คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทเรียนที่ 3 เอาอะไรมาออกสอบ l เตรียมตัวสำหรับครั้งต่อไป
ฉันกวาดตามองกระดาษแผ่นแรก เป็นของทวีปบีเทีย แค่คำถามแรกก็เจาะลึกยันชื่อของพายุทอร์นาโดที่ถล่มมหานครออร์แลงจนแทบล่มสลายเมื่อปี 2110 เป็นคำถามที่ดี ในอินเตอร์เน็ตไม่มีข่าวนี้ ชื่อของมันมีอยู่ในหนังสือพิมพ์แค่ 7 ฉบับเท่านั้น สองในนั้นอยู่ที่นี่และที่สถานีตำรวจของพี่ฟารุย ฉันจำได้เพราะปีนั้นคือปีที่พี่ริซ่าเกิด พายุนั่นก็เลยชื่อลิซ่าตามชื่อของพี่
คำถามที่สองเจาะยันพื้นโลกเลยเรอะ เดี๋ยวสิ มันอยู่ชุดไหนหรือว่าเพิ่งคิดขึ้นมาใหม่เนี่ย ชั้นหินชั้นที่สามของประเทศไททาเนียมีความพิเศษอย่างไร? เงิบสิ เงิบยาวๆ อ๋อ จำได้แล้ว ท่านไชน์เป็นคนออกข้อนี้ มันมีซากฟอสซิลมนุษย์โบราณนี่เอง
และสารพันคำถามเจาะลึกที่โหดอย่างถึงที่สุด ฉันบอกให้พี่เนียนเอาข้อง่ายๆใส่ลงไปด้วยสักสองข้อ ถือซะว่าเป็นข้อปล่อยคะแนน พี่ก็เลยใส่คำถามควายๆลงไปว่ามีประเทศใดในบีเทียที่ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ อยากจะขำตาย ทุกประเทศในบีเทียล้วนปกครองโดยระบอบประธานาธิบดีทั้งหมด และอีกข้อให้เขียนชื่อของประธานาธิบดีคนก่อนคนปัจจุบันทุกคนที่เคยปกครองแต่ละประเทศในบีเทียพร้อมบอกชื่อประเทศด้วย อืม 20 คน 20 ประเทศ พอได้ๆ นี่ง่ายสุดเท่าที่จะทำให้ได้แล้วล่ะ
หมดเวลาไปแล้วสี่นาที ฉันหยิบแผ่นที่สองมาดู เป็นของทวีปออตตอน “ดูไม่ยากเท่าไหร่นะ” ฉันติงพี่ไป แต่ก็ยังไม่คืน เพราะมีแค่สามข้อแรกท่านั้นที่พอหาได้ แต่ไอ้ข้อหลังๆลงไปนี่ทำปวดกะโหลกตายกันไปข้างเลยนี่สิ ดูอย่างคำถามข้อห้านะ ในป่าเรดดอทมีโยวไคตนใดเป็นเจ้าของเขตแดน ให้ตาย ป่าเรดดอทเป็นป่าฝนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีโยวไคสองพี่น้องคือเวโลทิล ออร์คิเดียและเวโลทิล อารัคเน่ ครองเขตแดนตะวันตกและเหนือตามลำดับ กับอิซาเบล โมนอคชท์ ลามีอาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกครองฝั่งตะวันออก ที่ฉันรู้จักอิซาเบลก็เพราะว่ามารีน่าลูกสาวเธอเรียนอยู่ปีสามด้วยจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตคือกลับไปฆ่าแม่ตัวเอง และสุดท้ายคือเคียวไค ฮานาโกะ นูเอะนิสัยดีที่เป็นเพื่อนสนิทฉันครองเขตแดนทิศใต้ จริงๆจะตอบทั้งสี่คนก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรตอบแค่สองคนแรกจะถูกต้องที่สุด
ข้อที่ทำให้รู้สึกอยากตายหนักกว่าคือข้อนี้ ประเทศที่มีจำนวนประชากรที่มากที่สุดของออตตอนคือประเทศอะไร และมีจำนวนประชากรเท่าไหร่ โอเค ข้อนี้ฉันขอลา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สำมะโนครัวนะจะได้ตอบได้เนี่ย
“ของออตตอนไม่ต้องแก้แล้ว ดีแล้ว” เวลาหมดไปแล้วแปดนาที ฉันหยิบแผ่นใหม่มาดู เป็นของทวีปกีห์มริด ความจริงแล้วเป็นทวีปที่ไม่น่าจะมีข้อสอบออกมากถึง 7 ข้อได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์หาข้อสอบพิสดารมาออกได้อีกนะ ดูข้อแรกมาก็แทบจะทึ้งกะโหลกตัวเองทิ้งแล้ว ถามประวัติการสำรวจทวีปกีห์มริดว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ปีอะไร โอเค อาจจะไม่ยาก แต่ว่าแต่ละตำรามันก็ไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่ แต่ละที่ก็ใช้ศักราชตัวเองทั้งนั้น ออกจะลำบากที่ไม่เขียนให้ชัดเจน “ข้อนี้พี่กำหนดให้ชัดเจนว่าต้องใช้ศักราชของที่ไหน ตัดโอดเลกก์ทิ้งไปได้เลย ศักราชไม่ตรงกันสักที่” พี่ริซ่าเขียนลงไปว่าให้ใช้ศักราชของกีห์มริด คือต้องตอบว่าก่อนศักราช 82 ปี นั่นแหละ แต่แหม ไม่ค่อยมีใครสนใจประวัติศาสตร์ของที่นั่นสักเท่าไหร่หรอก แค่เอาชีวิตให้รอดก็เหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว
กีห์มริดเป็นที่ๆยากอยู่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งคำถามเจาะลึกถึงจะมีคำถามก็เถอะว่าชั้นน้ำแข็งที่หนาที่สุดในทวีปหนากี่เมตร ดังนั้นข้อสอบชุดนี้ฉันจึงเสียเวลาไปเพียงแค่สามนาที ผ่านไปแล้วสิบเอ็ดนาที เหลือโอดเลกก์แค่ที่เดียวแล้ว
ทันทีที่กวาดสายตามองเท่านั้น ฉันก็ถอนหายใจออกมาดังๆ “พี่ริซ่า ยากไปค่ะ ทุกข้อเลย เอาคำถามโง่ๆใส่ลงไปสักสองข้อก็ได้” พี่ริซ่าชี้ให้ดูคำถามข้อที่ว่าเหมืองคราวน์ที่ใหญ่ที่สุดมีชื่อว่าอะไรและอยู่ในประเทศไหนในโอดเลกก์
ก่อนอื่นต้องพูดว่าคราวน์จัดเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์อย่างหนึ่ง ผลึกสีทองคำที่มีพลังงานเวทมนตร์อัดประจุสูงมาก แค่ผงคราวน์ที่มีเท่าปลายนิ้วก้อยแตะก็ทำให้เกิดเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว เหมือนกับผงคราวน์ในปารา เดลฟีของฉันนี่ไง เหมืองคราวน์ในโอดเลกก์มีถึงสิบแห่งจากสี่ประเทศ แต่ละที่ก็ใหญ่มหึมากันทั้งนั้น เป็นเหตุผลว่าทำไมที่นั่นถึงไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยี เพราะเวทมนตร์ทำได้ทุกอย่างนั่นเอง
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คราวน์ยิ่งบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งมากขึ้นเท่านั้น แต่จริงๆมันก็อยู่ในกีห์มริดเป็นส่วนมากล่ะนะ ผงคราวน์ในปารา เดลฟีของฉันก็ใช้คราวน์จากกีห์มริดเหมือนกัน ความนรกอยู่ตรงที่ว่าฉันต้องไปนั่งร่อนผงคราวน์ริมแม่น้ำท่ามกลางพายุหิมะอันเป็นส่วนหนึ่งของสภาพอากาศเลวร้ายตลอดปีของที่นั่น และเหมือนพระเจ้าเมตตาต่อความพยายามของฉัน ฉันเลยได้ผลึกคราวน์ขนาดใหญ่เท่าหัวแม่โป้งมาแทน
ถึงอย่างนั้นก็ต้องมานั่งตะไบร่อนทีละเล็กทีละน้อยจนหมดทั้งผลึกอยู่ดี ซึ่งกว่าจะหมดก็กินเวลาไปสามปีเต็ม และตะไบสำหรับเจียระไนอัญมณีเวทมนตร์ก็เสียไปไม่รู้กี่ร้อยอัน เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงพูดว่ามีปารา เดลฟีเป็นเครื่องทุ่นแรงเวลาใช้เวทมนตร์ ก็นะ ถึงจะเป็นเวทมนตร์ระดับสูงก็แทบไม่ต้องใช้พลัง (ที่ไม่ค่อยจะมี) ของตัวเองเลยก็ทำได้
ช่างเถอะ ฉันดูข้อสอบข้ออื่นต่อดีกว่า อืม สงครามกลางเมืองในประเทศสวิลนาซก้ามีทั้งหมดกี่ครั้ง คำตอบคือไม่สามารถนับได้ เพราะปัจจุบันก็ยังไม่สงบเสียที แต่จะตอบตามจำนวนปีที่สร้างประเทศขึ้นมาลบหกก็ไม่ผิดหรอกนะ
พี่ริซ่าเอากลับไปแก้ ใส่คำถามตลกๆมาว่า จอมทัพของโอดเลกก์ผู้นำสงครามกับบีเทียเมื่อพันปีก่อนมีชื่อว่าอะไร ว้าว ก็คนเดียวกันกับที่อนุมัติให้สร้างที่นี่ผ่านการชี้นำของนักพยากรณ์เมื่อสิบรุ่นที่แล้วไง มหาราชาซูเทซัส มหาราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา และอีกข้อถามว่านักพยากรณ์ต้องสาปมีชีวิตอยู่ในสมัยราชาองค์ใดบ้าง คำถามใช้ได้
ส่วนข้ออื่นๆก็เป็นคำถามรวมๆที่คล้ายๆกันทุกชุด เช่น ให้พิสูจน์สูตรตรีโกณมิติอย่างน้อยสามสูตร ,รถยนต์สร้างขึ้นตั้งแต่ปีอะไร โดยใคร ,เผ่าพันธุ์ที่เรียกกันว่า ‘ข้ารับใช้ของปีศาจ’ คือเผ่าพันธุ์อะไร ฯลฯ
“เตรียมแจกได้เลย”
เหลือเวลาอีกสองนาที มาดูกันว่าเด็กๆเหล่านี้จะทำอะไรในข้อสอบนี้ได้บ้าง
“การสอบจะเริ่มในอีกสองนาที การสอบครั้งนี้ฉันบอกแล้วว่าฟรีทุกอย่าง แต่อย่าดีใจไป ถ้ามันง่ายก็ไม่สนุกน่ะสิ ฉันขออธิบายก่อนว่าเรื่องความรู้รอบตัวมีทุกอย่างเท่าที่พวกเราอยากออก และพวกเราจะสุ่มจากทวีปที่พวกเธอจากมา และตอนที่ฉันแจก ห้ามใครทำจนกว่าฉันจะสั่ง”ฉันกลืนน้ำลายเพราะพูดประโยคยาวเกินไป และหนุ่มๆชุดเดิมก็แบกกองกระดาษโจทย์ที่ผ่านการแก้ไขจนเสร็จเรียบร้อยแล้วมาให้ฉันแจกอีกครั้ง
“เอาล่ะ ใครมาจากบีเทียบ้าง”จำนวนเด็กเยอะมากอย่างที่คิด เกินหมื่นเห็นจะได้ ฉันโบกมือให้ข้อสอบสามชุดที่เหลือที่ไม่ใช่บีเทีย ให้ไปปรากฏอยู่บนโต๊ะของเด็กๆแบบสุ่มแจก ไม่รู้หรอกว่าใครได้ชุดไหน
“ใครมาจากออตตอน”เยอะมากพอกัน ข้อสอบทุกชุกยกเว้นออตตอนโผล่ไปไว้ที่โต๊ะแล้ว เช่นเดียวกันกับโอดเลกก์ที่ปีนี้มีคนมาสมัครค่อนข้างเยอะกว่าทุกปีที่ผ่านมา สงสัยเพราะว่าปีนี้เลขสวยล่ะมั้ง คนที่นั่นถือเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และกีห์มริดซึ่งมีจำนวนคนน้อยเป็นปกติ คำนวณจากสายตาไม่น่าเกินร้อยคน กีห์มริดมีประชากรน้อยมากอยู่แล้ว นับรวมกันทั่วทั้งทวีปซึ่งมีอยู่แค่ประเทศเดียวก็คงประมาณสองหมื่นกว่าคนเท่านั้นแหละ มีเด็กมาสมัครที่นี่เกินร้อยคนก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เด็กๆที่นั่นอึดถึกทนกันจะตาย ส่วนใหญ่ก็เป็นบุคลากรมีคุณภาพกันทั้งนั้น
“ได้ข้อสอบกันครบแล้วสินะ มีใครยังไม่ได้บ้าง?”ไม่มีใครยก ฉันพูดต่อ “เอาล่ะ ถ้าพวกเธอคิดเล่นตุกติกอะไร อย่าลืมว่าใบลงทะเบียนที่เธอกรอกในเว็บไซต์คือเอกสารยืนยันตัวตนที่ต้องถูกต้องเท่านั้น ถ้าฉันจับได้ว่ามีการเล่นไม่ซื่อจะถูกตัดสิทธิ์ทันที เข้าใจใช่มั้ย?”ฉันเน้นเสียงย้ำเตือนเผื่อมีใครลืม เพราะการสอบแบบนี้น่ะมีการเล่นตุกติกได้ง่ายมาก
“อย่าลืมล่ะว่าห้ามติดต่อกับใครเด็ดขาด ที่นี่เป็นมิติปิด สัญญาณการสื่อสารทุกคลื่นไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ รวมถึงจิตของคนภายนอกก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้อีกเช่นกัน และเพื่อความแน่ใจของฉัน ฉันจะสร้างร่างแยกของฉันขึ้นมาเพื่อจับตาดูพวกเธอ” โบกเดลฟีที่อยู่ในมือเบาๆระหว่างพูดไปด้วยก็สร้างร่างแยกที่หน้าตาเหมือนฉันไม่มีผิดเพี้ยนขึ้นมาได้เกือบหนึ่งหมื่นคน
ร่างแยกเหล่านี้มีหน้าที่เดินตรวจสัญญาณการติดต่อทางจิตรวมไปถึงการทุจริตในทุกรูปแบบ เพราะว่าร่างแยกพวกนี้มีความไวต่อคลื่นสัญญาณที่ผิดปกติอย่างมาก ถ้าร่างแยกร่างใดร่างหนึ่งเกิดจับได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ร่างนั้นจะกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงที่ดังจนปวดหูและทุกคนจะหยุดการทำข้อสอบในทันที
ฉันถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูนาฬิกา เอาล่ะ สาม สอง หนึ่ง “เริ่มทำข้อสอบได้”
พรึ่บ
ว้าว ช่างพร้อมเพรียง เสียงพลิกกระดาษอันหนักแน่นพร้อมกับจิตใจอันแข็งแกร่งเช่นนี้ช่างหาดูได้ยากยิ่ง คงต้องคอยดูกันต่อไปว่ากระดาษบางๆแค่ไม่กี่แผ่นนั้นจะบั่นทอนกำลังใจของเด็กๆไปได้สักเท่าไหร่
แต่สีหน้ามุ่งมั่นที่ฉันเห็นในตอนนี้ช่างน่าประทับใจจริงๆ ฉันเลิกสนใจเด็กๆและหันกลับไปที่พวกอาจารย์ สร้างเคาท์เตอร์ขึ้นมาพร้อมกระจก ทำให้ฟากนี้เป็นห้องเก็บเสียงโดยสมบูรณ์ ไม่สิ ดูดีๆแล้วเหมือนห้องสอบสวนมากกว่า ต่างกันตรงที่กระจกที่ตำรวจใช้เป็นเมจิคมิเรอร์ คิดดูอีกที อาจจะมีเด็กที่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเราจนอาจจะเสียสมาธิ ฉันควรทำให้กระจกนี่เป็นเมจิคมิเรอร์ด้วยดีกว่า
“หล่อนใช้งานพวกฉันคุ้มสุดๆเลยรู้ตัวมั้ยยะ”เมซี่หันมาจิกตาพร้อมแขวะฉันทันทีที่ฉันหันหน้าไปมองหล่อน ฉันขอโทษกลั้วหัวเราะ
“โทษทีๆ ก็ไม่ได้คิดล่วงหน้านี่นา แต่ทำงานกันได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ ขอบคุณมากสำหรับรอบนี้”
เมซี่สะบัดหน้าหนี เซลีน ปีศาจสาวอัจฉริยะ เส้นผมสีบลอนด์เงินกับดวงตาสีม่วงบนใบหน้างดงามอ่อนโยนที่ให้ความรู้สึกเหมือนนางฟ้าหันมายิ้มแห้งๆและถามฉันขำๆ “ว่าแต่ว่าที่เธอบอกว่าครั้งต่อไปวันที่ 4 หมายความว่ายังไงของเธอน่ะ?”
“ก็คัดเลือกอีกครั้งไง?”แปลกจังที่เธอไม่เข้าใจ ปกติออกจะฉลาดนี่นา
เมซี่เหมือนมีเส้นเลือดสามเส้นเด้งออกมาจากหน้าผาก หล่อนตวาดฉันเสียงแหลม “นั่นแหละ หล่อนคิดจะทำอะไรอีก แค่นี้พวกฉันยังงานยุ่งไม่พออีกใช่มั้ยห๊ะ!!”
“ฉันมีคนไว้ให้เธอทำงานเองเหรอ”ฉันตอบนิ่งๆ จนเมซี่ถึงกับสะอึกไป
ช่างเถอะ เถียงไปก็เสียเวลา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะคัดเลือกอีกรอบให้รัดกุมที่สุด ฉันไม่ได้ต้องการเฉพาะนักเรียนที่เรียนเก่งและมีความรู้ แต่ฉันต้องการนักเรียนที่มีทักษะและเอาตัวรอดได้
“ครั้งต่อไปจะเอายังไงดี เซอร์ไวเวอร์เกม? หรือมุกคลาสสิคแบบดันเจี้ยน? ฉันอยากได้แบบลุยๆน่ะ”
เมซี่ตาโต มือใหญ่กุมอกล่ำแน่นเหมือนจะขาดใจตายในอีกสองวิ “เซอร์ไวเวอร์เกมเกือบเก้าหมื่นคน พระเจ้า บ้าชัดๆ”
“เอาน่า ยังไงซะห้องนี้ก็เปลี่ยนไปตามความต้องการของฉันอยู่แล้ว”จริงๆแล้วเดินให้ตายก็ไปไม่ถึงสุดห้องอยู่ดี รองรับคนเล่นเกมนี้แค่แปดหมื่นเก้าหมื่นคนน่ะไม่เป็นไรหรอก รุ่นก่อนๆแสนกว่าคนยังมีเลย
“ถ้าแบบดันเจี้ยนก็ต้องเล่นกันแบบโหดๆไปเลยแหละนะ”พี่เซนี่พูดขึ้นมา ฉันครางสั้นๆ ก่อนอธิบายให้ฟังทั้งๆที่เป็นเรื่องเดิมๆที่รู้กันอยู่แล้ว “อา จริงๆก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ตายเป็นตาย เดี๋ยวต้องไปเตรียมเอกสารประกันชีวิตให้เด็กๆแล้วก็ใบถามความสมัครใจด้วยนะ”
เซลีนถามต่อ “แล้วจะคัดยังไง ตั้งสองรอบ แถมยังต่างกันสุดๆเลยด้วย ความถนัดของคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“ก็เอาคนที่คะแนนสูงสุดของทั้งสองฝั่งไง”
“แต่พวกที่สอบรอบแรกดี รอบหลังอาจจะไม่ดีก็ได้ และในทางกลับกันพวกที่รอบหลังดี แต่รอบแรกไม่ดีก็มีเยอะนะ”เซลีนดูเหมือนใกล้จะสติแตกกับคำอธิบายสั้นๆง่ายๆของฉันเอาให้ได้ ยังดีที่พยายามคุมสติอารมณ์ของตัวเองไว้จนได้ ไม่งั้นคงได้เหนื่อยกันไปข้างล่ะ
“เอาคนที่ดีทั้งสองด้านสิ อ้อ ที่หนึ่ง สองและสามของแต่ละรอบก็คัดไว้ด้วย ถือซะว่าเป็นรางวัล”
“เข้าใจแล้ว”เซลีนพยักหน้ารับ พี่ริซ่าถามต่อ
“เซอร์ไวเวอร์เกม?”
ฉันยิ้ม “ใช่ อย่าลืมไปหามอนสเตอร์ใหม่ๆมาด้วยล่ะ ซิสเตอร์เฟรส” ซิสเตอร์เฟรส โจวานา ซิสเตอร์สาวหล่อผมซอยสั้นสีบลอนด์ทอง ตาสีชมพู เป็นคนของศาสนจักรที่เคยอยู่หน่วยล่าสังหาร ตอนนี้ย้ายมาอยู่หน่วยปฏิบัติการเพื่อสังคม สังกัดสถาบันฯแห่งนี้
“ได้อยู่แล้ว”
ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ซิสเตอร์เฟรสน่ะ เป็นสุดยอดของสุดยอดฮันเตอร์ที่มือดีที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเชียวนะ ถ้าไม่นับแม่ฮัวนา แลงคาสเตอร์ คู่ปรับตลอดกาลของซิสเตอร์ล่ะก็นะ
นอกจากจะเป็นอาจารย์สอนวิชา Hunter แล้ว เธอยังเป็นซิสเตอร์ประจำโบสถ์ของสถาบันฯร่วมกับบาทหลวงเจมส์ สมิธสัน หนุ่มหล่อผิวแทนผมทองตาสีฟ้า (มีข่าวลือว่าเป็นญาติกับอาร์เซล) อดีตหน่วยล่าสังหารของศาสนจักรเช่นกัน แต่ว่าดันไปทำผิดกฎอะไรบางอย่างจนถูกศาสนจักรขับไล่ออกมา แต่ด้วยความร้ายกาจของฝีมือและฝีปากก็ทำให้ผู้อำนวยการรุ่นที่แล้วรับเขาไว้และทั้งคู่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“อายาเสะ ตอนนี้ในคลังมีตัวอะไรที่สภาพดีๆอยู่บ้าง?”ฉันหันไปถามอายาเสะ “อยากได้ตัวอะไรเพิ่มมั้ย?”
“อืม ตอนนี้มีนิมฟ์แล้วก็อยากได้ดรายแอดส์น่ะจ้ะ ยิ่งสายโจมตียิ่งดีเลย หรือพวกเมอร์โฟลกด้วยก็ดีนะ?”
พี่เซนี่กลืนน้ำลายเอื้อก “ถ้าเมอร์โฟลกคงได้ตายก่อนถึงมือเด็กๆแน่ล่ะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่พี่อยู่ในทะเลเปิด พวกเมอร์โฟลกเป็นอาหารจานโปรดของพี่ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอาหารที่พี่เซนี่โปรดปรานที่สุดอยู่ดี อายาเสะได้ฟังก็หันไปค้อนเข้าให้ทันที
“งั้นเอาเป็นว่าไปยืมเฟนรีร์มาได้มั้ย?”
ฉันสำลักพรวด โบกมือไปมาเป็นเชิงคัดค้าน “โลกิไม่ยอมหรอก รายนั้นรักลูกยิ่งกว่าอะไรดี อีกอย่าง โอดินไม่ยอมแน่ถ้าเฟนรีร์คลาดสายตาไปไกลๆ”แน่สิ ลูกคนนั้นน่ารักแค่ไหนก็ดูได้จากการเจอกันแต่ละครั้งเถอะ เฟนรีร์น่ารักอย่างนั้นน่ารักอย่างนี้ บางทีก็มีรายงานสถานการณ์ประจำวัน เช่น วันนี้ยอมให้โอดินลูบหัวด้วยล่ะ ถึงจะพุ่งเข้าไปกัดทันทีเลยก็เถอะ แล้วก็จะบ่นเรื่องสิทธิยักษชนที่ถูกกีดกันไม่ให้พบลูกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในตอนนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ
อายาเสะทำปากบุ่ย “ขนาดยอร์มุนกันด์ยังโดนท่านโอดินจับโยนลงมหาสมุทรมาแล้วเลย”
“แต่ตอนนั้นเจ้าตัวเสียใจเป็นบ้าเป็นหลังเลยไม่ใช่เรอะ?”พอพูดๆไปก็นึกถึงตอนที่โลกิหนีจากแอส การ์ดลงมายังโลกที่เขาเรียกว่ามิดการ์ดในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าที่เคยดูดีแฝงความเจ้าเล่ห์นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาในตอนนั้นเหมือนกับร่างไร้วิญญาณไม่มีผิด ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ริมฝั่งแบบนั้น สุดท้ายก็กลับไปเงียบๆโดยที่ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ฉันชะงักแล้วพูดขัดคอก่อนที่อายาเสะจะขออะไรบ้าๆอีก “เฮลาต้องทำหน้าที่ ออกจากที่นั่นมาไม่ได้ ถึงออกมาได้แต่พลังของนางรุนแรงเกินไป”
“รู้ทันได้ไงเนี่ย”อายาเสะพูดเสียงอ่อยแล้วขออีก “งั้นปาปิยองก็ได้”
“อืม ฉันจะไปถามเฟรย่าให้ หรือไม่ก็ซิกยีน”อา แต่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยแฮะ ซิกยีนไม่ค่อยชอบหน้าฉันด้วย เฟรย่ามีแต่เสื้อคลุมปีกเหยี่ยวบินได้กับรถเทียมแมว สามพี่น้องนอร์นก็ไม่มีแน่ๆ พวกนั้นไม่ใช่วัลคีรี่ แต่จะถามพวกแอซีร์คนอื่นที่สนิทก็ไม่มีแล้วนี่สิ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธอายาเสะอยู่ดี ฉันขัดใจน้องสาวฉันไม่ได้จริงๆ
อายาเสะยิ้มกว้าง เสียงใสเอ่ยขออีก “ซิซ?”
“ฉันเกลียดมัน”พี่เซนี่ขัดในทันใด
รอยยิ้มของอายาเสะเริ่มหดลง “ออร์ค”
“ฉันเกลียดมัน”คราวนี้เป็นพี่เอสขัดทันทีบ้าง
รอยยิ้มน่ารักของอายาเสะหดลงอีก เสียงใสอ่อยลง “ไลแคนท์”
“มีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”ซิสเตอร์ถามกลับ
รอยยิ้มหดลงจนแทบไม่เหลือแล้ว ดูๆไปก็น่าสงสารเหมือนกันนะ “มันติคอร์?”
“นั่นมันสัตว์เลี้ยงของฉันนะคะ!”เป็นเซลีนที่โวยวายขึ้นมา เดี๋ยวนะ เธอเลี้ยงมันติคอร์เหรอ? เลี้ยงเข้าไปได้ยังไงเนี่ย สัตว์เลี้ยงของเธอช่างขัดกับหน้าตาที่อ่อนโยนของเธอแบบสุดๆเลยจริงๆ ไม่สิ ฉันลืมไป ก็เธอเป็นปีศาจนี่ มันติคอร์เป็นสัตว์เลี้ยงปีศาจก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ มองหน้าเซลีนนานๆแล้วเหมือนกับมองนางฟ้า ไม่ใช่ปีศาจ
อายาเสะยิ้มไม่ออกแล้ว เสียงใสสั่นพร่าราวกับกำลังจะร้องไห้อยู่มะรอมมะร่อ “ดรอปเปอร์?”
“สบายมากค่ะ”
เหมือนระฆังสวรรค์ดังขึ้นในหัวอายาเสะอย่างไรอย่างนั้น เธอยิ้มกว้างและโผเข้าไปกอดซิสเตอร์เฟรสเต็มรักจนอีกฝ่ายเซไปหลายก้าวแล้วผลักเธอออกทันที ฉันกับคนอื่นๆหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นภาพนั้น นั่นก็เพราะว่าซิสเตอร์เฟรสไม่ค่อยคุ้นชินกับการสัมผัสมากเท่าไหร่ ยิ่งกับเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่ หากไม่ใช่ตัวที่เธอฆ่าตายแล้วเธอก็ไม่ค่อยอยากจะสัมผัสสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นการถูกอายาเสะซึ่งจัดอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่อันตรายกอดเอาจึงเป็นเรื่องที่ทำให้เธอมีปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างการผลักนั่นแหละ
“ขอโทษค่ะคุณอายาเสะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะผลักคุณเต็มแรงแบบนั้น”ซิสเตอร์ทำหน้าสำนึกผิดอย่างน่าสงสาร
อายาเสะยิ้มรับ เธอเอามือเขกหัวตัวเองเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะซิสเตอร์ ฉันลืมตัวเองที่เผลอไปกอดคุณแบบนั้น”
ซิสเตอร์เฟรสก้มหัวขอโทษอายาเสะสลับกับอายาเสะที่โบกไม้โบกมืออย่างไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหนชั่วครู่ใหญ่ จนเมซี่ต้องเดินกรีดกรายไปบอกให้เลิกขอโทษกันซะที หึๆ ว่าแต่ว่ากี่โมงแล้วเนี่ย
“อินค์”ฉันเรียก อินค์หรืออินคิวบิเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีแบบหนุ่มโฮสต์ ผมหยักโศกสีดำ ดวงตาสีม่วง หางตาตกกับไฝใต้ตาที่ดึงดูดหญิงสาวได้ทุกเพศทุกวัย เขาเชี่ยวชาญเวทมนตร์ทุกแขนงด้วยอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น
อินค์เป็นผู้รอดชีวิตสายตรงที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลมิยาซากิ หนึ่งในสองตระกูลมนุษย์ที่ใช้นามสกุลนำหน้าชื่อ เพราะบรรพบุรุษต้นตระกูลคือหนึ่งในเทพสูงสุดกับนักพยากรณ์ผู้ชั่วร้ายที่ฆ่าเหล่าราชวงศ์แห่งเทวาทั้ง 7 แห่งบีเทียเมื่อพันปีก่อนจนทำให้เกิดสงครามแก่งแย่งดินแดนยืดเยื้อยาวนานจนมีคนตายนับล้าน เป็นหนึ่งในสาเหตุของการก่อตั้งสถาบันฯ ที่สำคัญคือฉันเกลียดหมอนี่
อีกตระกูลที่ใช้นามสกุลนำหน้าชื่อคือตระกูลเวโลทิล แต่ตระกูลนั้นเก่าแก่กว่าตระกูลมิยาซากิมาก ตระกูลเวโลทิลมีบรรพบุรุษต้นตระกูลเป็นเทพชั้นสูงฝั่งไหนสักฝั่ง ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก กับปีศาจชั้นไดมอนด์คลาส ซึ่งระดับชั้นพลังเหลื่อมกันหนึ่งชั้น ทำให้สามารถสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปได้ แต่ก็แลกมาด้วยการถูกขับไล่ออกจากสวรรค์และนรก ถึงอย่างนั้นฉันก็เชื่อว่าทั้งสองคนนั้นก็คงยินดีรับโทษนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงแล้วเทพกับปีศาจเป็นอะไรที่ต่างกันสุดขั้ว ขาวกับดำ ตรงข้ามกันอย่างถึงที่สุด หากเทพกับปีศาจมีลูกด้วยกันก็ไม่พ้นร่างเน่าเพราะร่างกายรับพลังที่แปลกปลอมไม่ได้หากว่าระดับชั้นพลังต่างกันมากๆ
และหากระดับชั้นของพลังเท่ากัน ลูกที่ออกมาก็จะกลายเป็นตัวประหลาด ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ใดๆทั้งสิ้น มีค่าเพียงพอแค่ให้กำจัดเท่านั้น
หายากมากที่เทพและปีศาจจะเหลือบตาแลมองอีกฝ่ายที่ระดับชั้นพลังห่างกันหนึ่งชั้น แต่ถึงอย่างนั้นอัตราการจับคู่ระหว่างสองเผ่าพันธุ์นี้ก็เรียกได้ว่าต่ำมากอยู่ดี คงเพราะศักดิ์ศรีของความเป็นเทพและความเป็นปีศาจด้วยล่ะมั้ง
จะเห็นได้ว่าจุดร่วมกันของสองตระกูลนี้คือมีต้นตระกูลเป็นเทพนั่นเอง เพราะอย่างนั้นทั้งสองตระกูลนี้จึงมีอภิสิทธิ์กว่ามนุษย์ทั่วไปตรงที่จะใช้นามสกุลนำหน้าชื่อ แต่ตระกูลมิยาซากิถูกฆ่าล้างโคตรจนเหี้ยนไปตั้งแต่วันคริสต์มาสเมื่อ 21 ปีก่อน ทำให้ตระกูลมิยาซากิหมดสิ้นอำนาจโดยสิ้นเชิง
“หิวเหรอครับ?” เขาถาม แหม ถามเหมือนรู้ใจ “ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ ขอเร็วๆนะ อย่ามัวแต่ไปนัวเนียกับนังแมวนั่นซะล่ะ” ฉันเห็นหมอนั่นสะดุ้ง สาวเมดปีศาจแมว (บาเกะเนโกะ) เด็กเส้นซึ่งเป็นกิ๊กของอินค์ ฉันจับได้คาหนังคาเขาว่าหมอนั่นกล้าใช้พื้นที่ห้องครัวอันศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ทำลูก ฉันโมโหจนแทบไล่หมอนี่ออก แต่จะหาคนที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มากกว่าอินค์ก็ไม่มี ฉันจึงต้องทำใจเก็บหมอนี่ไว้ในสถาบันฯ และเพิ่มตารางสอนให้แน่นจนกระอักเลือดได้เป็นการลงโทษ
ถึงจะโดนแขวะจนหน้าเสียแต่ก็ยังยิ้มได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและหายตัวออกจากมิติไปอย่างเงียบๆ “ขอประทานโทษเป็นอย่างสูงครับ จะรีบไปรีบมาครับท่านผอ.”
แต่ฉันยังไม่ได้สั่งเลยไม่ใช่เหรอว่าฉันจะเอาอะไร แย่ล่ะสิ หมอนี่มันจะเอาของกินที่ถูกใจมาให้ได้มั้ยเนี่ย
---------
ช่วงคุยกับคนเขียน
สวัสดีอีกครั้งค่ะท่านผู้ติดตามอ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ ICHA นะคะ
จริงๆที่อยากจะบอกก็มีแค่สามเรื่องล่ะค่ะ
เรื่องแรกก็คือเราจะอัพเรื่องนี้ทุกๆหนึ่งหรือสองอาทิตย์ ไม่มากหรือน้อยไปกว่านี้ค่ะ เพราะเราเข้าใจถึงหัวอกคนรอนิยายดี #ประสบการณ์ตรง
เรื่องที่สองคือ ตอนหน้าจะเริ่มมีเด็กๆรุ่นพี่โผล่มาแล้วนะคะ เฮ!!!!! ส่วนเด็กๆปีหนึ่งคงต้องรอกันหน่อย แต่จะจัดให้เต็มที่แน่นอนค่ะ จะให้เขียนบทเดียวยี่สิบหน้าก็บ่ยั่น
ส่วนจะเป็นใครต้องรอดูอาทิตย์หน้าวันพุธนะคะ
อ้อ อีกเรื่องนึงก็คือ เราเปิดเพจไว้นะคะ เปิดไว้ลงรูปเด็กๆของเรา ของคนอ่าน แล้วก็เอาไว้แจ้งข่าวสารการอัพนิยายด้วย (รวมถึงฉากสเปเชี่ยลที่คงไม่มีในเวลาอันใกล้...)
ถ้าไม่รบกวนก็ฝากไปกดไลค์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
M.Montblank
ความคิดเห็น