คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น
หลายพันปีที่แล้ว ก่อเกิดตำนาน ความรัก ความแค้น มิตรภาพ ความชิงชังขึ้น ท่ามกลาง “วาริตาลัยนคร”
นครแห่งความงดงาม ธิดาของ เจ้าพระยาตาลัย มีธิดาเลอโฉมดุจเทพธิดา 1 พระองค์ นามว่า “วาริตา”
นอกจาก วาริตาลัยนครแล้ว รอบนอกดินแดนทั้ง4ทิศ ยังมีมหานครอีก3นครล้อมรอบอยู่
1.ศรีสุวาลัยนคร มีธิดา นามว่า แพรวา
2.วายันตะนคร มีธิดา นามว่า วิยุตา
3. ขิมพรายฟ้านคร มีธิดา นามว่า ขิมฟ้า
เหตุที่แต่ละเมืองมีเฉพาะธิดาหนึ่งพระองค์เท่านั้น เพราะ เจ้าเมืองทั้ง4 อฐิษฐานต่อองค์เทพประจำเมืองไว้
หากมีบุตรชายจักสังหารทิ้งพร้อมกับมารดาตามราชประเพณี................
ด้วยนครสี่นครเป็นเครือญาติซึ่งกัน เหล่าราชธิดาจึงเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน เป็นสหายสนิทตั้งแต่เยาว์วัย
อันแพรวาธิดาเจ้าสุวาลัย มีนิสัยร้อนรุ่มดังเพลิงเผา
ยามโกรธเกลียดใจร้อนมิทุเลา ยากบางเบาเพราะเหตุธาตุไฟกัลป์
วาริตาเทวีงามหนักหนา ดุจชบาบานแรกแย้มยามสุขสันต์
วิยุตาโฉมองค์สุดเพริศแพร้ว ตัวนางแก้วอ่อนหวานเป็นสักขี
ทั่วพิภพจบแดนในปถพี นางนารีธาตุดินนิลการ
อีกขิมฟ้าธิดาเจ้าพรายฟ้า ยามพูดจาสิ่งใดยามขับขาน
มีเสน่ห์ไปทั่วทุกการงาน เยาวมาลย์ธาตุลมคารมคาย.....
กาลเวลาผ่านเลยรวดเร็ว......ห้วงเวลาพัดพาพระชนม์มายุของธิดาแห่งมหานครทั้ง4 จวบเจริญวัย
อายุได้ 17 ปี ศรีมหาธิดาต่างอรชรเฉิดฉายงดงามดังนางอัปสรสวรรค์
เป็นที่ชื่นชม ของไพร่ฟ้าประชาราช ........แต่ทว่ายังมีนิสัยสนุกสนานประดุจเด็กทั่วไป
ณ อุทยานกลางมหาวาริตาลัยนคร เป็นที่เล่นของเหล่าพระนางเป็นประจำถัดจากอุทยาน
ออกไปเป็นถ้ำลึกลับที่ไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้าไป รวมถึงยังเป็นสถานที่ต้องห้ามของ4พระเทวีด้วย
“ วีรยา วีรยา เจ้าไปหาดอกไม้มาเพิ่มสักนิดเถอะ...ดอกไม้ไม่พอแล้ว” วาริตากล่าวกับ พระพี่เลี้ยงคนสนิท
“แต่ดอกไม้ก็ยังมีอยู่มากนี่เพคะ” พระพี่เลี้ยง ทำหน้าสงสัย
“บอกให้ไปก็ไปสิ อยากถูกเฆี่ยนหรือไง”วาริตาทำเสียงเข้ม พลัน ก็ได้ยินสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มของพระธิดาอีก3พระองค์
“ได้ทีกันเลยนะเพคะ ถ้ายังทรงพระเยาว์หม่อมฉันจับตีก้นแน่ๆ” พูดจบ นางก็ถือถาดดอกไม้ เดินออกจากอุทยาน วาริตา พยักหน้าส่งสัญญาณให้กับพระสหาย
“วาริตา เจ้านี่ช่างดุนางนัก ระวังนะนางจะเสียขวัญเอา”แพรวาพูดขณะยังหัวเราะอยู่
ขิมฟ้าเริ่มมีสีหน้ากังวลใจ เพราะถูกกำชับไว้
“ ขิมฟ้า เจ้าทำหน้าอย่างกับจะไปตายอย่างนั้นแหละ เร็วเข้า วาริตา วิยุตา เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”
4ธิดาเดินลัดเลาะจากอุทยานอย่างรวดเร็วหลบหลีกนายทหารเวรยาม จนกระทั่งมาถึงปากถ้ำ
“เราจะเข้าไปจริงหรอ”
“วาริตาอย่าขี้ขลาดหน่อยเลย เราจะพาพวกเจ้าเข้าไปเอง” แพรวาดึงมือเพื่อนๆตรงเข้าไปในถ้ำ
บรรยากาศในถ้ำสงบเยือกเย็นชวนพิศวงยิ่งนัก วิยุตาหันมองซ้ายมองขวาตามประสาของผู้ช่างสังเกต มือก็จับแขนของขิมฟ้าไว้แน่น เสียงน้ำหยดกระทบหิน เป็นจังหวะชวนให้สงสัยว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใน พลันสายตาของวิยุตาก็สาดไปกระทบกับแสงประหลาดซึ่งอยู่ไกลพอสมควร
“แพรวา โน่นแสงอะไร”วิยุตาโพล่งออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือชี้ไปยังแสงประหลาดนั้น
ทุกคนหันไปมองตามวิยุตา
“กลับเถอะเราว่ามันยังไงชอบกลนะ”วาริตาเอ่ยขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังมองแสงประหลาดสีเขียวอยู่
แทนที่แพรวาจะพาผองเพื่อนกลับ เธอกลับจูงมือของขิมฟ้าและวาริตารีบเดินไป ยังแสงประหลาด
นั้น ท่ามกลางความเงียบสงัดได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าซึ่งชัดเจน ทุกคนเข้ามาลึกใกล้แสงประหลาดเต็มที ทันใดก็เกิดเสียงที่ปากถ้ำดังขึ้น
“ แพรวา เสียงปากถ้ำถล่มลงมา ทำไงดีละ เราจะออกไปได้มั้ย เรายังไม่อยากตายๆ”ขิมฟ้าร้องเอะอะโวยวายเป็นที่น่ารำคาญแก่โสตประสาทแพรวายิ่งนัก
“หยุดก่อนได้มั้ย”แพรวาตะโกนขึ้น “เธอกลัวทุกคนก็กลัว ถ้าเธอตายทุกคนก็ตาย ถ้าเธอ ยังอ้าปากอยู่อย่างนี้ละก็ เจ้านั่นแหละคนแรกที่อาจจะตายก่อนใครรู้มั้ย”
วิยุตาเดินวนไปมาเพื่อหาทางออกแต่ก็ไร้วี่แวว วาริตานั่งลงข้างๆแพรวาน้ำตาเริ่มคลอเธอยกแขนขึ้นปาดน้ำตาแล้วนั่งเหม่อลอย.......ด้วยความหมดหวัง ฉับพลันนั้น...หึหึหึหึ
“ยินดีต้อนรับมหาธิดาแห่งมหานครผู้ยิ่งด้วยศักดิ์ ในที่สุดวันที่ข้ารอคอยก็มาถึง หึหึ อย่ากลัวไปเลยเพคะ ข้าไม่ทำร้ายพวกท่านหรอก” เจ้าของเสียงเดินออกมาจากมุมมืด ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ.....ในท่าทางอันน่ากลัวของหญิงลึกลับ
หญิงชราผมเผ้ารุงรังใบหน้ามอมแมม ถือไม้เท้าเดิน กึกกึก ยิ้มที่มุมปากมาหยุดตรงหน้าของพวกนางเหมือนกับรอคอยมานานแสนนาน เธอเดินตรงมาหาแพรวาเอื้อมมือจับคางของนางแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แพรวาสะบัดหน้าหนี จ้องตาหญิงชราอย่างแข็งกร้าว
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า เจ้าคนโสโครก”
“เก่งสมกับเป็นธิดากษัตริย์จริงๆ” หญิงชราส่งรอยยิ้มตอบกลับใบหน้าทีแข็งกร้าวนั้น พลัน ก็เปลี่ยนสายตา มายังธิดาอีก3พระองค์ เมื่อสายตาของหญิงชรากวาดมากระทบกับ วาริตา
หล่อนถึงกับชะงักดวงตาเบิกโพลง
“ธิดาแห่งวาริตาลัย นางในตำนานบังเกิดขึ้นแล้ว”หญิงชราคิดในใจ ขณะที่วาริตาถอยหลังกรูด ไปอยู่ข้างๆ แพรวา ขิมฟ้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับหญิงชราแล้วถอยตามวาริตาไป
วิยุตาสบสายตากับหญิงชราแล้วรวบรวมความกล้าพูดกับหล่อน
“ ท่าน เป็นใครกัน เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”
“เมื่อท่านอยากรู้จักข้า ข้าก็คงไม่ขัดที่จะบอก”
“อย่ามัวยักท่าเสียเวลา เล่นลิ้นอยู่เลย” แพรวาเอ่ยอย่างท้าทาย
“ข้าชื่ออีทา...อยู่ที่นี่นานเกินกว่าจะนับได้ หาเห็นเดือนเห็นตะวันไม่”
อีทา หันมามองแพรวาอีกครั้งในใจลึกๆคิดใคร่ครวญบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
“พวกท่าน จงกลับไป เถิดพลบค่ำแล้ว ข้าเชื่อว่าเราคงได้พบกันอีก “หญิงชราหัวเราะแห้งๆ
พลันประตูถ้ำก็เปิดออก แพรวาดึงวาริตาและเพื่อนวิ่งออกไปทันที
“พวกท่านจักต้องกลับมา....” หญิงชราตะโกนตามออกมาอย่างกึกก้อง
แพรวาและเพื่อนต่างตกใจแล้ววิ่งออกมายังศาลากลางอุทยาน นั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี” วาริตาเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“ถ้ามีคนรู้ละ พวกเราแย่แน่ๆ” ขิมฟ้าพูดอย่างกังวลใจ
“ถ้ามีคนรู้ละ พวกเราแย่แน่ๆ” ขิมฟ้าพูดอย่างกังวลใจ
“ก็มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ ถ้าไม่มีใครปริปาก พระบิดาของพวกเราจะทรงทราบได้อย่างไร” แพรวากล่าวเสียงเข้ม.................................เเล้วทุกๆอย่างก็จบลงตรงนั้น
ความคิดเห็น