คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทเรียนที่ 7 เอ้าสอบมันเข้าไป l ถ้าจะยืดขนาดนี้ล่ะก็นะ
เอาล่ะ ในที่สุดก็มาถึงสอบรอบบ่าย รอบนี้คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมากเพราะเป็นวิชาการใช้ชีวิตในสถาบัน
แน่นอนว่าคำถามที่ใช้ในการสอบคัดเลือกรอบนี้ส่วนมากก็ถามเชิงจิตวิทยาเพื่อการวิเคราะห์ในห้าด้านที่ใช้ประเมินนั่นแหละ เวลาสามชั่วโมงกับข้อสอบ 30 ข้อ ถ้าคนจะทำได้มันก็ทำได้ ถ้าคนจะทำไม่ได้มันก็ไม่มีทางทำได้ ฉันรู้
ถึงจะน่ารำคาญตรงที่ต้องมานั่งตรวจคำตอบแล้วยังต้องเช็คประวัติให้ตรงกันกับที่ตอบมาในคำถามก็ตาม แล้วยังต้องไม่โลกสวยหรือโลกมืดเกินไปอีกต่างหาก เป็นข้อสอบที่ทำร้ายจิตใจกันน่าดูเลยล่ะ ยิ่งต้องคัดออกตั้ง 3,033 คน โดยไม่ตรวจกระดาษคำตอบ ยิ่งช้ำใจเข้าไปใหญ่
กฎของสถาบันของเรา ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ “จงมีชีวิตเพื่อต่อสู้” เหมือนกับคติพจน์ของสถาบัน “จงมีชีวิตเพื่อสู้ชีวิต เพราะไม่มีสิ่งใดโหดร้ายและยิ่งใหญ่มากไปกว่าชีวิตของเรา”
ซึ่งจากกฎดังกล่าว จะพูดว่า “ห้ามตาย” ก็พูดได้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่มีใครตาย มันจะไปเรียกว่าเป็นสถาบันที่คัดคนที่เก่งที่สุดของโลกได้ยังไงกัน?
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่กฎที่ว่าคนที่ทำคะแนนได้น้อยที่สุดในแต่ละปีจะถูกลงโทษโดยการประหารเป็นกฎเก่าแก่ของพวกหัวโบราณที่ไม่รู้จักปรับให้เข้ากับปัจจุบันก็ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาบริหารเมื่อยี่สิบปีที่แล้วโน่น เพราะฉันคิดว่ามันรุนแรงเกินไปเหมือนกับองค์การสันติภาพโลกคิดนั่นแหละ
และเพราะไม่มีกฎนั่น เราจึงได้เพิ่มความยากมหาโหดให้กับหลักสูตรทั้งด้านวิชาการและด้านการปฏิบัติ แล้วยังตั้งเกณฑ์ผ่านการประเมินไว้สูงกว่าที่หลักสูตรปกติใช้ถึงสองระดับ และถ้ามีนักเรียนคนใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินตั้งแต่สองด้านขึ้นไป สถาบันจะบังคับลาออกทันทีที่พ้นการสอบปลายภาคในฤดูกาลสอบสุดท้าย
ถามว่าการประเมินมีด้านอะไรบ้าง?
หนึ่งคือด้านวิชาการหรือด้านทฤษฎี ประเมินจากการทำรายงานหรือแลปกริ๊งและทดสอบย่อยในแต่ละรายวิชา ตัวนี้ค่อนข้างมีความสำคัญในการสอบทั้งกลางภาคและปลายภาค รวมถึงใช้เป็นความรู้เวลาหางานทำด้วย ซึ่งนักเรียนจะต้องมีความเข้าใจในเนื้อหาสาระที่เรียนและนำเสนอได้ นอกจากนี้ยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์แต่อยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้อีกด้วย
สองคือด้านปฏิบัติ ซึ่งรวมถึงงานฝีมือ การต่อสู้ กิจกรรมภายในสถาบันและภารกิจต่างๆที่เราให้ ภารกิจจะเป็นส่วนที่มีคะแนนถ่วงน้ำหนักมากที่สุด เพราะต้องใช้ความรู้หลายๆด้านเข้าช่วยในแต่ละครั้ง และภารกิจนี่แหละที่จะทำให้มีคนตายมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่จัดเป็นกลุ่ม ฉันพบปัญหาเยอะมากพอที่จะไล่ออกได้เกือบทั้งชั้นปี อย่างที่เห็นในเด็กๆปีสี่รุ่นปัจจุบันที่เหลือเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น เพราะตอนปีสามฉันบังคับลาออกไปซะเกือบหมด
สามคือด้านจิตพิสัย จิตพิสัยในที่นี้คือการเป็นผู้นำในการทำงาน หรือการทำงานโดยสมัครใจ การเข้าเรียน รวมไปถึงการทำงานเป็นกลุ่ม การประสานงาน และการดูแลเพื่อนด้วย
สี่คือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักๆก็คือการมีสำนึกรับรู้ผิดชอบชั่วดี มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีจิตอาสา เคารพส่วนรวม อะไรประมาณนั้น พวกนี้ฉันกับอาจารย์ทุกคนจะร่วมประชุมเพื่อหารือกันว่าควรจะประเมินใครเท่าไหร่จากมุมมองของแต่ละคน
ห้าคือการสอบ การสอบกลางภาคและการสอบปลายภาคที่กินเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แบ่งเป็นสองช่วงคือช่วงการสอบภาคทฤษฎีและช่วงการสอบภาคปฏิบัติ โดยจะเลือกสอบอะไรก่อนก็ได้ แค่ลงเฉพาะวิชาชีพของตัวเอง, วิชาหลักที่จำเป็นต้องใช้ (ไม่จำเป็นต้องลงทุกวิชา) และวิชาเลือกก็จะสอบนอกตาราง
นอกจากนี้ยังมีกฎพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ นักเรียนสามารถท้าสู้กันได้โดยไม่ผิดต่อกฎของสถาบันถ้ามีอาจารย์อยู่รับรองการต่อสู้ และสามารถสู้กันได้ถึงตายถ้าหากผ่านดุลยพินิจของอาจารย์ผู้รับรอง
เวลาแห่งการสอบก็ได้เริ่มต้นขึ้นในที่สุด ฉันทำแบบเดิมเหมือนกับเมื่อตอนสอบรอบเช้าทุกประการ
พี่เซนี่เดินเข้ามาถามฉันหลังจากที่ฉันกั้นห้องและสร้างโซฟาขึ้นมานั่งเสร็จแล้ว “รอบนี้ว่าไง เมทสึกิ ได้เท่าไหร่?”
“ 3,033 คน ใช้ได้นะว่ามั้ย? แต่ก็ยังน้อยอยู่ดี”บ่นเสร็จก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
พี่เซนี่ลูบคางและส่งเสียงลากยาวออกมา “เห ก็ไม่ได้แย่นี่นา” พี่ชายสายพันธุ์ลิเวียแทนชะงักนิ่งไปครู่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะทำหน้าแหยใส่ฉัน “แต่พอเทียบกับจำนวนที่มาปีนี้แล้วก็ออกจะแย่อยู่จริงๆนั่นแหละ”
ฉันยักไหล่ “ใช่มั้ยล่ะ ทีนี้ก็เหลือประมาณแปดหมื่นคนที่ฉันต้องทดสอบ ฉันว่ามันต้องเหนื่อยแบบที่ว่าเหนื่อยจนเลือดตาทะลักแหงๆ” พี่ชายคนโตของฉันหัวเราะพรืดกับคำบ่น
“ทำไมฉันคิดเหมือนเธอนะ?”
“ก็เราเป็นพี่น้องกันนี่นา”
“พูดอะไรชวนอ้วกน่าคุณผู้อำนวยการ” พี่เซนี่นั่งลงบนพนักพิงและดีดกะโหลกฉันเบาๆหนึ่งทีก่อนจะถูกขัดโดยพี่เอสที่เข้ามานั่งลงข้างๆตัวฉัน ให้ตายเถอะ นี่ใส่น้ำหอมกลิ่นอะไรมาเนี่ย ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังรู้สึกว่าหอมน่ากินเป็นบ้าเลย
“แล้วใครได้มากที่สุดล่ะ เห็นเธอบอกว่าจะให้รางวัลคนที่ได้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ?”ตอนนี้หลายๆคนเริ่มให้ความสนใจพวกเรามากขึ้นแล้วหลังจากที่พี่เอสเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ฉันยิ้มพราวและขยิบตาให้พี่ชายทั้งสองคน
“ทายสิว่าใคร”
พี่เอสมุ่นคิ้วลงก่อนจะตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก ในขณะที่พี่เซนี่พูดออกมาแบบไม่ต้องคิด “อืม ไรจินล่ะมั้ง/ไรจิน”
“คนอื่นล่ะ? คิดว่าใครได้รายชื่อมากที่สุด” ฉันเปลี่ยนขาไขว่ห้างแล้วพยักพเยิดไปทางคนอื่นที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดการงานเอกสาร
“พนันได้เลยย่ะว่าไรจิน ฉันให้ร้อยเหรียญทองเลย”เมซี่ตอบฉันเป็นคนแรก โว้วๆ เดิมพันร้อยเหรียญทองเลยนะ แปลงหน่วยเป็นเงินแล้วไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่น คอยดูต่อไปดีกว่า
“ซินเซียร์”อาร์เซลตอบ ฉันเห็นนะว่าแม่สาวนักฆ่านี่แอบหน้าแดง เฮ้อ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ เจ้าเด็กอินคิวบัสนั่นเสน่ห์แรงจริงจังแบบปฏิเสธไม่ได้ เมซี่ถลึงตาใส่ให้อาร์เซลวางเงินด้วย สาวผมบลอนด์จิ๊ปากขัดใจเมื่อขัดขืนเมซี่ไม่ได้ “ชิ ตามร้อยเหรียญทองก็ได้”
ปีศาจสาวสวยเซลีนยิ้มอ่อน มือบอบบางสางผมตัวเองเบาๆก่อนจะตอบ “ฉันว่าน่าจะเป็นซินค่ะ ตามหนึ่งร้อยเหรียญเช่นกันค่ะ”
อย่าเข้าใจผิดล่ะว่าเซลีนก็หลงเสน่ห์ซินเซียร์ เซลีนเป็นปีศาจ และซินเซียร์เองก็เป็นปีศาจเหมือนกัน น่าเสียดายที่เซลีนมีระดับที่สูงกว่าซินเซียร์ เสน่ห์อันร้ายกาจของหมอนั่นก็เลยไม่มีผลต่อปีศาจสาวเลยแม้แต่น้อย ที่เธอวางเดิมพันข้างซินก็คงจะเป็นเพราะเห็นหมอนี่เป็นพวกล่อลวงสาวๆเก่งล่ะมั้ง
“ไรจิน ตามร้อยเหรียญทอง” อินค์ยักไหล่ตอบแบบไม่คิดมาก
อ๋อใช่สิ พวกแกสนิทกันขนาดแอบไปตั้งวงก๊งเหล้าไม่เรียกฉันด้วยซ้ำ สนิทกันมากชนิดรู้เช่นเห็นชาติเพราะสันดานเดียวกันไงล่ะ
“แค่ร้อยเหรียญจะไปสนุกอะไรกันครับ ผมให้ซินเซียร์ เกทับสามร้อยเหรียญทอง”
โว้วๆ บาทหลวงหนุ่มหล่อของเราไฟติดแล้วแฮะ น่าเสียดายที่แทงผิดข้างนะคุณพ่อเจมส์ ไว้จะสวดให้ทีหลังก็แล้วกัน
จะว่าไปนี่ไม่ผิดศีลเหรอเนี่ย?
“คุณพ่อเจมส์คะ พนันแบบนี้มันผิดศีลนะคะ”ซิสเตอร์เฟรสยิ้มแห้งพูดเสียงอ่อย ในขณะที่บาทหลวงประจำสถาบันหัวเราะดังลั่นและเดินไปตบไหล่ซิสเตอร์สาวเบาๆ
“ไม่เอาน่าเฟรส เธอก็รู้ว่าผมไม่ได้ข้องเกี่ยวกับศาสนจักรอีกแล้ว ที่เป็นบาทหลวง (ปลอม) อยู่ที่นี่ก็เพราะตกงานไง จะมาให้ผมเคร่งขนาดนั้นก็ปวดหัวตายพอดี” เจมส์พูดอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆทั้งสิ้น ในขณะที่ซิสเตอร์เฟรสที่สวนขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“งั้นฉันขอแทงฝั่งไรจิน ตามสามร้อยค่ะ”
เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้เธอยังห้ามไม่ให้ไอ้บาทหลวงเถื่อนนั่นทำอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทีงี้ล่ะตาม ยัยซิสเตอร์หัวขบถเอ๊ย
ช่างตีเหล็กคนสวยที่แทบจะหลับตลอดเวลาของสถาบันขยับตัวน้อยๆ มือหยาบกร้านไม่สมกับหน้าตาโบกกระดาษในมือเบาๆ “ยากแฮะ งั้นฉันแทงฝั่งซินเซียร์ เกทับห้าร้อย”
ฟรองซัวร์ ฉันรู้ว่านายรวยที่สุดในสถาบัน ทั้งเครื่องประดับกับอาวุธเวทมนตร์ที่นายทำขายชิ้นละเป็นแสนเหรียญ แต่ไม่จำเป็นต้องข่มกันขนาดนั้นมั้ง ดูสิ อาร์เซลตัวสั่นใหญ่แล้วนั่น แม่นั่นยิ่งถังแตกอยู่
“ทำไมมีแต่ชื่อไอ้เด็กเหลือขอสองตัวนี้เนี่ย? พวกมันเป็นตัวเก็งขนาดนั้นเลยเรอะ?”เจ้าของวลีไอ้เด็กเหลือขอจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฮลก้า เบกเกอร์ ปีศาจสาวชั้นไดมอนด์คลาสผู้น่าเกรงขามและขวานผ่าซากยิ่งกว่าลูกสาวคนเดียวของฉัน ฉันไม่แน่ใจว่าเธอหมั่นไส้อะไรสองคนนี้เป็นพิเศษหรือเปล่า แต่ท่าทางดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
พี่เอสเปลี่ยนท่านั่งให้ออกห่างจากตัวฉัน เครื่องประดับเงินส่งเสียงดังแกร๊กๆตามจังหวะการขยับตัว ใบหน้างดงามมองไปทางปีศาจสาวแล้วพูดขำๆ “ไม่เอาน่าเฮลก้า ถ้าจะมีใครหลอกลวงคนเก่งพอๆกับซาตานก็มีเจ้าสองคนนี้เท่านั้นแหละ แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ”
“ฉันให้ยัยเด็กแมรี่ ยัยนั่นเป็นไอดอลนะ ไม่คิดว่าจะได้เยอะเหรอ แทงตามห้าร้อย”
พี่น้องที่ไม่มีความเหมือนกันเลยแม้แต่น้อยอย่างฮันเซลและเกรเทล ไคล์หันมองหน้าอีกฝ่ายและพูดพร้อมกัน “เธอแทงข้างไหนพี่ก็แทงอีกข้าง/พี่แทงข้างไหนฉันก็แทงอีกข้าง”
มีแต่เรื่องชอบเอาชนะกันเองเรื่องเดียวแหละที่เหมือนกัน
“ไรจิน/ซินเซียร์ ตามห้าร้อย”และทั้งคู่ก็ทำตามที่พูดกันจริงๆด้วยล่ะเหวย เป็นฮันเซลที่แทงข้างไรจินและเกรเทลแทงข้างซิน
เหม่ยหวางและเหม่ยหลิน ฝาแฝดที่เกือบเหมือนกันทุกประการหันมองหน้ากัน เหม่ยหลินพยักหน้าให้เหม่ยหวางตอบฉัน “ผมสองคนคิดว่าเป็นซินเซียร์ ตามห้าร้อยเหรียญครับ”
คริสทีน เออร์แบนเอลฟ์สาวสวยตำแหน่งพยาบาลของสถาบันกระแทกปลายรองเท้าบู๊ตหัวเหล็กลงพื้นเป็นจังหวะ ในขณะที่มือนุ่มนิ่มคัดกระดาษคำตอบออกเป็นสองกองอย่างรวดเร็วและพูด ตอบฉันไปด้วย “แหม ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันให้แมรี่ ห้าร้อยเหมือนคุณเฮลก้าค่ะ”
“ซินเซียร์ เกทับหกร้อย”ลูกครึ่งยมทูตคิริซากิพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หมอกแห่งความตายลอยวนอยู่รอบๆตัวเหมือนปกติ หล่อนเบิกเนตรปีศาจของตัวเองเพื่อคัดกระดาษคำตอบออกเรียบร้อย
“เมทสึกิ!! นี่ เดิมพันสูงขนาดนี้ไม่สนุกแล้วนะ!”หวาย อายาเสะเสียงดังใส่ฉันแล้วง่ะ เดี๋ยวนะ ฉันต้องโอ๋น้องก่อน พักการพนันไว้ก่อนดีมั้ยเนี่ย
แต่เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ขัดฉันก่อนที่จะได้โอ๋น้องสาว ร่างเล็กภายใต้ชุดจูนิฮิโตเอะสิบสองชั้นหนาหนักลอยเข้ามาใกล้น้องสาวฉันทีละน้อย
ใช่ ลอยจากพื้นนั่นแหละ องค์หญิงสึกิฮิเมะ คางุยะที่สามแห่งดวงจันทร์แพ้สสารประเภทของแข็งที่อยู่บนพื้นโลกหลายชนิด จึงต้องใช้ผลึกจันทราในการลอยตัวขึ้นออกห่างจากพื้นเวลาไปไหนมาไหน ไปๆมาๆรู้สึกว่ามันสะดวกดีเลยใช้จนชินไปแล้วแม้ว่าจะอยู่ในมิติปิดนี่ก็ตาม
“ท่านอายาเสะเจ้าคะ ตัวข้าเองก็รู้ว่าการพนันขันต่อนั้นหาได้เป็นสิ่งที่ดีไม่ ทั้งยังขัดต่อจารีตที่เหล่าเรายึดถือ”มือถือพัดจีบคล้องโซ่ถ่วงตุ้มเหล็กโบกสะบัดเบาๆเหมือนกับว่ามันไร้น้ำหนัก น้ำเสียงอ่อนละมุนทำให้จิตใจของอายาเสะเย็นลงจนพูดชื่อของเจ้าหญิงเสียงอ่อย
“องค์หญิงคางุยะ”
“แต่ครั้งนี้ข้าเห็นว่าสิ่งที่ท่านหญิงเมทสึกิทำนั้นเป็นเพียงความบันเทิงเล็กๆน้อยๆที่ข้ารับได้ และท่านคงจะไม่ว่ากระไรหากข้าจะลงเดิมพันตามหกร้อยเหรียญข้างไรจินเจ้าค่ะ”
“องค์หญิง!!”อายาเสะเสียงดัง ดวงตาที่มีเพียงข้างเดียวเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฉันเห็นท่าไม่ดีจึงพุ่งเข้าไปกอดเอวอายาเสะไว้หลวมๆ น้องสาวเมดูซ่าของฉันขืนตัวออกน้อยๆแต่ฉันกอดแน่นขึ้นจนเธอสลัดออกไม่หลุด ฉันซบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบและอ้อนเธออย่างไม่อายใคร “อายาเสะ พี่ขอโทษ พวกเราแค่เล่นกันสนุกๆเองนะ ไม่ได้เอาเงินจริงจังซักหน่อย นะ เธอจะโกรธพี่ยังไงก็ได้แต่อย่าโกรธองค์หญิงเลยนะ นะคะ น้องสาวคนดีของพี่”
แน่อยู่แล้ว ถึงฉันจะรักน้องสาวฉันมากแค่ไหน แต่การไปงัดกับองค์หญิงแห่งดวงจันทร์ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางสู้กับผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งดวงจันทร์คนต่อไปได้ และฉันไม่อยากเสี่ยงให้องค์หญิงโมโหจนหนีกลับดวงจันทร์ในเวลาแบบนี้แน่ๆ
“ฉันจะหายโกรธก็ได้ แต่พี่ต้องไปหากิเลนมาให้ฉัน”
“ได้จ้ะได้ พี่จะหามาให้เธอให้เร็วที่สุดเลย”
“งั้นก็ดี ฉันแทงข้างไรจิน ตามหกร้อยค่ะ”
ฮะ?
หา?
ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!?
เดี๋ยวสิ นี่น้องสาวคนดีแกล้งงอนฉันเพื่อที่จะให้ฉันไปหากิเลนมาให้งั้นเหรอเนี่ย!!! โว้ยย!! ทำไมรู้สึกเสียหมาอย่างนี้เนี่ย!!! ไม่คิดว่าจะตามมุกอายาเสะไม่ทันจริงๆนะเนี่ย
อายาเสะหัวเราะคิกคัก “พี่ทำหน้าตลกมากเลย ฉันไม่โกรธพี่ตั้งแต่พี่อ้อนฉันแล้ว” เดี๋ยวนะ ตอนนี้ฉันทำหน้ายังไงอยู่วะเนี่ย
“ก็ไม่เห็นต้องหลอกกันเลยนี่นา โธ่เอ๊ย”ฉันบ่นอุบและซุกหน้าเข้ากับหน้าท้องเธอให้แน่นขึ้น แกล้งฟัดซะดีมั้ยเนี่ย ไม่เอาดีกว่า อายาเสะยิ่งมือหนักอยู่
ฉันหันไปถามคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้เล่น “นาโอะล่ะว่าไง?”
“ไม่เล่นเว้ย แกก็รู้ว่าฉันไม่มีดวงด้านนี้ แล้วก็นะ เผื่อว่าแกลืมไป ฉันบำเพ็ญตบะอยู่นะเว้ย”
นาโอะ นากาตะ เป็นมนุษย์ผู้ชายหน้าสวย สวยพอๆกับพี่เอสนั่นแหละ โคตรเหง้าบรรพบุรุษทุกรุ่นเป็นชาวกีห์มริดแท้ๆ จึงมีลักษณะพิเศษที่ชัดเจนเช่นเดียวกับชาวกีห์มริดแท้ๆ คือมีผิวสีซีดขาวจนเห็นเส้นเลือด ผมยาวสีขาวละเอียดราวหิมะ ครึ่งหนึ่งมัดเปียไว้ ส่วนอีกครึ่งรวบไว้เฉยๆ รับกับดวงตาเฉี่ยวคมสีขาวเหลือบฟ้าจางเหมือนน้ำแข็ง
ฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของหมอนี่ เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยที่ฉันยังนั่งร่อนนั่งตะไบผลึกคราวน์ก้อนเบ้อเริ่มอยู่ที่กีห์มริดนั่นแหละ นาโอะเป็นลูกชายเจ้าของบ้านพักที่ฉันอาศัยอยู่น่ะ และตอนนี้นาโอะก็กำลังบำเพ็ญตบะเพื่อบรรลุเป็นเซียนตามศาสตร์ลึกลับบางอย่างของออตตอน
แต่นาโอะก็มักจะประสบปัญหาเรื่องอาการประสาทอ่อนๆที่เกิดจากการสืบพันธุ์ภายในวงศ์วานนั่นแหละ เพราะปู่กับย่าและตาของนาโอะเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ส่วนยายก็เป็นญาติสนิทกัน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าพ่อกับแม่ของนาโอะก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกต่อหนึ่งก็ว่าได้
“เหอะน่า คนอื่นเขาก็เล่นกันไปหมดแล้ว แกจะลองบ้างก็ไม่เสียหาย ไม่ได้ผิดขนาดนั้นซะหน่อย”
“ไม่ก็คือไม่ ฉันไม่ยอมโดนแกหลอกหรอก เข็ดแล้ว”
แหม พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ฉันเคยหลอกนาโอะเรื่องอย่างว่าน่ะ สมัยนั้นนาโอะยังเป็นเด็กน้อยน่ารัก แถมยังหัวอ่อนแล้วก็เชื่อฟังทุกอย่างที่ฉันพูดอยู่เลย ไอ้ฉันก็เห็นว่าถ้านาโอะเลือกที่จะเดินในเส้นทางสายธรรมนี่จริงๆแล้วจะปล่อยให้เป็นหนุ่มซิงไปตลอดชาติโดยไม่ได้รู้จักความสุขทางกายแบบนี้ก็ออกจะเสียชาติเกิด ก็เลยพาไปหอมุกพิรุณที่ฉันค่อนข้างจะสนิทกับแม่เล้าของที่นั่น และจัดการให้นางโลมรวบหัวรวบหางในคืนนั้นไปเลย
ปรากฏว่าพอเช้ามานาโอะโกรธฉันแทบเป็นแทบตายและบอกว่าจะไม่เชื่อที่ฉันพูดอีกแล้ว ไม่เชื่อแม้กระทั่งว่าไอ้การบำเพ็ญตบะเพื่อเป็นเซียนของหมอนี่จะลำบากจนแทบเป็นไปไม่ได้เพราะอาการทางประสาทที่มักจะกำเริบอยู่บ่อยๆจนต้องพึ่งยาระงับประสาทในระยะหลังๆ
พี่เอสตีแขนฉันเสียงดังเพียะ “ช่างนาโอะเถอะน่าเมทสึกิ เฉลยมาได้แล้วว่าใคร”
อีกอย่างหนึ่งที่ลืมบอกคือพี่เอสกับนาโอะไม่ค่อยถูกกันน่ะ ต้องเข้าใจความบาดหมางระหว่างคนสวยสองคนที่กิ๊กของพี่เอสดันไปจีบนาโอะทั้งๆที่ยังคบกับพี่เอสอยู่จนทะเลาะและเลิกกันไป แต่พี่เอสก็ยังไม่หยุดแขวะนาโอะ นาโอะเองก็ไม่ยอมโดนแขวะอยู่ฝ่ายเดียว แขวะกันไปแขวะกันมาก็เลยกลายเป็นญาติดีกันไม่ได้ไปซะงั้นล่ะ
“ฉันให้โอกาสอีกครั้งนะ ใครอยากเปลี่ยนข้างเดิมพันมั้ย?”
เงียบ
“งั้นเดิมพันสูงสุดที่หกร้อยเหรียญทองนะ”
“เงินเดือนฉันเกือบทั้งเดือนหลังหักหนี้เลยนะนั่น” อาร์เซล ถ้าหล่อนเลิกเอาเงินอีกสามส่วนไปผ่อนอาวุธก็ไม่ต้องถังแตกแบบนี้หรอก อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอกนะแต่ก็ขี้เกียจพูดให้เสียเวลาเพราะยัยนี่ไม่มีทางเปลี่ยนตัวเองง่ายๆหรอก
“เดี๋ยว เปลี่ยนข้างค่ะ แทงซินเซียร์ ตามหกร้อยค่ะ” สาวเอลฟ์คริสทีนเอ๋ย โชคชะตาของหล่อนนี่มันช่างน่าสงสารสิ้นดี อุตส่าห์เปลี่ยนข้างหนีนรกแล้วก็ยังแทงผิดอีก
“คริสทีน ทำไมหล่อนเปลี่ยนข้างเล่า แบบนี้ก็มีแค่ฉันที่แทงยัยเด็กแมรี่นั่นคนเดียวสิ”
คริสทีนเตะขาสลับข้างพลางอธิบาย “ก็แหม ผู้ชายน่ะภาษีดีกว่าผู้หญิงนี่คะ ยิ่งเป็นหนุ่มหล่อแบบซินเซียร์ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ไม่คิดแบบนั้นเหรอคะ? คุณเฮลก้า”
เฮลก้ามองหน้าเอลฟ์สาวพลางกัดฟันกรอด “โคตรฟังไม่ขึ้นเลยยัยพยายมบาล” พยายมบาล เป็นฉายาเรียกกันเล่นๆของคริสทีนน่ะ มีที่มาจากคำว่าพยาบาลกับยมบาลรวมกัน ฉายาโคตรไม่มงคลจริงๆเลยพับผ่าสิ
อาจารย์สายพันธุ์ปีศาจเรียกฉันทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาออกจากหน้าสวยๆของคริสทีน “เมทสึกิ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะแทงข้างไอ้เจ้าไรจิน ตามหกร้อยเลยก็ได้”
อืม แทงไรจิน 8 คน ไม่รวมพี่เอสกับพี่เซนี่ แล้วก็แทงซินเซียร์ 9 คน นาโอะไม่เล่น เอาเถอะ ยังไงซะหลังจากนี้ก็ไม่ใช่ธุระของฉันแล้ว ในเมื่อเจ้ามือไม่ได้กิน ความสุขก็ตกแก่ขาไพ่ล่ะนะ
“โอเค ไม่มีใครลงเดิมพันเพิ่มแล้วนะ”
“...”
“เฉลยแล้วนะ”
“...”
“ไม่มีใครเปลี่ยนใจแน่นะ”
“ว้อย! หล่อนจะบอกไม่บอกยะ ฉันลุ้นจนจะกลายเป็นผู้ชายแล้วเนี่ย!!!”
เมซี่ เพศสภาพของหล่อนเป็นผู้ชายอยู่แล้ว นังมังกรกระเทยถึกสมองหมูตัวเมีย จะหลงเพศก็ให้มันมีขอบเขตมั่ง
“ขอแสดงความยินดีให้กับคนแทงข้างซินเซียร์ด้วยที่ต้องจ่ายหกร้อยเหรียญให้กับคนแทงข้างไรจิน น่าเสียดายนะ 362 ต่อ 360 เฉียดกันไปนิดเดียวเอง”
ฉันเห็นอาร์เซลทรุดตัวลงไปกองกับพื้นแบบหมดอาลัยตายอยาก โธ่ๆ หลังจากนี้ก็อาศัยโรงอาหารไปก่อนก็แล้วกันนะ ค่าอาวุธก็ยังต้องผ่อน แถมหล่อนยังต้องจ่ายเงินคนอีกแปดคนอีกต่างหาก
แล้วก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากทางบาทหลวงเถื่อนพร้อมๆกับเสียงหัวเราะสูงปรี๊ดอย่างสะใจของซิสเตอร์สาวหล่อ เช่นเดียวกับคริสทีนที่แผ่รังสีดำมืดออกมาจากตัวในขณะที่เฮลก้ายิ้มเยาะและแขวะใส่ไม่ยั้งจนติดคริติคอลฮิตคอมโบรัวๆ ในขณะที่พี่น้องต่างขั้วอย่างฮันเซลก็ทำเพียงแค่ยิ้มอ่อนใส่น้องสาว ส่วนเกรเทลก็ทำแค่ถอนหายใจและส่งบัตรเครดิตให้พี่ชายเท่านั้น
“พวกเธอสองคนเล่นกันเองใช่มั้ย จะได้ไม่ต้องคิดรวม”อาร์เซลถามอย่างมีความหวัง
ฮันเซลขยับกรอบแว่น สายตาเหยียดหยามมองอาร์เซลอย่างสะใจ “พูดอะไรอย่างนั้น เกรเทลจะฝากฉันไปเบิกเงินออกมาต่างหาก ยัยนี่โดนธนาคารห้ามเข้าเพราะโดนติดประกาศว่าเป็นผู้ก่อการร้ายน่ะ”
ก็น่าโดนอยู่หรอก เพราะในขณะที่ฮันเซลคนพี่เป็นหนุ่มแว่นดูคงแก่เรียน ผมสีน้ำตาลหวีเรียบแปล้ แต่เกรเทลคนน้องกลับเป็นสาวพังค์ ผมย้อมสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์ทรงโมฮอว์ค ทั้งคิ้ว หู จมูกและปากต่างก็มีหมุดเจาะเป็นรูพรุนไปหมด แถมยังมีรอยสักทั้งหน้าทั้งตัว
“อ้อ ไม่ต้องให้พี่เซนี่กับพี่เอสนะ เขาไม่ได้ลงเดิมพัน”ฉันแอบขำอยู่ในใจเมื่อเห็นพี่เซนี่ช็อคจนนิ่ง ตัวแข็งค้างเหมือนมองตาอายาเสะ ส่วนพี่เอสก็แค่พ่นลมหายใจเบาๆแล้วงึมงำอะไรสักอย่างประมาณว่าแล้ว
ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาของพี่ริซ่าดังมาจากด้านหลัง
“ฉันยังไม่ได้เล่นเลย”
อุ๊ยตายแล้ว ลืมพี่ริซ่าไปซะได้ แย่จริง แต่ก็นั่นแหละ ปล่อยพี่เขาจิตตกแล้วสูบแบตเตอรี่ไปสองสามนาทีเดี๋ยวก็กลับมาปกติเองนั่นแหละ
เดี๋ยวก่อนจะไปตรวจคำตอบต้องบอกให้ลูกๆฉันเตรียมซ้อมไว้ด้วย คงจะต้องเหนื่อยกันสักหน่อยที่ต้องมาสถาบันกันเอง แต่การขนส่งของมิลเลนเนี่ยมน่ะเป็นสิ่งที่เชื่อใจได้มากที่สุดของระบบเลยล่ะ
********
ตอนนี้มีแต่น้ำ ปราศจากเนื้อโดยสิ้นเชิง #ถึงได้ปั่นเร็วยังไงล่ะ!! #ผิชท์
เราอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับสถาบันให้มากขึ้นค่ะ แล้วก็เปิดตัวเหล่าคณะอาจารย์ทุกท่านของสถาบันด้วย
เพื่อที่จะได้เห็นกันว่า ต่อให้งานหนักแค่ไหนพวกท่านๆก็ยังคงชิลกันได้เสมอ...
แล้วก็จะได้เห็นมุมมองที่พวกท่านๆมีต่อนักเรียน (บางคน) ด้วย
แต่สำนวน "เจ้ามือไม่ได้กิน ความสุขก็ตกแก่ขาไพ่" นั่นไม่มีจริงนะคะ 5555 ได้ยินแม่พูดกับพ่อตอนสงกรานต์แล้วชอบมาก อยากใส่ลงไปในตอนไหนสักตอนของเรื่อง แล้วก็โชคดีที่มาลงตอนนี้พอดี
ตอนหน้าจะเริ่มเป็นเซอร์ไวเวอร์เกมของจริงแล้วนะคะ!!
#อาจหายไปสองหรือสามอาทิตย์เพื่อปั่น #โดนตรบ
ความคิดเห็น