คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 เธอคนนั้นอันตรายเหมือนกันนะ
“help me”เธอขอผมช่วยเหรอ พลางคิดในใจ “ช่วยไงละ โอเคไปก่อนละกัน” ผมจึงหงกหัวรับ จากนั้นเธอก็ร่ายยาวแต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมควรจะปล่อยเธอพูดไปเรื่อยๆแล้วใช้ความคิดมากกว่า ผมมองไปที่ประตู คงต้องหาทางออกไปก่อน ผมควรลองดูถ้าเป็นอย่างที่คิด ผมเดินไปที่ประตู แล้วลองผลักประตู มือผมทะลุออกไป มันเป็นอย่างที่คิด ผมไม่มีร่างกาย มันคงเป็นฝันหรือไม่ก็เป็นร่างจิตของผม ผมตัดสินใจเดินทะลุประตูไป
ตอนนี้ผมออกมาอีกฝั่งของประตู “โอ้... สุดยอด ถ้าไม่ใช่ฝันก็คงดีหรอกนะ”
“angle angle”เธอตะโกนเรียกผม แต่ว่าผมตัดสินใจสำรวจที่นี้ก่อนที่นี้มันที่ไหน ทางเดินแคบๆ มีห้องนี้อยู่ปลายทาง ไม่เห็นเหมือนห้องขังหรือคุกที่เคยเห็นในโทรทัศน์เลย ผมเดินต่อไป ขณะที่เธอยังตะโกนเรียกผมไม่หยุด แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก
ยามคนเดิมเดินออกมาจากปลายทาง เขาดูท่าทางหงุดหงิด ผมได้ยินเขาสบถด่าพร้อมกับเคาะกระบองที่ผนังมาตลอดทาง แต่ก็แปลไม่ได้ ผมยังคงยืนที่เดิม จนกระทั่งเขาเดินทะลุตัวผมไป ผมจึงหันกลับเดิมตามเขาไป หญิงสาวในห้องปลายทางยังคงตะโกนเรียกผม ยามคนนั้นเดินไปที่ประตูเขาตะโกนเสียงดัง แต่ผมฟังได้คำเดียว “Shut up”รู้สึกเหมืนตัวเองโง่สุดๆเลย
ขณะที่ผมเห็นหญิงสาวภายในห้องทะเลาะกับยามที่อยู่อีกฝั่งของประตู ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ยามล้วงเอากุญแจไขประตูเปิดออก ผมตกใจวิ่งผ่านยามคนนั้นเข้าไปทันที หญิงสาวต้องโดนทำร้ายแน่แล้วจะทำไงดี ผมเห็นหญิงสาวนั่งคดตัวเอามือปิดที่ศีรษะ จากนั้นผมก็หันกลับมาที่ยามคนนั้น เขายกกระบองขึ้นเหนือหัวพร้อมที่จะฟาดลงมา แต่แล้วยามคนนั้นกลับเงื้อมกระบองค้างไว้ ตาของเขาเริ่มเบิกกว้างเหมือนตกใจกับอะไรบ้างอย่าง
ขณะที่ผมก็รู้สึกร้อน ร้อนมาก มันร้อนมากจากข้างหลัง ผมหันไปหาสาเหตุของความร้อนนั้น ยังหันได้ไม่สุดตัว เสียงยามก็ร้องดังขึ้น ผมหัวกลับไปกระบองอันนั้นไฟลุกท่วม และลามจนไหม้มือของยามคนนั้น ขณะที่ผมสับสนอยู่นั้นเอง ก็มีร่างใครคนหนึ่งผ่านหน้าผมออกประตูไป ผมตัดสินใจตามร่างนั้นไป เพราะผมคงช่วยยามคนนั้นไม่ได้
หญิงสาววิ่งนำหน้าผม เหมือนเธอจะรู้ทาง เธอเลี้ยวตรงมุมที่ยามคนที่ตอนนี้นอนโอดครวญในห้องขังของเธอเดินออกมา ผมยังคงวิ่งตามเธออย่างไม่รู้จุดหมาย เธอเลี้ยวอีกครั้งแต่ก่อนที่ผมจะเลี้ยวตามผมสังเกตุเห็นที่นี้มีห้องแบบที่ขังหญิงสาวอยู่อีกหลายห้อง ผนังสีแดงด้วยอิฐบล๊อค ที่นี้มันคุกหรือว่าอะไรกัน โรงพยาบาลโรงจิตรึเปล่า ผมไม่มีเวลาคิดต่อเพราะต้องตามเธอต่อไป
“โครม”พร้อมกับเสียงตะโกนโวยวาย เธอวิ่งชนกับชายคนหนึ่งจนเขาล้มลง เขาใส่ชุดเหมือนหมอ ชุดกราวน์สีขาวดูเขาอายุคงมากพอตัวสังเกตุจากผมที่ขาวโพลน ก่อนที่เธอจะออกวิ่งต่อชายคนนั้นจับแขนเธอไว้ เหมือนพูดอะไรสักอย่าง ผมสังเกตุที่สีหน้าของเขาเหมือนอ้อนวอน ขอร้องเธอ แต่เธอส่ายหน้าผมได้ยินเธอพูดบ้างอย่างกับเขาแต่จำประโยคที่เธอว่า “I can’t trust you” ผมเดาว่าชายคนนี้คงหลอกอะไรเธอสักอย่าง เธอสะบัดแขนเขาจนหลุดแล้วออกวิ่งอีกครั้ง
บันได ผมเห็นมันจากปลายสุดทาง แต่มันถูกปิดด้วยประตูรั่วเหล็กที่มีสนิทขึ้นจนเป็นสีแดง ผมกับเธอยังวิ่งไปไม่ถึงก็มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นพร้อมกับทั้งชั้นกลายเป็นสีแดงด้วยหลอดไฟที่ติดไว้ตามทางเดิน
“แกร๊กๆๆๆ”เธอวิ่งถึงประตูเหล็กสีแดงพร้อมกับเขย่าแบบไม่ยั้งมือ มันถูกล๊อคจากด้านนอก ผมมองเห็นป้ายที่อยู่ข้างประตูเขียนว่า
“Psychomeural Institute
Dr. Nikolo Khokholv”
แปลว่าอะไรไม่รู้ละรู้แต่ที่นี้มันมันดูใหม่เกินไปสำหรับอาคารหลังนี้ ผมคิดในใจ
“แกร๊ง”เสียงประตูเปิดออก แม่กุญแจกลายเป็นสีแดงเหมือนโดนเผาด้วยไฟ เธอรีบเปิดประตูเข้าไป เมื่อหันออกมาก็เห็นชายในชุดสีขาววิ่งตามมา หญิงสาวปิดประตู แล้วยืนนิ่งไปสักครู่ ทันใดนั้นประตูเหล็กก็แดงประหนึ่งโดนความร้อนจนเชื่อมกับขอบประตูด้านนอก
“ปัง”เขาเอามือทุบประตู พร้อมกับตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ผมแอบมองที่ป้ายชื่อของเขา
“Dr. Nikolo Khokholv”ผมอ่านได้แค่เนี่ยก่อนที่ประตูจะปิดสนิท เขาคงเป็นเจ้าของที่นี้ละมั้ง ผมหันไปมองที่หญิงสาวเธอเหนื่อยหอบ หายใจแรงแต่ผมดีหน่อยไม่เหนื่อยเลยสักนิด ฝันมันก็ดีแบบนี้ละ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกตัวเองว่า ผู้หญิงที่ยืนหอบอยู่เบื้องหน้าคงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดตอนแรก ผมตัดสินใจขึ้นบันไดปล่อยให้เธอได้พักไปก่อน
หน้าต่างบานใหญ่ 3 บาน อยู่บนฝนังโค้งเหมือนเป็นครึ่งวงกลม เมื่อมองออกไปด้านนอกจะเห็นสนามหญ้าที่รกร้างต้นไม้เหี่ยวแห้งเหมือนไม่ได้รับการดูแล ขอบหน้าต่างมีเศษกิ่งไม้แห้งเกาะอยู่ พอเลี้ยวออกจากทางขึ้นบันไดจะมีทางเดินขึ้นไปอีกชั้น แต่ผมเลือกที่จะสำรวจชั้นนี้ก่อน ผมเดินเลี้ยวมาที่ทางเดินที่ทอดยาวจนมองเห็นฝนังของอีกฝั่ง มีหน้าต่างบานใหญ่ตลอดทางเดิน ตรงข้ามกับหน้าต่างมีห้องอยู่ตรงข้าม ที่นี้ดูรกร้างสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษกระจกใบไม้ มันต่างกับข้างล่างที่ดูสะอาดจนผิดหูผิดต่าง
“angle”เสียงหญิงสาวทำให้ผมทิ้งความสนใจจากตัวอาคาร เธอวิ่งนำผมไปอีกครั้งตามทางเดิน ผมเริ่มวิ่งตามเธออีกครั้ง แต่ด้วยความสงสัยในตัวของผมทำให้อดสังเกตุห้องแต่ละที่อยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างไม่ได้ บ้างห้องก็ถูกปิดด้วยประตูไม้ดูเก่าแก่ ขณะที่บ้างห้องไม่มีประตูเหมือนหลุดหายไป เตียงเหล็กที่ไร้ฟูกเรียงรายเหลือเพียงแต่โครง วางเรียงอยู่ติดฝนัง เมื่อผ่านไปได้สัก 3-4 ห้องก็ถึงลานตรงกลาง มีเคาน์เตอร์เหมือนแผนกต้อนรับล้มอยู่ข้างๆ เก้าอี้เหล็กเก่าๆวางเกะกะ ด้านในยังมีบันไดที่เต็มไปด้วยฝุ่นไร้ร่องรอยคนเดินขึ้นอีกชั้น ตรงข้ามบันไดมีประตูไม้เก่าๆ บานใหญ่ปิดอยู่
“ปังๆ”เธอพยายามเปิดประตู แต่เหมือนมันถูกล๊อคจากด้านนอก ผมตัดสินใจเดินผ่านประตูออกไปล่วงหน้าเธอ เมื่อออกมาด้านนอก สนามหญ้าที่รกเต็มไปด้วยหญ้าสูงเป็นวงกลมอยู่ด้านหน้า ถนนโค้งล้อมรอบจนเหมือนให้รถวิ่งวนไปมาได้ เมื่อมองไปสุดตาจะเห็นกำแพงอิฐสีเทา บนกำแพงมีไม้พุ่มขึ้นเต็มจนบางที่ล้นออกมาถึงด้านล่าง
ขณะที่ผมมองสำรวจรอบๆอยู่ก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา เหมือนมีสายตาใครสักคนมองมาที่ผม จนต้องหันมองไปรอบๆด้วยความระแวง แต่ไม่เห็นใครสักคน ทันใดนั้นผมก็เห็นรถยนต์สีดำวิ่งเข้ามาด้านหนึ่งของรั่ว สถานกานณ์ไม่ดีซะแล้ว ผมรีบกลับข้าไปด้านใน หญิงสาวไม่อยู่ที่ประตูแล้ว แต่เธอกำลังพยายามเปิดหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ข้างแทน ไม่ได้ออกทางนั้นไม่ได้ ผมคิด พร้อมกับวิ่งไปที่เธอ แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ เธอมองที่มองพร้อมกับวิ่งไปที่เก้าอี้แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าต่างทันที่
“เพล้ง”กระจกที่ยังไม่แตกตอนนี้แตกกระจายหน้าต่างยังอยู่ในสภาพเดิมผิดกลับความเก่าแก่ของมัน แต่ไม่ใช่ผมไม่ได้ต้องการให้เธอทำแบบนั้น ผมวิ่งไปที่ห้องที่ไร้ไประตู พร้อมกับชี้เก้าอี้และชี้เข้าไปในห้องนั้น คิดว่าเธอคงพอเข้าใจละนะ ขณะที่ด้านนอกเสียงรถยนต์ทั้งสองคันมาถึงด้านหน้าประตูแล้วจอดอย่างเร่งรีบ ทำให้ผมกับเธอรู้ว่าเวลาของการหนีแบบไม่มีใครตามใกล้จะหมดแล้ว เธอวิ่งไปคว้าเก้าอี้ตัวเดิม ผมพยักหน้ารับ แล้วชี้ไปในห้องนั้นแล้วทำท่าเหวี่ยงมือเข้าไปในห้องนั้น
เสียงประตูรถข้างนอกเปิดออกพร้อมกับเสียงโวยวาย ทำให้ผมต้องหันไปมองชาย 7 คนอยู่ด้านนอกพวกเขาไม่ได้ใส่ชุดตำรวจหรือทหาร แต่งตัวแบบคนธรรมดาแต่ในมือของพวกเขากลับมีปืน ผมหันไปที่หญิงสาวเธอกำลังถือเก้าอี้วิ่งมาที่ผม แต่ไม่ทันแล้ว
“ปังๆๆๆๆ”เสียงปืนจากด้านนอกยิงเข้ามาจนฝุ่นตลบอบอวนไปหมด หญิงสาวก้มตัวหลบในมือยังถือเก้าอี้ มันทำให้ผมตกใจก้มไปกับเธอ พร้อมกับเสียงโวยวายของใครคนหนึ่งจากด้านนอกทำให้เสียงปืนหยุดลง ผมลุกขึ้นตะโกนอย่างลืมตัว “มาเร็ว” เธอลุกขึ้นวิ่งมาที่ผมแล้วเข้าห้องนั้นเข้าไป พร้อมกับการยิงรอบที่สอง
“ปุ ปุ”พวกเขาไม่ใช้ปืนกล แต่มีลูกอะไรใหญ่พุ่งเข้ามาพร้อมกับควันสีขาวเริ่มฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว มันทำให้เธอสำลักควันจนไอออกมา ผมวิ่งไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องนั้น แล้วทำท่าบอกเธอว่า เขวี่ยงที่นี้
“เพล้ง”เสียงกระจกแตกดังลั่น หน้าต่างในห้องนี้ต่างจากด้านนอกคือมันเป็นหน้าต่างแบบเลื่อนขึ้นลงแบบในรถไฟ ตอนนี้มันโล่งปราศจากอะไรขว้างกัน พอให้หญิงสาวออกจากห้องที่กำลังเต็มด้วยควันได้ ผมเดินผ่านออกมารอด้านนอก หญิงสาวปีนหน้าต่างออกมา ทันที่เท้าของเธอแตะลงฟื้น
“โครม”เสียงประตูด้านหน้าพังลงมา พวกเขาคงเข้ามาภายในอย่างเร่งรีบจนประตูพังลงมาจนเสียงดังมาถึงที่นี้ ผมกับเธอเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ผมตัดสินใจวิ่งนำเธอเพราะผมรู้ว่าทางออกคือทางที่รถยนต์สองคันนั้นวิ่งเข้ามา ผมคิดว่าพวกเขาคงเสียเวลาหายพวกเราในควันที่ยิงเข้ามาพอสมควร จึงวิ่งนำเธอทิศที่รถยนต์วิ่งเข้ามา เราวิ่งเลาะตึกจนพ้นมุมของตึกจนวนออกมาที่มุมด้านหน้าตึก ผมหันมองไปที่รถยนต์ทั้งสองคันที่จอดอยู่ไม่มีใคร ผมตัดสินใจโบกมือให้วิ่งผมต่อไป
ทันทีผมก้าวขาจะออกวิ่งมันมาอีกแล้วความรู้สึกรุนแรงเหมือนใครจ้องมองผมอยู่ มันทำให้ออกวิ่งด้วยความระแวงกับอะไรบ้างอย่าง ผมไม่มีเวลาคิดมากก่อนที่พวกที่จะอยู่ข้างในอาคารเก่านั้นจะรู้ตัว แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด
“ปัง”เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวล้มลง ผมตกใจหันกลับไปมองที่ต้นเสียง ชาย 7คนนั้นอยู่ด้านหน้าประตูพร้อมกับมีคนหนึ่งเล็งปืนมาทางนี้ “พวกเขารู้ได้ไง พวกเขาน่าจะเสียเวลาหามากกว่านี้ รึไม่ก็มาจากด้านหลัง”ผมคิดในใจ “เราพลาดตรงไหน” แต่ตอนนี้ผมต้องสนใจกับหญิงสาวที่ล้มลงมากกว่า ผมวิ่งหญิงสาวเพื่อดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แต่เธอลุกขึ้นเอามือกุมที่ขาซ้ายของเธอมีเลือดออกเล็กน้อย กระสุนคงถากไป
“พวกเห็นเราแล้ว”ผมตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่ชายกลุ่มนั้นทั้งๆที่รู้ว่าเธอไม่ได้ยิน ผมรู้สึกหมดหวังที่พาเธอหนีไม่ได้ แต่เธอกลับหันไปที่ชายเหล่านั้น ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงความร้อนมันออกมาจากตัวเธอ ผมยาวสลวยของเธอปลิ้วไสว สายตาเธอเพ่งไปที่ชายเหล่านั้น ผมรู้สึกถึงความเกรียวกราดจากตัวเธอ
“พรึบ”หญ้ารกรอบๆตัวเธอลุกไหม้อย่างไร้สาเหตุ มันทำให้ผมอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงทันที ผมตกใจเอามือปังหน้าพร้อมกับค่อยๆถอยห่างจากเธอด้วยสัญชาติญาณ
“ปังๆๆๆ”เสียงปืนจากชายกลุ่มนั้น พวกเขายิงกระหน่ำแบบไม่ยั้ง แต่สิ่งที่ผมเห็นมันเหลือเชื่อ ผมเห็นกระสุนปืนที่มุ่งมาที่เธอลุกพรึบเหมือนกับโยนน้ำตาลเข้าไปในกองไฟ ไม่มีกระสุนแม้แต่นัดเดียวที่ผ่านไปถึงตัวของเธอ ผมได้แต่เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างใจระทึก
จนกระทั่งเสียงปืนหยุดลง แม้ใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปสัก10นาทีได้ พวกเขาคงยิงจนกระสุนหมด ผมมองไปที่พวกเขา พวกเขากำลังเปลี่ยนกระสุน บ้างคนลนลานจนทำตลับกระสุนตกจนต้องเสียเวลาเก็บ ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟลุกไหม้ตามพื้นมันไหม้ทั้งหญ้า ทั้งบนถนนที่ไม่น่าลุกไหม้ได้ พุ่งเป็นเส้นตรง มันตรงจากหญิงสาวไปที่ชายกลุ่มนั้นที่อยู่หลังรถยนต์
ไฟนั้นไร้ซึ่งความปราณีใด มันลุกไหม้พวกเขา และรถที่จอดอยู่ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จนบางคนกลิ้งตัวลงบนพื้น บางคนทำปืนลั่น มันเป็นภาพที่น่าเวทนา ผมไม่เคยเห็นคนโดนย่างสดแบบนี้ เคยเห็นแต่ในหนัง ช่างสยดสยองจริง
ผมหันมามองที่หญิงสาว “รึว่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เธอโดนจับอยู่ในนั้น และการที่ผมช่วยเธอออกมาผมทำสิ่งที่ถูกรึเปล่า”
“บรึม”เสียงระเบิดมันดังขึ้นมีรถยนต์คันหนึ่งระเบิด จนทำให้รถยนต์อีกคันระเบิดตาม ไม่มีเสียงครวญคราง ไม่มีสียงปืนอีกแล้ว มีแต่เปลวไฟที่ลุกท้วม จนมันเริ่มลามไหม้อาคารหลังนั้น
ผมกลับมามองที่หญิงสาว เธอทำได้ยังไง เธอเป็นใคร ตอนนี้ผมมีหลายคำถามอยู่ในใจ แต่ทุกคำถามผมหายไปเมื่อเห็นน้ำตาบนใบหน้าของเธอ ผมเดินไปหาเธอด้วยความสับสน อยากปลอบก็อยาก อยากถามก็อยาก แต่ผมต้องหันหลังกลับด้วยความตกใจ มีบางอย่างอยู่ข้างหลังผม มีตาคู่หนึ่งมองมาที่ผม แล้วมันก็เกิดขึ้นพร้อมกัน ผมถูกตาคู่นั้นดันจนกระเด็น พร้อมกับเสียงของหญิงสาว
ความคิดเห็น