ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหานครเเห่งวาริตา

    ลำดับตอนที่ #2 : ฝันปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 50


     

           เพลาเย็น ณ ท้องพระโรงแห่งมหาวาริตาลัยนคร  หลังจากที่๔ราชธิดาแยกย้ายกันกลับพระนคร

      เจ้าพระยาตาลัย กษัตริย์แห่งวาริตาลัยนคร ประทับเหนืออาสน์บัลลังก์แก้ว พระองค์ทรงมีพระกิริยาอาการกริ้วโกรธเป็นอย่างมาก  ที่ทราบข่าวการไม่เอาใจใส่ในการดูแลเอาใจใส่ของนางวีรยา

    ต่อพระราชธิดา พระองค์ทรงลงทัณฑ์นาง

    นางไพร่  ข้าย้ำกำชับหนักหนาให้ดูแลลูกเราอย่าให้คลาดสายตามิใช่หรือ แต่เจ้ายังฝ่าฝืน ความผิดครั้งนี้

    เจ้าจะพิจารณาอย่างไร พระองค์ตรัสถามอย่างเกรี้ยวกราด

    หม่อ..ม..ชั้น..ผิดไปแล้วเพคะ จักลงทัณฑ์ประการใด ก็สุดแล้วแต่กรุณาเพคะ... นางวีรยาตอบอย่างสั่นเทา

    ขุนพราย เจ้าจงลงหวายมัน200หวาย เอาเกลือทาอย่าให้มีเสียงร้องเป็นอันขาด พระองค์ตรัสพร้อมกับลุกเดินไปยังพระราชฐานชั้นใน

    เวรของเอ็งแท้ๆอีวีรยาเอ๋ย ขุนพรายกล่าวพร้อมกับเรียกนายทหารอีก2นายถือไม้หวายมาลงทัณฑ์แก่นางวีรยา

    ขุนพรายแลทหารสลับฟาดหวายลงไปกลางหลังนาง วีรยา  อย่างเต็มแรงเสียงหวายฟาดเฟี๊ยดฟ๊าด ไม่หยุดยั้ง นางวีรยาสุดเจ็บและแสบร้อนแต่กลั้นเสียงร้องไว้...

       ในขณะเดียวกัน วาริตา เสด็จจากห้องบรรทมติดตามหาพระพี่เลี้ยง จวบจนพบพระพี่เลี้ยงที่กำลังถูกโบยอย่างแสนสาหัส วาริตาวิ่งตรงมายังพระพี่เลี้ยงพร้อมกับสั่งทหารให้หยุดการโบย

    ขุนพราย หยุดเฆี่ยนพระพี่เลี้ยงของเราบัดเดี๋ยวนี้ วาริตาเอ่ยพร้อมกับสาดสายตาแข็งกร้าว

    ขออภัยโทษพระพุทธเจ้าคะ กระหม่อมทำตามพระกระแสรับสั่งของพ่ออยู่หัวหาขัดได้ไม่

    งั้น เจ้าก็จงเฆี่ยนเราด้วยเถอะขุนพราย

    ขุนพรายได้ยินดังนั้นก็ถึงกับชะงัก

    กระหม่อมมิบังอาจพระพุทธเจ้าค่ะ ขุนพรายกล่าวต่อวาริตา

    เราจะไปทูลขออภัยโทษต่อเสด็จพ่อ ในระหว่างนี้หากเจ้าแตะต้องพระพี่เลี้ยงของเรา ก็อย่าได้เรียกเราว่าพระธิดาอีก วาริตารีบสาวเท้าเดินไปยังราชตำหนักของ   พระบิดา

     เสด็จพ่อเพคะ ลูกมีเรื่องจะทูลให้ทรงทราบ วีรยามิได้มีความผิดแม้แต่น้อย หากเสด็จพ่อจะลงทัณฑ์นาง ขอให้เสด็จพ่อลงทัณฑ์ลูกแทนเถอะเพคะ

    พ่อเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ พระยาตาลัยทรงตรัสอย่างไม่สนพระทัย

    งั้นลูกจะเข้าไปในถ้ำนั่น วาริตาพูดอย่างจริงจัง

    พระยาตาลัย ถึงกับนิ่งอึ้งในวาจาของวาริตาแล้วยอมตกลงหยุดการลงทัณฑ์นางวีรยาแต่โดยดี

     วาริตากลับอกมาจากตำหนักของพระบิดา พาพระพี่เลี้ยงกลับพระราชตำหนักทายาสมานแผลให้แล้วกล่าวขอโทษขอโพยนางวีรยาเป็นการใหญ่  นางวีรยาได้แต่หัวเราะด้วยความเอ็นดูในกิริยา

    ท่าทางของวาริตา

    คราวหลังเราจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากอีกแล้วนะ

    เพคะทูนหัวของหม่อมฉัน แต่ตอนนี้ได้เวลาบรรทมแล้วนะเพคะ  

    วีรยาขับกล่อมวาริตาจนหลับเช่นทุกคืน แล้วตนจึงเอนกายลงนอนข้างๆเตียงนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน  ราตรีกาลผ่านพ้นอย่างเชื่องช้า2ชีวิตหลับใหลอย่างเป็นสุขี......

              ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนสงบ ณ ศรีสุวาลัยมหานคร แพรวากำลังหลับใหลอย่างเคลิบเคลิ้ม พลันก็เกิดนิมิตประหลาด.......................

               ในความฝัน....แพรวาเดินย่างเยื้องอยู่ในกลุ่มหมอกควันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากหนทางอันมืดมน พลันก็ได้ยินเสียงหนึ่ง

              ในที่สุด ท่านก็มาๆเสียงนี้ดูเยือกเย็นระคนกับ มีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

           ใครๆ เสียงใคร ออกมาเดี๋ยวนี้นะแพรวากวาดสายตามองหาเสียงลึกลับนั้น ปากก็ตะโกนหาเจ้าของเสียงด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

              หึหึหึ หม่อมฉันเองเพคะพระธิดาแพรวา

              ใคร เจ้าเป็นใคร เราถามว่าเจ้าเป็นใคร

              หึหึหึหึ หม่อมฉันอีทาเพคะ เจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืดมนในความฝัน หญิงชรานามว่าอีทานั่นเองหล่อนใช้มือยื่นมาจับแขนของแพรวา

             ไว้แน่นและออกแรงบีบแรงขึ้นๆๆ จนแพรวาทนไม่ไหวเธอถึงกับปล่อยเสียงร้องสุดเสียง

              กรี๊ดๆ….” แพรวา สะดุ้งตื่นจากความฝัน แล้วนั่งหอบอย่างเหนื่อยอ่อน

              พระธิดา ฝันร้ายหรือเพคะ นวลจันทร์พระพี่เลี้ยงของแพรวาเอ่ยถามอย่างตกใจ

              ไม่มีเสียงตอบจากแพรวา นอกจากการพยักหน้าอย่างเชื่องช้า..เธอนั่งทบทวนความฝันสักพักแล้ว ก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นในถ้ำลึกลับ

              ที่เธอและเพื่อนไปพบกับหญิงชรานางหนึ่งนามว่า อีทา

     

    ทา

              เจ้า นั่นเอง...อีทา.... แพรวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

                         เช้าวันต่อมา......บรรยากาศสดใสน่าภิรมย์ไพร่ฟ้าประชาราชเดินขวักไขว่ จับจ่ายใช้สอยสินค้าบ้าง เล่นการพนันบ้าง ชนไก่บ้าง   อยู่บริเวณรอบนอกพระนคร     ภายในศรีสุวาลัยนคร แพรวาราชธิดา สั่งทหารจัดริ้วขบวน พระนางประสงค์เสด็จไปยัง วายันตะนคร

    เหล่าทหารต่างเร่งรีบทำตามบัญชาจัดริ้วขบวนประดับธงงดงาม พร้อมด้วยนางกำนัลกว่าครึ่งร้อย  แล้วอัญเชิญทูลแพรวาราชธิดาขึ้นสู่ที่ประทับ

    อันทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ขบวนเสด็จเริ่มเคลื่อนตัวออกจากพระนครสู่ประตูเมืองบานใหญ่  ทหารนายกองก้มกราบถวายบังคมแล้วเปิดประตูนครออก

    เหล่าบรรดาประชาราช มองเห็นความงดงามของขบวนเสด็จต่างพากันชื่นชม ผู้ประทับอยู่บนอาสน์นั้น ว่ามีความงดงามหนักหนา  แพรวาแต่งองค์ด้วยแพรไหม        สีแดงสด  ประดับด้วยชฎาทอง เฉิดฉายด้วยแสงแห่งอัญมณีหลากสี มองดูแล้วเป็นที่เจริญตาเจริญใจยิ่งนัก ขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านฝูงชน ทุกคนสิโรราบก้มกราบ

    ต่อพระเทวีด้วยความจงรักภักดี.........ครานั้นมีชายแก่ผู้หนึ่งเงยหน้าจ้องมองพักตร์ราชธิดา นานผิดสังเกต พลธนูด้านหน้าขบวนเห็นจึงหยิบศรใส่คันธนูแล้วง้างยิง

    เพ่งเป้าไปยังดวงตาขวาของชายผู้นั้น ได้จุดพอเหมาะจึงปล่อยลูกศรพุ่งตรงเสียบดวงตาของชายผู้นั้นบอดสนิท

          ขบวนเสด็จเคลื่อนตัวมาจนถึง วายันตะนคร ทหารรักษาประตูรีบเปิดโดยพลัน  แพรวาย่างเยื้องอย่างอ่อนช้อยลงจากที่ประทับแล้วตรัสสั่งนางนวลจันทร์

    นวลจันทร์ เจ้าจงนำหมากพลูแลเครื่องบรรณาการตามเรามา

    รับด้วยเกล้าเพคะ นางนวลจันทร์น้อมเกล้าอย่างยิ้มแย้มก่อนเรียกนางกำนัลอื่นมาช่วยขนของกำนัลเข้าสู่ท้องพระโรงแห่งวายันตะนคร

                อำมาตย์เสนาเห็น แพรวาแต่ไกลรีบนำความไปทูลพระเจ้าวายันบิดาแห่งวิยุตาด้วยความยินดีปรีดา

    กราบบังคมพระเจ้าข้า บัดนี้พระราชธิดาแพรวาเสด็จมารออยู่แล้วพระเจ้าข้า

    อย่ารีรออยู่เลยให้หลานเราเข้ามา พระเจ้าวายันยิ้มยินดีพระทัย ที่แพรวามาเยี่ยมเยียน

    อำมาตย์จึงไปทูลอัญเชิญแพรวาเข้าสู่ท้องพระโรง  เหล่านางกำนัลแห่งศรีสุวาลัยก็ขนของกำนัลตามแพรวาธิดาเข้าไป

        พระเทวีเสด็จด้วยกิริยาอาการสำรวมดูน่าชื่นชมแล้วก้มกราบอย่างอ่อนน้อมต่อหน้าพักตร์ของเสด็จลุง

     

    ไปมาอย่างไรเล่าหลานรัก ลมใดหอบเจ้ามาถึงนี่ได้ พระเจ้าวายันตรัสถามอย่างแปลกใจแล้วอมยิ้มที่ฝีปาก

    หลานนำเหล้าจากมอญ มาถวายเพคะ   เห็นว่า มีรสดีนัก

    หึๆๆเจ้านี่ช่างรู้ใจคนเก่นักนะ

    ที่หลานมาวันนี้ประสงค์มาพบวิยุตาด้วยเพคะ

    อย่าช้าทีอยู่เลย วิยุตาอยู่ในสวนกับขิมฟ้าคงจักร้อยมาลัยกันอยู่

    แพรวาก้มกราบต่อพระเจ้าลุงแล้วจึงรีบเสด็จไปยังสวนหลวง   ซึ่งไม่ผิดกับที่พระเจ้าลุงบอกว่าวิยุตากับขิมฟ้า กำลังร้อยมาลัยกันอยู่.................                                                                                                                                                                                            วิยุตา ขิมฟ้าๆ หญิงสาวตะโกนเรียกพระสหายทั้งสองที่กำลังง่วนกับการร้อยมาลัย ว่าพลางก็วิ่งจ้ำอ้าวอย่างร้อนรน ไปนั่งกลางวง ทำให้ขิมฟ้าอดขำไม่ได้

    นี่ดอกไม้ช้ำหมดแล้วนะแพรวา ข้าอุตส่าห์นั่งร้อยมาเกือบครึ่งวัน ขิมฟ้าค้อนใส่ในความวุ่นวาย ของนาง พลางก็เก็บดอกไม้ใส่ในถาดตามเดิม

    ไหนๆดอกไม่ก็ร้อยไม่ได้แล้วเจ้าทั้งสองไปคุยกับเราดีกว่า.... เรามีเรื่องไม่สบายใจจะคุยด้วย

    พูดจบแพรวาก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนวิยุตาและขิมฟ้าจ้องหน้ากันอย่างสงสัย

        แพรวาเดินมุ่งหน้าตรงไปยังสวนน้ำตกซึ่งเป็นที่เล่นประจำของ4ราชธิดา ภายในสวนน้ำตกประกอบไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ สลับสีชูช่ออรชร สลอนสล้าง บ้างสีส้มชมพูนุช                   ประดุจสวนสวรรค์ ผีเสื้อหลากสีบินวนว่อนนับหมื่นๆตัวช่างน่าภิรมย์นัก ธารน้ำตกสีใสเย็นฉ่ำ

    ละอองโปรยปราย ยามใดละอองน้ำกระทบกับแสงสุริยาบังเกิดเป็นสายรุ้งหลากสี แนวหินในสวนน้ำตกวางตัวได้อย่างแนบเนียนพอเหมาะพอเจาะ ดังกับเหล่าเทพยาดามาจัดเรียงไว้  ความพิเศษของสวนแห่งนี้คือไม่มีแดดสาดส่องให้ร้อนกาย ไม่มีฝนโปรยปรายให้เปียกปอน แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศก็บริสุทธิ์ผสมผสานกับกลิ่นไอของดอกไม้ที่ลอยตลบอบอวลชวนหลงใหล

     แพรวานั่งลงบนโขดหินที่ทอดตัวไปยังลำธารอย่างครุ่นคิด ทำให้วิยุตาสงสัยในท่าทางของนางเป็นอย่างมากเพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่จะกลุ้มใจอะไรได้ง่ายๆ

    แพรวา.......เจ้าเป็นอะไรเหรอเรากับขิมฟ้าเห็นท่าทางของเจ้าแล้วอดกังวลใจไม่ได้ เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือไม่สบายใจสิ่งใด บอกพวกเราเถอะ ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ

    พูดจบวายุตากับขิมฟ้าก็นั่งลงข้างๆแพรวาด้วยความเป็นห่วง

    เจ้าจำวันที่เราเข้าไปในถ้ำต้องห้ามนั่นได้หรือไม่.....เราว่ามันมีอะไรแปลกๆชอบกล

    จนเราต้องเก็บมาฝัน......

    เจ้าฝันถึงที่นั่นหรอแพรวา ขิมฟ้าแสดงสีหน้าตกใจเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทุกคนพยายามลืมเลือน 

    เราฝันถึงอีทา....แต่มันเหมือนกับความจริงมากๆ เหมือนกับว่านางต้องการอะไรบางอย่าง

    เราควรบอกเสด็จพ่อ ท่านอาจ ช่วยเราได้

    ไม่ได้นะวิยุตา! เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด หรือบางที....เราอาจจะต้องกลับไปที่นั่นอีกก็เป็นได้

    วิยุตากับขิมฟ้าทำหน้าตาเลิกลักเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของแพรวา.............................

    พวกเจ้าหยุดทำหน้าตาขี้ขลาดสักที ตอนนี้ เราอยากอาบน้ำ พักเรื่องอื่นไว้ก่อนเถอะ เราไม่ได้รับสัมผัสความสดชื่นจากที่นี่มานานแล้วว่าแล้วแพรวาก็ถอดเครื่องแต่งกายออก เหลือเพียงผ้านุ่งท่อนล่างผืนเดียวแล้วลงไปยังลำธารตามด้วยขิมฟ้าและวิยุตา ทั้งสามสำราญใจกับการอาบน้ำจนกระทั่งเย็นจึงกลับไปยังปราสาทวายัน........

    ณ ท้องพระโรงแห่งวายันตะนคร เหล่าเสนาอำมาตย์กำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส รวมถึงแพรวา ขิมฟ้าและวิยุตา  แพรวาเดินย่างเยื้องไปยังบัลลังก์ของเจ้าลุงอย่างทะเล้นส่งสายตาเป็นเชิงอ้อนวอน

    เห็นทีวันนี้ หลานคงกลับศรีสุวาลัยมิได้แล้วหละเพคะ คงต้องขอพักพิงที่เมืองของเจ้าลุงซักค่ำคืน

    ตามสบายเถอะเจ้าหลานจอมทะเล้น พระเจ้าวายันส่ายหัวอย่างรู้ทันแล้วตรัสเรียกวิยุตาให้พาแพรวาไปนอน...........

           ในขณะเดียวกันนั้น ความมืดบดบังทุกสรรพสิ่ง ณ มหาวาริตาลัย  บังเกิดนิมิตประหลาดแก่

    วาริตาราชธิดา ขณะทรงบรรทม ในความฝันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่งดงามชวนหลงใหล วาริตาเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย พลันก็ได้ยินเสียงแหบแห้งดังมาจากทางข้างหน้า ทำให้นางต้องวิ่งไปดู

    และแล้วก็ได้พบกับนางในความทรงจำ

    สบายดีหรือเพคะพระธิดา หม่อมชั้นต้องขออภัยโทษที่รบกวนเวลาบรรทมของพระนาง

    เจ้า...เจ้าคืออีทานี่

    ขอบพระทัย ที่จำได้เพคะ.... อีกเจ็ดวันพระองค์จะต้องมาหาหม่อมชั้นเพียงลำพัง เพราะหม่อมชั้นมีสิ่งสำคัญจะทูลให้ทรงทราบว่าจบร่างของนางอีทาก็จางหายไปทิ้งไว้เพียงความงุนงง และความหวาดกลัว ไว้ให้กับวาริตา

    วาริตาค่อยๆลืมตาจากความฝัน ภายในกายร้อนดังฟืนไฟ หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ.........

                                                   อ่านต่อตอนที่3ครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×