คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทเรียนที่ 5 คู่จอมโหดขาวแดง l อย่าให้มันเกินไปล่ะ
ดูพวกสายพันธุ์งูพวกนั้นจนเบื่อแล้วก็เปลี่ยนเป็นคู่สองสาวจอมโหดของสถาบันนี่ดีกว่า เนริสซ่ากับโรเดอริก้า
เนริสซ่า อควารีนเป็นลูกเสี้ยวเงือก หญิงสาวทายาทจอมโจรสลัดชื่อดังในน่านน้ำระหว่างบีเทียกับออตตอน ผมสีเงินดั่งก้อนเมฆกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลใสเป็นประกาย ใบหน้างดงามกับน้ำเสียงหวานซึ้งไม่ได้เข้ากันกับนิสัยขวานผ่าซากแถมยังห้าวเกินผู้ชายเลยแม้แต่นิดเดียว ประวัติเธอทำเอาฉันรู้สึกขนลุกนิดๆ เหมือนจะรู้จักพ่อของหล่อนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักกันที่ไหน
เนริสซ่าน่าสงสารนิดหน่อย ถึงเธอจะมีผลการเรียนเป็นเลิศทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติก็จริง แต่ก็ไม่เคยได้ที่หนึ่งเลยสักครั้ง เพราะด้านวิชาการมักจะเป็นเด็กคนหนึ่งที่ขอลาออกไปเมื่อปีที่แล้วกับวินเซนต์ สลับกันไปมาระหว่างที่หนึ่งกับที่สอง จะมีบางครั้งที่เนริสซ่าจะได้ขึ้นไปแย่งเขาบ้างเป็นบางที
ส่วนเรื่องการต่อสู้คงไม่ต้องพูดถึง ถ้าวัดกันตัวต่อตัวเธอน่าจะได้เป็นที่หนึ่งถ้าไม่ติดเจ้าไรจินที่ธาตุน้ำของเธอแพ้ทางธาตุสายฟ้าของหมอนั่นอย่างราบคาบ ทั้งอาวุธของพญานาคอย่างอาภรณ์เทวาที่ดูยังไงก็โคตรโกงสุดๆ
แต่ถ้าดูโดยภาพรวมแล้วก็ยังเหนือกว่าคนอื่นอยู่ดี
ส่วนสาวผมแดงที่ใส่แจ็คเก็ตสีขาวทับเสื้อรัดรูปโชว์หน้าอกใหญ่บึ้มที่อยู่ข้างๆกันชื่อโรเดอริก้า เธอก็อยู่ในกลุ่มขาลุยเช่นเดียวกัน แม่นี่เป็นมนุษย์ที่ควรจัดให้เป็นปีศาจ ความสามารถของหล่อนมันเกินมนุษย์ธรรมดาไปไกลโขแล้ว จอมเวทขาวบ้าอะไรแรงเยอะขนาดถือขวานยักษ์วิ่งไล่ฟันเพื่อนได้ทั่วสถาบันน่ะหา? ใครที่บอกว่าจอมเวทมีแรงกายน้อย ยัยนี่แหละจะหักล้างทุกทฤษฎีที่เคยมีทั้งหมด
โรเดอริก้าไม่ใช่เด็กเรียน ผลการเรียนหล่อนจะไปแกว่งๆอยู่ระหว่างปากเหวกับหลุมลึก หมายความว่าไม่ดีเลยสักอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าเรื่องใช้แรงนี่ขอให้บอก ความสามารถทางการต่อสู้สูงมาก แต่เพราะงัดกับเพื่อนตัวเองไม่ลงและแพ้ไรจินไปก็เลยอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีเท่าไหร่
แหม พูดอย่างนั้นทั้งที่เหลืออยู่แค่ห้าคนก็ออกจะเกินไปหน่อยแหละนะ
จริงๆแล้วแก๊งขาลุยนี่มีอยู่สามคน รวมมารีน่าที่อยู่ชั้นปีต่ำกว่าเข้าไปด้วย แต่มารีน่าติดแฟนเลยแยกตัวออกไปกับลาล่าแล้ว ก็เลยเหลือกันอยู่แค่สองคนเพื่อนตาย
สองสาวเดินเข้าไปอยู่กลางฝูงชนในสวนสาธารณะแล้ว เนริสซ่าดูท่าทางตื่นเต้น นิ้วเรียวสะกิดโกร่งดาบดังกริ๊งๆตลอดเวลา ส่วนโรเดอริก้าดูไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ว่าแต่นั่นมองหาอะไรอยู่น่ะ?
“ลิซ่า ฉันหิว”
“ก็ไปหาอะไรกินสิ”
“อยากกินข้าว ไปกินด้วยกันหน่อยสิ”
“ฉันยังไม่หิวว่ะ อยากกินก็ไป--- เฮ้ย! ไม่รอให้ฉันพูดจบก่อนเรอะ!” อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ โรเดอริก้าก็นิสัยงี้แหละ แม่นี่ชอบกินข้าวเป็นที่สุด ถ้าได้เห็นหรือได้กลิ่นข้าวก็จะตัดความสนใจในสิ่งอื่นไปและพุ่งตรงไปหาข้าวในทันที
เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ารถเข็นขายอาหารบางอย่าง น่าจะเป็นข้าวที่เอามาย่างไฟ สังเกตจากตะแกรงและควันไฟที่ลอยฉุยอยู่บริเวณนั้น
แต่ไอ้การหายตัวที่ฉันสอนไม่ได้มีจุดประสงค์สำหรับทำเรื่องแบบนั้นนะว้อย!
“ป้า นี่อะไรอ่ะ”
“ข้าวจี่จ้ะ”
“ขอสามกล่อง”
“ถ้าเยอะขนาดนั้นก็ต้องรอหน่อยนะจ๊ะ”
คุณป้าท่าทางใจเย็นกับมือที่ค่อยๆพลิกข้าวจี่ช้าๆอย่างบรรจง ควันย่างหอมฉุยลอยเข้าจมูก ทำเอาโรเดอริก้าอ้าปากหวอน้ำลายไหลยืด พอรู้สึกตัวถึงได้ปาดออกพลางกลืนเข้าไปดังเอื้อก เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้ง
เนริสซ่าดูท่าทางจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ร่างบางสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เส้นเลือดสามเส้นบนหน้าผากเด้งขึ้นดังปึ้ดๆๆ มือกำแน่นเหมือนแค้นกันมาสักสิบกว่าชาติได้ โดยไม่รอช้า แม่ครึ่งเงือกคนงามวิ่งเข้ามากระโดดถีบขาคู่ใส่คู่หูของเธออย่างไม่ปราณีจนโรเดอริก้ากระเด็นเข้าไปติดอยู่ข้างพงหญ้าในสวนสาธารณะ
“ตั้งใจทำงานหน่อยสิวะแก๊!!!”
เนริสซ่าตะโกนเสียงสูงจนแทบจะกลายเป็นการกรี๊ดทั้งที่ยังลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะลงจอดบนพื้นด้วยท่วงท่าอันสวยงามประหนึ่งนักยิมนาสติกทีมชาติก็ไม่ปาน
โรเดอริก้าโผล่ออกมาจากพงไม้ “ก็ฉันหิวนี่หว่าลิซ่า แกนั่นแหละไม่ยอมมาหาอะไรกินด้วยกันกับฉัน”
“หุบปากไปเลย แกไม่ฟังที่ฉันพูดให้จบด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาโบ้ยเลยนะโร้ด”
“หนูจ๊ะ ข้าวจี่สามกล่องได้แล้วจ้ะ”
“โอ๊ะ ได้แล้ว!”
โรเดอริก้าสปริงตัวขึ้นมาจากพื้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกอะไรเลยซักนิด ใบหน้าสวยคมเต็มไปด้วยความสุขยิ่งชวนให้เท้าของเนริสซ่าคันยิบๆจนแทบจะเอาไปประดับบนหน้าเพื่อนสนิทสักสามสี่คอมโบ
“ไปทำภารกิจได้แล้วโร้ด เสียเวลาว่ะ”
“กินไปทำไปได้มั้ย?”
“ตามใจแกเถ้อะ”เนริสซ่าลากเสียงยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจพลางสะกิดโกร่งดาบของตัวเองต่อไป
“หือ อร่อยโคตรๆเลยลิซ่า แต่ร้อนโคตรๆเหมือนกัน” โรเดอริก้าเคี้ยวข้าวจี่หงับๆพลางเป่าลมฟู่ๆด้วยความร้อน “แล้วจะเริ่มกันยังไง”
เนริสซ่าเกาหัวแรงๆสองสามครั้ง สบถพึมพำออกมาเบาๆ “ฉันจะไปรู้เรอะ งั้นเริ่มจากนั่นก็แล้วกัน”
ดวงตาสีไวน์แดงน้ำตาคลอจากความร้อนของข้าวจี่หันมองไปตามทิศที่เพื่อนสนิทชี้ไปมั่วๆก็พบเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่กำลังจ้องพวกเธอทั้งคู่อยู่นั่งหันรีหันขวาง มองสบตากันไปมาพลางกระแทกไหล่ใส่เพื่อนตัวเองไปพลาง ท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเด็กพวกนั้นดูตลกดีสำหรับฉัน และดูท่าก็น่าจะตลกสำหรับสองคนนี้เหมือนกัน เพราะพอโรเดอริก้าหันมากลับมาหาเพื่อนสาวทั้งที่กำลังกลั้นขำ ยัยนั่นก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็งไปแล้วเรียบร้อย ก่อนจะสงบสติอารมณ์แล้วเดินไปตบหลังโรเดอริก้าดังป้าบจนอีกฝ่ายบ่นอุบ
“ไปเหอะโร้ด ไปคุยกับเด็กพวกนั้นกัน”
“เจ็บนะโว้ยยัยบ้า ตบมาไม่ดูเลย”
เนริสซ่าไม่สนใจ ยังคงตบต่อไปอีกสองสามที ดวงตาสีน้ำทะเลสั่นไหวเหมือนคลื่นซัดอย่างตื่นเต้น ริมฝีปากสีสวยไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะกระซิบเสียงเบา “เหมือนเดิมนะเว้ย”
ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กกลุ่มนั้น ก่อนที่จะมีใครทันได้ตั้งตัว เนริสซ่าก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นสูง ดวงตาสีน้ำทะเลทอประกายเย็นเยียบเหลือบลงมองเด็กทั้งกลุ่มอย่างไร้ค่า มือเรียวขาวกระชับดาบข้างเอวเตรียมชักออกมา
“เฮ้ย พวกแก”
“มองทำไม? มีปัญหาอะไรกับพวกฉันเรอะ?”
นี่พวกแกมาข่มขู่รุ่นน้องเรอะ!!
สิ้นเสียงหวานซึ้งเหี้ยมเกรียมของเนริสซ่า โรเดอริก้าถึงกับสำลักพรวด มือสีซีดพุ่งออกไปจับข้อมือต่างสีแน่นเพื่อห้ามไม่ให้เรียกอาวุธออกมาจริงๆ
“จะบ้าเรอะ เด็กพวกนี้ไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ จะมาหาเรื่องก็หาเรื่องให้มันถูกคนหน่อยเถอะ เสียชื่อสถาบันหมด”
เด็กที่ทำหน้าเหรอหราที่สุดส่งเสียงขึ้นมา “พวกเธอเป็นคนของสถาบันหรอกเหรอ?”
แหม พอเห็นสองสาวลอบยิ้มให้กันเท่านั้นแหละ ฉันก็ได้ยินเสียงในใจของยัยสองคนนี่เลย
“ใช่ ฉันโรเดอริก้า ส่วนยัยนี่เนริสซ่า พวกนายล่ะ?”
เด็กๆแต่ละคนพากันพูดชื่อออกมา โว้วๆ พอดูๆไปแต่ละคนนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ มีแต่เด็กหนุ่มหล่อฮอตทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ ถึงทั้งสองคนจะจัดว่าอยู่ในทำเนียบสาวสวย แต่ยัยพวกนี้สนใจหนุ่มหล่อซะที่ไหน โรเดอริก้าก็สนแต่ข้าว ส่วนเนริสซ่า... ยัยนั่นบอกว่ากำลังจีบใครบางคนอยู่ และฉันก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร
อยู่ๆ เด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มก็ตะโกนออกมาเป็นภาษาถิ่น พลางโหวกเหวกชี้มือชี้ไม้ให้มาทางนี้จนสาวๆทั้งสองคนนิ่งอึ้ง แต่ไม่นานก็ได้คำตอบเมื่อเด็กคนนั้นหันมาขอโทษและอธิบาย
“ขอโทษครับ คือผมเจอเพื่อนก็เลยเรียกให้มาน่ะครับ”
ฉันว่าฉันเห็นยัยพวกนั้นยิ้มเหี้ยมใส่เด็กคนนั้นนะ นี่พวกหล่อนไม่กลัวแผนแตกบ้างหรือไง
“เอาสิ คนยิ่งเยอะยิ่งดี”
แล้วก็ตามสเต็ปเดิม โรเดอริก้าถามชื่อเหล่าหนุ่มๆที่เพิ่งมาใหม่เรียงคน พวกกลุ่มใหม่นี่ดูท่าว่าจะทำให้โรเดอริก้าไม่ค่อยปลื้มซักเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนท่าทางมีพลังชีวิตล้นเหลือและเสียงดังโหวกเหวกโวยวายกันสุดๆ
“งั้นผมขอเริ่มถามเลยนะครับ กฎหลักๆในสถาบันนี่มีอะไรบ้างเหรอครับ”
“กฎเหรอ อืม หลักๆเลยก็แค่ห้ามตายน่ะ” โรเดอริก้าคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ
“ใช่ พยายามทำคะแนนให้ได้ดีๆจะได้อภิสิทธิ์ด้วย” ที่เนริสซ่าพูดอันนี้ไม่จริงนะพวกเธอ ยัยนี่ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนดีเด่นยังไม่เคยได้อะไรจากฉันเลยด้วยซ้ำ
“อ้อ ส่วนมารยาทพื้นฐานก็สำคัญนะ” โรเดอริก้าดีดนิ้วดังเป๊าะ หุบปากไปเลยยัยคนมารยาทมีปัญหา พวกแกทั้งคู่นั่นแหละ
เนริสซ่ากอดอก “จริงๆแล้ว การเคารพรุ่นพี่นี่โคตรสำคัญเลยล่ะ” พวกแกพยายามจะยืดใช่มั้ย ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่ายังไงไอ้หนุ่มกลุ่มนี้ก็ไม่มีทางได้เป็นรุ่นน้องพวกแกอยู่แล้ว แถมตอนหล่อนอยู่ปีหนึ่งหล่อนยังเคยท้าดวลดาบกับเด็กปีสามเลยด้วยซ้ำ แล้วแม่สาวผมเงินก็พูดต่อ
“เคารพครูบาอาจารย์ด้วย ถ้าทำตัวดีเป็นศิษย์รักแล้วจะได้อภิสิทธิ์สุดๆไปเลย”
โรเดอริก้าชี้นิ้วใส่หน้าเด็กที่เสียงดังที่สุดคนเมื่อกี้ รู้สึกจะชื่อเชสเตอร์ สงสัยจะหมั่นหน้ามาก “ทั้งศีลธรรม ทั้งคุณธรรมก็ห้ามขาดนะ”
เนริสซ่าพยักหน้ารับ มือยังคงกอดอกอยู่ “เพราะงั้นถึงได้มีโบสถ์ไว้ในสถาบันไงล่ะ”
ยัยพวกนี้มาเล่นต่อมุกกันใช่มั้ย นี่พวกแกโกหกผสมความจริงจนแยกไม่ออกแล้วนะเฮ้ย
“เอ่อ แล้วเรื่องอื่นๆล่ะครับ ผมได้ยินมาว่าถ้าได้ลำดับต่ำๆจะต้องถูกกำจัดออกจากสถาบัน นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?”
“ก็เรื่องจริงน่ะสิ ฉันรอดมาได้จนขนาดนี้ก็โชคดีจะตายอยู่แล้ว”
“ใช่ โร้ดทำคะแนนสอบไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ”
โรเดอริก้าพยักหน้ารับ “โชคดีที่ยังมีคะแนนภาคปฏิบัติช่วยแหละนะ ไม่งั้นก็คงไม่รอดหรอก”
“แล้วเธอรอดมาได้ยังไง?”เจ้าเด็กเชสเตอร์ที่เธอไม่ชอบถามยิ้มๆ สายตากรุ้มกริ่มของหมอนั่นทำเอาฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
สังหรณ์ว่าจะมีคนถึงฆาตน่ะ
“ก็เอาตัวรอดให้ได้ก็เท่านั้น”สาวผมแดงยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ
เด็กนั่นย้อนถาม ยังคงยิ้ม “แค่นั้นเหรอ?”
“ใช่ แค่นั้น”
“ถ้าถูกสั่งให้ทำอะไรที่มันแบบว่า ‘อย่างนั้น…’ ” ไอ้หนุ่มเชสเตอร์เน้นลากเสียงยาวตรงคำสุดท้าย และมันไม่ได้ทำแค่พูดอย่างเดียว นิ้วชี้ไปที่หน้าอกที่โผล่พ้นเสื้อทับ ลากวนอยู่สองสามครั้งก่อนจะชี้ต่ำลงมายังจุดใต้สะดือที่อยู่ในกางเกง “มากๆล่ะ จะทำมั้ย?”
สิ้นคำพูดของไอ้เด็กเชสเตอร์ เด็กทั้งกลุ่มก็พากันหัวเราะเยาะสองสาวเสียงดังลั่น บางคนตีมือไฮไฟว์กันสนุกสนาน
พวกนี้ไม่มีสมองคิดหรือไงว่าไม่ควรไปยั่วโมโหใครก็ตามที่อยู่ในสถาบัน
โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นพวกสายโหดที่พร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา
โรเดอริก้าเกลียดพวกไม่มีกาลเทศะ เนริสซ่าเกลียดคนที่ทำผิดต่อสิ่งที่เธอยึดถือ กับผู้หญิงมีพ่อเป็นแบบอย่างมาตลอดชีวิตอย่างโรเดอริก้า และหญิงแกร่งที่อยู่บนเรือโจรสลัดมาตลอดชีวิตอย่างเนริสซ่าสำหรับพวกเธอทั้งสองคนแล้ว การดูถูกผู้หญิงเป็นเรื่องที่ผิด และผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงก็สมควรถูกสั่งสอน
“ก็นะ ถ้าถูกสั่งมาว่าต้องทำเพื่อให้รอดฉันก็จะทำ” เธอพูดโดยไม่ละสายตาไปจากเด็กคนนั้น สองมือวาดออกไปด้านข้าง เรียกขวานยักษ์อันเป็นอาวุธประจำตัวออกมาจากช่องว่างของอากาศ มือเรียวกระชับด้ามขวานก่อนจะเหวี่ยงวูบเข้าหาไอ้เจ้าเชสเตอร์ที่อยู่ในระยะพอดีกับช่วงเว้าตรงกลางใบมีด ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่เพียงเท่านั้น
“ไม่ว่าจะต้องฆ่าใครก็ตาม”
ดวงตาเรียวสีไวน์แดงเหลือบมองคมขวานสะท้อนสีเนื้อล้อแดดอย่างเฉยชาราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างการกินข้าวอย่างไรอย่างนั้น กระบวนท่าสังหารงดงามรวดเร็วและคล่องตัวโดยปราศจากจิตสังหารเป็นสิ่งที่ฉันประทับใจในตัวโรเดอริก้ามาก เพราะเป้าหมายจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตนกำลังจะตาย
“ประมาณนี้นั่นแหละ” ว่าจบก็เหวี่ยงขวานขึ้นพาดบ่า และหยิบกล่องข้าวจี่ขึ้นมาเปิบกินต่อ
ถึงโรเดอริก้าจะเฉยชาแค่ไหน แต่คนที่โดนขวานจ่อคอไม่ได้เฉยตามไปด้วย เด็กหนุ่มคนนั้นดวงตาเบิกกว้าง ม่านตาหดลงเหลือนิดเดียวด้วยความช็อค พูดแต่ละคำปากคอสั่นเสียงแหบพร่าไปหมดจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง “มะ เมื่อกี้--- มันอะไรกัน”
จอมเวทขาวผมแดงหันคอกลับไปมอง “อย่างที่บอกไปไง ถ้าเอาตัวรอดไม่ได้ก็ตายแค่นั้น”
“เฮ้อ ถ้าเป็นแบบนี้นายสอบตกแน่”เนริสซ่ายกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไปเหอะลิซ่า”
“ไปก็ไป”
ในที่สุดเจ้าเด็กเชสเตอร์ก็ควานหาเสียงตัวเองเจอและแหกปากโวยวายเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองที่โดนขวานจ่อคอ เจ้าเด็กนั่นร้องเรียกให้สองสาวที่กำลังเดินจากไปให้หันหลังกลับมา
“เมื่อกี้นี้มันไม่ตลกเลยนะแก!!”
“ถ้าแกพลาดไปอีกนิดเดียวฉันได้ตายไปแล้วนะโว้ย รับผิดชอบมาซะดีๆเลยนะพวกแก!”
เนริสซ่าเอี้ยวหลังไปมอง ริมฝีปากยกขึ้นข้างหนึ่ง กดหัวคิ้วลงพร้อมกับหรี่ตามอง เป็นท่าทางที่กวนส้นเท้าอย่างหาที่สุดมิได้จริงๆ “ไอ้บ้านั่นมันพูดอะไรของมันวะโร้ด” ยิ่งเนื้อหาของคำพูดยิ่งชวนให้โมโหเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พูดดังขนาดที่จะให้เด็กนั่นได้ยินหรอกนะ
“สนใจทำไม น่ารำคาญเปล่าๆ” ผิดกับโรเดอริก้า ยัยนั่นพูดเสียงดังจนเด็กนั่นได้ยิน แต่ก็ทำแค่กอดด้ามขวานไว้ใต้ท้องแขน พาดส่วนที่เหลือและใบมีดไว้บนสันบ่าอีกข้าง มือก็ยังคงจกข้าวจี่เปิบต่อไปเรื่อยๆ
“เฮ้ย! ไม่ได้ยินรึไงวะ บอกให้กลับมารับผิดชอบไงยัยพวกบ้า! คิดว่าตัวเองเป็นคนของสถาบันแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ! ฉันไม่ยอมหรอกนะเว้ย”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เจ้าเด็กนั่นแล้ว เพื่อนของหมอนั่นเห็นว่าเพื่อนตัวเองเสียงดังข่มได้ก็ทำตามบ้าง “ใช่ๆ เพื่อนพวกฉันเดือดร้อนนะเว้ย”
“คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอวะ”
“แกแต่งตัวอย่างนั้นคนเขาก็เข้าใจผิดหมดดิ”
“ใช่ แต่งตัวอย่างกับไม่ใช่นักเรียน นึกว่าเป็นสาวโคมแดงโผล่มาอำเล่นซะอีก”
“อย่ามาทำอวดดีนะเว้ย แค่เป็นคนของสถาบันแล้วทำกร่างเหรอวะ”
“เฮ้ย แม่งไม่สนเลยว่ะ นี่คนของสถาบันเป็นคนทุเรศแบบนี้เหรอวะ ถุ้ย!”
อ้าว ไอ้เด็กเปรต ทำอย่างนี้ก็มีเรื่องสิวะ
สองสาวชะงักเท้ากึก ฉันที่นั่งมองอยู่รับรู้ได้ถึงไฟโทสะที่กำลังพุ่งพล่าน โดยเฉพาะเนริสซ่าที่แทบจะมีไฟลุกออกมาจากร่างทั้งที่ธาตุหลักของเธอเป็นธาตุน้ำ ส่วนโรเดอริก้าถึงกับหยุดเคี้ยวข้าวจี่กะทันหัน
ทั้งสองคนหันมองหน้ากันช้าๆ ประกายบางอย่างในดวงตาแสดงออกชัดเจนถึงความบ้าคลั่งที่ต้องการการปลดปล่อย และเสียงก่นด่าที่ดังมาจากเบื้องหลังไม่หมดสิ้นยิ่งกระตุ้นให้ความโกรธของพวกเธอพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ภารกิจของฉันเป็นตัวขัดขวางไม่ให้พวกเธอได้ระบายมันออกไปตามที่ต้องการ
ก็ช่างหัวแม่งสิวะ คนที่ดูถูกเด็กๆและดูถูกสถาบันของฉันไม่สมควรมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
ฉันกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาโรเดอริก้าและเนริสซ่าอย่างรวดเร็ว ‘จัดการได้ตามที่เธอต้องการ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะรับผิดชอบเอง อย่าให้มันเกินไปล่ะ’
โรเดอริก้ายัดกล่องข้าวจี่กลับเข้าช่องว่างของอากาศเหมือนที่เคยทำกับขวานของเธอ มือเรียวควักโทรศัพท์ออกมาอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว
“ลิซ่า ท่านเมทสึกิบอกให้จัดการได้ตามใจชอบว่ะ แต่อย่าให้เกินไป”
“เอาซะหน่อยก็ดี ไอ้พวกนี้สมควรโดน” มือบางจับดาบแน่น ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มเหี้ยมโหดอย่างที่สุดพร้อมจิตสังหารที่พวยพุ่ง
โรเดอริก้าไม่ตอบ เพียงแค่ใช้ท้องแขนตบด้ามขวานให้ลงมาอยู่ในระดับที่ใช้ปกติและเหวี่ยงไปหามือข้างที่ถนัดเป็นสัญญาณว่าเธอเองก็พร้อมแล้ว
เนริสซ่าพูดเสียงดัง มือบางค่อยๆชักดาบออกจากฝักช้าๆ “อยากให้รับผิดชอบงั้นเหรอไอ้พวกขยะ”
“เออสิวะ คุกเข่าแล้วมาเลียรองเท้าพวกฉันทุกคนซะให้สะอาดเดี๋ยวนี้เลย”
“แล้วเอาไอ้ก้อนข้าวเหลืองนั่นเช็ดรองเท้าพวกฉันด้ว--- อ่อก!”เพื่อนเจ้าเชสเตอร์พูดยังไม่ทันจบก็ร่วงลงไปกองกับพื้นซะแล้ว
จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโรเดอริก้าที่ฟิวส์ขาดไปเรียบร้อยแล้ว แน่ล่ะ ดันมาปากดีล้อเล่นกับข้าวที่เธอรักนักหนา บอลเวทขนาดเล็กสีแดงใสคล้ายฟองอากาศค่อยๆปรากฎอยู่รอบๆตัวทีละลูก แสดงว่าไอ้ที่อัดไปเมื่อกี้ไม่ใช่บอลนี่
“อะไรวะ โดนไปแค่คาถาสวดส่งของฉันก็ร่วงซะแล้ว กระจอกเป็นบ้า”
คาถาสวดส่งของโรเดอริก้าหรือที่เรียกกันว่าบทสวดส่งวิญญาณ ฉบับเต็มมีความยาวถึงสิบห้าหน้ากระดาษ ใช้สำหรับสวดในงานศพ โดยปกติในงานจริงแล้วมักจะสวดย่อแค่เจ็ดหน้า แต่ฉบับย่อของเธอเองมีความยาวแค่ห้าคำเท่านั้น มีความสามารถในการไล่วิญญาณให้ออกจากร่างชั่วคราว อย่างน้อยๆก็หนึ่งนาทีล่ะ
“อะไรเนี่ย เฮ้ย หมอนี่ไม่หายใจแล้ว แกฆ่าเพื่อนฉัน!!”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย แค่ปัดวิญญาณออกไปจากร่างไม่กี่นาที คนเก่งจริงเขาป้องกันได้สบายๆน่า”โรเดอริก้าโยกขวานไปมาพลางไล้นิ้วเล่นกับบอลเวทไปด้วย
เนริสซ่าหัวเราะคิกคักแล้วโบกดาบเล่น “เห ส่งวิญญาณเหรอ ฉันเองก็เอาบ้างดีมั้ยนะ?”
“อย่ามาเล่นตลกกับพวกฉันนะเว้ย!!”เด็กคนหนึ่งวิ่งถลาเข้ามาหาสาวผมเงินอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดยืนประจันหน้า
มือขวาชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้และนิ้วกลางติดกันขึ้นบนฟ้า วาดเป็นตัวอักษรบางอย่างที่ทั้งสองคนรู้ดีว่าหมายความว่าอะไร เสียงฟ้าคำรามดังก้องก่อนที่สายฟ้าจะปรากฎและฟาดใส่เนริสซ่าอย่างรวดเร็ว
“สายฟ้างั้นเรอะ! แย่ล่ะสิ แพ้ทางซะด้วย โร้ด!”
“ตายไปซะนังบ้า!”
เปรี้ยง!
แต่ก่อนจะมีใครตายไปจริงๆ บอลเวทสีแดงของโรเดอริก้าเพียงสามลูกป้องกันจุดที่ฟ้าผ่าลงมาได้อย่างง่ายดายแล้วจึงแตกสลายไป
“กลัวไปทำไมเนี่ยแก ของแค่นี้แค่ก้าวไปอีกก้าวก็หลบได้แล้ว” เนริสซ่าแลบลิ้นใส่กวนๆ ชัดเจนว่ายัยนี่ก็แค่อยากลองของก็เท่านั้น จอมเวทขาวส่ายหน้าระอาใจกับเพื่อนสาว ก่อนจะหันหน้าไปพูดใส่เสียงเนือย “ไม่เอาน่า ถ้าทำได้แค่นี้ก็ไปฝึกมาใหม่เหอะ” โรเดอริก้าเบะปากใส่น้อยๆ
เพราะการโจมตีไม่เป็นผลสำเร็จแถมยังโดนดูถูกให้เสียหน้า เด็กคนนั้นตัวสั่นเทิ้มด้วยความโมโหถึงขีดสุด สองมือประกบกันสร้างสายฟ้าขึ้นมาพร้อมกับวิ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า น่าสงสารที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนสันดาบฟาดเข้าจนล้ม แล้วรองเท้าบู๊ตหนังสีน้ำตาลของทายาทโจรสลัดก็เป็นภาพสุดท้ายที่เด็กคนนั้นเห็นก่อนจะสลบไป
“เหอะ เป็นนักเวทแต่กระแดะจะแทงค์ สมควร”
“โธ่เว้ย! น่าหงุดหงิดว่ะ!” เนริสซ่าชี้ดาบไปทางเด็กกลุ่มนั้น “เอ้า ใครอยากตายก็เข้ามาสิวะ พ่อแกฉีกปอดแกแหกไม่เหลือดีไปแล้วรึไง!”
แค่ได้ยินคำพูดชวนเท้ากระตุกจากหญิงสาวผมเงินเท่านั้น เด็กหนุ่มกว่าครึ่งกลุ่มเรียกอาวุธของตัวเองออกมาก่อนจะวิ่งเข้าหาสองสาวอย่างบ้าคลั่ง ส่วนที่เหลือปักหลักอยู่กับที่เป็นกองหนุน ฝูงชนส่วนมากแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนในสวนสาธารณะที่ยังยืนอยู่ดูการต่อสู้ บางคนก็ยืนกดอัดคลิป บางคนก็ยืนพากย์ใส่โทรศัพท์ บางคนก็ยืนดูเฉยๆแล้วร้องกรี๊ดพอเป็นพิธี
เนริสซ่ากระชับดาบแน่น ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งไปยังกลุ่มชายโฉด ริมฝีปากเผยอยิ้มเหี้ยมเกรียมเปี่ยมจิตสังหาร “เริ่มกันได้ซะที”
สองสาวพุ่งออกไปคนละทาง เด็กหนุ่มที่ตามมากันเป็นพรวนแยกออกไปเป็นสองกลุ่ม โรเดอริก้าวิ่งเข้าพื้นที่โล่งออกไปจากจุดเดิมไม่ไกลนัก เธอเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนโดยส่งบอลเวทออกไปกระทบพื้นรอบกายห้าลูก กองไฟสีส้มปรากฏออกมาตามจุดที่กำหนด ขวานด้ามยักษ์ในมือปักลงกับพื้นเสียงดัง เรียกสายลมพัดโบกทีละน้อยจนกลุ่มไฟก้อนเล็กม้วนตัวสูงขึ้นกลายเป็นเกลียวไฟร้อนจัดเคลื่อนที่หมุนวนไปรอบๆอย่างช้าๆเป็นวงกลม ราบกับเป็นเวทีส่วนตัวของเธอเอง
“การคุมลมขั้นพื้นฐานนี่ก็สะดวกดีเหมือนกันแฮะ ไม่เปลืองพลังดี”
แต่จะคุมได้อีกนานไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง ยัยนี่จะคุมธาตุอื่นที่ไม่ใช่ธาตุไฟได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ว้ากกกก!”
เคร้ง
เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนแหวกอากาศเข้ามาฟาดดาบใส่เธอเต็มแรง แต่ขวานยักษ์มีขอบเขตการโจมตีและการป้องกันสูง แค่เบี่ยงเข้ามาเล็กน้อยก็กันได้แล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีบาเรียน้ำห่อหุ้มตัวหมอนี่ก่อนเข้ามาและซัดออกไปดับไฟเสาหนึ่งได้ หลายคนไม่รอช้า รีบวิ่งตามเข้ามาจนได้สี่คน
“หืม มีสายซัพฯอยู่ด้านหลัง นักเวทธาตุน้ำงั้นเหรอ? เอาเหอะ จัดไอ้พวกนี้ก่อนก็ได้”
เกลียวไฟค่อยๆกระชับพื้นที่เข้ามาทีละน้อยโดยไม่จำเป็นต้องควบคุมผ่านการกระทำ บีบให้เด็กทั้งสี่ที่เข้ามาได้ต้องขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น มือสีซีดเหวี่ยงขวานออกไปด้านหน้าอย่างไม่ลังเล คมขวานเจาะพื้นอิฐแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
การโจมตีครั้งแรกพลาดเป้าหมาย แต่ก็เป็นไปตามคาด เมื่อเด็กที่หลุดรอดเข้ามาได้แตกกันไปสองด้าน ด้านหนึ่งมีสามคน อีกด้านมีหนึ่งคน
หืม วิธีการจำกัดพื้นที่ตามด้วยแยกคู่ต่อสู้ในกรณีที่อีกฝ่ายมีคนมากกว่าสินะ
ไม่ต้องคิดมาก โรเดอริก้ากระชากขวานออกจากพื้นและเหวี่ยงคมขวานไปหาเด็กที่ยืนอยู่คนเดียวทันที ช่องเว้าของใบมีดฟาดเข้าที่คอเต็มแรงเสียงดังกร๊อบ คิดว่าน่าจะคอหักหรือกระดูกหลุดสักสองสามท่อน ก่อนจะเปิดเสาเพลิงออกเป็นช่องกว้างมากพอที่แรงเหวี่ยงจะส่งเด็กคนนั้นออกไปโดยไม่โดนไฟคลอกตาย
แต่ไม่ทันไรเสาเพลิงก็โดนดับอีกเสา เปิดช่องว่างให้กลุ่มชายหนุ่มเข้ามาได้อีกกลุ่มหนึ่ง หญิงสาวโบกมือบังคับให้เกลียวไฟยอดสูงที่เหลือเพียงสามเสาหมุนวนเร็วขึ้นและเบียดเข้าใกล้มากขึ้นจนไร้ช่องว่างที่จะแทรกเข้ามา และจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่คนก็ไม่คณามือของแม่จอมเวทขาวนี่อยู่ดี ขวานยักษ์ในมือตวัดเหวี่ยงอย่างคล่องแคล่ว อัดเข้าที่ซี่โครงหรือท่อนแขนเท่าที่สถานการณ์จะอำนวย แต่ก็มีพลาดโดนคมขวานบ้างอยู่หลายคน ส่วนคมถากเอาแค่เนื้อเปิดจนแทบหลุดออกมาเป็นทางตามแขนหรือขาไม่ถึงกับตาย ก่อนจะถีบส่งออกนอกวงไปตามระเบียบ
โรเดอริก้ารู้สึกได้ถึงกระแสลมที่แปลกไปจากที่เคยควบคุม เธอเห็นเกลียวไฟเปลี่ยนรูปร่างอย่างช้าๆจนกระทั่งเหลือเพียงกองไฟกองเล็กและดับไปในที่สุด บ่งบอกได้ว่ามีใครบางคนรบกวนกระแสลมที่หล่อเลี้ยงเสาเพลิงให้คงรูป แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง
“เหอะ สายซัพฯนี่น่ารำคาญจริง จัดก่อนก็ได้วะ”
ด้ามขวานยักษ์กระแทกลงพื้นดังกึงอีกครั้ง แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาจากพื้นบริเวณนั้นจนพวกมันต้องเอามือป้องกันดวงตาเอาไว้ พร้อมๆกับที่บอลเวทสีแดงทุกลูกขยายขนาดขึ้นจนใหญ่เท่ากำปั้น ยังไม่พอ ทันทีที่สิ้นแสงสีขาว ไฟสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นทั่วทั้งลูกก่อนจะกลายเป็นสีส้มในที่สุด
โรเดอริก้างึมงำในลำคอเบาๆ บอลไฟเรียงตัวกันมาประจำตำแหน่งตรงหน้า เธอเงื้อขวานขึ้นและตบมันให้ลอยไปทางกลุ่มที่ปักหลักคุมเชิงอยู่สุดแรงเกิดสามลูกติด จากนั้นจึงเหวี่ยงขวานรักษาระยะห่างจากกลุ่มเด็กที่ประชิดเธออยู่และตบส่งไปอีกลูก
เวทมนตร์ของเธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง ถึงจะเป็นจอมเวทขาวแต่เธอก็เป็นจอมเวทสายแอทแทค (โจมตี) ไม่ใช่สายซัพพอร์ท (สนับสนุน) หรือสายดีเฟนซ์ (ป้องกัน) บอลไฟที่เธอตบไปไม่ต่างอะไรกับอุกกาบาต มันระเบิดอย่างแรงเสียงดังลั่นจนมั่นใจได้เลยว่าใครที่อยู่บริเวณนั้นได้หูอื้อกันทั่วแน่นอน และด้วยแรงระเบิดที่อัดเกือบรอบทิศทาง อานุภาพรุนแรงมากพอที่จะทำให้สลบไปได้พักใหญ่ ปิดฉากตัวน่ารำคาญทั้งหลายได้สนิท
เธอรู้ว่าไม่มีเวลาให้เสียมาก ในขณะที่เจ้าพวกนั้นกำลังตกใจกับการระเบิดก็ฟาดขวานใส่เรียงตัว บางคนก็โดนด้ามขวานกระทุ้งเข้าจุดสำคัญจนต้องลงไปนอนกองกับพื้นก็มี ชั่วขณะที่เด็กคนสุดท้ายวิ่งเข้ามาเร็วเกินควรและคงจะพลาดโดนคมขวานสับขาดเป็นสองท่อน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าปฏิกิริยาตอบกลับอันไวเกินมนุษย์ของโรเดอริก้าที่พลิกข้อมือลงให้อีกฝ่ายโดนใบมีดแผ่นหนาตบกระเด็นไปฟาดกับต้นไม้แทน เป็นอันจบการต่อสู้
พร้อมๆกันนั้น เนริสซ่าก็ปิดฉากการต่อสู้ของตัวเองทั้งที่ยังยืนคร่อมหน้าเจ้าเชสเตอร์กับดาบยักษ์อยู่
ถ้าเทียบกันแล้วประชากรมนุษย์เพศชายฝั่งเธอดูจะมากกว่าโรเดอริก้าอยู่พอสมควร นั่นเป็นเพราะว่าโรเดอริก้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าจะด้วยอาวุธขนาดยักษ์ แถมยังใช้เวทมนตร์ได้คล่องแคล่ว และยังตัวสูงกว่าเนริสซ่าอยู่เกือบครึ่งศีรษะอีกต่างหาก พวกสายบู๊จึงพุ่งปรี่เข้ามาหาลูกเสี้ยวสาวอย่างไม่ต้องคิดมาก
หารู้ไม่ว่ากำลังคิดผิดเต็มเปา
เหตุผลก็คือโรเดอริก้าไม่เคยชนะเนริสซ่าในการต่อสู้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับที่เนริสซ่าก็ไม่เคยชนะโรเดอริก้าเลยเหมือนกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งสองคนนี้ต่างก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่ด้วยกันก็ตาม
ตั้งแต่ตอนที่แยกออกไป เป้าหมายเธอมีเพียงแค่จุดๆเดียวเท่านั้น นั่นก็คือน้ำพุกลางสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆกับกลุ่มนักเวทที่ยืนคุมเชิงอยู่ ความเร็วในการสับขาวิ่งถูกเร่งขึ้นถึงระดับสูงสุดจนคนที่ตามมาถึงกับผงะตกใจ ต้องขอบคุณความเป็นลูกเสี้ยวที่ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้เร็วแม้ว่าจะอยู่บนบกก็ตาม
แต่เพราะดาบของเธอเปราะบางต่อการโจมตีทางกายภาพเป็นอย่างมาก จึงต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้มันเป็นอะไรไป ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการใช้ดาบสอดประสานกับการใช้เวทมนตร์ธาตุน้ำที่เธอถนัดที่สุดนั่นเอง
เนริสซ่าโบกดาบเรียกให้น้ำที่อยู่ในน้ำพุลอยขึ้นมาห่อหุ้มดาบของเธอเอาไว้ เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่าพวกที่ตามมาคนหนึ่งเข้ามาจวนเจียนจะถึงตัวอยู่แล้ว
เธอทำแค่ยิ้ม เบี่ยงตัวหลบและใช้ศอกกระทุ้งหมอนั่นจนตกลงไปในบ่อน้ำพุเท่านั้น
โจรสลัดสาวไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆ เธอใช้น้ำที่อยู่ในบ่อกดหัวหมอนั่นไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมาจากบ่อได้ รอจนร่างนั้นแน่นิ่งไปจึงลากขึ้นมาและเหวี่ยงไปกระแทกพื้นเสียงดังตุ้บ
ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆที่ตามมาเห็นเพื่อนตัวเองโดนโยนลงพื้นเหมือนขยะก็ยิ่งทวีความโมโหเข้าไปอีก พวกนั้นตั้งท่าล้อมสาวผมเงินเป็นรูปครึ่งวงกลมและจ้องหน้าลองเชิง
คนแรกที่เปิดการโจมตีใช้ดาบเหมือนกับเธอ หมอนั่นเงื้อดาบขึ้นและฟาดลงมา เนริสซ่าใช้น้ำที่หุ้มดาบอยู่ยันเอาไว้ได้ เธออาศัยช่วงที่เด็กนั่นเพ่งสมาธิไปที่การกดดาบให้ผ่านปราการน้ำต่อยเข้าที่ท้องอย่างแรงจนเด็กนั่นล้มลงไปด้านหลัง
ที่เหลือไม่รอช้า พวกนั้นเข้ารุมทึ้งเธอในทันที เนริสซ่าไม่หลบและไม่หนี เธอใช้ดาบของเธอกันอาวุธทุกอย่างไว้โดยที่เกราะน้ำไม่เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย และดึงน้ำขึ้นมาซัดใส่จนพวกที่ล้อมเธออยู่ถอยหลังไปคนละสองสามก้าว เหตุผลที่ทำอย่างนั้นก็เพราะว่าเธอต้องการพื้นที่ว่าง (สเปซ) ที่มากพอที่เธอจะอาละวาดได้อย่างถนัดเท่านั้นเอง
เนริสซ่าก้าวไปข้างหน้าและฟาดดาบเข้าใส่คนแรกอย่างไม่ลังเล ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลไหวระริก เส้นผมสีเงินปลิวกระจายตามจังหวะการโจมตีแต่ละครั้ง แต่ประดาบกันอีกไม่กี่ครั้งเด็กนั่นก็ล้มลง จังหวะเดียวกันกับที่อีกคนพุ่งเข้ามาแทงเธอจากด้านหลัง โจรสลัดสาวหมุนตัวและถีบเข้าที่จุดสำคัญกลางลำตัวอย่างแรงจนต้องลงไปกองกับพื้น
เธอเปลี่ยนไปรับมือกับคนที่มากับขวานคู่และคนที่ใช้กระบอง ทั้งสองคนพุ่งเข้าใส่เธอก่อนจะแยกกันฟาดอาวุธเข้าใส่เธอจากคนละข้าง ไม่ต่างกัน เนริสซ่าวิ่งเข้าหา เธอโยนดาบออกไปข้างหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจ มือเรียวหยิบปืนคู่โบราณออกมาจากซองเก็บที่ต้นขาอย่างรวดเร็ว พับเข่าลงสไลด์หน้าแข้งไปกับพื้นและแอ่นหลังเชิดหน้าขึ้นในเวลาเดียวกันเพื่อที่จะหลบให้พ้น จนเมื่อถึงจุดที่เธออยู่ใต้อาวุธของทั้งคู่ นิ้วชี้ทั้งสองข้างเหนี่ยวไกปืนพร้อมกับที่กระสุนน้ำเจาะเข้าที่ใต้ท้องแขนของคนถือขวานกับสะโพกของคนใช้กระบองอย่างพอดิบพอดี
ด้วยแรงเสียดทานที่เยอะมากจากรองเท้าบู๊ตยาวของเธอกับพื้นอิฐทำให้การเคลื่อนที่ของเธอหยุดลงหลังจากที่คนถือขวานปล่อยอาวุธของตัวเองลงเฉียดหัวเธอไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ปลายเส้นผมยาวสีเงินยวงก็ถูกคมขวานบั่นออกไปอยู่หลายเส้นเหมือนกัน
สาวโจรสลัดผุดลุกขึ้น มือเก็บปืนเข้าซองและวิ่งไปหยิบดาบที่กองอยู่กับพื้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะวิ่งเข้าไปล้มศัตรูเรียงตัว
ทีละคน ทีละคน ทีละคน จนในที่สุดก็เหลือคนสุดท้ายคือเจ้าหนุ่มเชสเตอร์ ดาบขนาดใหญ่เหมือนหลุดมาจากเกมที่ทำเอาเนริสซ่าอดไม่ได้ที่จะล้อเลียน “อ๋อ ที่ใช้ดาบใหญ่เพราะมีปมด้อยสินะ”
ไอ้หนุ่มนั่นก็ไม่รอช้า ดาบยักษ์ฟาดเข้าใส่ร่างเล็กของหญิงสาวผมเงินอย่างหนักหน่วงจนเกราะน้ำของเนริสซ่าถึงกับยุบลงเป็นร่อง แต่ก็นั่นแหละ เพราะว่าดาบใหญ่มากขนาดนั้น กระบวนท่าที่ใช้กำจัดศัตรูน่ะมีไม่มากเหมือนดาบโจรสลัดของเนริสซ่าหรอก
หญิงสาวกระโดดถอยหลังหลบ องศาการกวาดของดาบยักษ์ค่อนข้างกว้าง แต่ยิ่งกว้างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีจุดบอดมากขึ้นเท่านั้น เนริสซ่ามีคู่ซ้อมเป็นขวานยักษ์ของเพื่อนสาวกับค้อนยักษ์ของรุ่นน้องคนสนิท เธอหลอกล่อให้เจ้าหนุ่มนั่นฟาดดาบลงพื้นและวิ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง ก้าวเหยียบขึ้นไปบนแผ่นดาบ ถีบตัวลอยสูงขึ้นฟ้า เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงแดดพลิ้วกระจายบนแผ่นหลังราวกับนางฟ้าสยายปีก
สาวโจรสลัดทิ้งเข่าลงมากระแทกหน้าเจ้าของดาบเต็มๆจนล้มลงนอนแน่นิ่งพร้อมกับดาบยักษ์ที่หลุดจากมือ พร้อมๆกับที่โรเดอริก้าตบระเบิดใส่กลุ่มนักเวทใกล้ๆกันจนเธอผงะไป
“ยัยบ้าเอ๊ย เมื่อกี้เกือบโดนฉันแล้วมั้ยล่ะ”
“โทษที แค่อยากเก็บเร็วๆน่ะ น่ารำคาญเป็นบ้า”
โชว์สุดมันจบลงแล้ว ฉันกดโทรศัพท์หาเพื่อนคนหนึ่งทันที “ฮัลโหล ขอสายเจ้านายเธอหน่อย” แค่ได้ยินเสียงฉันเท่านั้น เลขาสาวโอนสายให้เจ้านายเธออย่างรวดเร็วโดยไม่ตอบกลับฉันสักคำ
‘มีอะไรล่ะ เมทสึกิ ใช้งานกันตั้งแต่วันคัดเลือกเลยเหรอ’ เสียงของผู้ชายในสายตอบกลับฉันมา กระแสสียงขำขันปิดไม่มิดแม้จะอยู่ในสายโทรศัพท์ก็ตาม
“แหม ถ้าไม่ให้ฉันใช้บริการแล้วบริษัททำความสะอาดเก็บกวาดขยะของนายจะเปิดไว้ทำอะไรล่ะ” ฉันหัวเราะ “ช่วยเก็บกวาดที่สวนสาธารณะเชริโก้ให้หน่อยสิ”
‘ระดับไหน?’
‘อืม ระดับสองล่ะมั้ง’
‘มีคนทำงานอยู่ตรงนั้นพอดี เดี๋ยวจะติดต่อให้ ฉันมั่นใจว่าเธอเองก็รู้จักดี’
ทันทีที่วางสายไป ฉันก็เห็นโรเดอริก้ากับเนริสซ่าเดินผ่านป้าคนที่ขายข้าวจี่ ซึ่งกดรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ เนื้อความประมาณว่า “งานซ้อนเหรอ? ก็ได้ๆ จ่ายเพิ่มด้วยล่ะ”
เท่านั้นแหละ ฉันถึงได้นึกออกว่าเธอคนนี้ก็คือลูกศิษย์ของสถาบันในช่วงที่ฉันบริหารเป็นปีแรกๆนี่เอง ผ่านมายี่สิบปีนี่เปลี่ยนไปจนฉันจำแทบไม่ได้เลย เธอเรียนจบในสาขา Assassin ด้วยคะแนนลำดับต้นๆของรุ่น ไหงตอนนี้มาทำงานอยู่กับบริษัทเก็บกวาดซะงั้นล่ะ
แต่พอเห็นเธอเก็บกวาดแล้วก็ต้องพูดได้เลยว่ามือโปรมาเอง งานเก็บกวาดขนาดนี้ที่ต้องใช้คนเป็นสิบแล้วยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงกลับเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
พอเสร็จจากส่วนนี้แล้วก็ตัดสิทธิ์การสอบให้ครบทุกคนในข้อหาสร้างความเดือดร้อนแก่สถาบัน, กล่าวร้ายสถาบันให้เสื่อมเสียชื่อเสียงในที่สาธารณะ รวมถึงหมิ่นประมาทและกล่าวร้ายบุคลากรของสถาบันก็เป็นอันเสร็จ โอเค ต้องแจ้งไปให้ผู้ปกครองของพวกนี้ทุกคนด้วย ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายก็คงได้เยอะอยู่ เกือบสี่สิบคน คนละสามหรือสี่กระทง ได้แน่นอนอยู่แล้ว
ถามว่าถ้าไม่จ่ายจะเป็นยังไง? ก็จะถูกรังควานไปตลอดจนกว่าจะมีจ่ายนั่นแหละ และต้องเป็นเงินที่ได้มาโดยสุจริตเท่านั้น ยกเว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลที่ฟังขึ้น และถึงจะมีการผ่อนผัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเบี้ยวได้เกินสองงวด
พูดไปพูดมา สถาบันของเรายิ่งดูเลวร้ายขึ้นยังไงชอบกล?
--------------------------------
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นตีสามแล้วค่ะ เป็นเวลาไทยก็คงประมาณตีหนึ่งแล้ว...
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่นหรอกนะคะ เผชิญสภาพร้อนตับแตกแม้ตอนกลางคืนอยู่ที่ไทยนี่แล
แต่ตั้งเวลาเป็นแบบญี่ปุ่นเพื่อไม่ให้มีปัญหาเวลาเล่นเกมน่ะค่ะ
#ป่วยดาบรุนแรงขนาดนั้นอ่ะคิดดู
ตอนนี้บู๊จัดเต็มพอสมควร เราขอสารภาพว่าเขียนตอนนี้คือทั้งสะใจและเร็วมากแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยล่ะค่ะ
ทั้งๆที่ตอนนี้ยาวตั้ง 16 หน้าแท้ๆ แต่ดันเร็วกว่าเขียนบทละ 8-10 หน้าแบบที่ผ่านๆมาซะอีก
ยกเว้นบทที่ 1 ไว้ตอนหนึ่งก็แล้วกัน เพราะนั่นก็เขียนตั้ง 15 หน้า
คือลงตอนนี้ก็เพราะว่าพรุ่งนี้จะไม่ว่างค่ะ แล้วนี่ก็ตีหนึ่งแล้ว ถือว่าวันพุธแล้วเนอะ
เราบอกแล้วว่าเจอกันวันพุธ เราจะไม่ผิดคำพูด อุอิอุอิ
#ถึงแม้จะว่าจะเสร็จตั้งแต่วันจันทร์แล้วก็ตาม #คั่กคั่กคั่กคั่กข่า
อืม หมดเรื่องคุยแล้วล่ะเนอะ เจอกันวันพุธถัดไปค่ะ
อ้อ อีกอย่าง ตอนหน้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีเลยนะคะ จะพยายามทำให้เต็มที่สุดๆค่ะ
ความคิดเห็น