วิถีองครักษ์
มิเรไรน์ บีราเวล มีพลังลึกลับ เธอจึงต้องเดินทางออกจากเซสเนียร์ ไปยังเอมิลอส เพื่อค้นหาความลับของพลัง ความจริงแล้ว เธอคือคนที่กุมตำแหน่งและหน้าที่อันยิ่งใหญ่่่ัีไว้ การเดินทางของเธอจะจบลงอย่างไร...
ผู้เข้าชมรวม
226
ผู้เข้าชมเดือนนี้
11
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1
ตัวตนที่แท้จริง
ความร้อนอบอ้าวบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก ท้องฟ้ามืดครึ้มมาแต่ไกล แต่ใจคนตอนนี้กลับขุ่นมัวยิ่งกว่าท้องฟ้าเวลานี้เสียอีก
เด็กสาวร่างเล็กเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายเสียงแผ่วเบา ชวนเหงาใจเหลืออะไรดี
“ไรน์ มานี่หน่อย”
เสียงทุ้มตะโกนขึ้นมาปลุกเด็กสาวออกจากภวังค์ เธอขานรับเนือยเบา ๆ และเดินไปหาเจ้าของเสียงเรียกนั้น
“มาแล้วหรือ ลูกดูนี่สิพ่อเพิ่งจะตีดาบเสร็จ เล่มนี้นายใหญ่ในเอมิลอสเขาสั่งมา ลูกว่าสวยไหม”ผู้เป็นพ่อยื่นดาบให้ลูกสาวสุดที่รัก พลางยิ้มจนตาปิดด้วยความภาคภูมิใจในผลงาน เธอรับไว้ในมือเพื่อพิจารณา
“สวยสิท่านพ่อ ช่างตีดาบอันดับหนึ่งในไนเจเรสเป็นคนตีนี่นา” เด็กสาวยิ้มบางๆ
“ฮ่าๆ ๆ แน่นอน มีดาบเล่มไหนบ้างที่พ่อตีไม่ดี” ผู้เป็นพ่อหัวเราะกว้างพอใจกับคำยอ เด็กสาวหัวเราะตาม เธอส่งดาบคืนไปให้พ่อ
เธออยู่ในตระกูลนาเรนเรีย พ่อของเธอเป็นช่างตีดาบชื่อดังอันดับหนึ่งในไนเจเรส แถมทางบ้านเธอยังเปิดเป็นสถาบันฝึกดาบขั้นพื้นฐานอีกด้วย ทั้งนักเรียนรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ รุ่นเด็กอนุบาลไปจนถึงวัยชราหัวหงอกขาวก็มาฝึกดาบที่นี่ทุกวัน บางคนที่เดินทางมาไกล พ่อเธอก็ยังใจดีให้ที่พักฟรีอาหารฟรีให้คนพวกนี้อีก เพราะความใจดีนี่แหละ บางคนถึงกับฝากตัวเป็นลูกศิษย์ตลอดชีพ จนนับวันเธอเริ่มรู้สึกว่าจำนวนคนเยอะขึ้นทุกวัน รายได้ที่บ้านเยอะขึ้นทุกวัน และเธอก็ปวดหัวกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจมากขึ้นทุกวันด้วย
แต่เธอก็ยังมีความสุขอยู่ทุกวัน...
“แล้วเราไปไหนมาล่ะ”
ความสุขที่มีอยู่ในหัวคิดหายวับไป ถ้าหากเธอบอกพ่อไป เธอจะยังเป็นลูกสาวสุดที่รักของท่านพ่ออยู่ไหมนะ
“ไม่สบายหรือ หน้าซีดเชียว” ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วมองคนหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง
“ท่านพ่อ...” ท่านพ่อของเราอาจจะรู้ทุกอย่างแล้วก็ได้ ควรจะถาม?
“หืม”
เอาก็เอาวะ ตัดสินใจเด็ดขาด ดีกว่าปล่อยให้คาใจแล้วก็หวาดกลัวตัวเองอยู่แบบนี้
“ข้าไปเดินเล่นในป่าเวียร์มา แล้วก็...ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย ข้ารีบไปแล้วก็เจอลุงคนหนึ่งยืนขาสั่นพั่บๆ หน้า...พยัคฆ์เงา”
ผู้ฟังเบิกตากว้าง เมื่อลูกสาวเอ่ยถึงพยัคฆ์เงา
เป็นอันรู้กันว่าสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดในแถบป่าเวียร์ก็คือพยัคฆ์เงา มันทั้งแข็งแกร่งและดุร้าย ใครที่โดนมันหมายตาไว้แล้วก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หรือที่รอดมาได้ก็พิการ มันรู้จักเพียงคำว่าฆ่าเพื่อเป็นอาหารท่านั้น เอาง่ายๆ คือเจอพยัคฆ์เงาเท่ากับตายและตาย
“ข้าเห็นพยัคฆ์เงาเล้วข้าก็วิ่งเข้าไปหามัน ข้ารู้สึกประหลาด แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย”เด็กสาวพูดเสียงเบาในประโยคสุดท้าย “ข้าไม่รู้อะไรเลย แต่พอรู้ตัวอีกทีลุงคนนั้นก็ตะโกนว่า...ปีศาจ ลุงคนนั้นว่าข้าเป็นปีศาจ เพราะข้าฆ่าพยัคฆ์เงาด้วยตัวคนเดียว...ด้วยมือข้าเอง” นัยน์ตาเทาหม่นหมองด้วยความไม่แน่ใจ
“ไรน์ ลูกฆ่าพยัคฆ์เงา”
ผู้เป็นพ่อถามย้ำ ความเงียบงันคือคำตอบที่ได้รับ บทสนทนาหยุดลงไปพักหนึ่ง ก่อนผู้เป็นพ่อจะถอนหายใจ และค่อย ๆ ดึงตัวลูกเข้ามาสวมกอด
ส่วนคนถูกกอดกลับแปลกใจอย่างที่สุด ว่าทำไมพ่อถึงไม่มีท่าทีรังเกียจหรือตกใจอะไรสักนิด หรือท่านพ่อรู้อยู่แล้ว!? ตกลง?
“ไม่แปลกเลยที่ลูกฆ่าพยัคฆ์เงาได้”
ไม่แปลก... ท่านพ่อบอกว่าไม่แปลก คนธรรมดาฆ่าพยัคฆ์เงาตัวบักเอ้กได้ ไม่แปลก!!
คิดแล้วผลุนผันดันตัวออกจากอ้อมกอดพ่อ ยังไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยคำถามใด ๆ ท่านพ่อก็ชิงพูดเสียก่อน มันเป็นการเกริ่นนำที่สุดแสนจะธรรมดา...
“ฟังนะ ความจริงแล้ว...”
ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ เสียงเคาะประตูดังขึ้น สร้างความสงสัยให้เจ้าของบ้าน ด้วยความอยากรู้ว่าใครกันที่มาเคาะประตูดึกดื่นป่านนี้ แถมยังในคืนพายุหิมะอีก หรือว่า...กองโจรที่กำลังมีข่าวว่าก่อกบฏในตอนนี้!
แต่...โจรที่ไหนจะมาปล้นช่างตีดาบกระจอกแถมจนอย่างเขาด้วย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูซ้ำ ทำให้เจ้าของบ้านเปิดประตูไม้สีน้ำตาลดำเก่าๆ ออกด้วยความฉงน และก็ต้องแปลกใจเมื่อกองโจรที่คิดไว้กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบต้นๆ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือร่างของผู้มาเยือนหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแผลทั่วตัวและแผลใหญ่ตรงสีข้างที่เลือดสดสีแดงฉานไหลเป็นทางยาวตัดกับผืนหิมะสีขาว พร้อมกับร่างทารกน้อยผิวขาว...
‘ท่าน... โปรดรับเด็กคนนี้ไว้ด้วย เธอ..อึก เธอคือคนสำคัญที่จะนำความสุขมาให้ โปรดเลี้ยงดูเธอด้วย..’ ผู้มาเยือนพูดได้เพียงเท่านี้ร่างก็ทรุดลง เจ้าของบ้านจึงต้องรับเด็กน้อยมาอุ้มไว้อย่างเสียไม่ได้
‘ท่านเข้ามาก่อนเถอะ ดูท่าท่านคงไม่ไหว เข้ามาผิงไฟก่อนจะได้ดีขึ้น’
คำเชื้อเชิญนั้นได้รับการปฏิเสธเมื่อผู้มาเยือนส่ายหน้าพรืด
‘ท่านเอาจดหมายนี่ไป ขอฝากด้วย ข้ามาได้เท่านี้แหละ อึก...’
คำสั่งเสียครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างชายผู้มาเยือนจะเกิดแสงวูบและหายไป สร้างความตกใจให้เจ้าของบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรเป็นอย่างมาก
เด็กคนนี้หรือ เขาต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้ แล้วจดหมาย...
ซองสีขาวสะอาดแต่มีเลือดเปื้อนเป็นแถบเล็กน้อย กับตาประทับวงแหวนสีเงิน ล้อมรอบด้วยดวงจันทร์สีทองเหลืองสุกสกาว เพียงแค่ซองจดหมายก็บอกให้รู้แล้วว่าไม่ใช่จดหมายธรรมดาแน่
‘ถึงท่านผู้รับจดหมาย….
โปรดรับเด็กคนนี้ไว้ด้วย เธอคือคนที่จะนำความสุขมาให้ทุกคน
อีกไม่นานจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ สิ่งทีทุกคนไม่อยากให้เป็นไป...จะเกิดขึ้น
เธอคนนี้คือผู้ปกป้อง
อีกสิบสี่ ปีข้างหน้า...เธอจะเติบโต
...ขอฝาก ไรน์ ด้วย’
เนื้อความในจดหมายอาจไม่สามารถสื่อความหมายอะไรได้มากนัก แต่สิ่งที่ผู้อ่านจดหมายพอจะรู้คือเขาต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ และอีกสิบสี่ปีเธอจะเติบโตและรับรู้งั้นหรือ
แม้จะไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ความร็สึกลึก ๆ ข้างใน ก็ทำให้เด็กคนนี้ก็ถูกชะตากับเขาก็แล้วกัน...
“พ่อก็เลี้ยงเจ้ามา หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มตั้งตัวได้ เริ่มมีชื่อในการตีดาบ จนกลายเป็นอันดับหนึ่ง พ่อมีโชคดีเรื่อยๆ ตั้งแต่มีลูกมาอยู่ด้วย”
เรื่องราวที่ออกมาจากปากคนที่เธอเรียกว่าพ่อมาตลอดสิบสี่ปี ชวนให้มีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมด เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ เธอมาในคืนพายุหิมะ เธอมาพร้อมกับชายใกล้ตาย และชายคนนั้นก็หายไปราวกับเวทมนตร์ ...เธอเป็นใครกันแน่ แล้วเนื้อความในจดหมายนั่น
อีกสิบสี่ปี.. ตอนนี้ก็สิบสี่ปีแล้วไม่ใช่หรือ
“พ่อรู้ว่าสักวันเจ้าต้องรู้ พ่อไม่ห้ามถ้าลูก...” ถ้าเธอจะไปหาความจริง..
“ข้าขอไป...นะท่านพ่อ”
“แต่..”
“ข้าคือใคร ผู้ปกป้องคืออะไร ชายที่มอบข้าให้ท่านคือใคร ความจริงทุก ๆ อย่างที่ข้าอยากรู้ ข้าจะไปหาความจริง” ปากเล็กเรียวบอกอย่างเด็ดเดี่ยว แม้นัยน์ตาสีเทานั้นจะวูบไหวไปบ้าง
“พ่อไม่คิดจะห้าม แต่ลูกจะไปได้อย่างไร ในเมื่อ..”
“ข้าไปได้ ข้าฆ่าพยัคฆ์เงาได้ พลังนั่นของข้าด้วย ข้าอยากรู้ แม้จะลำบากแต่ให้ตายข้าก็จะไป!!”
พ่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มองหน้าลูกสาวที่เพิ่งกล่าวชัดเจนว่าเธอจะไปหาความจริง
“รู้หรือว่าจะไปที่ไหน”
“ข้า...ไม่รู้”คำถามจากพ่อทำให้ไรน์ตอบกลับไปเบาๆ ก่อนเม้มปากแน่นด้วยวาจาที่สุดทางจะเถียง มันยากนักหรือกะอีแค่ตามหาความจริง!
“ฟังนะไรน์ พ่ออนุญาต แต่พ่อเป็นห่วงลูก แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่พ่อรักเจ้าหมือนกับเป็นลูกแท้ ๆ ไปแล้ว การที่จะดึงลูกไว้ไม่สามารถทำได้เลย เจ้ารั้นแค่ไหนพ่อรู้”
“...” ไม่มีเสียงเล็ดลอดจากปากเล็ก ภายในดวงตาสีเทานั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยใจน้อยๆ
“ตราประทับจดหมายนั่น พ่อเคยเห็นที่ไหนสักที่ ในเอมิลอส..” เบิกตากว้างทันทีที่เด็กสาวได้ยิน “ถ้าลูกไปที่นั่น ไปเอมิลอส ลูกอาจจะได้ข้อมูลดีๆ” นี่คือคำยินยอมของผู้ปกครองกลาย ๆ นี่เอง
“ท่านพ่อ! ข้าจะไปที่นั่น ไปพรุ่งนี้เลย ข้าขอจดหมายนั่นด้วย!!” เด็กสาวกระโดดกอดจนผู้เป็นพ่อตัวไหว
“อืม สัญญากับพ่อ ว่าไรน์ ลูกจะกลับมาอย่างปลอดภัย..”
“สัญญา! ข้าสัญญาว่าจะปลอดภัยกลับมา! ข้าจะเอาความจริงมาฝากด้วย!”
ไรน์ยิ้มกว้างแบบที่หาดูได้ยากจากเด็กเงียบๆ ชวนให้คนที่เห็นรอยยิ้มนั้นเผลอยิ้มตอบไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
หากเขาไม่มีเด็กที่ชื่อไรน์อยู่ข้างๆ แบบนี้ในวันต่อไป เขาคงเหงา แต่เขาจะไปยื้อยุดเด็กคนนี้ไม่ให้ไปได้อย่างไรกัน
“ขอบคุณนะ ท่านพ่อ”
คนหัวดื้อยิ้มทั้งน้ำตา ผู้เป็นพ่อเห็นพลันน้ำตาจะเอ่อล้นไปด้วยจึงดึงลูกสาวเข้ามากอดเนิ่นนาน
แม้ไม่ใช่ลูกแท้ ตอนนี้ก็เหมือนใช่ไปแล้ว อีกไม่นานเขาจะไม่ได้กอดลูกแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้...ขอกอดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ดวงใจตลอดสิบสี่ปีจะออกไปค้นหาความจริงด้วยตัวคนเดียว...
**********************************
สวัสดีค่า >0<
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกนะคะ ยังเป็นมือใหม่อยู่ แหะ ๆ ^_^ อ่านแล้ว รบกวน แนะนำ ติชม จะได้นำไปปรับปรุง
ถ้ามีคำผิด บอกด้วยนะคะ
ฝากคอมเม้นต์นะ! ขอบคุณค่ะ ^-^
ผลงานอื่นๆ ของ shiriao [ชิเรียว] ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ shiriao [ชิเรียว]
ความคิดเห็น