ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นั่นไม่ใช่บทคุณค่ะ คุณนางเอก!

    ลำดับตอนที่ #8 : 05 - บางครั้งโลกนี้อาจมีคนชื่อซ้ำกันเยอะนะคะ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 65





    05
    บางครั้งโลกนี้อาจมีคนชื่อซ้ำกันเยอะนะคะ









    “นี่เธออีกแล้วเหรอ”


    ประโยคแรกหลุดจากปากหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยครั้นได้พบผู้ประสบภัยคนแรก แทนที่นัยน์ตาสีแซฟไฟร์ของเขาจักมองสตรีตรงหน้าด้วยสีหน้าห่วงใยมันกลับกลายเป็นแววตาเอือมระอาสุดทน ตอนนี้พวกเรากำลังพร้อมใจกันมองเด็กสาวที่ติดในมีทฟลาวเวอร์ ก่อนหน้าฉันเห็นนักผจญภัยข้างหน้าท่าทางร้อนรน อยากจะช่วยเหลือนะ แต่ไหงพอหัวหน้ากิลด์มา ทุกคนถึงได้ดูชิวขนาดนี้


    ไม่มีคิดจะช่วยออกมาไวๆ จริงเหรอ?

    มาพร้อมใจกันยืนมองคนกำลังตกที่นั่งลำบากเพื่ออะไร...


    “เสียงนี่มันหัวหน้ากิลด์ สวัสดี แล้วก็ช่วยด้วย”


    แล้วคนติดก็ไม่คิดทำเสียงให้น่าช่วยเหลือเลยหรือ


    เธอดิ้นนิดหน่อย และ นิ่งต่อเหมือนไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนแบบจริงๆ จังๆ


    “ก็นะ เหมือนเรื่องปกติ”


    จากน้ำเสียงของหัวหน้ากิลด์ แสดงว่าเด็กสาวคนนี้น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้บ่อยจนเผลอมองมันเป็นเรื่องปกติกระมัง แถมท่าทางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าใช่อุบัติเหตุ


    ง่ายๆ เธออาจมีนิสัยประหลาดๆ เหมือนเดมาริมก็ได้


    ทั้งเคยได้ยินจากธีโอ ทั้งเคยเห็นเองกับตา เดมาริมชอบเอาตัวไปเสี่ยง, ทำอะไรประหลาดๆ ด้วยตรรกะที่คนปกติไม่อยากจะยึดถือเป็นวิถีชีวิตด้วย อย่าง ยังไงก็ไม่ตายหรอก ทำๆ ไปเถอะ’ ------นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นอมตะหรือไง แน่นอนพูดคำนี้ทีไรต้องมีเฉียดตายตลอด อ๊ะ ไม่ได้หมายถึงเขาชอบไปเสี่ยงในที่ๆ อันตรายอย่างเดียวนะ


    เด็กหนุ่มผมม่วงคนนั้นมีคำพูดคำจาแสนเสี่ยงต่อการโดนคนหมั่นไส้ดักทุบสักวัน

    ความจริงขอความช่วยเหลือด้วยคำพูดที่ไม่น่าช่วย ฉันควรชินได้แล้วล่ะ


    เดมาริม กับ เซเนทซ์เป็นแบบนั้นประจำ


    โดยเฉพาะน้องชายฝาแฝดไม่รู้ว่าบางทีขอให้ช่วยหรือกำลังหาเรื่องด่าคนช่วยกันแน่

    เอาเป็นว่านิสัยแบบนี้อย่าใช้เป็นแบบอย่างเชียว


    “รู้จักเหรอครับ?”


    หนึ่งในนักผจญภัยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ


    ฉันเคยได้ยินว่าหัวหน้ากิลด์มักรู้จักคนมากหน้าหลายตาเป็นเรื่องปกติ หากแต่ดูเหมือนคนที่เขารู้จักส่วนใหญ่จะเป็นนักผจญภัยด้วยกัน อันที่จริงสามัญชนมีสังคมของสามัญชน กลับกันขุนนางเองก็การสร้างสังคมขึ้นตามใจส่งผลให้คนแทบไม่มีความปฏิสัมพันธ์กับคนที่ฐานะทางสังคมต่างจากตนเองเกินไป


    พูดตามตรงการสนิมสนมระหว่างชนชั้นไม่อยู่ในข้อห้ามแต่อย่างไร บุตรีดยุค หรือ องค์หญิงจะไปสนิมกับสามัญชน หรือ เด็กกำพร้าในโบสถ์ก็ไม่มีใครห้ามหรอก แต่ที่ไม่ค่อยมีเพราะพื้นฐานธรรมเนียมปฏิบัติตนมันต่างกัน สามัญชนบางคนมองว่าการปฏิบัติตัวของขุนนางเต็มไปด้วยความยุ่งยาก และ น่ารำคาญเกินบรรยายไม่ต่างจากที่ขุนนางบางรายมองว่าวิถีชีวิตของสามัญชนมันช่างมักง่าย และ ไร้สีสันสิ้นดี


    ถ้าไม่คิดปรับตัวเข้าหากันนละครึ่งทางมีแต่จะสร้างปัญหาเปล่าๆ


    กรณีที่ปรับตัวได้ก็แล้วไป


    เอาเถอะ อย่างไรเสียเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อมที่ต่างกันน่ะนะ

    อ่า สำหรับฉันไม่ว่าปรับตัวเข้าหาฝ่ายไหนมันก็ยุ่งยากหมดนั่นแหละ

    ขุนนางก็วุ่นวายกับภาพลักษณ์ สามัญชนก็ต้องเหนื่อยกับการพยายาม


    ชีวิตนี่มันยากจริงๆ


    “คนสนิทของท่านหรือ?” ไวเคานต์แลมฟาร์ปรากฏตัวทีหลังพร้อมตั้งคำถามที่ฉันเชื่อว่าหลายคนอยากจะรู้เหลือเกิน หากแต่ก่อนหัวหน้ากิลด์จะตอบกลับ ชายหนุ่มยืนกอดอกหรี่ตามองภาพตรงหน้าครู่พลางชิงถากลับอย่างรวดเร็ว “อ๊ะ ลูกสาวบารอนเบลูมสินะ?”


    “ใช่ครับ ท่านไวเคานต์----เธอเป็นบุตรบุญธรรมตระกูลเบลูม”


    บารอนเบลูมเป็นตระกูลขุนนางใหม่ ตำแหน่งดินแดนติดอาณาจักรอื่น ความจริงถือว่าเป็นชายแดน ทุกครั้งที่ฉันเห็นคำนี้จากความทรงจำแม่มด มักจะเป็นสถานที่ที่วุ่นวายเกินบรรยาย ทว่าโลกใบนี้ไม่มีสงครามมานานเกือบพันปี ดังนั้นชายแดนส่วนใหญ่จึงไม่ได้วุ่นวาย


    ถ้าไม่นับรวมความวุ่นวายจากมอนสเตอร์ หรือ โจรน่ะนะ


    การข้ามไปยังอีกอาณาจักรถือว่ามิใช่เรื่องยาก เพราะแบบนั้นเราถึงได้เห็นธีโอไปที่นั้นทีที่นี่ที แต่แนะนำว่าเข้าไปแบบถูกวิธีด้วยล่ะ ไม่งั้นอาจจบไม่สวย แม้อาณาจักรปฏิบัติกับคนต่างแดนเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่กับโจร หรือ พวกลักลอบเข้ามาไม่ถูกวิธีตรงกันข้ามเลย ธีโอมักพูดกรอกใส่หูทุกเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้ฉันฟัง


    ว่าแต่ฉันดูเหมือนคนชอบเที่ยวทั่วโลกเหมือนเขาหรือ?


    ข่าวลือเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนมีอุบัติเหตุหนึ่งเกิดขึ้น เนื้อหาคร่าวๆ เกี่ยวกับมอนสเตอร์ประเภทคราเคนหลุดออกจากดันเจี้ยน เนื่องจากประตูมิติหลังเคลียร์ดันเจี้ยนเกิดขัดข้องกะทันหันส่งผลให้มีการเปิดใช้งานทางออกท้ายดันจนบอสหลุดออก ซึ่งปกติไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆ หรอก


    ไม่รู้ว่าบังเอิญจริงๆ หรือ มีใครจงใจเปิดมันหรือเปล่า


    บารอนเบลูมบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างหนักจนต้องพักฟื้นนานหลายเดือน ผลพวงจากอาการบาดเจ็บทำให้เขาไม่สามารถมีลูกได้อีกจึงต้องรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อสานต่อตระกูล ไม่สิ อันที่จริงเจ้าตัวยังไม่มีภรรยาด้วยซ้ำ ได้ยินว่าเขารับทายาท 3 คน บุตรชายคนโต, บุตรสาวคนกลาง, และ บุตรชายคนเล็ก


    “ก่อนถูกรับเข้าตระกูลเคยเป็นนักผจญภัยระดับ S


    ฉันไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับกิลด์นักผจญภัยมากเท่าที่ควร

    แต่ระดับ S นี่ระดับสูงสุดใช่ไหม?


    “ระดับ S ? แต่ดูอายุน่าจะยังน้อยอยู่”


    อายุน้อยจริงๆ นั่นแหละ จากลักษณะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันชัดๆ


    หากเป็นเช่นนั้นจริง เด็กสาวตรงหน้าควรถูกจัดเป็นหนึ่งในอัจฉริยภาพ หรือ การคุ้มครองจากแม่มดเอื้ออำนวยให้เดินทางนี้ จริงด้วย ฉันพูดเรื่องนี้หรือเปล่า เรื่องที่ว่าต่อให้การคุ้มครองเดียวกัน ทว่าลักษณะการต่อสู้พื้นฐานอาจต่างกันได้ กระนั้นยังคงบางอย่างไว้เหมือนกัน ยกตัวอย่างแม่มดแห่งหอสมุด แม้ฉันโจมตีโดยการสร้างลูกบาศก์ แต่ไม่ใช่ได้รับผู้คุ้มครองจากโอพีเลียทุกคนจะทำลักษณะนี้ บางรายอาจเป็นร่ายประโยคยาวๆ เหมือนบทร่ายมนตร์จากความทรงจำแม่มด บางรายอาจไปโจมตีระยะประชิดด้วยอาวุธด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่เราเหมือนกันคือความรุนแรง และ ความเชื่องช้าขณะโจมตี


    โดยเฉพาะจังหวะหน่วงก่อนโจมตีนี้ แก้ไม่ได้จริงๆ...


    “เรื่องมันยาวน่ะ---”


    “ช่างหัวประวัติฉันเถอะ ช่วยที”


    ระหว่างหัวหน้ากิลด์กับไวเคานต์แลมฟาร์กำลังสนทนากัน เสียงสตรีผู้เคราะห์ร้ายกลับดังขึ้นอีกรอบพร้อมแรงดิ้นที่ขาราวกับเร่งให้พวกเขาช่วยออกไป นัยน์ตานักผจญภัยมองอย่างเอือมระอาก่อนหันไปเอ่ยกับหัวหน้ากิลด์ต่อ


    “วิธีพูดไม่เห็นเหมือนคุณหนูเลยนะครับ”


    “ก็เคยเป็นสามัญชนมาก่อนนี่”


    “ก็บอกว่าช่วยที”


    “ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับ?”


    “ว่ามาสิ”


    “เมื่อกี้คุณพูดว่าอีกแล้วกับเด็กคนนี้ใช่ไหม? แสดงว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ”


    “ช่วยที”


    “อืม ใช่ เกิดขึ้นทุกครั้งที่ปล่อยให้มาดันเจี้ยนคนเดียว”


    ขอร้องล่ะ ช่วยที“


    “งั้นทำไมไม่ปล่อยให้อยู่แบบนี้ไปสักพักครับ”


    “เฮ้! บอกว่าช่วยที”


    ไม่มีใครคิดสนใจเสียเร่งให้ช่วยนั่นหน่อยเหรอ ฉันเห็นบุตรีบารอนดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ส่งเสียงขอให้ช่วย แต่อย่างที่เห็นแหละ ไม่ได้เข้าหูใครเลย


    “อันที่จริงเด็กนี้หลุดได้เองน่ะนะ เมื่อก่อนเคยปล่อยทิ้งไว้เพราะชอบมุดปากมีทฟลาวเวอร์ แต่รุ่งขึ้นก็โผล่หน้าออกมาในสภาพไร้ยางอายอยู่ดี อย่างน้อยก่อนมารายงานภารกิจช่วยจัดการสารรูปไร้ยางอายให้เรียบร้อยก่อนไม่ได้หรือไง!


    สรุปต่อให้ปล่อยยังไงเดี๋ยวก็กลับมาทำตัวระรื่นในวันถัดมา อ่า คนประเภทนี้มีเยอะจริงๆ อ๊ะ---หมายถึงฉันด้วยเหรอ? ก่อนหน้านี้เดินชิวในดันเจี้ยน แถมจิบชา ตอนนั้นไม่มีมอนสเตอร์นี่จะลนลานให้เหนื่อยทำไม


    ....ที่จริงต่อให้มีก็ไม่สนอยู่ดี...


    “อย่านินทาคนอื่นต่อหน้าสิ แล้วก็ช่วยที”


    “ไม่ได้นินทา กำลังบ่นให้ฟังต่างหาก ถ้าได้ยินแล้วก็ช่วยปรับปรุงตัวที”


    “ในนี้ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแฮะ”


    เสียงอู้อี้แสนแผ่วเบาทันทีที่หัวหน้ากิลด์ทำเสียงเหมือนกำลังดุสตรีตรงหน้า ขาสองข้างของเธอหยุดดิ้นกะทันหัน หากแต่ท่าทีคล้ายเพิกเฉยต่อคำต่อว่าทำเอาชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้านักผจญภัยย่นคิ้วอย่างหงุดหงิดก่อนบ่นพึมพำเบาๆ กับนักผจญภัยที่เหลือ


    “ปล่อยให้หลุดเองกันเถอะ”


    “นั่นสินะครับ


    “เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ”


    “ไปช่วยคนอื่นต่อกันเถอะ”


    พร้อมใจกันเลยนะ คนจากกิลด์นักผจญภัยเนี่ย


    ทั้งฉัน, เซเนทซ์ และ ไวเคานต์แลมฟาร์ยืนมึน พฤติกรรมสุดแสนประหลาด และ ไม่สมกับเป็นหน่วยกู้ภัยประจำกิลด์นักผจญภัยไปครู่หนึ่ง ตอนแรกนึกว่าพูดเล่นซะอีก นั่นกำลังเดินหนีแล้วไม่ใช่หรือไง


    จะทิ้งจริงๆ เหรอ

    ดูน่าสงสาร แต่ก็ไม่น่าสงสาร


    “เฮ้!


    เสียงตะโกนลั่นละม้ายเรียกให้ทุกคนหันกลับมาสนใจ หัวหน้ากิลด์พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแบบไม่ปิดบังพร้อมทั้งกลอกตาเซ็งๆ  สารภาพว่าฉันเผลอคิดว่าพวกเขาจะดึงเธอออกมาเสียอีก หมายถึงดึงจริงๆ จังๆ นะ ไม่ได้เปรียบเปรย ดึงโดยไม่พึ่งพลังเวท แต่กลับกลายเป็นมีการร่ายเวทบนผิวหนังของมีทฟลาวเวอร์ จากสภาพมอนสเตอร์ตัวนี้น่าจะตายไปแล้ว ปกติซากศพมอนสเตอร์สลายเองตามธรรมชาติภายใน 5 – 10 นาที


    หลังจากนั้นเกิดใหม่ในบริเวณเดิม เวลาเกิดใหม่ขึ้นอยู่กับประเภทมอนสเตอร์

    กล่าวให้เห็นภาพกว่านั้นคงประมาณมอนสเตอร์ในเกมต่างๆ นั่นแหละ


    กระนั้นเหมือนมีทฟลาวเวอร์นี้จะตายเกินเวลาที่ต้องสลายแล้ว


    บางทีคงเพราะมันมีเหยื่ออยู่ในปากล่ะมั้งทำให้ยังไม่เกิดกระบวนสลาย ฉันเคยอ่านผ่านๆ จากหนังสือ มอนสเตอร์ประเภทกินเนื้อเป็นแบบนี้กันหมด ต่อให้ตาย มันก็ไม่สลายจนกว่าเหยื่อจะถูกย่อย


    พูดตามตรงแอบเหี้ยมพอตัวแฮะ


    “อ๊า!!” ระหว่างยืนมองการช่วยเหลือ เด็กสาวผู้ประสยภัย หลุดอุทานเสียดังจนนักผจญภัยต้องช้อนสายตามอง  


    “อย่าส่งเสียแปลกๆ ได้ไหม?” ชายหนุ่มในเครื่องแบบนักผจญภัยกล่าวเสียงเรียบ


    “จะทิ่มตาแล้ว!


    “มองเห็นด้วยเหรอ?”


    “ในฐานะนักผจญภัย โมนิก้าถือเป็นคนเก่งคนหนึ่ง แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบติดกับดักง่ายๆ ของมอนสเตอร์ระดับต่ำแบบนี้” หัวหน้ากิลด์กล่าวเสียงเรียบก่อนมองพื้นดิน


    “ความประหลาดของพวกอัจฉริยภาพล่ะมั้งคะ ได้ยินว่าไม่สุดโต้งทางใดก็ทางหนึ่ง” สภาชิกกิลด์อีกคนเอ่ยพลางหัวเราะแห้งๆ


    อืม ความจริงขนาดฉันไม่มีประสบการณ์แบบนักผจญภัยยังมองตำแหน่งกับดักมีทฟลาวเวอร์ออก ดูยังไงเด็กคนนี้จงใจเดินไปติดกับเองมากกว่า


    “ฉันแค่อยากเก็บหัวใจมีทฟลาวเวอร์


    เห็นไหม จงใจจริงด้วย

    ว่าแต่อะไรนะ หัวใจมีทฟลาวเวอร์?


    “ฆ่าๆ ไปก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมุดเข้าไป”


    “มันยุ่งยาก”


    “......”


    อีกครั้งที่เหล่านักผจญภัยทำหน้าเอือมระอา ชายที่กำลังใช้เวทสลายร่างมีทฟลาวเวอร์หยุดการกระทำของตนเองเล็กน้อย ความเงียบสงัดกลืนกินโดยรอยหลายนาที กระทั่งหัวหน้ากิลด์พึมพำเบาๆ


    “ขอให้โชคดี โมนิก้า เบลูม”


    “เดี๋ยวดิ” เสียงขัดจังหวะมุกเดินหนีดังลอดจากมีทฟลาวเวอร์


    อันที่จริงพวกเขาแค่รู้สึกเอือมจนรู้สึกไม่อยากช่วยขึ้นมาเสียดื้อๆ แม้กล่าวเช่นนั้นไปก็ตาม แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อกู้ ดังนั้น---ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถามว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมช่วยอะไรเหรอ อ่า จะให้ช่วยอะไรล่ะ เวทมนตร์ไม่ได้มีไว้ช่วยคนอื่น ทลายประตูดันเจี้ยนอย่าได้เรียกว่าช่วยเลย พลังโจมตีเน้นๆ ขนาดนั้น ส่วนเซเนทซ์ เขาเป็นประเภทดีบัพมากกว่าบัพ โดนเข้าไปไม่น่าต่างจากโดนมอนสเตอร์ประเภทก่อกวนเล่นงาน


    “ต้องดึงขาด้วยไหม?”


    “ไม่ต้องหรอก พอพื้นที่รอบๆ โล่งแล้วก็หลุดได้ตามปกตินั่นแหละ”


    ใช้เวลากว่าสิบนาทีก่อนจักพาเด็กสาวคนนั้นออกจากปากมอนสเตอร์ได้ ทว่าทันทีที่ออกมาได้ภาพที่เห็นกลับเป็นเธอยืนยืดเส้นยืดสายเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงยามเช้า ผู้ประสบภัยยืดตัวคลายกล้ามเนื้อพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


    “เรียบร้อย อ่า เหมือนได้เกิดใหม่เลย”


    ไม่มีกลิ่นอายสำนึกผิดตั้งแต่ต้นจนจบ


    “ว่าแต่เมือกมีทฟลาวเวอร์เป็นกรดนะครับ”


    “เด็กนี้อยู่ในปากมีทฟลาวเวอร์ได้ขนาดนี้ ไม่เป็นอะไรหรอก”


    ประเดี๋ยว เมือกเป็นกรด---


    “ไร้ยางอายสุดๆ นายน้อยไม่ควรมอง”


    เสียงไวเคานต์ดังจากข้างๆ พลันทัศนวิสัยมืดบอดอย่างรวดเร็วจนในหัวเริ่มเกิดคำถาม ฉันย่นคิ้วเข้าหากัน รู้นะว่าทำไมภาพถึงมืด แต่ทำไม---ทำไมล่ะ ฉันเป็นผู้หญิงเหมือนกันจะมาปิดตาทำไม แล้วเมื่อกี้พูดว่านายน้อยใช่ไหม? ต้องอิกเซเนทซ์สิ ไม่ใช่ฉัน


    “เดี๋ยวก่อนค่ะ มาปิดตาฉันทำไมคะ?”


    “ขออภัย สับสนกับน้องชายของคุณ”


    “แยกคนด้วยสีตาหรือคะ?”


    คำตอบที่ทำให้เกิดคำถามมากขึ้น จริงอยู่ว่าฉันกับเซเนทซ์เป็นฝาแฝด แต่พวกเราแทบไม่มีอะไรเหมือนกันนอกจากสีตากับส่วนสูงที่ใกล้เคียง โดยรวมความเหมือนแค่นี้ ขนาดหลับตามองยังไม่เกิดความสับสนเลยไม่ใช่หรือไร---เอาเข้าจริงสีตามันก็ไม่ได้เป๊ะ แค่เฉดเขียวเหมือนกันเท่านั้นเอง ไม่นานทัศนวิสัยตรงหน้าเริ่มกลับมาสว่าง สตรีที่เพิ่งออกจากปากมีทฟลาวเวอร์มีเส้นผมสีน้ำตามเข้มยาวถึงกลางหลัง จากมุมของฉัน เธอตอนนี้ยืนหันข้างนิดๆ ส่งผลให้ไม่แน่ใจสีตา แต่เค้าโครงใบหน้าดูออกไปทางน่ารักมากกว่าสง่า ยิ่งไปกว่านั้นไร้ยางอายอย่างที่คิด


    เสื้อผ้าท่อนบนถูกกรดละลายไปหมด


    หมายความว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังเปลือยท่อนต่อหน้าคนจำนวนมากใช่ไหม?


    คำตอบคือ ใช่


    และ ตอนนี้เธอกำลังทำท่าเขินอายเหมือนสาวน้อยทั่วไปใช่ไหม?


    คำตอบคือ ไม่


    โคตรไร้ยางอาย!


    “เห็นไหมก้อนเนื้อด้านบนกับด้านล่างมันก็ไม่ต่างกัน”


    กระนั้นโลกใบนี้คงไม่มีอะไรน่าปวดหัวไปกว่าแนวคิดของอิกเซเนทซ์ ถ้าธีโอหรือเดมาริมอยู่ด้วยน้องชายของฉันคงถูกปิดปากทั้งๆ ที่ยังไม่พูดจบเป็นแน่ จะว่าไปตอนนี้รู้สึกหลายคนเริ่มแยกไม่ออกว่าควรเหวอสารรูปเด็กสาว หรือ คำพูดของอิกเซเนทซ์ก่อนดี


    “ยังไงก็เถอะ หาเสื้อผ้าให้เธอใส่ด่วน”


    “ฉันกลับสภาพนี้ก็ไม่มีปัญหา”


    “แต่สตรีไม่ควรเปลือยกายต่อหน้าบุรุษนะคะ”


    “ไอ้ชุดเกราะเหมือนบิกินี่จากเศษผ้านั่นนับเป็นชุดด้วยเหรอ” เด็กสาวผมน้ำตาลกล่าวลอยๆ “อีกอย่างเมือกช่วยเซ็นเซอร์ยังกับหมอกศีลธรรมในอนิเมะใต้ดินที่พยายามขึ้นบนดิน”


    มีจริงด้วยแฮะ อารมณ์แบบจู่ๆ ก็ลอยมายังกับสกรีนโทนดอกไม้ของพระเอกก่อนหน้า


    ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดแล้วแฮะ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าห่างจากตรงนี้ไปไกล ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล หัวหน้ากิลด์กับบุรุษพยายามไม่มองเด็กสาวคนนั้น ทว่าสีหน้าพวกเขากลับยังแสดงออกถึงความเอือมระอา ขณะที่สตรีกำลังพยายามนำเสื้อคลุมสวมให้แก่เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลตรงข้ามกับเจ้าตัวยืนหาวหวอด ฉันยืนมองภาพตรงหน้านานหลายนาทีกระทั่งน้องชายฝาแฝดเปิดปากกล่าวอีกรอบ


    “อยากกลับแล้ว”


    และ เพื่ออรรถรสที่ดีฉันจะเอ่ยเหตุผลที่เขาอยากกลับแล้วกัน


    “จะว่าไปได้เวลาของว่างวันนี้นี่คะ”



    -------
    - ไททาเนียมีคำสาป(?)ติดตัวค่ะ เห็นสกรีนโทนหรือพื้นหลังจากตัวละครหลักๆ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×