The letter. - The letter. นิยาย The letter. : Dek-D.com - Writer

    The letter.

    รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว คำสั่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากคนที่ฉันรักสุดใจ ไม่มี . ไม่มีอีกแล้วสินะคำๆนี้แต่ช่างเถอะถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรออยู่เสมอ

    ผู้เข้าชมรวม

    272

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    272

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 พ.ค. 56 / 01:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ค่ำคืนที่จันทราดับแสง  เมฆสีเทาปกคลุมกลบแสงดาวที่เคยสว่างในเดือนแรม  แลดูท้องฟ้ายามคืนนี้ดูมืดมน ประเหมาะกับลมที่พัดเอื่อยๆ ชวนวิเวิกวังเวงยิ่งนัก  หญิงสาวนั่งรอชายคนรักด้วยความหวังที่จะได้พบเขาอีกครั้ง  คืนแล้วคืนเล่าก็ไม่มีวี่แววที่เขาจะมาหาเธอ  แล้วคืนนี้ก็เช่นกันเขาคงไม่กลับมาหาเธอในโลกใบนี้อีกแล้ว
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

        “รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน  พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้วคำสั่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากคนที่ฉันรักสุดใจ  ไม่มี ….  ไม่มีอีกแล้วสินะคำๆนี้แต่ช่างเถอะถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรออยู่เสมอ
                  ค่ำคืนที่จันทราดับแสง  เมฆสีเทาปกคลุมกลบแสงดาวที่เคยสว่างในเดือนแรม  แลดูท้องฟ้ายามคืนนี้ดูมืดมน ประเหมาะกับลมที่พัดเอื่อยๆ ชวนวิเวิกวังเวงยิ่งนัก  หญิงสาวนั่งรอชายคนรักด้วยความหวังที่จะได้พบเขาอีกครั้ง  คืนแล้วคืนเล่าก็ไม่มีวี่แววที่เขาจะมาหาเธอ  แล้วคืนนี้ก็เช่นกันเขาคงไม่กลับมาหาเธอในโลกใบนี้อีกแล้ว

                  แพรพี่ไปก่อนนะ  พี่เรียนจบแล้วพี่จะรีบกลับมาพัฒนา หนุ่มวัยทะนงกล่าวลาแฟนสาวก่อนจะมุ่งเข้ากรุงเทพฯเพื่อศึกษาต่อ  ต้นลั่นทมริทน้ำยังเป็นที่ที่ทั้งสองเคยมาพลอดรักคลอเคลียกันบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันทุกครั้งต้นลั่นทมดอกสีขาวร่วงหล่นพอๆกับน้ำตาแห่งความอาลัยที่พรั่งพรูอาบใบหน้านวลของหญิงสาว

                  พี่พัดไปอยู่ทางพระนครตั้งใจเรียนอย่าเถลไถลอย่ามีใครนะจ๊ะ แล้วเขียนจดหมายมาหาแพรบ้าง  แพรจะรอนะจ๊ะหญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มซึ่งขัดกับน้ำตาที่อาบใบหน้า

                  จ้า พี่สัญญาจะไม่มีคนอื่น  เรือมาแล้ว พี่ต้องไปแล้วนะเดี๋ยวพี่เขียนจดหมายมาหาแพรบ่อยๆนะ…..รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน  พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้วชายหนุ่มกล่าวคำอาลัยครั้งสุดท้าย มือปาดน้ำตาบนใบหน้าหญิงสาวก่อนจะหันหลังลงเรือมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ

                  วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่บางปู สมุทรปราการ และบุกเข้าประเทศไทยทางบกที่อรัญประเทศ กองทัพญี่ปุ่นสามารถขึ้นบกได้โดยมีการต่อสู้ต้านทานอย่างหนักของทหารไทยประชาชนทั่วไปและอาสาสมัครที่เป็นเยาวชนที่เรียกว่า ยุวชนทหาร

      แพรยอดรัก  พี่คิดถึงแพรเหลือเกิน เวลานี้บ้านเมืองเราถูกพวกญี่ปุ่นรุกราน  มันขึ้นบกมาที่ปากน้ำนี่เอง  พี่เป็นคนไทยคนหนึ่งพี่ไม่ยอมให้ญี่ปุ่นรุกรานหรอกนะ แพรรู้ไหมตอนนี้พี่อยู่ที่ชุมพร พี่และบรรดาเพื่อนพี่เข้ากลุ่มยุวชนทหาร  พี่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชาวไทยทุกคน  แพรไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกนะ  ดูแลตัวเองดีๆ ยังดีนะที่วาสุกีของเราญี่ปุ่นมันยังเข้าไม่ถึง พี่เลยเบาใจขึ้นหน่อย ดูแลตัวเองดีๆนะ  พี่จะรีบกลับหลังจากทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันนะ  พี่รักแพรเสมอนะ

      แพรอ่านจดหมายของคนรัก ด้วยความตื่นเต้น  แม้จะเป็นห่วงแค่ไหนแต่เธอเองก็อดภูมิใจในความกล้าหาญและรักแผ่นดินของชายอันเป็นที่รักเสียไม่ได้   

      พี่พัดที่รัก  ข่าวที่ญี่ปุ่นบุกไทยแพรฟังจากวิทยุแล้ว  แพรเป็นห่วงพี่เหลือเกินเห็นข่าวว่ามีการรบกันในกลุ่มคนไทยกับทหารญี่ปุ่นด้วย  พี่ระวังตัวด้วยนะ  น้องเป็นห่วงพี่เหลือเกิน ทางนี้ยังปลอดภัยเสมอ ขอพี่จงทำหน้าที่พี่ให้สำเร็จโดยไวแล้วรีบกลับมาหาน้องนะคะ

      ไม่เคยมีสักครั้งที่จดหมายที่พัฒนาจะไม่ได้รับการตอบกลับจากคนรัก  จดหมายฉบับเล็กๆเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้ต่อ

      การรบที่สะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร กล่าวคือ กลุ่มยุวชนทหารและกองกำลังผสมทหารตำรวจซึ่งกำลังจะต่อสู้ปะทะกันอยู่ที่สะพานท่านางสังข์ โดยที่กลุ่มยุวชนทหารนั้นมีผู้บังคับการคือร้อยเอกถวิล นิยมเสน ในระหว่างการสู้รบร้อยเอกถวิลนำกำลังยุวชนทหารออกมาปะทะกองทหารญี่ปุ่น แม้ร้อยเอกถวิลจะถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสียชีวิต แต่ยุวชนทหารยังคงสู้ต่อไปจนกระทั่งรัฐบาลไทยพ่ายแพ้ต่อกองทัพญี่ปุ่น เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2485

      แพรจอมขวัญของพี่  เวลานี้พวกเราแพ้มันแล้ว ถึงมันจะยกย่องเช่นไรพี่ก็หาความยินดีมิได้  พี่จะเร่งกลับพระนครเข้ากลุ่มขบวนการเสรีไทย เราต้องขับไล่พวกมันออกจากแผ่นดินเราให้ได้  แพรไม่ต้องเป็นห่วงพี่ยังสบายดีอยู่ คิดถึงแพรมากนะ

                  ทุกครั้งที่ได้ฟังข่าวคราวต่างๆทางวิทยุ   แพรก็อดห่วงคนรักเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเรื่องกลุ่มยุวชนทหารพ่ายแก่ทหารญี่ปุ่นเธอก็ไม่อาจจะข่มตาหลับได้  จดหมายจากคนรักจึงเสมือนกับยาวิเศษที่ช่วยให้เธอคลายกังวลต่างๆได้เป็นอย่างดี

      พัฒนา ซึ่งได้รับหน้าที่ให้แอบลอบเข้าไปลอบสังหารแม่ทัพญี่ปุ่นภายในค่ายแต่กับพลาดพลั้งถูกจับได้ จึงถูกนำมาทรมานสืบสวน อยู่เป็นเวลาเดือนเศษก่อนที่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหลเสียชีวิตลง

      ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2485 สถานการณ์โดยทั่วไปในพระนครนั้น ประชาชนได้รับคำสั่งให้ทำการ พรางไฟ คือการใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าขาวม้าปิดบังแสงไฟในบ้าน ให้เหลือเพียงแสงสลัว ๆ เพื่อป้องกันมิให้เครื่องบินของฝ่ายข้าศึกมาทิ้งระเบิดลงได้ ส่วนสถานการณ์โดยรวมของสงคราม ฝ่ายอักษะมีทีท่าว่าจะได้รับชัยชนะในสมรภูมิยุโรปและแอฟริกาตอนเหนือ ส่วนในเอเชียญี่ปุ่นก็สามารถยึดมลายูและสิงคโปร์ได้แล้วจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2485 ถึง 2488 ไทยประกาศสงครามอย่างเต็มตัวกับฝ่ายอักษะ ทางสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ส่งเครื่องบิน บี 24, บี 29 และ (Vickers Windsor) เพื่อสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตร   เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่น ทั้งพระนครและธนบุรี 

      แพร เวลานี้เสรีไทยกำลังระดมทิ้งระเบิดใส่พวกญี่ปุ่น  อเมริกาเขาสนับสนุนเราเป็นอย่างดี พี่ว่าไม่นานเราน่าจะชนะ แพรไม่ต้องห่วงพี่นะ  รักแพรเสมอ

      จดหมายจากพัฒนาฉบับแล้วฉบับเล่าก็ยังคงส่งถึงแพรอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 ในแปซิฟิก-เอเชีย ยุติลงอย่างเป็นทางการ (หากนับตามเวลาในญี่ปุ่นจะเป็นวันที่ 15) โดย พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโต (Emperor Hirohito) แห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านทางวิทยุกระจายเสียงทั่วญี่ปุ่น (นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกว่าพันปีที่คนญี่ปุ่นได้ยินเสียงจักรพรรดิของตน) ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตกว่าสองล้านคน บ้านเมืองเสียหายยับเยิน พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโตทรงเรียกร้องให้คณะรัฐบาลญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อรักษาชาติพันธุ์ญี่ปุ่น ให้ยอมรับ ข้อตกลงพอตสดัม” (Potsdam Declairation) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มาโมรุ ชิเกะมึทซึ กับ นายพล โยชิจิโร คุเมซุ ลงนามในสัญญาสงบศึก (Japanese Instrument of Surrender) กับ นายพล แมคอาเธอร์ ท่ามกลางสักขีพยานจากประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น ๆ บนดาดฟ้าเรือประจัญบาน มิสซูรี (USS Missouri) เหนืออ่าวโตเกียวในวันที่ 2 กันยายน 2488 ซึ่งได้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกด้วย

      แพรเวลานี้เราชนะแล้วนะ  พี่จะกลับไปหาแพรโดยเร็ววัน รอพี่อยู่ที่เดิมนะแพร

      โทรเลขจากกรุงเทพฯถูกส่งมาสู่อยุธยาโดยเร็ววัน   เมื่อหญิงสาวทราบเรื่องเธอก็ได้จัดเตรียมตกแต่งเรือนที่เคยอยู่ด้วยกันให้งดงาม   ดอกไม้บานสพั่งส่งกลิ่นหอมทั่วทั้งบริเวณ  อาหารขนมถูกจัดบรรจุอย่างสวยสด   พร้อมกับนวลเนื้อที่ตกแต่งด้วยอาภรณ์ที่สดใสแลดูงามสมวัย  โดยรวมแล้วทุกสิ่งอย่างพร้อมสรรพเธอจึงมารอคนรักที่ท่าน้ำดั่งเช่นเดิม

      เรือจากกรุงเทพผ่านหน้าเธอไปหลายต่อหลายลำก็ไม่มีวีแววที่จะจอดที่ท่าน้ำบ้านเธอเสียที   จนกระทั่งตะวันที่เคยส่องแสงหมดแสง ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม    เรือจากพระนครลำสุดท้ายของรอบอาทิตย์ก็มาจอดเทียบหน้าบ้านเธอ

                  ชายหนุ่มร่างสูงเวลานี้ซูบผอมและขาวซีดขึ้นมาจากเรืออย่างเร็วรี่  พร้อมกับมุ่งตรงเข้าหาคนรักอย่างคิดถึง  ทั้งสองโผเข้ากอดกัน   ความคิดถึงความห่วงหาที่มีให้กันมาเวลานานทำให้ทั้งสองกอดกันเป็นเวลาเนิ่นนาน

      คิดถึง  คิดถึงพี่ที่สุด แพรรอพี่มานานเหลือเกิน  พี่ผอมลงเยอะเลย ขึ้นเรือนเถอะ  แพรทำอาหารคาวหวานรอพี่ป่านฉะนี้จะเย็นเสียหมดกระมั้ง”  หญิงสาวเอ่ยชวนชายหนุ่มขึ้นเรือน   ทั้งคู่เดินจูงมือกันเข้าเรือนที่เคยอยู่ นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

                  เจ้าพัดเอ๊ย  นังแพรมันตายไปนานแล้วเอ็งอยู่กับผีนะ รู้ตัวไหม?”  คนระแวงบ้านใกล้เรียบเคียงบอกชายหนุ่ม

      เป็นไปไม่ได้หรอกยาย แพรจะตายได้ไง ในเมื่อผมยังกอดเธอได้อยู่เลย  แล้วตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่พระนครแพรยังเขียนจดหมายคุยกับผมอยู่เลย”  พัฒนาเถียงกลับอย่างไม่ลดละ

      ไม่เชื่อก็เรื่องของเอ็งข้าเตือนได้แค่นี้ว่าแล้วผู้ที่ส่งข่าวก็หายเข้าบ้านของตนไป    ปล่อยให้พัฒนาหงุดหงิดกับเรื่องราวที่ได้ยินมา  

       

      นพ กลับจากพระนครแต่เมื่อไรนี่ ?  พี่พัดก็กลับมาแล้วด้วยนะเจอกันรึยัง ”  แพรเอ่ยถามชายหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่เพิ่งกลับจากกรุงเทพฯ

      พี่แพร  ล้อเล่นเปล่านี่ พี่พัดตายแล้วจะกลับมาได้ไงชายหนุ่มคัดค้านอย่างแรง

      นพพี่ไม่ได้ล้อเล่นเรานั่นแหละที่ล้อเล่น   นี่พี่เขาเพิ่งออกไปข้างนอกเอง  เรามีหลักฐานอะไรมาว่าว่าพี่พัดเขาตายเล่า?”  หญิงสาวไม่ลดละ  ยังคงหาหลักฐานจากตัวชายตรงไหน

      จริงๆครับ ผมเราศพพี่เขาเองกับมือเลย นี่กระดูกกับรูปพอเป็นหลักฐานได้ไหมครับนพยื่นโถอัฐถิพร้อมรูปให้แพร   หญิงสาวรับมาพร้อมกับน้ำตาที่อาบใบหน้าแล้วเดินขึ้นเรือนไปด้วยท่าทางเศร้าหมอง

      พัฒนาเดินเข้ามาในบ้านก็พบกระดูกและรูปของตนตั้งอยู่บนโต๊ะ

      แพร…..รู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรือ?”  ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง

      ใช่ค่ะ  แพรรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พี่พัดตายแล้ว …..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

      แพรพี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่กลัวว่าแพรจะกลัวพี่และพี่ก็อยากอยู่กับแพร ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างหม่นหมอง

      ค่ะ แพรจะอยู่กับพี่  เราจะอยู่ด้วยกันนะคะหญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม

      ผีกับคนจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?พัฒนาถามขึ้นอย่างฉงน

      ได้สิคะ  ผีก็ต้องอยู่กับผีได้สิคะหญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตา

      งั้นเรื่องที่เขาลือๆก็เป็นเรื่องจริงสินะ

      ค่ะ  แพรตายแล้ว  ตายตั้งแต่วันที่พี่ลงเรือไปพระนคร  แพรเกิดเป็นลมและเซตกท่าน้ำ

      ถ้าอย่างนั้นเราก็อยู่ด้วยกันได้สินะ  พี่รักแพรมากๆนะชายกล่าวอย่างลิงโลดพร้อมกับดึงคนรักมากอดอย่างมีความสุข

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×