คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ฝันปริศนา
เพลาเย็น ณ ท้องพระโรงแห่งมหาวาริตาลัยนคร หลังจากที่๔ราชธิดาแยกย้ายกันกลับพระนคร
ต่อพระราชธิดา พระองค์ทรงลงทัณฑ์นาง
“ นางไพร่ ข้าย้ำกำชับหนักหนาให้ดูแลลูกเราอย่าให้คลาดสายตามิใช่หรือ แต่เจ้ายังฝ่าฝืน ความผิดครั้งนี้
เจ้าจะพิจารณาอย่างไร” พระองค์ตรัสถามอย่างเกรี้ยวกราด
“หม่อ..ม..ชั้น..ผิดไปแล้วเพคะ จักลงทัณฑ์ประการใด ก็สุดแล้วแต่กรุณาเพคะ...” นางวีรยาตอบอย่างสั่นเทา
“ ขุนพราย เจ้าจงลงหวายมัน200หวาย เอาเกลือทาอย่าให้มีเสียงร้องเป็นอันขาด” พระองค์ตรัสพร้อมกับลุกเดินไปยังพระราชฐานชั้นใน
“เวรของเอ็งแท้ๆอีวีรยาเอ๋ย” ขุนพรายกล่าวพร้อมกับเรียกนายทหารอีก2นายถือไม้หวายมาลงทัณฑ์แก่นางวีรยา
ขุนพรายแลทหารสลับฟาดหวายลงไปกลางหลังนาง วีรยา อย่างเต็มแรงเสียงหวายฟาดเฟี๊ยดฟ๊าด ไม่หยุดยั้ง นางวีรยาสุดเจ็บและแสบร้อนแต่กลั้นเสียงร้องไว้...
ในขณะเดียวกัน วาริตา เสด็จจากห้องบรรทมติดตามหาพระพี่เลี้ยง จวบจนพบพระพี่เลี้ยงที่กำลังถูกโบยอย่างแสนสาหัส วาริตาวิ่งตรงมายังพระพี่เลี้ยงพร้อมกับสั่งทหารให้หยุดการโบย
“ขุนพราย หยุดเฆี่ยนพระพี่เลี้ยงของเราบัดเดี๋ยวนี้” วาริตาเอ่ยพร้อมกับสาดสายตาแข็งกร้าว
“ขออภัยโทษพระพุทธเจ้าคะ กระหม่อมทำตามพระกระแสรับสั่งของพ่ออยู่หัวหาขัดได้ไม่”
“งั้น เจ้าก็จงเฆี่ยนเราด้วยเถอะขุนพราย”
ขุนพรายได้ยินดังนั้นก็ถึงกับชะงัก
“เราจะไปทูลขออภัยโทษต่อเสด็จพ่อ ในระหว่างนี้หากเจ้าแตะต้องพระพี่เลี้ยงของเรา ก็อย่าได้เรียกเราว่าพระธิดาอีก” วาริตารีบสาวเท้าเดินไปยังราชตำหนักของ พระบิดา
“เสด็จพ่อเพคะ ลูกมีเรื่องจะทูลให้ทรงทราบ วีรยามิได้มีความผิดแม้แต่น้อย หากเสด็จพ่อจะลงทัณฑ์นาง ขอให้เสด็จพ่อลงทัณฑ์ลูกแทนเถอะเพคะ”
“งั้นลูกจะเข้าไปในถ้ำนั่น” วาริตาพูดอย่างจริงจัง
พระยาตาลัย ถึงกับนิ่งอึ้งในวาจาของวาริตาแล้วยอมตกลงหยุดการลงทัณฑ์นางวีรยาแต่โดยดี
วาริตากลับอกมาจากตำหนักของพระบิดา พาพระพี่เลี้ยงกลับพระราชตำหนักทายาสมานแผลให้แล้วกล่าวขอโทษขอโพยนางวีรยาเป็นการใหญ่ นางวีรยาได้แต่หัวเราะด้วยความเอ็นดูในกิริยา
ท่าทางของวาริตา
“คราวหลังเราจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากอีกแล้วนะ”
“เพคะทูนหัวของหม่อมฉัน แต่ตอนนี้ได้เวลาบรรทมแล้วนะเพคะ”
วีรยาขับกล่อมวาริตาจนหลับเช่นทุกคืน แล้วตนจึงเอนกายลงนอนข้างๆเตียงนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน ราตรีกาลผ่านพ้นอย่างเชื่องช้า2ชีวิตหลับใหลอย่างเป็นสุขี......
ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนสงบ ณ ศรีสุวาลัยมหานคร แพรวากำลังหลับใหลอย่างเคลิบเคลิ้ม พลันก็เกิดนิมิตประหลาด.......................
ในความฝัน....แพรวาเดินย่างเยื้องอยู่ในกลุ่มหมอกควันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากหนทางอันมืดมน พลันก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
“ในที่สุด ท่านก็มาๆ”เสียงนี้ดูเยือกเย็นระคนกับ มีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“ใครๆ เสียงใคร ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” แพรวากวาดสายตามองหาเสียงลึกลับนั้น ปากก็ตะโกนหาเจ้าของเสียงด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“หึหึหึ หม่อมฉันเองเพคะพระธิดาแพรวา”
“ใคร เจ้าเป็นใคร เราถามว่าเจ้าเป็นใคร”
“หึหึหึหึ หม่อมฉันอีทาเพคะ” เจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืดมนในความฝัน หญิงชรานามว่าอีทานั่นเองหล่อนใช้มือยื่นมาจับแขนของแพรวา
ไว้แน่นและออกแรงบีบแรงขึ้นๆๆ จนแพรวาทนไม่ไหวเธอถึงกับปล่อยเสียงร้องสุดเสียง
“กรี๊ดๆ
.” แพรวา สะดุ้งตื่นจากความฝัน แล้วนั่งหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
“พระธิดา ฝันร้ายหรือเพคะ” นวลจันทร์พระพี่เลี้ยงของแพรวาเอ่ยถามอย่างตกใจ
ไม่มีเสียงตอบจากแพรวา นอกจากการพยักหน้าอย่างเชื่องช้า..เธอนั่งทบทวนความฝันสักพักแล้ว ก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นในถ้ำลึกลับ
ทา
“ เจ้า นั่นเอง...อีทา....” แพรวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
เช้าวันต่อมา......บรรยากาศสดใสน่าภิรมย์ไพร่ฟ้าประชาราชเดินขวักไขว่ จับจ่ายใช้สอยสินค้าบ้าง เล่นการพนันบ้าง ชนไก่บ้าง อยู่บริเวณรอบนอกพระนคร ภายในศรีสุวาลัยนคร แพรวาราชธิดา สั่งทหารจัดริ้วขบวน พระนาง
เหล่าทหารต่างเร่งรีบทำตามบัญชาจัดริ้วขบวนประดับธงงดงาม พร้อมด้วยนางกำนัลกว่าครึ่งร้อย แล้วอัญเชิญทูลแพรวาราชธิดาขึ้นสู่ที่ประทับ
อันทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ขบวนเสด็จเริ่มเคลื่อนตัวออกจากพระนครสู่ประตูเมืองบานใหญ่ ทหารนายกองก้มกราบถวายบังคมแล้วเปิดประตูนครออก
เหล่าบรรดาประชาราช มองเห็นความงดงามของขบวนเสด็จต่างพากันชื่นชม ผู้ประทับอยู่บนอาสน์นั้น ว่ามีความงดงามหนักหนา แพรวาแต่งองค์ด้วยแพรไหม สีแดงสด ประดับด้วยชฎาทอง เฉิดฉายด้วยแสงแห่งอัญมณีหลากสี มองดูแล้วเป็นที่เจริญตาเจริญใจยิ่งนัก ขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านฝูงชน ทุกคนสิโรราบก้มกราบ
ต่อพระเทวีด้วยความจงรักภักดี.........ครานั้นมีชายแก่ผู้หนึ่งเงยหน้าจ้องมองพักตร์ราชธิดา นานผิดสังเกต พลธนูด้านหน้าขบวนเห็นจึงหยิบศรใส่คันธนูแล้วง้างยิง
เพ่งเป้าไปยังดวงตาขวาของชายผู้นั้น ได้จุดพอเหมาะจึงปล่อยลูกศรพุ่งตรงเสียบดวงตาของชายผู้นั้นบอดสนิท
ขบวนเสด็จเคลื่อนตัวมาจนถึง วายันตะนคร ทหารรักษาประตูรีบเปิดโดยพลัน แพรวาย่างเยื้องอย่างอ่อนช้อยลงจากที่ประทับแล้วตรัสสั่งนางนวลจันทร์
“นวลจันทร์ เจ้าจงนำหมากพลูแลเครื่องบรรณาการตามเรามา”
“รับด้วยเกล้าเพคะ” นางนวลจันทร์น้อมเกล้าอย่างยิ้มแย้มก่อนเรียกนางกำนัลอื่นมาช่วยขนของกำนัลเข้าสู่ท้องพระโรงแห่งวายันตะนคร
อำมาตย์เสนาเห็น แพรวาแต่ไกลรีบนำความไปทูลพระเจ้าวายันบิดาแห่งวิยุตาด้วยความยินดีปรีดา
“กราบบังคมพระเจ้าข้า บัดนี้พระราชธิดาแพรวาเสด็จมารออยู่แล้วพระเจ้าข้า”
“อย่ารีรออยู่เลยให้หลานเราเข้ามา” พระเจ้าวายันยิ้มยินดีพระทัย ที่แพรวามาเยี่ยมเยียน
พระเทวีเสด็จด้วยกิริยาอาการสำรวมดูน่าชื่นชมแล้วก้มกราบอย่างอ่อนน้อมต่อหน้าพักตร์ของเสด็จลุง
“ไปมาอย่างไรเล่าหลานรัก ลมใดหอบเจ้ามาถึงนี่ได้” พระเจ้าวายันตรัสถามอย่างแปลกใจแล้วอมยิ้มที่ฝีปาก
“หลานนำเหล้าจากมอญ มาถวายเพคะ เห็นว่า มีรสดีนัก”
“หึๆๆเจ้านี่ช่างรู้ใจคนเก่นักนะ”
“ที่หลานมาวันนี้ประสงค์มาพบวิยุตาด้วยเพคะ”
“อย่าช้าทีอยู่เลย วิยุตาอยู่ในสวนกับขิมฟ้าคงจักร้อยมาลัยกันอยู่”
แพรวาก้มกราบต่อพระเจ้าลุงแล้วจึงรีบเสด็จไปยังสวนหลวง ซึ่งไม่ผิดกับที่พระเจ้าลุงบอกว่าวิยุตากับขิมฟ้า กำลังร้อยมาลัยกันอยู่.................
“นี่ดอกไม้ช้ำหมดแล้วนะแพรวา ข้าอุตส่าห์นั่งร้อยมาเกือบครึ่งวัน” ขิมฟ้าค้อนใส่ในความวุ่นวาย ของนาง พลางก็เก็บดอกไม้ใส่ในถาดตามเดิม
“ไหนๆดอกไม่ก็ร้อยไม่ได้แล้วเจ้าทั้งสองไปคุยกับเราดีกว่า.... เรามีเรื่องไม่สบายใจจะคุยด้วย”
พูดจบแพรวาก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนวิยุตาและขิมฟ้าจ้องหน้ากันอย่างสงสัย
แพรวาเดินมุ่งหน้าตรงไปยังสวนน้ำตกซึ่งเป็นที่เล่นประจำของ4ราชธิดา ภายในสวนน้ำตกประกอบไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ สลับสีชูช่ออรชร สลอนสล้าง บ้างสีส้มชมพูนุช ประดุจสวนสวรรค์ ผีเสื้อหลากสีบินวนว่อนนับหมื่นๆตัวช่างน่าภิรมย์นัก ธารน้ำตกสีใสเย็นฉ่ำ
ละอองโปรยปราย ยามใดละอองน้ำกระทบกับแสงสุริยาบังเกิดเป็นสายรุ้งหลากสี แนวหินในสวนน้ำตกวางตัวได้อย่างแนบเนียนพอเหมาะพอเจาะ ดังกับเหล่าเทพยาดามาจัดเรียงไว้ ความพิเศษของสวนแห่งนี้คือไม่มีแดดสาดส่องให้ร้อนกาย ไม่มีฝนโปรยปรายให้เปียกปอน แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศก็บริสุทธิ์ผสมผสานกับกลิ่นไอของดอกไม้ที่ลอยตลบอบอวลชวนหลงใหล
แพรวานั่งลงบนโขดหินที่ทอดตัวไปยังลำธารอย่างครุ่นคิด ทำให้วิยุตาสงสัยในท่าทางของนางเป็นอย่างมากเพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่จะกลุ้มใจอะไรได้ง่ายๆ
“แพรวา.......เจ้าเป็นอะไรเหรอเรากับขิมฟ้าเห็นท่าทางของเจ้าแล้วอดกังวลใจไม่ได้ เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือไม่สบายใจสิ่งใด บอกพวกเราเถอะ ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ”
พูดจบวายุตากับขิมฟ้าก็นั่งลงข้างๆแพรวาด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าจำวันที่เราเข้าไปในถ้ำต้องห้ามนั่นได้หรือไม่.....เราว่ามันมีอะไรแปลกๆชอบกล
จนเราต้องเก็บมาฝัน......”
“เจ้าฝันถึงที่นั่นหรอแพรวา” ขิมฟ้าแสดงสีหน้าตกใจเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทุกคนพยายามลืมเลือน
“เราฝันถึงอีทา....แต่มันเหมือนกับความจริงมากๆ เหมือนกับว่านางต้องการอะไรบางอย่าง”
“ไม่ได้นะวิยุตา! เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด หรือบางที....เราอาจจะต้องกลับไปที่นั่นอีกก็เป็นได้”
วิยุตากับขิมฟ้าทำหน้าตาเลิกลักเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของแพรวา.............................
“พวกเจ้าหยุดทำหน้าตาขี้ขลาดสักที ตอนนี้ เราอยากอาบน้ำ พักเรื่องอื่นไว้ก่อนเถอะ เราไม่ได้รับสัมผัสความสดชื่นจากที่นี่มานานแล้ว”ว่าแล้วแพรวาก็ถอดเครื่องแต่งกายออก เหลือเพียงผ้านุ่งท่อนล่างผืนเดียวแล้วลงไปยังลำธารตามด้วยขิมฟ้าและวิยุตา ทั้งสามสำราญใจกับการอาบน้ำจนกระทั่งเย็นจึงกลับไปยังปราสาทวายัน........
ณ ท้องพระโรงแห่งวายันตะนคร เหล่าเสนาอำมาตย์กำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส รวมถึงแพรวา ขิมฟ้าและวิยุตา แพรวาเดินย่างเยื้องไปยังบัลลังก์ของเจ้าลุงอย่างทะเล้นส่งสายตาเป็นเชิงอ้อนวอน
“เห็นทีวันนี้ หลานคงกลับศรีสุวาลัยมิได้แล้วหละเพคะ คงต้องขอพักพิงที่เมืองของเจ้าลุงซักค่ำคืน”
“ตามสบายเถอะเจ้าหลานจอมทะเล้น” พระเจ้าวายันส่ายหัวอย่างรู้ทันแล้วตรัสเรียกวิยุตาให้พาแพรวาไปนอน...........
ในขณะเดียวกันนั้น ความมืดบดบังทุกสรรพสิ่ง ณ มหาวาริตาลัย บังเกิดนิมิตประหลาดแก่
วาริตาราชธิดา ขณะทรงบรรทม ในความฝันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่งดงามชวนหลงใหล วาริตาเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย พลันก็ได้ยินเสียงแหบแห้งดังมาจากทางข้างหน้า ทำให้นางต้องวิ่งไปดู
และแล้วก็ได้พบกับนางในความทรงจำ
“สบายดีหรือเพคะพระธิดา หม่อมชั้นต้องขออภัยโทษที่รบกวนเวลาบรรทมของพระนาง”
“เจ้า...เจ้าคืออีทานี่”
“ขอบพระทัย ที่จำได้เพคะ.... อีกเจ็ดวันพระองค์จะต้องมาหาหม่อมชั้นเพียงลำพัง เพราะหม่อมชั้นมีสิ่งสำคัญจะทูลให้ทรงทราบ”ว่าจบร่างของนางอีทาก็จางหายไปทิ้งไว้เพียงความงุนงง และความหวาดกลัว ไว้ให้กับวาริตา
วาริตาค่อยๆลืมตาจากความฝัน ภายในกายร้อนดังฟืนไฟ หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ.........
อ่านต่อตอนที่3ครับ
ความคิดเห็น