คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 06 - ห้องบอสประจำดันเจี้ยนค่ะ
“แค่จัดการบอสก็ออกไปได้ไม่ใช่หรือไง”
“นั่นสินะคะ ฉันอยากกลับไปอ่านหนังสือเหมือนกัน”
“ตามนั้นแหละ ที่นี่มีเสียงน่ารำคาญเต็มไปหมด”
การกู้ภัยไปได้ด้วยดี ไม่ติดขัด หรือ ลำบากแม้แต่น้อย แม้มีมอนสเตอร์ออกมาเพ่นพานระหว่างทางบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ความจริงต้องกล่าวว่าเสียงเพลงเผ่าเวอร์ซี่ หรือ อิกเซเนทซ์มีผลกับมอนสเตอร์มากกว่าที่คิดทำให้พวกเราแทบไม่ต้องลงแรงสู้ อารมณ์แบบไม่ต่างจากเดินเล่นชิวๆ เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกำแพงถ้ำล่ะมั้ง กระนั้นหลังช่วยเลือผู้ประสบภัยในดันเจี้ยนเสร็จสรรพ สถานการณ์ของพวกเรากลับกำลังมีปัญหากันเสียเอง
ข้างหน้าเป็นลานขนาดใหญ่ ห้อมล้อมด้วยกำแพงสูงติดเพดานไม่ต่างจากลานประลองใต้ดิน
แม้หลายๆ อย่างจะต่างจากวันที่ฉันมาที่นี่กับธีโอก็ตาม แต่นี่แหละ ลานบอสประจำดันเจี้ยนแห่งนี้
ด้วยความที่ทางเข้าถูกผนึกด้วยเวทมนตร์ส่งผลให้พอมองเห็นรูปร่างบอสประจำดันเจี้ยนใหม่ บอสข้างในนั้นน่าจะเป็นสายพันธุ์อราเนียที่มีพิษ---ตามความทรงจำแม่มดเรียกอราเนียว่าแมงมุม แน่นอนขึ้นชื่อบอส ขนาดคงไม่ใช่ตัวเล็กเท่าฝ่ามือแน่ๆ ความสูงอราเนีย..มองจากตรงนี้เดาไว้ไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ใครจะไปรู้ล่ะ เดินเข้าไปมันอาจใหญ่ขึ้นก็ได้ ได้ยินว่าบอสสายพันธุ์เครสเซสมองจากข้างนอกดูตัวไม่ใหญ่นัก แต่พอลุกขึ้นขนาดตัวแทบชนเพดานตลอด ไม่รู้ว่าอราเนียจะเป็นด้วยไหม
ประมาณตอนนี้นั่งอยู่พอมีคนเข้าไปหาแล้วลุกขึ้นยืนทำนองนั้น
จริงด้วย เกือบลืมบอกไปว่าตอนนี้พวกเรากำลังมีปัญหากันเรื่องอะไร หลังกู้ภัยจนมาถึงลานบอส ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของดันเจี้ยน โดยปกติหากไม่ต้องการปะทะกับบอสประจำดันเจี้ยน เราสามารถกลับทางเดิมเพื่อออกไปได้ด้วยการเดินเท้าดั่งครั้นมา ทว่าพวกเราส่วนหนึ่งมองว่าการเดินกลับมันยุ่งเกินไป ฉันไม่ได้พูดถึงความน่ารำคาญที่มีต่อมอนสเตอร์นะ แต่พูดถึงระยะทางต่างหาก ต้องใช้เวลาอย่างต่ำเกือบชั่วโมงกว่าจะไปถึงได้
ทว่าหากชนะบอสประจำดันเจี้ยน ประตูทางออกจะปรากฏ และ ส่งกลับไปยังทางเข้าทันที
นั่นทำให้ส่วนน้อยอยากเข้าไปในลานบอส ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ส่วนน้อย หนึ่งในนั้นคือฉันด้วย แม้ฉันจะเลือกเป็นส่วนน้อย แต่เอาเป็นว่าพอเข้าใจทำไมส่วนใหญ่ถึงไม่อยากเข้าไปเนื่องจากหลายคนเป็นหน่วยกู้ภัยของกิลด์ ประสบการณ์เข้าปะทะกับบอสไม่ได้มากมายเท่านักผจญภัยระดับ S จุดนี้พูดตามตรงตัวฉันเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์โชกโชนขนาดนั้น แต่ถ้าพังทางเข้าดันเจี้ยนได้ ลูกบาศก์น่าจะสร้างความเสียหายกับบอสเยอะไม่ใช่เหรอ
เคยเห็นภาพสงครามประสาทไหม สภาพเมื่อครู่ไม่ต่างกันเลย แทนที่จะต่อปากต่อคำ หรือ ถกเถียงด้วยเหตุผลต่างๆ นานากลับเลือกยืนจ้องหน้ากดดัน กระนั้นระหว่างทุกคนกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่นั้น ฉันกลับเหลือบเห็นแผ่นหลังใครบางคนเดินออกจากกลุ่มพร้อมตรงเข้าไปในลานบอสโดยไม่บอกกล่าว
----เดาสิว่าใครที่กล้าพอทำเรื่องแบบนี้ อ่า ใช่แล้วล่ะ โมนิก้า เบลูม
“โมนิก้า!! ยัยเด็ก***”
ตะกี้อะไรน่ะ คำหยาบ?
เสียงตะโกนหัวหน้ากิลด์ดังลั่นเสียจนอิกเซเนทซ์ยกมือปิดหูอัตโนมัติ น้องชายฝาแฝดทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนกลอกตามองทางเข้าดันเจี้ยน อืม---ฉันไม่ได้ยินคำที่หัวหน้ากิลด์เอ่ยชัดๆ แต่ได้ยินเป็นเสียงแหลมๆ ประหลาดเหมือนกับเวลาเดมาริมพูดคำหยาบเลย เพราะงั้นเลยเดาว่าเมื่อกี้หัวหน้ากิลด์น่าจะหลุดพูดจาหยาบคายกระมัง เอาละ ค่อยดูกันว่าจะมีใครกล้าเข้าไปหาโมนิก้าไหม ข้างในยังไม่ได้ยินเสียงต่อสู้ หมายความว่าเจ้าหล่อนยังไม่เข้าไปในระยะต่อสู้
“เอาละ ไม่มีทางเลือกอื่น ไปกันเถอะ ไททาเนีย”
“ฉันเองเดินได้ค่ะ”
“ขาเธอกว่าจะก้าวออกคนอื่นไปถึงตัวบอสแล้ว”
นี่ฉันลอยช้าขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ไม่อยากเสียแรงเท่านั้นเอง
ฉัน, อิกเซนส์, หัวหน้ากิลด์, ไวเคานต์แลมฟาร์ และ นักผจญภัยอีก 2 คนตัดสินใจตามหลังโมนิก้าเข้ามาในห้องบอส พื้นที่ที่เด็กสาวผมน้ำตาลยืนถือเป็นพื้นที่เตรียมการส่งผลให้ยังไม่เกิดการต่อสู้ นักผจญภัยระดับ S มีความมั่นใจสูงขนาดนี้ทุกคนหรือไม่ เรื่องนี้ฉันไม่เข้าใจหรอก แต่สิ่งแรกที่โมนิก้าต้องรับมือตอนนี้น่าจะเป็นคำบ่นเสียมากกว่า คิ้วสองข้างของชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งสูงส่งในกิลด์กระตุกเบาๆ พร้อมกำหมัดแน่น ท่าทีหัวหน้ากิลด์ทำให้โมนิก้าเอียงคอเล็กน้อย ทว่าเสี้ยววินาที เธอเริ่มเข้าใจว่าตนเองกำลังจะถูกต่อว่า
ใบหน้าแสนน่าเอ็นดูเพิ่งให้ความรู้สึกว่าน่ารัก---เธอปั้นสีหน้าบ้องแบ๊วพลางส่งสายตาออดอ้อน
“ไม่ต้องมาทำเป็นแบ๊วเลยนะ! เขียนรายงานสำนึกผิดมาด้วย!”
“ชิ”
รู้สึกเหมือนผู้ปกครองกำลังดุเด็กที่ทำตัวซนล่ะมั้ง
อันที่จริงเด็กผู้หญิงคนนี้ฝีมือใช่เล่น ตั้งแต่ช่วยออกมาจนมาถึงที่นี่โมนิก้าเล่นเดินเหยียบกับดักเกือบทุกอันเหมือนตั้งใจก็จริง แต่หากสังเกตดีๆ เธอหลบพวกกับดักที่มีซับซ้อนสูงได้สบายๆ ทุกครั้ง ส่วนใหญ่ที่เหยียบเข้าเป็นกับดักระดับต่ำ อย่างกับดักแตรเรียกฝูงมอนสเตอร์ระดับต่ำ หรือ กับดักคล้ายโบราณสถานเสียมากกว่า นี่พูดจริงนะ ฉันเห็นเธอเดินผ่านกับดักที่พาเทเลพอร์ตไปปิดตายหน้าตาเฉยตั้งหลายรอบ
อ๊ะ ถามว่าฉันรู้ได้ไงว่ามีกับดักทำนองนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง
ต้องยอมรับว่าอิกเซนทซ์สารพัดประโยชน์มาก
--- ถึงเจ้าตัวจะไม่อยากทำประโยชน์ก็เถอะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันสำรวจที่นี่กับธีโอ ต้องรู้ตำแหน่งคร่าวๆ อยู่แล้วใช่ไหม?
อืม ไม่ได้ตั้งใจจะจำอะไรขนาดนั้นหรอก แต่พื้นฐานผู้ได้รับการคุ้มครองจากแม่มดแห่งสมุดก็ประมาณนี้น่ะนะ
“ดาเมจหลัก 1 ดาเมจรองอีก 2 ซัพพอร์ท 2 แทงค์ 2 โอเค ไปกันเถอะ”
“อย่าแบ่งหน้าที่โดยไม่ถามความเห็นคนอื่นสิ”
“ฉันอยากได้กล่องสม---ไม่สิ อยากออกไปเร็วๆ ดังนั้นรีบจบบอสกันเถอะ”
“อ่า อย่างงี้นี่เองสินะ”
โอเค แบ่งหน้าที่ให้แล้ว เหลือแค่บอกว่าฉันต้องทำอะไร พอมีคนคิดให้นี่มันง่ายจริงๆ ด้วย หัวหน้ากิลด์เปลี่ยนท่าทีจากระอาโมนิก้าเป็นจริงจังอย่างรวดเร็วสมกับเป็นมืออาชีพไม่น้อย เท่าที่ฉันเข้าใจดาเมจหลักเพียงคนเดียวที่เด็กสาวผมน้ำตาลเอ่ยถึง---หมายถึงฉันสินะ อิกเซเนทซ์ไม่เด่นด้านต่อสู้ หัวหน้ากิลด์ดูแข็งแกร่ง และ เน้นระยะประชิด ไวเคานต์แลมฟาร์---จากที่เห็นเขาได้รับการคุ้มครองจากซาวินา หรือ แม่มดวายุ ดังนั้นการโจมตีจึงเน้นความต่อเนื่องมากกว่าตู้มเดียวจบ
ส่วนนักผจญภัยอีก 2 คนจำได้ว่าแม่มดน้ำแข็งกับแม่มดเพลิงใช่ไหม?
ผู้ได้รับการคุ้มครองจากทั้งสอง ส่วนใหญ่มิใช่ประเภทพลังโจมตีครั้งเดียวเละเทะ
เลือดร้อนกันจังน่า คุยกันยังไม่ถึงไหนก็วิ่งเข้าใส่บอส น่าตื่นเต้นจังนะ...แต่อยากกลับแล้ว ฉันกับเซเนทซ์ยืนมองนักผจญภัยที่กำลังเข้าสู้กับบอสนานหลายนาที และ ดูเหมือนว่ามันจะนานเกินไปจนทำให้หัวหน้ากิลด์ตะโกนเรียก
“ประเดี๋ยว คุณหนูทั้งสอง มาช่วยกันบ้างสิ!”
“คุณหนู?”
น้องชายฝาแฝดเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางมองหัวหน้ากิลด์ด้วยแววตาขุ่น บางทีเขาอาจเรียกรวบล่ะมั้ง ขนาดไวเคานต์ยังแยกพวกเราด้วยสีตาเลย เอาเถอะ เรากลับมาสนใจภาพตรงหน้าดีกว่า โมนิก้านี่ดูสมกับเป็นนักผจญภัยระดับ S ขึ้นมาผิดหูผิดตาเลยแฮะ ความจริงตอนแรกฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นประเภทโจมตีระยะไกลเสียอีก อ่า ในโลกใบนี้สายโจมตีระยะประชิดค่อนข้างหายากน่ะนะ หากพูดถึงความโดดเด่นด้านการโจมตีระยะใกล้มักเป็นผู้ได้รับการคุ้มครองจากแม่มดแห่งสงคราม แต่ฉันดูไม่ออกว่าโมนิก้าได้รับการคุ้มครองจากโดโรธีไหม
ความจริงการคุ้มครองของแม่มดสงครามนับว่ามองยากที่สุด
แม่มดสงคราม, แม่มดวายุ, แม่มดแห่งภัยพิบัติ หรือ แม่มดรุ่งอรุณต้องเป็นสักอย่างใน 4 นี่แหละ หากไม่นำไปเทียบกับพลังเคลื่อนย้ายของธีโอ กับ ความสามารถเฉพาะของเดมาริม โมนิก้าถือเป็นคนที่มีความว่องไวสูงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมพละกำลังขาหล่อนทำมาจากอะไร นี่ไม่ได้ถามเล่นๆ นะ สงสัยจริงๆ ว่าขาสร้างมาจากแร่บางอย่างที่มิใช่กระดูกหรือเปล่า พลังโจมตีไม่ได้เข้ากับความเรียว และ บอบบางสักนิด
เตะขาอราเนียครั้งเดียวหักเลยนะ...แม้ไม่แรงเท่าลูกบาศก์ แต่นั่นขาเด็กผู้หญิงไม่ใช่เวทมนตร์
“ซ้ายระวังหัวด้วย”
โทนเสียงกระด้างจากเซเนทซ์เรียกให้ฉันเหลือบมองซ้ายมือ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาอราเนียกวาดขาเป็นวงกลมรอบตัวอย่างรวดเร็ว ปลายอันแหลมคมมันเฉียดหัวของฉัน และ น้องชายไปนิดหน่อย ต่อให้เฉียด ทว่าด้วยความที่มันเป็นอราเนียพิษจึงต้องกางม่านเพื่อป้องดันสถานะติดพิษ บาเรียฉันไม่ใช่ประเภทนั้น มันใช้ได้เฉพาะป้องกันพลังโจมตีตรงๆ หรือ โจมตีเวท ไม่ได้ป้องกันสถานะผิดปกติ แต่ไม่ต้องห่วง อิกเซเนทซ์ป้องกันสถานะผิดปกติได้ ถึงได้บอกไงว่าเขาเป็นสายสนับสนุน เวทกันสถานะปรากฏเหนือศีรษะก่อนเลื่อนหายไปหลังขาอราเนียตวัดผ่านไป
“ไปเรียนรู้วิธีอ่านการเคลื่อนไหวมอนสเตอร์มาจากไหนคะ?”
เซเนทซ์ไม่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับมอนสเตอร์ ฉะนั้นน่าแปลกที่เขารู้ว่าอราเนียกำลังหมุนมาจากทางซ้าย
“เดมาริม” นัยน์ตาเขียวมิ้นต์ของน้องชายช้อนมองช้าๆ ก่อนตอบกลับเสียงเรียบ
หนึ่งในความลำบากที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือเล็งยังไงไม่ให้โมนิก้ากับหัวหน้ากิลด์โดนลูกหลงไปด้วย ลูกบาศก์ฉันมีระยะทำลายเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสตามรูปร่าง มิใช่เส้นตรง หรือ เส้นโค้งส่งผลให้หากโจมตี ทั้งสองที่กำลังก่อกวนอราเนียต้องโดนไปด้วยแน่ๆ ต้องส่งสัญญาณให้ทั้งสองถอยสินะ แต่ส่งสัญญาณยังไงดีล่ะ ทีนี้ ง่ายสุดสำหรับฉันคงเป็นขยายลูกบาศก์จนมองเห็นชัดๆ จากระยะไกล แต่นั่น---ถ้าปล่อยลงไปคงถล่มดันเจี้ยนยับ
หืม ฟังดูเข้าท่าดีนะ หาทางออกง่าย แถมไม่มีคนห้ามด้วย---
หากแต่ระหว่างที่กำลังจักสร้างลูกบาศก์ขนาดใหญ่ นักผจญภัยคนหนึ่งเลือกเดินเข้าหาพร้อมจุดเปลวเพลิงในมือราวกับสื่อว่าให้ใช้ไฟเป็นสัญญาณ เอ๋ ใช้ลูกบาศก์ใหญ่ถล่มไม่ดีกว่าเหรอ เอาเป็นว่าตามที่ว่ามาแล้วกัน ลดขนาดลูกบาศก์ลง ลดขนาดลูกบาศก์ลง ขนาดของบอสใช้ลูกบาศก์ประมาณฝ่ามือน่าจะได้ แต่ฉันไม่แน่ใจเรื่องความหนาของเปลือก งั้นขยายให้ใหญ่อีกนิด เหลือแค่นักผจญภัยส่งสัญญาณให้โมนิก้ากับหัวหน้ากิลด์ปลีกออกมา
เปลวเพลิงสีส้มสาดส่องราวกับแสงแดดยามเที่ยงวัน โมนิก้า และ หัวหน้ากิลด์หันมองตามสัญญาชาตญาณ แม้มิได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ ทว่าประสบการณ์นักผจญภัยมักมีเรื่องเช่นนี้บ่อยๆ ทำให้ทั้งสองรู้แทบทันทีว่าควรทำสิ่งใดต่อจากนี้ หัวหน้ากิลด์ใช้โล่ป้องกันขาอราเนียที่หมายโจมตีให้ออกห่างพลางวิ่งออกมาตามปกติ ด้านโมนิก้าก่อนหน้าเกาะบนศีรษะบอสประจำดันเจี้ยน เธอใช้ขาสองข้างดันตัวจากอราเนีย แน่นอนว่าจังหวะดีดตัวออกย่อมทำให้บอสเสียหลักไปครู่หนึ่ง เซเนทซ์เรียกเถาวัลย์ขนาดใหญ่ดึงอราเนียเอาไว้ไม่ให้ล้มกับพื้น หากอราเนียล้มแล้วลุกขึ้นมาอีกรอบ มันจะติดสถานะเป็นอมตะครู่หนึ่ง
ถึงนิสัยเสียไปนิด แต่ช่างรู้งานจริงๆ น้องชายคนนี้
เมื่อมีคนสร้างจังหวะให้เราไม่ควรพลาด ลูกบาศก์ที่มีขนาดเล็กกว่าครั้นถล่มทางเข้าปาเข้าใส่ร่างบอสประจำดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มันปะทะเข้ากับกายหยาบอราเนีย การขยายตัวของลูกบาศก์ส่งผลให้เพดานเหนือศีรษะอราเนียเกิดความเสียหายจนถล่มลงมาไม่น้อย ทว่าก่อนร่างอราเนียจักถูกเศษเพดานถล่มทับ ลูกบาสก์ที่เคยขยายใหญ่กลับหดตัวลง เกิดแรงบีบอัดจนแยกร่างมอนสเตอร์ตัวยักษ์ตรงหน้าออกเป็นชิ้นเล็ก ไม่นานชิ้นส่วนที่ถูกการบีบอัดของลูกบาศก์ร่วงลงพื้นอย่างแรงก่อนสลายไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าว!”
คำอุทานแรกพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นหลังแสงสว่างส่องลงมาจากเพดานที่มีร่องรอยความเสียหาย สัญญาณการผ่านดันเจี้ยนที่ดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้นสักเท่าไร ไม่แปลกหรอก ดันเจี้ยนไม่ใช่ระดับยากเย็นเป็นทุนเดิม แสงสว่างนั้นเคลื่อนตัวไปฝั่งซ้ายมือก่อนกล่องสมบัติที่ดึงดูกนักผจญภัยจะปรากฏขึ้นบนแท่นสีขาว โมนิก้าตาประกายด้วยความตื่นเต้นก่อนกระโดดโลดเต้นเข้าหา ส่วนฝั่งขวาเกิดประตูทางออก ทำเอาไวเคานต์แอบพ่นลมหายใจนิดหน่อย ขณะที่หนึ่งในนักผจญภัยหันกลับไปเรียกคนอื่นที่รอนอกห้องบอส
ประตูท้ายดันเจี้ยนดูเหมือน แม้ทางเข้าจะถูกถล่ม แต่ยังคงทำงานได้ปกติ มันพาพวกเรากลับมายังแท่นเล็กๆ ใกล้ทางเข้า ในเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ ผู้ประสบภัยบางส่วนถูกขนย้ายกลับไปยังกิลด์เพื่อรักษาตัว ในขณะที่ฉันกับน้องชายรอให้ไวเคานต์กลับไปส่งที่คฤหาสน์ ก็...พวกเรามาพร้อมไวเคานต์ ไม่ได้นั่งรถม้าตระกูลมา ถ้าจะให้เดินกลับก็เหนื่อยเกิน
“ไม่นึกไม่ฝันว่าทั้งสองคนจะออกนอกบ้านได้นะครับ ปกติต้องไปพาออกมาตลอด”
พลันน้ำเสียงมีชีวิตชีวาของบุรุษผู้เป็นคู่หมั้นดังลอดมาจากเบื้องหลัง เส้นผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีครามกะพริบถี่ๆ พร้อมเอนตัวเข้าใกล้ ฉันชำเลืองมองธีโอที่โผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเล็กน้อยก่อนเลือกทักทายกลับ
“โอ้ ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ธีโอ”
“กลับมาแล้วครับ”
“ไปไหนมาคะ?”
“เจรจากับพ่อค้า เดมาริมขอให้ไปด้วย เป็นห่วงหรือครับ?” เด็กหนุ่มตรงหน้าส่งสายตาพึงพอใจที่ฉันเริ่มรู้สึกห่วงฉัน แต่---
“ไม่ค่ะ”
ใบหน้าคู่หมั้นเหมือนกำลังจะหัวเราะออกมา พูดตามตรงการเป็นห่วงธีโอก็บอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่าสุดๆ ความสามารถระดับทัวร์รอบโลกด้วยตัวคนเดียวได้ตั้งแต่เด็กคงไม่มีใครเป็นห่วงหรอก ไม่สิ อันที่จริงชักเป็นห่วงพ่อค้าที่เจรจาด้วยมากกว่า อืม เดมาริมกับธีโอเหรอ เคยได้ยินว่าสำหรับพ่อค้า หรือ คนที่อยากเจรจาเรื่องเงินๆ ทองๆ แค่เดมาริมคนเดียวก็รับมือยากแล้ว
---ยังมีชีวิตอยู่ดีใช่ไหม คุณพ่อค้า
“ว่าแต่เดมาริมล่ะคะ?”
ธีโอใช้วิธีเคลื่อนย้ายกลับมา ถ้าเขากลับมาด้วยรถม้าเหมือนคนปกติ ภูเขาไฟที่ดับสนิทคงได้ปะทุอีกรอบแน่ๆ แต่มีเพียงเขาที่อยู่ตรงหน้า ไม่ยักจะเป็นเงาเพื่อนสนิทอีกคน พากลับคฤหาสน์แล้ว หรือว่า---
“ยังอยู่ที่เดิมครับ”
อย่างที่คิด พาไป แต่ไม่พากลับ เดี๋ยวเดมาริมก็ตามกัดอีกหรอก
แน่นอนคำตอบนั้นทำเอาเซเนทซ์หรี่ตามองเด็กหนุ่มผมบลอนด์ด้วยแววตาว่างเปล่า
“นายทิ้งหมอนั้นอีกแล้ว สมน้ำหน้า”
เดี๋ยว---กำลังสมน้ำหน้าเดมาริมที่ถูกทิ้ง หรือ สมน้ำหน้าธีโอล่วงหน้า?
ความคิดเห็น