ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ICHA นักเรียนซ่า อาจารย์แสบ [Yaoi+Yuri+Normal]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทเรียนที่ 4 สืบสานประเพณี l ทำไมงูถึงมีลิ้นสองแฉก

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 58


    ฉันรออยู่นานจนฉันต้องสร้างโซฟา, โต๊ะและเก้าอี้ขึ้นมาให้ทุกคนนั่งเพราะว่ายืนกันจนเมื่อยจัด และอีกประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น อินค์ก็กลับมาพร้อมกับถุงกระดาษถุงใหญ่เบิ้มสองถุงที่ดูท่าทางจะหนักเอาการ

    “ผมไม่รู้ว่าคุณอยากทานอะไรก็เลยเอามาเผื่อน่ะครับ”เขาวางถุงลงบนโต๊ะ ค่อยๆหยิบออกมาจากถุงทีละกล่องๆ

    ฉันหยิบเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่กับน้ำอัดลมและกล่องโดนัททันทีที่เห็น อินค์ยิ้มออกมาอย่างปลงๆเมื่อเห็นฉันหยิบเหล่าอาหารขยะไปอย่างรวดเร็ว หมดมาดของผอ.ผู้สูงส่งของสถาบันฯในทันที มองไปเถอะ ฉันแกะห่อเบอร์เกอร์และกินเข้าไปอย่างรวดเร็วสลับกับจิบน้ำอัดลมเมื่อฝืดคอ ตามด้วยโดนัทเคลือบไอซ์ซิ่งสีชมพูหวานแหววรสโปรด

    “เมทสึกิ พี่ขอล่ะ กินให้มันดูเป็นผู้หญิงบ้างเถอะ ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็ช่วยเห็นแก่ตำแหน่งผอ.เถอะนะ”พี่เซนี่พูดขึ้นมาหลังจากมองท่าทางการกินของฉัน ในมือพี่คืออะไรน่ะ ปลาดิบเรอะ ไม่สิ นั่นมันซาชิมิชุดใหญ่นี่ น่าอิจฉาพวกกินของดิบได้ชะมัด ฉันกินแล้วพาลจะอ้วกเอาให้ได้ทุกทีเลย

    “เอาน่า ยังไงก็หมดไปแล้ว จะพูดเอาตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะพี่”นั่นคือสิ่งที่ฉันตอบไป

    ต่างคนต่างก็กินกันไป ฉันเองก็นั่งดูดน้ำอัดลมที่เหลืออยู่อย่างเงียบๆ หันออกไปมองเด็กๆที่อยู่อีกฝั่งของกระจกบ้าง ฉันรู้สึกดีสุดๆที่เห็นเด็กๆพวกนั้นทำท่าเหมือนจะตายเอาให้ได้ตอนสอบ สลับไปดูเวลาในโทรศัพท์บ้าง เบื่อๆก็เอาออกมาเล่นเกมอย่างเปิดเผยโดยไม่ลืมปิดเสียงจะได้ไม่รบกวนคนอื่น ฉันเล่นเกมไม่ค่อยเก่งนักหรอก แต่ก็ไม่เคยหลุดจากสิบอันดับล่ะนะ

     

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ถึงเวลาเที่ยงตรง ฉันลดผนังลงและเดินออกไปประกาศให้หยุดทำข้อสอบ

    “หมดเวลาแล้ว หยุดมือซะ”ฉันเว้นช่วงสามวินาทีให้พวกเด็กๆเตรียมตัวแล้วพูดต่อ “เก็บข้อสอบได้” ทันทีที่สั่ง กระดาษคำตอบทั้งหมดก็มารวมกันอยู่เป็นกองข้างๆตัวฉันอย่างเรียบร้อย ฉันโบกมือสั่งให้หนุ่มๆมาช่วยกันยกไปไว้ที่ห้องตรวจก่อน

    “เอาล่ะ อย่าลืมซะล่ะว่าต้องสอบอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง วิชาการใช้ชีวิตในสถาบัน เอาล่ะ ไปหาอะไรทานซะ เชื่อเถอะว่าร้านรวงแถวนี้มีพอเก้าหมื่นคนแน่ๆ ขอย้ำอีกครั้ง ห้ามติดต่อใครเด็ดขาด”ฉันจงใจข้ามส่วนที่สำคัญไป เพราะว่าต่อจากนี้พวกเด็กๆจะได้เจอรุ่นพี่รวมถึงอาจารย์และคนอื่นๆที่จะมาให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนสอบ เด็กๆพวกนี้จะคุยอะไรกับพวกเขาก็ได้ แต่อย่าถามถึงข้อสอบหรือเรื่องในสถาบันเป็นอันขาด ถ้าถามเมื่อไหร่จะถูกตัดรายชื่อออกจากการคัดเลือกทันที พวกเขาที่เป็นหน้าม้าให้ตลอดรู้กฎข้อนี้ดีอยู่แล้ว

    แหม ถ้าบอกไปโต้งๆแบบนี้เขาก็รู้กันหมดน่ะสิ คัดเลือกแต่ละทีทำเอาเหนื่อยแทบตาย

    ฉันค่อยๆทยอยส่งเด็กๆออกไปจากมิตินี้ทีละห้าพันคนเช่นเดิม ยี่สิบเก้ารอบอีกครั้ง เหนื่อยเป็นบ้า แต่ก่อนจะไปแกล้งเด็กๆพวกนั้นก็ต้องร่างข้อสอบก่อน พวกรุ่นพี่ทั้งหลายน่ะรู้งานดีอยู่แล้ว ฉันนัดพวกนั้นไว้ตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอมให้มาช่วยกันทำตามประเพณี แต่ยังไม่ได้บอกเท่านั้นเองว่าจะให้ทำอะไร ว่าแล้วก็งัดโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมแชทกลุ่มซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกในสถาบันที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิตไปแล้วขึ้นมา

     

    ฉัน : ได้เวลาสืบสานประเพณีแล้ว ทั้งหมดเก้าหมื่นคน เป้าหมายขั้นต่ำที่หนึ่งพัน ทำยังไงก็ได้ให้ว่าที่รุ่นน้องถามว่าในสถาบันเป็นยังไง มีอะไรสำคัญในการใช้ชีวิต ฯลฯ ถ้าว่าที่รุ่นน้องถามก็ให้โกหกให้บัดซบที่สุด แล้วถามชื่อเด็กคนที่ถาม ที่เหลือฉันจัดการเอง

    มารีน่า : ว่าที่รุ่นน้องอยู่ที่ไหนกันบ้างล่ะ?

    ฉัน : พื้นที่แถวๆสถาบันรอบๆ หาให้ดีๆก็แล้วกัน

    ลาล่า : ปีนี้คัดยังไงคะ ถึงได้ใช้วิธีนี้

    ฉัน : คัดสองรอบ รอบแรกสอบข้อเขียน รอบสองเซอร์ไวเวอร์เกม อย่าเพิ่งถามมาก ตอนนี้รู้แค่นี้ไปก่อนก็พอแล้ว

    ไรจิน : รับทราบ งานนี้ดูง่ายจังนะ

    ฉัน : ใครทำยอดได้มากที่สุดฉันจะให้รางวัลพิเศษ อยากได้อะไรขอมา

    โชเคนน์ : รับทราบ

    เอลิเช่ : ด้วยความยินดี

    อันย่า : จัด

    อาเนีย : จัด

    ไรจิน :ผอ.พูดงี้แสดงว่าไม่ธรรมดา ต้องเต็มที่ซะหน่อยแล้ว

    มารีน่า : เต็มที่โลด

    โรส :จะทำให้ดีที่สุด

    มาริริน : รางวัลเหรอ ค่อยน่าสนหน่อย

    ลาล่า : เห็นทุกคนกระตือรือร้นแบบนี้แล้วรู้สึกมีไฟขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

     

    สารพันคำตอบรับหลังจากที่เอาของรางวัลมาล่อ แล้วก็ยังเด้งขึ้นมาเรื่องๆจนฉันต้องพิมพ์ด่าให้หยุดเลยทีเดียว ไอ้พวกเด็กเห็นแก่ได้เอ๊ย พอเอารางวัลมาล่อหน่อยก็ตาโตหูตั้งหางสะบัดกันเลยนะ แต่ยังไงก็เถอะ เจ้าพวกนี้ไม่เคยทำให้ฉันต้องผิดหวังอยู่แล้ว

    ฉันกลับออกไปข้างนอก เดินเข้าไปในสถาบัน วางเดลฟีลงบนแท่นวาง ผงคราวน์สีทองเต้นระริกอยู่ในเนื้อแก้วสีใส รับรู้ได้ถึงพลังเวทมนตร์ที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งในสถาบันอย่างรวดเร็ว ร่างกายฉันกระตุกเบาๆเมื่อลิ่มแก้วเล่มนี้แผ่ขยายอำนาจเวทมนตร์ไปจนสุดเขตแดนของมัน

    ฉันวาดมือขึ้น ภาพของนักเรียนรุ่นพี่ทุกคนปรากฏขึ้นมาในอากาศเหนือลิ่มแก้ว บางคนกำลังวิ่งออกจากหอ บางคนกำลังอาบน้ำแต่งตัว อืม ถ้าดูต่อคงกลายเป็นว่าฉันกำลังทำผิดกฎหมายสินะ ดูคนอื่นดีกว่า

    ตอนนี้คนที่พร้อมออกจากสถาบันเห็นจะมีมารีน่า โมนอคชท์ที่ข้ามขั้นตอนไม่สำคัญอย่างการอาบน้ำก่อนออกปฏิบัติภารกิจไป ยัยลามีอาซกมก อยู่มาจะสามปีไม่เคยเปลี่ยนไปเลยซักนิด เธอเลื้อยออกไปนอกรั้ว ถือร่มออกไปด้วย เดี๋ยวสิ หล่อนเป็นงูนะ แสงแดดทำอะไรหล่อนได้หา?

    ไม่นานฉันก็ได้รู้ว่าทำไมมารีน่าถึงต้องถือร่มออกไป เพราะลาล่า หรือลัลลาบาย ไอซ์ควีน เจ้าหญิงหิมะตัวน้อยน่ารัก อดีตดาวประจำปีของสถาบันวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเธอทั้งๆที่อยู่ในถังน้ำแข็งติดล้อ ดัดแปลงจากรถเข็นคนพิการแบบที่ใช้ไฟฟ้า มารีน่ารีบเลื้อยเข้าไปหาลาล่าอย่างรวดเร็ว ลามีอาสาวร่างสูงใหญ่กางร่มป้องกันแสงแดดยามเที่ยงของหน้าหนาวให้กับเจ้าหญิงหิมะอย่างเต็มที่ มองๆไปก็เป็นคู่ที่น่ารักดีเหมือนกัน

    ลาล่าเป็นเจ้าหญิงหิมะ ก็ไม่แปลกที่จะลำบากเมื่อโดนความร้อน ยิ่งถ้าร้อนมากๆก็พร้อมที่จะละลายได้ตลอดเวลา แต่ไอ้ท่าทางสวีทหวานแหววจนน่ารำคาญนั่นมันอะไรกัน? พวกหล่อนไปแอบคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องได้อีกนะยัยพวกนี้

    หลังจากส่ายหัวให้เบาๆกับคู่รักเพศเดียวกันที่ดูไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อยของสองตัว(?)นี้เสร็จแล้วก็ได้เวลาดูคนอื่นต่อ

    นั่นไง วินเซนต์ออกมาอีกคนแล้ว เขาเป็นศิษย์รักของพี่เอส เพราะว่าเป็นพรายเหมือนกันแถมยังทั้งสวยทั้งหล่ออีกต่างหาก เป็นเด็กแบบที่พี่เอสชอบเลยล่ะ

     

    ถึงแม้ว่าสำหรับฉันแล้วเขาจะสวยมากกว่าก็เถอะ

     

    พูดถึงพราย ฉันนึกถึงเอลฟ์ดำอีกคนที่จงเกลียดจงชังวินเซนต์อย่างกับอะไรดีขึ้นมาได้ เธอชื่อเอลิเช่ ถึงหลายๆคนจะชอบเรียกเธอว่าอลิซก็เถอะนะ แต่ฉันนิยมเรียกเธอว่าเอลิเช่มากกว่า

    เอลิเช่เป็นนักเรียนที่โคตรเก่งแบบที่นานๆทีฉันจะได้เห็น เป็นเลิศในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวินัย ความเอาจริงเอาจัง ความซื่อสัตย์ ฝีมือ และความฉลาด แต่ที่ฉันประทับใจมากที่สุดก็คือการเอาตัวรอดโดยไม่ทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอเองนั่นแหละ ถึงอย่างนั้นก็มีอยู่หนึ่งจุดที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับเอลิเช่ นั่นก็คือนิสัยเหยียดเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่เฉพาะกับเผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่า กับเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าเธอก็รังเกียจ

    เพราะเผ่าทมิฬของเธอนับกันที่ความแข็งแกร่งนั่นแหละ “ใครแกร่งกว่าคนนั้นก็เหนือกว่า” เอลิเช่เคยบอกฉันแบบนั้นตอนที่เธอโดนอาร์เซลที่เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆงัดเอาซะคว่ำ เพราะเธอดันไปลองของกับแม่สาวนักฆ่าของฉันจนของขึ้นได้มาทั้งๆที่อาร์เซลไม่เคยโมโหจนสติหลุดขนาดนั้นมาก่อนด้วยซ้ำ ตอนนั้นฉันทำได้แค่ยิ้มและนึกสงสารระคนสมเพชเธออยู่ในใจเพียงเท่านั้น

    โชคดีที่ทั้งสองคนออกจากหอคนละทาง ถ้าเจอกันตอนนี้ล่ะก็ได้มีเรื่องแน่ๆ และฉันไม่อยากเสียเวลาไปกับการห้ามการทะเลาะไร้สาระของแม่สาวเอลฟ์ดำที่เหยียดเผ่าพันธุ์อื่นขึ้นสมองกับลูกศิษย์พรายคนโปรดของพี่ชายหรอกนะ

     

    เดี๋ยวนะ อะไรแวบๆผ่านด้านบนไป คงเป็นไรจินล่ะมั้ง เด็กนั่นมีอาภรณ์เทวาอยู่ จะบินออกไปก็คงไม่แปลก พวกพญานาคนี่ชอบทำตัวลึกลับจังแฮะ

    เอาเถอะ ช่างมัน หลายคนก็ออกไปกันแล้ว ฉันก็ตามไปดูดีกว่า เสียดายชะมัด ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้กำลังซ่อมบำรุงสถาบันอยู่ล่ะก็ฉันคงจะได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั่วเมืองไปแล้ว

     

    เอาล่ะ มารีน่ากับลาล่าใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว แต่เฮ้ย ไรจินมันเปิดโต๊ะติวในร้านอาหารเลยนี่หว่านั่น เลือกสถานที่ดีด้วยนะเอ็ง เลือกร้านอาหารใหญ่โตมีที่นั่งด้านนอกร้าน กล่อมเด็กๆกลุ่มใหญ่ๆนิดหน่อยก็ได้แล้ว

    ขอดูสกิลลิ้นงูของหมอนี่หน่อยเถอะ

    “เอ่อ ถ้าหากว่าทำผิดกฎขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะคะ คุณ...?”

    “ไรจินครับ ไรจิน ริวกูวทสึไค ผมนี่แย่จริง ลืมแนะนำตัวไปซะได้ ถ้าเป็นแบบนั้นนะครับ ที่ต้องทำก็มีแค่เข้าไปสารภาพตามตรงเท่านั้นแหละครับ ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหรอก” หืม หลอกกันด้วยความจริงอย่างนั้นเหรอ? ไม่เลวนี่นา

    “แล้วหอแต่ละหอเนี่ยมีข้อปฏิบัติยังไงบ้างเหรอคะ?”

    “อ่า แย่จัง ผมเองก็ไม่ค่อยจะสันทัดเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ ข้อนี้ผมคงตอบไม่ได้จริงๆนะครับ คุณ...?”นั่นไง ท่าไม้ตายของพ่อพญานาค ทำหน้าลำบากใจนิดๆพร้อมกับทำเสียงรู้สึกผิดหน่อยๆ ช้อนตาขึ้นสบมองสาวน้อยที่อยู่ใกล้ๆด้วยแววตาอ่อนโยนที่ชวนให้ใจเต้น แล้วก็เผด็จศึก!

    “อ่ะ แอเรียล ไมดัสค่ะ”

    “แอเรียล ไมดัส เป็นชื่อที่เพราะมากเลยครับ ผมนึกถึงคนๆหนึ่งที่ผมรู้จักเลย” แต่ประโยคหยอดสาวนั่นดูจะผิดไปเล็กน้อยเมื่อสาวแอเรียลถามกลับด้วยเสียงสั่นๆ

    “เธอเป็นใครเหรอคะ? คุณไรจิน”ชายหนุ่มร่างสูงไม่ตอบเธอ เขาเพียงแค่ยิ้มน้อยๆและเปลี่ยนบทสนทนาอย่างรวดเร็ว

    “แบบนี้ดูไม่ยุติธรรมเลยนะ พวกเธอรู้จักชื่อผมแต่ผมไม่รู้จักชื่อพวกเธอเลย ช่วยบอกชื่อเธอให้ผมรู้จักหน่อยสิครับ เธอก่อนเป็นไง?”

    “นิดาเรีย ซาเบลค่ะ”

    “ยามิโกะ โอวกะค่ะ”

    และชื่อสาวน้อยอีกมากมายราวๆ 20 เกือบ 30 ชื่อก็หลุดออกมาจากปากสาวๆที่รุมล้อมไรจินอยู่ น่าเสียดายนะสาวน้อยทั้งหลาย พวกเธอทำผิดตั้งแต่มองหน้าไอ้งูยักษ์นี่แล้วล่ะ

    ฉันจดชื่อของทุกคนลงในกระดาษด้วยปากกาเวทมนตร์ที่จะจดทุกอย่างที่ฉันพูดออกมาอย่างรวดเร็วตามรายชื่อที่เรียงมาเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น หลังๆเริ่มมีพวกหนุ่มน้อยน่ารักโผล่เข้ามาหาไรจินบ้างแล้วแฮะ

    “อเล็กซ์ ไคชิครับ”โห น่ารักสุดๆเลยนี่นา ท่าทางไรจินเองก็ชอบอยู่เหมือนกัน หมอนี่ชอบคนน่ารักๆอยู่แล้วด้วย ลำบากใจน่าดูเลยสิที่ต้องคัดออก

    “อืม ชื่อไม่ค่อยเข้ากับหน้าเลยนะ ผมนึกว่าเธอจะมีชื่อที่น่ารักกว่านี้ซะอีก”

    ทำหน้าดูดีแต่คำพูดนี่โคตรหยาบคายเลยเฮ้ย!

    “เอ๊ะ? หมายความว่าไงน่ะครับ”

    แต่ไรจินก็ไม่ได้นำพาต่อกระแสเสียงขุ่นเคืองของหนุ่มน้อยอเล็กซ์แต่อย่างใด รอยยิ้มกระชากวิญญาณถูกส่งไปให้หนุ่มน้อยน่ารักพร้อมคำหวาน “อเล็กซ์ ผมแค่จะบอกว่าในเมื่อเธอน่ารักขนาดนี้ ผมก็เลยนึกว่าเธอจะมีชื่อที่น่ารักเหมือนกับตัวเธอน่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เธอเข้าใจผิด”

     

    พอเหอะ จะอ้วก เดี๋ยวค่อยกลับมาดูก็ได้

     

    เอาล่ะ จดยอดก่อน ไรจิน 35 คน หญิง 26 ชาย 9 คน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อืม หมอนี่เก่งจริงเรื่องหลอกลวง ไอ้ฉันนี่ขอยอมแพ้เลย

    ฝั่งมารีน่ากับลาล่านี่น่าห่วงเป็นบ้า ลาล่าก็โกหกได้ห่วยแตก ส่วนมารีน่าก็เป็นงูที่เสียสถาบันสุดๆ ก็ยัยนั่นโกหกเป็นที่ไหน งูบ้าอะไรเป็นพวกคิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น ขวานผ่าซากดีๆนี่เอง

    “เอ๊ะ หมายความว่าไงที่ว่าไม่เป็นไรน่ะ ฟังยังไงก็น่าสงสัยไม่ใช่หรือไง?” นั่นไง พูดผิดที่ไหนล่ะ ไม่ทันไรก็โดนเด็กสงสัยแล้วนั่น ยัยพวกนี้น่าสงสารเป็นบ้า ในขณะที่ไรจินล่อลวงไปได้ร่วมๆสี่สิบคนเข้าไปแล้ว แต่ยัยพวกนี้ดันได้เด็กกลุ่มเล็กๆแค่สี่คนเท่านั้นเอง

    มารีน่าปราดไปขวางเด็กทั้งสี่จากลาล่า ท่อนล่างสามสียกร่างสมส่วนขึ้นเต็มความสูงข่มขวัญเด็กๆผู้ไม่กลัวตายทั้งสี่

    ปกติแล้วมารีน่าจะยืดตัวให้อยู่ที่ 1.7 - 1.8 เมตร และเธอสูงน้อยกว่าเด็กชายคนที่สูงที่สุดในกลุ่ม แต่ตอนนี้เธอสูงกว่าเด็กคนนั้นถึงหนึ่งช่วงศีรษะ นั่นหมายความว่าตอนนี้มารีน่าสูงกว่าสองเมตรแน่ๆ “เฮ้ๆ ใจเย็นสิพวกเธอ เอางี้ ค่อยๆคุยกันดีกว่ามา นายชื่ออะไร?”

    น้ำเสียงเรียบนิ่งติดจะห้าวหน่อยๆของมารีน่าทำเอาเด็กพวกนั้นขวัญกระเจิงเลยล่ะ ยิ่งเสียงขดของกล้ามเนื้อในลำคอดังฟ่อยิ่งทำเด็กพวกนั้นแทบฉี่ราด ทีกับลาล่าล่ะกร่างได้กร่างเอา แต่กับมารีน่าล่ะหงอซะตัวเหลือสองนิ้ว แต่ถ้ามองในมุมของเด็กมันก็น่ากลัวอยู่หรอก

    คิดดูสิ ลามีอาสาวร่างยักษ์ที่ดูเลือดร้อนยืดตัวข่มขวัญเต็มความสูง ถ้ามองดีๆจะเห็นรอยแผลเป็นจางๆบนใบหน้าที่โผล่พ้นเสื้อปิดคอแขนกุดสีเข้ม แล้วยังรอยแผลเป็นถากเป็นทางยาวจากข้อพับลงมาถึงข้อมืออีกต่างหาก เกล็ดหางสีแดง, ดำและเหลืองมันวาวเป็นประกายล้อแสงแดดแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเพิ่งลอกคราบมา และการลอกคราบของลามีอาไม่ใช่เรื่องดีไม่ว่ากับเผ่าพันธุ์ไหนก็ตาม เด็กๆพวกนั้นไม่กล้าแม้แต่จะมองดวงตาที่ว่ากันว่าเป็นไอเทมเวทมนตร์ที่สวยงามและเต็มไปด้วยคำสาปร้ายอย่าง “ดวงตาลามีอา” ของมารีน่าด้วยซ้ำ

    “คริส คัลลิสตา”

    “ธาเนีย สแตน”

    “นาโอมี่ คอลเลน”

    “จงฮยอน คิม”

    “คริส ธาเนีย นาโอมี่ แล้วก็จงฮยอนสินะ ฉันมารีน่า นี่ลาล่า พวกนายสงสัยอะไรก็ว่ามาสิ”มารีน่าทวนชื่อเด็กทั้งสี่ช้าๆ แล้วค่อยๆตะล่อมไปเรื่อยๆ

    “ได้ยินว่าต้องเล่นกันถึงตาย หมายความว่าไง”เจ้าเด็กตัวสูงที่ชื่อคริสดูจะตั้งตัวได้คนแรก เปิดมาก็ยิงคำถามอย่างยากไปซะแล้ว แม่ลามีอานี่จะตอบว่าอะไรดีล่ะ

    “ฉันไม่เข้าใจ”

    “ตอนก่อนเรียนจบในแต่ละปีน่ะ ได้ยินว่าต้องสู้กันจนกว่าจะตาย จริงหรือเปล่า?”

    “อืม ใช่ จริงสุดๆเลยล่ะ”

    ฉันดูถูกพวกงูไม่ได้จริงๆนะให้ตาย เห็นเป็นคนตรงๆ ไม่คิดว่าพอจะโกหกก็ทำได้แบบหน้าตายสนิทปราศจากพิรุธแบบนี้ ถึงแม้ว่ากับงูอีกตัวที่ตอแหลเป็นกิจวัตรมันเทียบกันไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมงูถึงได้มีลิ้นสองแฉก

    จริงๆเรื่องนั้นจะว่าโกหกก็ไม่เชิง เพราะธรรมเนียมเก่าแก่แบบนั้นน่ะยกเลิกไปตั้งแต่ฉันเข้ามาบริหารเมื่อยี่สิบปีที่แล้วโน่น แต่เพิ่มความโหดในการเรียนการสอนเข้าไปแทนล่ะนะ อุฮิ

    “นายจะสนใจเรื่องแบบนั้นไปทำไมน่ะ?”

    “เผื่อไว้ ยังไงก็เป็นวิชาการใช้ชีวิตในสถาบันฯอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถามเรื่องนี้ก็ไม่เห็นแปลกนี่นา”เด็กนี่ฉลาดใช้ได้ ไม่สักแต่ว่าถาม แต่รู้จักเก็งข้อสอบที่จะออกไปด้วย

     

    น่าเสียดายนะ เพราะแค่ถามเด็กๆของฉันแม้แต่คำถามเดียว แล้วถ้าถูกล่อลวงจนบอกชื่อตัวเองออกมาล่ะก็จะถูกคัดชื่อออกจากการคัดเลือกรอบต่อไปทันที หมายความว่าได้สอบรอบบ่ายก็จริง แต่ว่าการคัดเลือกในอีกสามวันนับจากนี้เด็กๆพวกนี้จะไม่มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก และคำตอบที่ได้รับก็เป็นคำตอบที่ไม่ใช่ความจริง ถึงจะสอบไปก็ไม่ได้มีความหมาย

     

    ฉันรู้ว่านี่เป็นการคัดเลือกที่โหดร้าย แต่นั่นก็เพื่อลดภาระการคัดเลือกนั่นแหละ

    ว่าไปนั่น ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฉันก็ยังนั่งดูเด็กๆของฉันตอหลดตอแหลใส่ว่าที่รุ่นน้องของพวกนั้นไปเรื่อยๆอยู่ดี

     

    --------------
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เห็นมั้ยคะ เด็กเริ่มโผล่มาแล้วนะคะ!!!!

    มาแต่ชื่อแบบนี้เค้าไม่เรียกว่าโผล่หรอกนะ #โดนเจ้าของตบ

    คือว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงป่วยดาบค่ะ และเราก็กำลังตกหลุมด้วงในบันทึกจอมโจรแห่งสุสานอีกต่างหาก....
    แต่เราจะพยายามไม่เบียดบังเวลาเขียนนิยายให้มากเกินไปนะคะ

    #ยิ่งดาบนี่สูบเวลามาก #เห็นน้องมิดาเระโดนตีนี่ใจแทบขาด

    ตอนหน้าจะเปิดตัวละครเด่น(ที่(เหมือนจะ)วางให้)คู่กับวินเซนต์อีกคนนะคะ ใบ้ให้ว่าเป็นสาวน้อยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เราชอบเธอคนนี้จนต้องดันให้เด่นแล้วดรอปบทออริของเราเลยเชียวล่ะค่ะ

    ส่วนใครที่เบื่อกับความยืดของเรื่องนี้ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ... มันจำเป็นจริงๆ

    เจอกันวันพุธค่ะทุกคน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×