่สะกิดให้แพรวาตื่นนอนจากที่บรรทม ดุจมีบางสิ่งมาดลใจ
ให้ก้าวออกมาจากปราสาทสีทองเพียงลำพัง เธอก้าวเท้าอย่างช้าๆ สัมผัสไอหมอกยามเช้าอย่างสดชื่น ผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์บินว่อนอวดสีสันอยู่เหนือแปลงดอกไม้สีสวย
บ้างดูดน้ำหวานจากดอกไม้ บ้างจับคู่เกี้ยวพาราศีกัน เป็นภาพที่มีความสุขยิ่งนัก
แพรวาเดินตรงไปเรื่อยๆจนใกล้บริเวณน้ำตก พลันก็ได้ยินเสียงปักษาส่งเสียงสำเนียงขัน
เป็นบทเพลงแห่งธรรมชาติที่ขับกล่อมประสานกันได้อย่างลงตัวกับเสียงของน้ำตกในสวนที่ไหลกระทบเป็นชั้นๆกับแนวโขดหินที่งดงาม... แพรวาเดินยิ้มแย้มมาจนถึงสวนน้ำตกและแล้วก็ต้องตะลึงงันแทบไม่เชื่อสายตาของตนเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าเธอรีบหลบซ่อนตัวหลังพุ่มไม้สีเขียวขนาดย่อม ภาพที่เธอเห็นมันช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ฝูงกินรีนับสิบตนกำลังสาละวนกับการเล่นน้ำในน้ำตกพวกหล่อนถอดปีกหางไว้ บนแท่นหินแล้วอาบน้ำอย่างสบายอกสบายใจโดยมิรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอย่าง ชื่นชม ผิวพรรณของพวกนางดูนวลเนียน ไร้รอยข้อต่อ ดูเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด บ้างผิวขาวอมชมพู บ้างผิวสีทอง สีขมิ้น สีขาวคละกันไป ใบหน้างดงามได้รูปดูอิ่มเอิบผุดผ่องทรวดทรงของพวกนางดุจภาพวาดในวรรณคดี ชวนต้องตาสัตบุรุษ.....
ขณะที่แพรวากำลังเพลิดเพลินกับภาพงดงามเหล่านั้นพลันก็มีเสียงลมพายุพัดมาอย่างรุนแรง ทิวไม้ต่างสั่นไหวลู่ไปตามแรงลมดูโกลาหลยิ่งนัก บรรดานางกินรีต่างตกใจรีบใส่ปีกใส่หาง รีบบินหนีเสียงลมพายุที่พัดกระหึ่มอย่างกับรู้ว่าเป็นเสียงของสิ่งใด
กินรีบางนางรีบจนหกล้มวุ่นวายไปหมด ชั่วครู่เสียงพายุนั้นก็สงบเงียบลง ในบริเวณน้ำตกสงบเงียบไร้สิ่งมีชีวิต แพรวาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็มิได้หลบหนีไปแต่อย่างใด เธอยังคงเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อไปอย่างประหลาดใจ
ในอึดใจเดียวก็บังเกิดเสียงฝีเท้าที่ดูหนักแน่น อาจหาญ ดังอยู่บริเวณธารน้ำตก
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเธอคือบุรุษร่างกายกำยำ ดูอาจหาญชาญณรงค์ ในมือถือเครื่องดนตรีประเภทดีดชิ้นหนึ่ง เดินไปมาในสวนน้ำตกอย่างสบายอารมณ์
“ท่านพ่อเคยบอกว่าผู้ที่มีลักษณะเช่นนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนธรรพ์...”
แพรวาคิดใคร่ครวญอยู่ภายในใจ เธอค่อยๆขยับกายจากความเมื่อยล้าเพราะนั่งอยู่นานพอสมควรในสมองก็คิดหาวิธีหนีออกไปจากบริเวณสวนน้ำตกแห่งนี้ หากอยู่ต่อ
คนธรรพ์พบนางอาจไม่พอใจ ทำอันตรายแก่นางเอาได้ แพรวาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ
สายตาก็จับจ้องไปยังบุรุษที่อยู่ข้างหน้าอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด
แต่ทันใด!แพรวาก็ต้องกรีดเสียงร้องออกมาเพราะอสรพิษที่อยู่ตรงหน้า เธอผงะล้มลงแล้วถอยหลังกรูดด้วยความกลัว งูเห่าขนาดใหญ่ส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ชูชันลำตัวแผ่แม่เบี้ย
ดูน่ากลัวยิ่ง เธอพยายามควบคุมสติแล้วค่อยๆถอยตัวหนีออกไปแต่ก็ไม่เป็นผลอสรพิษร้ายก็ขยับตามหมายปลิดชีวิตให้ได้....
“เจ้าจะได้ปล่อยพิษของเจ้าในชาติหน้า!” เสียงบุรุษ ปรากฏกายขึ้นมากล่าวอย่างเกรี้ยวกราดแล้วใช้กริชในมือตัดฉับไปที่ลำตัวที่ชูชันของพญาอสรพิษจนขาดกระเด็นไปกองกับพื้น เลือดสีแดงสดกระจัดกระจายกองเป็นหย่อมๆ
แพรวาไม่ได้ดีใจกับการช่วยเหลือของบุรุษผู้นี้เลย พอได้จังหวะเธอจึงรีบลุกขึ้นหมายจะวิ่งหนีไป แต่ไม่ทันเสียแล้วชายลึกลับก็คว้าข้อมือเธอไว้ สายตาของเขาที่มองเธอดูมีเลศนัยบางอย่างจนทำให้แพรวารู้สึกกลัวพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ชายผู้นั้นก็ออกแรงบีบข้อมือเธอแรงขึ้นพร้อมกับพูดอย่างมีอำนาจ
“เจ้าจะไม่ขอบใจเราสักคำหรือแม่สาวน้อย?”
แพรวาเกิดอาการเย็นระเยือกจับที่ขั้วหัวใจ เธอไม่กล้าแม้แต่สบตาบุรุษ ที่อยู่ตรงหน้า
“ฮะฮะๆๆ อย่าได้กลัวไปเลยข้าไม่ทำให้เจ้าเจ็บหรอก แต่ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขไปพร้อมๆกับข้า” ชายลึกลับพูดอย่างมีเลศนัยแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆกับใบหน้าอันอ่อนโยนของแพรวา ทำให้เธอรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
“นึกว่าใคร! ฮะๆๆ เจ้านั่นเอง วายุเพชร เจ้าแห่งปักษาธาตุลม ออกมาเที่ยวอย่างกับเราละสิ แต่เสียดายข้าโชคดีที่พบนางก่อน” ชายลึกลับกล่าวด้วยท่าทีเย้ยหยันดังรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับผู้มาใหม่
“เจ้าอย่าทำอย่างนี้ ดีกว่า ไอศูรย์ นางมิได้เต็มใจจะไปกับเจ้า” ชายหนุ่มผู้มาใหม่กล่าวอย่างนุ่มนวล ดูมีเสน่ห์ แพรวาชะเง้อมองเจ้าของเสียงอันนุ่มนวลนั้น แล้วชื่นชมลึกๆอยู่ภายในใจ “ชายผู้นี้ช่างรูปงามเหลือเกิน ท่าทางดูมีอำนาจน่าเกรงขามแต่แฝงไปด้วยความสุขุมนุ่มนวล ทำไมเราต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ เพ้อฝันใหญ่แล้ว
” แพรวารีบหยุดความรู้สึกของตนก่อนที่มันจะเลยเถิดมากเกินไปไปกว่านั้น แล้วหันมาสนใจเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
“แล้วเจ้าจะบอกว่า นางเต็มใจจะไปกับเจ้าอย่างนั้นหรือ.....วายุเพชร ฮะฮะๆๆ”
น้ำเสียงของไอศูรย์กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน แก่โสตประสาทของวายุเพชรเป็นยิ่งนัก
แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้เพื่อไม่ให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“ งั้น ข้าจะไถ่ตัวนางจากเจ้าได้อย่างไร....ไอศูรย์”
“เจ้าคิดว่าจะไถ่ตัวนางได้ง่ายๆงั้นหรือ... ไม่มีทางหรอก ข้าเสียใจด้วย ฮะๆๆๆ”
แพรวาอยู่ท่ามกลางสงครามคารมที่ดูจะเข้มข้นขึ้น ภายในดวงจิตก็สับสน ว่าจะเชื่อใครดี
และแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะเชื่อชายหนุ่มผู้มาใหม่ เพราะมีท่าทางน่าไว้วางใจกว่าคนธรรพ์เป็นแน่ พอได้จังหวะที่ไอศูรย์เผลอนางจึงสลัดข้อมืออย่างแรงเพื่อให้หลุดจากการจับตัวของคนธรรพ์ แล้ววิ่งตรงไปหาชายหนุ่มที่นามว่า วายุเพชร
“ช่วยข้าด้วยเถอะท่าน ข้าไม่อยากไปกับคนธรรพ์นั่น” แพรวาเอ่ยพร้อมกับสาดสายตาไปยังดวงตาอันอ่อนนุ่ม ของวายุเพชรอย่างอ้อนวอน เขาสบตาเธอด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย ใบหน้างามแฉล้มและอ่อนโยนทำให้วายุเพชร ตกอยู่
ในภวังค์แห่งความฝันอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่นไปชั่วขณะ ก่อนที่ความรู้สึกของเขาจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น เสียงของคนธรรพ์ก็ดังขึ้นอย่างคับแค้นใจ ทำให้วายุเพชรกลับมารู้สึกตัวเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“วายุเพชร! ส่งนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นผู้พบนางก่อน นางต้องเป็นของข้า”
“ข้าขอให้เจ้าปล่อยนางไป นางมิใช่คนธรรพ์อย่างเจ้า”
วายุเพชรกล่าวอย่างใจเย็นเป็นที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดอารมณ์บาดหมางขึ้น แต่ทันใดที่วายุเพชรพูดจบ ไอศูรย์นัยน์ตาแดงก่ำดุจเปลวไฟ ประนมมือร่ายมนต์อย่างองอาจ
ลมพายุขนาดมหาศาลพัดแรงจนน้ำในธารน้ำตกกระเซ็นสาดโหมกระหน่ำดังคลื่นมหาสมุทร วายุเพชรมิรอช้าผลักแพรวาหลบออกไปจากกระแสน้ำที่กำลังม้วนตัวเป็นเกลียวขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งตัวมาทางตน หลังจากผลักแพรวาออกไปแล้ววายุเพชรใช้ความว่องไวหลบกระแสน้ำจนตัวล้มลงกับพื้นปลอดภัยอย่างหวุดหวิด
ไอศูรย์ยิ่งบันดาลโทสะอย่างแรงกล้าที่วายุเพชรหลบได้ บันดาลเกลียวน้ำขึ้นมาอีกระลอกซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า พุ่งตรงไปยังร่างของวายุเพชรซึ่งผงาดรออยู่แล้ว
“ในเมื่อเจ้าประกาศสงครามกับเรา เราก็ขอกำจัดเจ้าให้สิ้นซากเช่นกัน”
วายุเพชรกล่าวอย่างเดือดดาลแล้วเหยียดแขนใช้ฝ่ามือตั้งรับเกลียวคลื่นมหึมา ลำแสงสีฟ้าปรากฏสว่างจ้าบริเวณฝ่ามือ ทันทีที่กระแสน้ำพุ่งตรงมาปะทะกับลำแสงสีฟ้าของวายุเพชร กระแสน้ำแตกกระจัดกระจายกลายเป็นละออง ไอศูรย์เห็นดังนั้นจึงใช้มีดขนาดสั้นที่พกอยู่บริเวณสะโพก กรีดข้อมือของตนเลือดสีแดงก่ำหยดลงบนพื้นปฐพี พลางปากก็ท่องมนต์พึมพำฟังไม่เป็นภาษา......
แพรวาถอยกรูด หลบไปให้ไกลจากบริเวณที่กำลังเกิดสงครามของชายทั้งสองคน ครั้นจะวิ่งหนีไป
ในใจ ก็ยังเป็นห่วงวายุเพชรอย่างบอกไม่ถูก
ไอศูรย์ยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยบางอย่าง ทันใดก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น พื้นแผ่นปฐพีสะเทือนเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหวแตกแยกออกจากกันดังกับโลกทั้งใบจะพังพินาศลงไปให้ได้
วายุเพชรคอยจับตาดูเหตุที่เกิดอย่างระมัดระวังตัว และแล้วบางสิ่งบางอย่างที่มีชีวิตก็เคลื่อนไหวตัวออกมาจากรอยแยกของแผ่นดิน มันแผดเสียงร้องกึกก้องราวกับหงุดหงิด
ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับนอนเป็นเวลายาวนาน อสูรลึกลับรูปร่างใหญ่โตกายท่อนล่างเป็นงูเกล็ดสีดำครึ่งบนเป็นอิสตรี นัยน์ตาแดงก่ำดุจอัญมณีจาก มหาอเวจีนรก
มันค่อยๆหันร่างไปทางไอศูรย์ผู้ปลุกมันขึ้นมา
“จินดานาคีแห่งข้า เจ้าจงฆ่าพวกมันให้หมดซะ แล้วข้าจะให้รางวัลกับเจ้า”
“โอ๊ะโอ๊ะโอ๋...ทูนหัวของข้าบอกข้ามาก่อนซี่ ว่าท่านจะให้อะไรกับข้า อิ๊อิ๊”
“ข้าจะยอมนอนกับเจ้า!” ไอศูรย์พูดแล้วยิ้มกริ่มเป็นการเชิญชวน
“อุ๊ยๆๆเขินจังท่านหนะ...ด๊าย...ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมดทุกคนท่านอย่าได้กังวลเลย” นางอสูรเริ่มมีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดขึ้นแล้วหันร่างมายังแพรวาและวายุเพชร
ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งมายังเขาทั้งคู่ “ตายซะๆๆ”เสียงของนางอสูรก้องกังวานดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนางดังไปทั่วจนถึงพระนคร พระเจ้าวายันกษัตริย์ และข้าราชบริพารได้ยินเสียงของอสูรดังกึกก้องมาจากสวนน้ำตกจึงสั่งให้จัดกองทัพ แล้วยกไปยังสวนน้ำตกโดยมีวายุตาและขิมฟ้าติดตามไปด้วยเพราะคิดว่าแพรวาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
ด้านวายุเพชรและแพรวาซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับอสูรร้าย ต่างคนต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกันดังกับกลายเป็นคู่รักกันไปเสียแล้ว
“แพรวา.... เจ้าหลบไปหาที่ซ่อนกายให้มิดชิด...เร็วเข้า”วายุเพชรเอ่ยอย่างแผ่วเบาราวกับกระซิบแฝงไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่อแพรวา
“แต่ว่า....”
“ไม่มีแต่ เร็วเข้าไม่ต้องห่วงข้า” วายุเพชรกำชับหนักขึ้นจนแพรวาต้องจำใจค่อยๆลุกจากที่ซ่อนเดิมออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เจ้าจะหนีไปไหนนางมนุษย์”นางอสูรตวาดลั่น แพรวาชะงักกึกแล้วรวบรวมสติเข้าไปหลบหลังก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากพื้นที่เกิดสงครามไม่ไกลนัก
อสูรสาวจ้องไปยังที่หลบซ่อนของแพรวา ทันใดดวงเพลิงร้อนแรงก็พุ่งตรงไปปะทะกับก้อนหิน แพรวาปลอดภัยอย่างฉิวเฉียดมีเพียงไอร้อนเท่านั้นที่ต้องผิวกาย
“อิ๊ๆๆๆๆๆ พวกแกไม่รอดแน่”นางหัวเราะเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหู
“มาลองกันซักตั้งเถอะนางปีศาจ” แววตาของวายุเพชรจ้องเขม็งอย่างแน่วแน่ไม่มีอาการหวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกันกองทัพของพระเจ้าก็มาถึงที่เกิดเหตุ วายุตาและขิมฟ้าตะโกนเรียก
แพรวาเสียงดังระนาว แต่ไม่มีเสียงใดๆของแพรวาตอบรับ ทว่าเธอสลบไปเสียแล้ว
“พวกมนุษย์นี่ช่างวุ่นวายจริง”วายุเพชรบ่นอย่างหน่ายๆแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง
ไม่นานคนทั้งกองทัพก็สลบไศลดังกับไร้ชีวิต
“จินดานาคี หุบปากซะ! รีบๆส่งมัน ไปลงนรกได้แล้วเร็วเข้า”ไอศูรย์ตะโกนอย่างรำคาญใจเมื่อเห็นอสูรสาวมัวแต่ยักท่า
“แหม! ทูนหัวของน้อง... ใจร้อนจังนะเพคะ”
นางอสูรนัยน์ตาแดงก่ำขึ้นเป็นทวีคูณ นางบันดาลให้ตนร่างสูงใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว
แขนอันแสนสกปรกสีเขียวปนดำ กำลังงอกออกมาอีกสองข้างเป็นสี่ข้าง มันค่อยๆเคลื่อนกายขึ้นมาจากผืนดินเลื้อยเลาะมาหยุดตรงหน้าของวายุเพชรอย่างอาจอง ชายหนุ่มถอยหลังออกไปเพื่อตั้งตัวและพินิจดูท่าทีของนางเล็กน้อย
“เจ้านี่ช่างอัปลักษณ์ยิ่งนักนะ จินดานาคี”วายุเพชรกล่าวออกมาเพื่อทำให้นางหวั่นไหว
แต่ตรงกันข้ามนางอสูรกลับเดือดดาล กริ้วโกรธต่อคำดูถูกของวายุเพชร นางตวัดหางของตนด้วยความเร็ว ตวัดรวบรัดร่างของวายุเพชรโดยไม่ทันระวัง
แล้วชูหางขึ้นสูงเท่าระดับใบหน้าของนาง นางอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมดุจใบมีดโกน แล้วครางขู่วายุเพชรหมายปลิดชีพ ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อกำลังรู้สึกอึดอัดจากแรงรัดของนางอสูรเขาพยายามดิ้นรน แต่ไม่เป็นผลเลยกลับทำให้นางอสูรหัวเราะอย่างสะใจ นางบีบรัดแรงขึ้นอีกจนวายุเพชรรู้สึกว่าหากไม่หลุดออกไปตอนนี้ ตนต้องตายเป็นแน่แท้ เสียงของไอศูรย์หัวเราะแทรกขึ้นมาอย่างชอบใจจากอีกฝั่งของแผ่นดินที่แยกออกเขาคิดว่าตนเองกำลังมีชัย
“เจ้าทำได้แค่นี้หรอ..นางอสูร”วายุเพชรยิ้มหยันแล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่มีอำนาจไม่ทิ้งความคมเข้ม กำลังวังชาของวายุเพชรเกิดขึ้นในกายอย่างเข้มแข็ง ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินใส กายของเขาขยายใหญ่โตขึ้นจนนางอสูรรู้สึกเจ็บแปลบผิวหนัง นางออกแรงบีบรัดหนักขึ้นอีกแต่ยิ่งทำให้ตนเองเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น วายุเพชรใช้มือทั้งสองข้างกางนิ้วออกกรงเล็บอันแหลมคมดุจหอกดาบค่อยๆงอกออกมาแทนที่เล็บเดิม เขากดจิกเล็บไปที่ลำตัวของนางอสูร บาดแผลทำให้นางอสูรกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เลือดสีดำทะลักไหลพุ่งออกมาเป็นทาง วงบีบรัดค่อยๆคลายตัวออกจนทำให้วายุเพชรรู้สึกโล่งขึ้น เขาฝังกรงเล็บเข้าไปอีกครั้ง จนนางอสูรเหลือที่จะอดทนนางรวบรวมพละกำลังมหาศาล ตวัดหางอย่างรุนแรงเพื่อสลัดวายุเพชรให้หลุดจากกาย ซึ่งก็เป็นผล
สายฟ้าฟาดลงมากลางตัวของวายุเพชร เสียงตะโกนกึกก้องอย่างมีอำนาจดังจนแผ่นดินสะเทือน ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ลมพายุรุนแรงเกิดจากการขยับปีกของวายุเพชร นางอสูรรู้สึกถึงอำนาจอันทรงฤทธิ์ของเขา นางรู้สึกขนลุกซู่ราวกับน้ำแข็งหล่นทับกลางดวงใจ วายุเพชรกระพือปีกอันมโหฬาร มุ่งตรงมายังนางอสูรสาว ด้วยความเร็วเหนือเสียง ดวงตาสีน้ำเงินของเขาเล็งเป้าหมายของศัตรูอย่างแน่วแน่ กรงเล็บเท้าคู่ใหญ่ดุจพญาครุฑ เตรียมกางตะครุบเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า นางอสูรหาได้เข้าใจประสงค์ของวายุเพชร นางชูชันขึ้นหมายฉกกัดด้วยฟันอันแหลมคมเมื่อวายุเพชรบินมาถึง นางครางขู่ฟ่อๆดังพญานาคาเตรียมพ่นพิษให้ศัตรูถึงแก่ความพินาศย่อยยับดับสูญ
เพียงเสี้ยววินาทีวายุเพชรก็เข้าปะทะกับนางอสูร ปีกคู่ใหญ่พัดกระพือหอบเอาลมพายุขนาดมหาศาลพัดฟาดกระแทกใบหน้าของนางอสูรจนเสียหลักซัดเซไป พอได้จังหวะกรงเล็บพิฆาตของวายุเพชรก็ตะครุบกรีดแผ่นหลังของนางอสูรจนเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดสีดำไหลพุ่งทะลักออกมา ชิ้นเนื้อบางส่วนหลุดติดกรงเล็บของวายุเพชรไป เขาโผบินขึ้นไปบนอากาศเสียงดังหวืดแทรกไปบนชั้นบรรยากาศ เสียงกรีดร้องเล็กแหลมของนางอสูรดังแหวกอากาศสนั่นหวั่นไหวแทบขาดใจตาย วายุเพชรโผบินลงมาอีกครั้งด้วยความเร็วหมายปลิดชีวิตนางให้จงได้
นางอสูรน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดระคนกับความแค้นที่ลุกโชนจนถึงขีดสุด นางเนรมิตตนเป็นนางนาคีเต็มตัว บนเศียรของนางประกอบไปด้วยเขาที่แหลมคมดุจกริชดวงตาสีแดงเพลิงกำลังลุกโชนเพ่งมองร่างที่กำลังพุ่งตรงลงมาจากอากาศ นางอสูรอ้า
ปากว้างจนสามารถกลืนกินพญาช้างทั้งตัวได้อย่างสบายๆ คมเขี้ยวคมขนาดเท่างาช้าง
ส่องประกายดุจเพชรเจียระไน เสียงลมพายุดังแทรกมาในอากาศของวายุเพชรทำให้นางระวังตัวยิ่งขึ้น แผงคอของนางแผ่กว้างต้านลมพายุตั้งท่าคอยแก้แค้น ผู้บังอาจทำนาง
เป็นโอกาสเดียวของนางอสูรที่จะขย้ำศัตรูให้พินาศ นางอ้าปากกว้างอีกครั้งพุ่งฉกกัดศัตรูผู้เสียหลักอยู่เบื้องล่างอย่างแน่วแน่ วายุเพชรกระพือพัดปีกคู่ใหญ่เร็วยิ่งขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงคมเขี้ยวแห่งอสรพิษที่จวนจะถึงตัวในไม่ช้านี้
ไม่เป็นท่า ในที่สุดคมเขี้ยวของนางอสูรก็ปะทะกับต้นแขนของวายุเพชรอย่างจัง
เลือดสีแดงสดไหลรินออกมา “อ้า..เจ้าปีศาจ”วายุเพชรตะโกนขึ้น บาดแผลทำให้เขาเจ็บแปลบเหมือนถูกฟ้าฟาด นางอสูรเห็นทีสบโอกาสหมายจะฉกกัดอีกครั้ง นางพุ่งตัวลงมายังวายุเพชรที่นอนเสียหลักอยู่ตรงพื้นอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่หัวของนางอสรพิษพุ่งต่ำลงมา วายุเพชรซึ่งนอนเสียหลักอยู่พยายามใช้เท้ายันเศียรของนางอสูรพร้อมกับกางกรงเล็บตะครุบจิกอย่างรุนแรงลงไปบนเศียรของนาง นางอสูรหาได้ท้อถอยออกแรงมหาศาลพุ่งกัดศัตรูอย่างท้าทาย เช่นเดียวกับวายุเพชรซึ่งออกแรงจิกฝังเล็บลงไปในเนื้อของนาง นางกรีดร้องลั่นเมื่อเล็บของพญาปักษาเสียบฉึกเข้าที่ดวงตาของนาง เลือดสีดำพุ่งกระฉูดอีกครั้ง วายุเพชรเห็นโอกาสเหมาะเขาใช้มือตบตะปบไปบนหน้าของนางอย่างเต็มกำลัง
ความคมของกรงเล็บทำให้ใบหน้านาคีเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะเละเฟะ
“กรี๊ดดดดดดด” นางถอยตัวออกจากวายุเพชรซัดเซออกไป วายุเพชรโผบินทะยานขึ้นอีกครั้งแต่เขาบินไม่ถนัดนักเนื่องจากพิษบาดแผลที่แขน เสียงกรีดร้องของนางอสูรดังไม่สิ้นสุด ท้องฟ้าแปรปรวนวิปริตรลมพายุพัดกระส่ำกระสาย นางอสูรหันกลับมาจ้องหน้าวายุเพชรซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอีกครั้ง
“คราวนี้แกต้องตาย” นางอสูรตวาดลั่น วายุเพชรคอยดูท่าทีของนางอย่างระมัดระวังแล้วใคร่ครวญถึงอำนาจของนางที่คงได้มาจากผลแห่งการบำเพ็ญเพียร มาเป็นเวลายาวนาน ดวงตาสีน้ำเงินของเขาจ้องอสูรสาวอย่างไม่กระพริบ และแล้วนางนาคีก็อ้าปากกว้างอีกครั้งใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่ไหลอาบไปทั่วสรรพางค์กาย
วายุเพชรรู้สึกถึงไอร้อนแห่งเพลิงกัลป์ที่กำลังพ่นออกมาจากปากของนาง เขาบินสูงขึ้นเพื่อตั้งหลัก แต่ทว่าเปลวไฟก็สูงขึ้นจวนถึงตัวเขาเต็มที
นางอสูรพ่นไฟเป็นเปลวเพลิงหมายจะเผาวายุเพชรไม่ให้เหลือแม้ผงกระดูก นางชูคอสูงขึ้นตามวายุเพชร บัดนี้วายุเพชรรู้สึกว่าเหงื่อของตนไหลอาบไปทั่วกาย เขารู้สึกเพลียและเหนื่อยอ่อนจากไอร้อนของไฟ ก่อนที่เปลวเพลิงจะถึงตัว วายุเพชรรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายกระพือปีกก่อเป็นลมพายุที่มีกำลังรุนแรง พัดออกไปปะทะกับเปลวเพลิงของนางอสูร ที่กำลังย่างกรายเข้ามา
ลมพายุที่รุนแรงหอบเปลวเพลิงทั้งหมดย้อนกลับไปทางต้นเพลิง แผ่นดินสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง นางอสูรตกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเปลวเพลิงของตนกำลังจะพุ่งตรงมาปะทะกาย นางพยายามหลบ แต่อนิจจามิทันเสียแล้วไฟลุกไหม้กายของนาง เสียงกรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดสุดแสนจะทรมาน เนื้อหนังค่อยๆเปื่อยและหลุดออกอย่างช้าๆจนเห็นกระดูกสีขาวที่อยู่ภายใน
นางอสูรสลัดกายให้พ้นจากไฟอย่างรุนแรงแต่ไม่เป็นผล มันลุกไหม้จนนางเหลือเพียงกระดูก “กรี๊ดดดดดด” เสียงสุดท้ายของนางดังขึ้นและจะไม่มีวันดังอีกต่อไป
ชั่วนิจนิรันดร์
“ไฟกรดหรือนี่” วายุเพชรเอ่ยแล้วหมดสติไป บรรยากาศเริ่มแปรเปลี่ยนกลับสู่สภาพเดิม ท้องฟ้าสดใสตามเดิม ไอศูรย์พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเขาหลบหนีไปพร้อมๆกับการตายของจินดานาคี ทุกอย่างเป็นปกติไม่มีร่องรอยใดๆเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
แพรวาเริ่มรู้สึกตัวขึ้น เธอขยับตัวด้วยความเหนื่อยอ่อน กองทัพของพระเจ้าวายันยังหลับใหลไม่ได้สติเนื่องจากมนต์สะกดของวายุเพชร
แพรวา ยันตัวเองให้ยืนขึ้นจากพื้นดินด้วยความเหนื่อยอ่อน ความคิดแรกในจิตสำนึกคือ
ชายหนุ่มคมเข้มนัยน์ตาอ่อนโยน นางเดินตามหาเขาไปทั่วด้วยจิตใจที่ร้อนรนระคนเป็นห่วง และแล้วสายตาของนางก็กวาดไปพบร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไกลพอสมควร แพรวาทั้งเดินทั้งวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังร่างนั้นซึ่งนางมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาคือวายุเพชรที่ตนมีความรู้สึกดีๆมอบให้ และแล้วก็ไม่ผิดคาดร่างนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ บริเวณแขนมีแผลใหญ่พอสมควร เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย แพรวาน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับเขย่าร่างของชายหนุ่มที่ไม่ได้สติ
ที่ปะปนอยู่บริเวณแผลของวายุเพชร เธอใช้ผ้าที่ฉีกออกมาค่อยๆพันรอบแผลอย่างเบามือที่สุด แต่ทว่าวายุเพชรกลับรู้สึกตัวขึ้นมา เขาแอบมองการกระทำของนางทุกอย่าง
แล้วอมยิ้มอย่างประทับใจในท่าทีของหญิงสาวที่ตนเองก็เริ่มมีใจให้
แพรวาพันแผลจนรอบแล้วผูกผ้าทับอีกชั้นหนึ่งเธอออกแรงมากขึ้นเพื่อให้ผ้าแน่นยิ่งขึ้น
ทำให้วายุเพชรรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา “โอ้ย! เบามือหน่อยสิเจ้านาง”
แพรวาแปลกใจว่าวายุเพชรฟื้นตั้งแต่เมื่อใด เธอค้อนขวับหันไปจ้องหน้าวายุเพชร
แล้วทำสายตาแง่งอน “นี่ท่าน...ลืมตาตั้งแต่เมื่อไหร่” แพรวาค้อนขวับทำหน้าบุ้ยใส่
วายุเพชร อย่างเสียไม่ได้
“ก็ตั้งแต่เห็นเจ้าน้ำตาไหล ดูดพิษให้ข้า พันแผลให้ข้านั่นแหละ”วายุเพชรพูดแล้วอมยิ้มส่งสายตาเป็นประกายไปยังสายตาของแพรวาอย่างอ่อนโยน
“ช่างร้ายนัก...”แพรวาส่งสายตาหมั่นไส้ แล้วกำมือทุบอกวายุเพชรตุ๊บตั๊บ
“โอ๊ยข้าเจ็บอยู่นะ.....”วายุเพชรออดอ้อนดูน่าเอ็นดู ความรู้สึกของแพรวาตอนนี้ดังกับถูกศรรักของกามเทพแผลงฤทธิ์เข้าให้เสียแล้ว
..
“ท่านอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ลุงข้ากับพลทหารยังหลับใหลไม่ได้สติ .....”
แพรวาเอ่ยพร้อมกับมองไปยังกองทัพซึ่งมีพระเจ้าวายัน วิยุตา และขิมฟ้ารวมอยู่ด้วย
“อย่าได้ห่วงเลยเพียงชั่วครู่พวกเขาจะฟื้นขึ้นมาและจำอะไรไม่ได้ ว่าแต่...เราจะมีโอกาสได้พบเจ้าอีกหรือไม่” วายุเพชรมีน้ำเสียงเศร้าลงจนแพรวาสังเกตเห็นได้ชัด ในใจของนางกลับหวั่นไหวยิ่งกว่าวายุเพชรเป็นไหนๆ
“ข้าเชื่อว่า....วันเวลาจะนำเรามาพบกันอีก”แพรวาเอ่ยแล้วก้มหน้าลงเหมือนคนสิ้นหวังในดวงใจเจ็บแปลบอย่างกับถูกเข็มหมุดทิ่มแทงอยู่เป็นนิจ
วายุเพชรโอบไหล่ของแพรวา มือของเขาจับปลายคางของเธออย่างแผ่วเบา สายตาของเขาทั้งคู่ประสานกันในระดับพอเหมาะ ต่างฝ่ายต่างถามใจตนเองว่าเหตุใดจึงมีความรู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่เจอกันเพียงไม่นาน.......
ริมฝีปากของวายุเพชรค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาประกบกับริมฝีปากอันบอบบางได้รูปของเธอ แพรวารู้สึกตัวร้อนผ่าวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มเบียดหน้าอันคมเข้มเข้าไปใกล้ชิดกับเธออีกเขาพยักหน้าเบาๆแฝงไปด้วยความรู้สึกรักอย่างยิ่งใหญ่
วายุเพชรค่อยๆช้อนร่างของเธอ แล้วพาไปยังสวนน้ำตกเขาปล่อยตัวเธอลงบนแผ่นหินริมน้ำตกอย่างเบามือ บัดนี้เขาและเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความรักสุดหัวใจ
ความรู้สึกที่ร้อนลุ่มของทั้งคู่นำพากันไปสู่ความสุขที่ล้นเปี่ยมปีติยากที่จะลืมเลือน
“ท่านจะทิ้งข้าไปไม่มีวันกลับมาหรือไม่....”แพรวาพูดพลางน้ำตารินไหลสะอื้นไห้
ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าวายุเพชรต้องจากที่นี่ไปแล้ว
“แพรวาเจ้า..พี่สัญญาเมื่อเสร็จกิจแล้วพี่จะกลับมาหาเจ้าภายในสามวัน เจ้าอย่าได้ทุกข์ใจไปเลย พี่เองก็ไม่ได้ทุกข์ใจน้อยไปกว่าเจ้า...”วายุเพชรโอบกอดแพรวาแน่นขึ้น แล้วปลอบโยนให้แพรวาหายเศร้า ภายในดวงใจก็ใคร่ครวญคิดถึงภารกิจที่เขาต้องทำที่มันช่างใหญ่หลวงนักนั่นคือการบำเพ็ญเพียรบารมีตามหน้าที่แห่งเผ่าพันธุ์
“ทุกๆวันข้าจะมารอเจ้าพี่ที่สวนแห่งนี้ หากเจ้าพี่มิมาภายในสามวันคงจะไม่ได้พบข้าอีก” แพรวาสบตาวายุเพชรอย่างแสนเจ็บปวดแล้วเอ่ยถ้อยคำอย่างหนักแน่นซึ่งก็ทำให้วายุเพชรรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
“ลุกขึ้นเถิด ลุงของเจ้าได้สติแล้ว
”มือของชายหนุ่มพยุงร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้นมาแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอจนแห้งสนิท เขาพยายามตัดความโศกเศร้าออกจากจิตใจ
“พี่ต้องไปแล้ว! ดูแลตัวเองให้ดีๆ..แล้วพี่จะกลับมา จงรอพี่นะแก้วตา....”วายุเพชรพูดแล้วดึงร่างของแพรวาเข้ามาโอบกอดเป็นครั้งสุดท้าย...ปีกสีเงินของวายุเพชรค่อยๆแผ่กางออกอย่างนุ่มนวล
“ท่านต้องกลับมานะข้าจะรอ”แพรวาสะอื้นไห้อีกครั้งน้ำตาของนางไหลพรากเป็นสาย
“อย่าร้องไห้เลยน้องพี่...เจ้าต้องเข้มแข็ง
”เสียงของปักษาหนุ่มก้องดังอยู่ในจิตใจ
ของเธอ มันยิ่งทวีคูณความปวดร้าวให้กับแพรวามากยิ่งขึ้นจนแทบทานทนไม่ไหวอีกต่อไป
วายุเพชรผละออกจากอ้อมกอดเมื่อรู้ว่าพระเจ้าวายันกำลังมาที่สวนน้ำตกปีกสีเงินคู่ใหญ่กระพือพัดอย่างแผ่วเบา ลอยสูงขึ้นไปจากพื้นหินด้วยจิตใจที่ระทมทุกข์ และแล้วปักษาหนุ่มก็ตัดสินใจโผผินไปจากที่นั่นทันที แพรวาจ้องมองจนวายุเพชรหายลับไปจากสายตาเธอหมดเรี่ยวแรงล้มลงกองกับพื้นหินด้วยความเจ็บปวด.....
เย็นวันนั้นแพรวาฟื้นตื่นขึ้นมา อย่างอ่อนแรงในวายันตะปราสาท เธอหวนนึกถึงชายคนรักแล้วน้ำตาก็ไหลพราก เวลาผ่านไปจนดึกดื่นแพรวาก็ยังหลับตาไม่ลงได้แต่เฝ้า
รอคอยวันรุ่งพรุ่งนี้จะมาถึง
กาลเวลาผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า ทั้งวันแพรวาจะไปนั่งคอยวายุเพชรอยู่ในสวนน้ำตก
แต่อนิจจาวันแล้ววันเล่าก็ไร้วี่แววของชายคนรัก ผ่านเลยไป5วันเต็มแพรวาหมดหวังที่จะรอคอยอีกต่อไปแล้วเธอ เก็บข้าวของลาพระเจ้าวายันและเพื่อนทั้งสองกลับ
ศรีสุวาลัยนครอย่างเจ็บปวดเหลือคณานับ ขิมฟ้าและวิยุตาเห็นท่าทีของแพรวาเปลี่ยนไปได้แต่ซักถามด้วยความห่วงใยแต่ก็ไร้คำตอบจากเธอ แพรวากลับไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวใจหาได้มีความสุขสนุกใจดังแต่ก่อน
เย็นวันนั้นหลังจากที่แพรวากลับศรีสุวาลัยไปแล้ว วายุเพชรกลับมาที่สวนน้ำตกอีกครั้งด้วยทนความคิดถึงที่เผาผลาญใจไม่ไหวจึงเลิกบำเพ็ญเพียรภาวนา
วายุเพชรไม่พบแม้เงาของหญิงคนรัก ความเจ็บปวดเหลือคณานับทำให้เขาหมดเรี่ยวแรง
“พี่จะไปตามหาเจ้าได้ที่ไหน...แพรวา” วายุเพชรเอ่ยอย่างแผ่วเบาแล้วออกจากไปจากที่แห่งนั้นทันที เขามุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาน้ำแข็งเพื่อบำเพ็ญเพียรสมาธิ
เพื่อรักษากายและใจโดยหารู้ไม่ว่ายังมีอีกคนที่ยังรอคอยเขาด้วยใจที่ทรมานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด อ่านต่อตอนสี่นะคับ เปนไงบอกบ้างถ้าดีผมจะเเต่งต่อ
ความคิดเห็น