คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 03 - งานเปิดตัวในฐานะตัวประกอบค่ะ
ตุ๊กตาที่กำลังถูกสาวน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าตามอำเภอใจ
นั่นอาจเป็นคำเปรียบเปรยที่เข้าสถานการณ์ของฉันในตอนนี้มากที่สุด
แต่ได้โปรดอย่าซีเรียสมากมาย
ฉันในตอนนี้ก็แค่กำลังแต่งตัวเพื่อเปิดตัวก็เท่านั้น
อันที่จริงนับเป็นเรื่องโชคดีที่มีเส้นผมสีบลอนด์ และ
นัยน์ตาสีเขียวทำให้สามารถเลือกชุดได้อย่างหลากหลาย
หมายถึงพวกเมดที่กำลังจับแต่งตัวยังกับฉันเป็นตุ๊กตานะ หลากหลายสไตล์กันจริงๆ
เคยได้ยินว่างานเลี้ยงเปิดตัวของสตรีมักวุ่นวายมากกว่าบุรุษหลายเท่า
แน่นอนฉันเองก็เริ่มเข้าใจคำๆ
นี้แล้วล่ะ
เสียงพ่นลมหายใจเบาๆ
จากมุมขวาห้อง
เด็กหนุ่มผมสีดำประกายเขียวประหลาดตากำลังนั่งเท้าคางมองภาพตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย
อิกเซเนทซ์ ลันเรย์ธา หรือ เซเนทซ์ เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของฉันเอง
หากแต่นอกจากตาโทนเขียวแล้ว พวกเราแทบไม่มีอะไรเหมือนกัน
ฟังดูแปลกสำหรับโลกจากความทรงจำแม่มดใช่ไหม แต่ฉันอยากจะบอกว่าสำหรับโลกของฉัน
เรื่องพวกนี้ปกติน่า รูปลักษณ์ถูกกำหนดด้วยเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็จากการคุ้มครองจากแม่มด
สองสิ่งนี้ในโลกของฉันมิใช่สิ่งที่สืบทอดทางสายเลือด
รูปลักษณ์ฉันได้มาจากเวซ่า
ดังนั้นถึงได้มีสีสันเหมือนป่าเทพนิยาย
ส่วนเซเนทซ์เป็นเวอร์ซี่
เกศาจึงเป็นสีเข้มดุจมหาสมุทร แต่นัยน์ตาสีเขียวมิ้นต์ ใบหน้าออกหวานนิดหน่อยเป็นการคุ้มครองจากฟิเดอเลีย
แม่มดพฤกษา แน่นอนแม้เขาไม่มีลักษณะพิเศษเหมือนฉันกับธีโอ
ไม่ได้แปลว่าเขาจะด้อยกว่าพวกเรา เวอร์ซี่
ตัวตนแห่งเสียงเพลงที่ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเผ่านี้ย่อมมีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีแทบจะทุกชนิด
พวกเขาเรียนรู้ศาสตร์ศิลปะได้รวดเร็วจนเผ่าอื่นเทียบไม่ติด
นับว่าเป็นพรสวรรค์ประจำเผ่าเลยก็ได้
ความจริงเวอร์ซี่ถือเป็นเผ่าหนึ่งที่มีน้อย
ฉันเคยได้ยินมาว่าเวอร์ซี่มีเสียงร้องเพลงที่ทรงพลังมาก
แต่ตั้งแต่จำความได้ ฉันไม่เคยได้ยินเซเนทซ์ร้องเพลงเลย คงเพราะท่านพ่อกับท่านแม่ห้ามล่ะมั้ง
แล้วหากสงสัยว่าทำไมเซเนทซ์อยู่ในห้องทั้งๆ
ที่ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะความคุ้นเคยของฝาแฝดเหรอ จะว่าใช่ก็ไม่เชิง
อันที่จริงน้องชายของฉันมีแนวคิดเรื่องเพศสภาพที่ค่อนข้างจะ..อืม ว่าอย่างไรดีล่ะ
แปลกหรือสุดโต้งเกินไปดี บุรุษกับสตรีก็แค่มีก้อนเนื้อไร้ประโยชน์งอกคนละที่
แนวคิดเขาประมาณนี้แหละ แต่อย่านำไปบอกใครเชียว ถึงเจ้าตัวไม่แยแสสายตาคนอื่น
แต่ทุกๆ คนรอบตัว โดยเฉพาะท่านพ่อไม่อยากให้เซเนทซ์แสดงทัศนคติเช่นนี้กับสาธารณชน
ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมีคู่หมั้น แต่น้องชายดันไม่มี
ไอ้แนวคิดประหลาดแบบนั้น
ถ้าใครได้ยินครั้งแรกก็มีเหวอบ้างล่ะ
ขนาดคลานตามกันมาครั้งแรกที่ได้ยินยังเผลอหลุดทำเสียงแปลกๆ
เลย
เห็นไหมในชีวิตมีคนนิสัยแปลกกว่าเยอะ
ทำไมธีโอถึงบอกว่าฉันไม่รู้จักอ่านบรรยากาศ
เวลาร่วมชั่วโมงกว่าการแต่งกายของฉันจะเสร็จสมบูรณ์ทำเอาเซเนทซ์แทบหลับรอ
ทันทีที่เตรียมตัวเรียบร้อย ฉันกับน้องชายฝาแฝดเดินไปพบท่านพ่อกับท่านแม่ที่ห้องโถงตามปกติ
นภาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ตะวันถูกแทนที่จันทรา ยิ่งใกล้เริ่มงานทุกคนยิ่งวุ่นวายมาก พวกเราก้าวตรงไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อเตรียมต้อนรับแขก
“จะว่าไปธีโอล่ะ
ไม่มางานเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้เห็นบอกว่าจะไปหาของขวัญน่ะค่ะ”
ฉันเคยได้ยินว่าหากเด็กผู้หญิงกำลังเปิดตัวมีคู่หมั้น
พวกเธอมักเดินเข้างานพร้อมคู่หมั้น บางทีการทำเช่นนั้นอาจทำให้สามารถบอกได้ว่าสตรีคนนี้มีคู่ชีวิตนอนาคตแล้วล่ะมั้ง
กรณีฉันมันควรเป็นแบบนั้นแหละ ทว่าปัญญาคือธีโอดันหายไปไหนไม่รู้
หลังออกจากดันเจี้ยนเขาบอกว่าจะแวะไปหาของขวัญมาให้ แล้วก็อย่างที่ว่าหายไปไหนไม่รู้ ลองติดต่อทางบ้านดยุคเฮเลเกลล่า แต่เหมือนท่านเองก็ไม่แน่ใจว่าคราวนี้ลูกชายไปไหน
“ก็สมกับเป็นนักเดินทางน่ะนะ
คิดว่าเขาจะกลับมาทันไหม?”
“บางทีคงไม่ทันค่ะ”
อันที่จริงถ้าจะมาเขาก็มาทัน
แต่ที่ฉันบอกว่าไม่ทันคือเวลาในการเตรียมตัว ถึงมิใช่สตรีก็เถอะ แต่ถ้าไม่เผื่อเวลาสักชั่วโมง-สองชั่วโมงคงยาก
เว้นเขาจะเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนกลับมาน่ะนะ แต่ปกติธีโอกลับมาในสภาพที่ไม่ค่อยเตรียมพร้อม
คราวก่อนยังโผล่หน้ามาในชุดเมืองหนาว แถมอีกไม่ถึงชั่วโมงงานเลี้ยงจะเริ่มแล้วด้วย
“แบบนี้เธอต้องเดินเข้างานกับผมสินะ”
น้องชายฝาแฝดบ่นพึมพำเบาๆ ขณะก้าวตามหลังข้ารับใช้ไปประตูใหญ่ของห้องโถง “หรือไม่ก็ให้เดมาริมมาเนียนแทน”
“คือว่าเดมาริมกับธีโอหน้าตาไม่เหมือนกันนะคะ”
“พวกเขามีรอยยิ้มเหมือนกันนี่”
“ไม่เหมือนอยู่ดีค่ะ”
เดมาริม
เขาเป็นบุตรชายตระกูลดยุคที่มีอำนาจเทียบเท่าตระกูลเฮเลเกลล่า
บางทีอาจจะนับเป็นญาติห่างๆ กันได้ล่ะมั้ง เพราะมีเสี้ยวสายเลือดราชวงศ์เหมือนกัน ไม่แปลกสักนิดที่ธีโอกับเดมาริมจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก
ส่วนตระกูลฉันน่ะหรือ พวกเราไม่มีสายเลือดราชวงศ์หรอก แต่เป็นตระกูลที่ค่อนข้างเก่าแก่นิดหน่อย
เพราะแบบนั้นเราจึงได้พบทายาทดยุค หรือ ราชวงศ์บ่อยๆ สรุปง่ายๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นคู่หมั้นธีโอ ฉัน
รวมถึงเซเนทซ์ยังคงรู้จักเดมาริมกับธีโออยู่ดี
เสียงเพลงดังลอดจากประตูบานใหญ่ จนแล้วจนรอด ธีโอก็ยังไม่มาทำเอาฉันเผลอถอนหายใจเบาๆ ความจริงก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรหรอก แต่ดูท่าจบงานคงถูกท่านแม่บ่นแหงๆ เวลาอ่านหนังสืออันมีค่าของฉันต้องหายไปเพื่อฟังท่านแม่บ่นเรื่องบทบาทกุลสตรีอีกแน่ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนั้นก็มาใช่ไหม? องค์ชายลำดับ 2 ของอาณาจักรอัลเบอร์โต้ ในความทรงจำแม่มดดูเหมือนว่าเขาเป็นพระเอกคนหนึ่งสินะ เหมือนไทป์ประเภทโอจิเดเระ หรือ พวกชอบวางตัวสูงศักดิ์เหมือนองค์ชาย
อันที่จริงก็เป็นองค์ชายนั่นแหละ
อีกอย่างธีโอเคยบอกว่าองค์ชายมีนิสัยเจ้าชู้ไม่ใช่น้อย
แสงสีทองของงานเลี้ยงที่ทางครอบครัวต้องทุ่มทุน
อาหารจากพ่อครัวที่ถูกฝึกฝนอย่างดีเรียงรายบนโต๊ะยาว บทสนทนาที่สมเป็นงานเลี้ยงหลังเจ้าของงานอย่างพวกเราเปิดตัว
กระนั้นปกติคงเป็นการทักทายเล็กน้อยก่อนแยกตัวออกไปร่วมวงสนทนากับคนที่ตนเองสนิทมากกว่า
ฉัน และ
น้องชายต้องรับคำแนะนำตัวจากคนที่พอจะรู้จักจนไปถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเลยเป็นระยะๆ
“ไททาเนีย,
เซเนทซ์ สุขสันต์วันเกิด”
กระทั่งมีคนที่คุ้นเคยอย่างมากเข้าหา
เด็กหนุ่มเจ้าของเกศาสีม่วงคล้ายสีไวน์ นัยน์ตาเจ้าเล่ห์สีฟ้าดั่งนภา
ส่วนสูงที่เกิน 180 เซนติเมตร เขาไงล่ะ เดมาริม วัลแซนเดอรัล
เพื่อนคนหนึ่งของพวกเรา เขาเองก็มางานนี้ด้วย
แต่คงหาจังหวะเข้ามาทักทายแบบมิตรสหายที่รู้จักกันมานานเลยมาช้ากว่าคนอื่นๆ
ว่าแต่คำทักทายนั่นมันอะไร?
“ประโยคทักทายที่ประหลาดดีนะ”
เซเนทซ์ทักด้วยน้ำเสียงรายเรียบขณะเงยขึ้นมองหน้าเดมาริมช้าๆ
ฝ่ายเด็กหนุ่มผมม่วงครั้นถูกทักเช่นนั้นเขายกมือป้องปากพลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
“แปลกเหรอ?
ฉันได้ยินคำอวยพรนี้จากทางใต้”
“ก็บอกว่าให้ทักทายแบบปกติ”
น้องชายฝาแฝดบ่นเบาๆ
อีกรอบก่อนหันมองข้ารับใช้ที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่ไม่ไกล
ท่าทางแบบนั้นอยากไปร่วมด้วยแหงๆ ยังไงเวอร์ซี่ก็เป็นเผ่าพันธ์แห่งเสียงเพลงพอได้ยินเสียงบรรเลงคงอยากทำตามใจตัวเองเป็นปกติ
เหมือนกับฉันที่ตอนนี้รู้สึกอยากไปนั่งดื่มชาไม่ก็อ่านหนังสือในห้องสมุดแล้ว
เมื่อไรจะจบน่า
“จะว่าไปธีโอไม่มา----หรือว่าเธอถูกทิ้งซะแล้ว
น่าสงสารจริงๆ”
ไม่ทันไรก็เผยนิสัยเสียของตัวเองซะแล้ว
เดมาริมแสยะยิ้มพร้อมกล่าวคำล้อเลียนด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็กำลังถากถางออกมา
แต่ก็นะ นี่มันนิสัยพื้นฐานของเดมาริม วัลแซนเดอรัล ฉะนั้นจะพูดว่าชินก็ได้
แน่นอนพอรู้สึกชินก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ด้วยโทสะไปเพื่ออะไร ไม่สิ
ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจคำกล่าวเขาสักนิด
ปกติน่า---ปกติ
“ท...ท่าน”
กระนั้นเสียงเรียกที่ออกจากสั้นนิดๆ
กลับทำให้ฉันต้องหันกลับไปสยตาต้นเสียง เด็กสาววันเดียวกันผู้มีผมบลอนด์สว่างถือช่อดอกไม้สีขาวตรงหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจนิดๆ
ฉันคิดว่าทั้งฉัน ทั้งน้องชายไม่ได้ดูน่ากลัว แต่ทำไมเธอถึงดูสั่นๆ?
หรือว่ากลัวเดมาริม หน้าตาเขาค่อนข้างเจ้าเล่ห์ตามฉบับฮอลล์เมซน่ะนะ
งั้นไล่หมอนี้ไปที่อื่นดีไหม?
อืม
จะว่าไปเด็กผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ฉันเชลลิก้า อิลต้า”
“อ่า..”
นามสกุลคุ้นๆ
นะเราเนี่ย
“ท่านไททาเนีย
ท่านอิกเซเนทซ์ ขออภัยที่ก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงวันนั้นค่ะ!”
คุณหนูเจ้าของงานเลี้ยงที่ฝูงแมลงบุกนี่เอง
เพราะไม่ได้สนิทกันเลยไม่ได้ขอโทษโดยตรง ดังนั้นจึงอาศัยงานเลี้ยงเปิดตัวไล่ขอโทษคนที่เคยร่วมงานทีละคนสินะ
ท่าทางลำบากแย่ ว่าแต่ทำไมวันนั้นจู่ๆ พวกแมลงนั่นถึงโผล่มาได้ ใครเป็นต้นเหตุ
“ไม่ต้องกังวลค่ะ
ฉันไม่ได้สนใจ”
เอาเข้าจริงก็ไม่ได้แยแสตั้งแต่อยู่ในงานแล้วน่ะนะ
“อย่างไรก็ขออภัยที่ทำให้ต้องเจอเรื่องอันตรายค่ะ”
เชลลิก้า
อิลต้ายืนช่อดอกไม้ในมือแทนคำขอโทษพร้อมก้มหน้าลงต่ำทำเอาฉัน และ
น้องชายช้อนสายตามองกันเองครู่ก่อนฝ่ายเซเนทซ์จะรับมันไว้ จากนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ไม่ต้องคิดมาก
ท่านอิลต้า ทำตัวตามสบาย และ ขอให้สนุกกับงานเลี้ยง”
รอยยิ้มเล็กๆ
ปรากฏบนใบหน้าที่ยังคงมีความหวาดระแวงราวกับวันนั้นเป็นความผิดของเธอเพียงคนเดียว
เธอก้มหน้าลงอีกรอบเพื่อกล่าวลาก่อนเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้พวกเรานั่งมองตามแผ่นหลัง
เดมาริมยกชาขึ้นซด ย้ำว่าซดแบบจริงๆ จังๆ ก่อนเริ่มกล่าวต่อ
“ได้ยินว่าอิลต้าตามขอโทษทุกคนที่เคยอยู่งานเลี้ยงวันนั้นตั้งแต่เดือนก่อน”
“ทำไมต้องขอโทษ
วันนั้นอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ?”
เซเนทซ์ย่นคิ้วเข้าหากันพร้อมวางดอกไม้ลงบนโต๊ะขณะฉันเอียงศีรษะด้วยความฉงน
“ดูเหมือนว่าหล่อนจะมีลักษณะพิเศษน่ะ”
“ลักษณะพิเศษ? ว่ายังไงดีมาช้าดีแฮะ”
“ใช่ไหม?
หล่อนเป็นมิดไนท์ ตัวตนแห่งภัยพิบัติ และ ได้รับการคุ้มครองจากโดโรธี แม่มดสงคราม
ดังนั้นเลยมีลักษณะพิเศษเกิดขึ้นตอนช่วงเปิดตัวพอดี แต่ยังไม่แน่ใจเรื่องชื่อสักเท่าไร
ต้องรอให้พวกเอลรอนด์วิเคราะห์อีกที หลายคนลงความเห็นว่าดีแล้วที่แค่โดโรธีไม่ใช่ลูลิร่า ไม่งั้นคงภัยพิบัติทั้งสายเลือด ทั้งการคุ้มครองแน่ๆ”
ลูลิร่า ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือบ่อยๆ แม้เป็นแม่มดแห่งภัยพิบัติก็ตาม ทว่าเธอมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง และ ความเป็นไปไม่ต่างจากแม่มดตนอื่น กระนั้นมันมีบางอย่างที่ชวนขัดใจเกี่ยวกับแม่มดตนนี้ เธอมีหน้าตา และ รอยยิ้มคล้ายฟิเดอเลีย แม่มดพฤกษาอย่างมากจนหลายคนเกิดอาการสับสน แต่อย่างว่าแหละ ภัยพิบัติกับพฤกษามันคนละขั้วกัน ได้ยินว่านิสัยทั้งสองต่างกันมาก ผู้ได้รับการคุ้มครองส่วนใหญ่จะใช้พลังที่เด่นเรื่องการโจมตี และ ทำลายล้างเกือบทั้งหมด แต่ถ้าเทียบความรุนแรงกับผู้ได้รับการคุ้มครองจากแม่มดตนอื่น
เป็นรองแค่แม่มดแห่งหอสมุดล่ะมั้ง
แต่การคุ้มครองจากโดโรธีคล่องตัวกว่าโอฟีเลียอย่างฉันเยอะ
สงสัยว่าลูลิร่าเป็นตัวร้ายสำหรับโลกใบนี้ไหม ตามความจริงก็ไม่ แม่มดแห่งภัยพิบัติเหมือนธรรมชาติอย่างหนึ่งที่แม้น่าสะพรึงกลัว แต่ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ยืนยันความปกติอะไรสักอย่างนี่แหละ เอาเถอะ ยังไงแม่มดทั้ง 18 เป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ เวซ่าอย่างฉันไม่ค่อยชอบคิดอะไรที่ซับซ้อน คงต้องเว้นเรื่องไขว่คว้าความรู้ใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ปล่อยให้เอลรอนด์ทำไปแล้วค่อยตามอ่านทีหลังแล้วกัน
แล้วก็เผ่าเอลรอนด์
หากเทียบกับเผ่าพันธุ์ในความทรงจำแม่มดมันให้อารมณ์ประมาณเผ่า ‘มนุษย์’ พวกเขามีพละกำลังกับเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานค่อนข้างน้อยกว่าเผ่าอื่น
ทว่ากลับถูกแลกด้วยความทะเยอทะยาน และ โครงสร้างความคิดที่ซับซ้อน, แตกแขยงไปได้หลายทางกว่าเผ่าอื่นๆ
แต่ฉันยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าเอลรอนด์เป็นอัจฉริยะ
กระนั้นต่อให้ไม่ได้โดดเด่นเรื่องพลัง
ทว่าภาพรวมของเอลรอนด์ส่วนใหญ่มักได้รับความสำคัญจากรอบด้าน
พลันเสียงฮือฮาดังก้องเรียกให้ฉันช้อนสายตามองว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่ภาพที่เห็นทำเอาอยากลุกขึ้นเดินกลับไปนอนในห้องเงียบๆ เด็กหนุ่มผมสีดำผู้มีออร่าเปล่งประกาย ดั่งฉากเปิดตัวพระเอกโชโจว นี่มันออร่าเอาใจคนอ่านชัดๆ----ให้ความรู้สึกอยากหาอะไรสักอย่างมาปิดแสงพวกนั้นชะมัด เขาก้าวผ่านประตูใหญ่ของห้องโถงพร้อมโบกมือทักทายรอบๆ
เพียงบรรยากาศยังรับรู้แทบจะทันทีว่านั่นคือ เอนเดทริกซ์ อันมัวนาร์ องค์ชายลำดับ 2 ผู้ขึ้นชื่อว่าชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ข้างกายของเขาคือว่าที่คู่หมั้น
บุตรีแกรนด์ดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัลเบอร์โต้ เรเกรซ โรซิลเวนีส
จะว่ายังไงดีล่ะ ได้รับความสนใจมากกว่าเจ้าของงานเสียอีก
ฉันเห็นหนุ่มสาววัยเดียวกันพยายามเข้าไปคุยทั้งๆ
ที่พวกเขาเพิ่งก้าวเข้ามาในงานไม่กี่นาทีแท้ๆ ทุกคนรีบกันจัง
จะว่าไปสมเป็นพระเอกเกมจริงๆ
ออร่าดึงดูดตัวประกอบให้รายล้อมแรงเหมือนดอกไม้กับผึ้งเลยนะ
ครั้นเผลอสบตากับเด็กหนุ่มผมดำ เอนเดทริกซ์ส่งยิ้มหวานพลางเปลี่ยนทิศทางมาทักทายพวกเรา
“
ยินดีที่ได้พบ ท่านไททาเนีย พอได้มองใกล้ๆ ท่านช่างงดงามดั่งแม่มดโลกา การที่เราได้พบกันอาจเป็นโชคชะตาที่น่าปลิ้มปิติทำเอาข้ารู้สึกตื่นเต้น”
คำทักทายประเภทไหน?
แววตากรุ้มกริ้ม และ การจุมพิตเพื่อทักทายตามฉบับเขา ฉันได้เพียงมองสายเลือดราชวงศ์หนุ่มตาปริบๆ อันที่จริงควรเรียกว่าความทรงจำแม่มดทำพิษนิดหน่อย เพราะได้ยินประโยคประเภทนี้บ่อยจากความทรงจำส่งผลให้ตัวฉันไม่รู้สึกเขินอะไรกับบทพูดแบบนั้น ไม่สิ ต่อให้ไม่มีลักษณะพิเศษ ฉันคิดว่าฉันไม่น่าจะรู้สึกเขินอยู่ดี
---
ฟังดูพิลึกล่ะมั้ง
อีกอย่างคำกล่าวที่ว่างดงาม
หรือ น่ารักบางท่านก็แค่กล่าวเพื่อให้เกียรติสตรีไปงั้นแหละ อย่างธีโอมักพูดว่า
คู่หมั้นที่น่ารัก, คู่หมั้นที่รัก ให้ได้ยินบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาเอือมระอา หรือ
ประชดประชัน แต่ช่างเถอะ หวังว่าองค์ชายคงไม่ได้ลืมว่าจริงๆ
แล้ววันนี้มีเจ้าของงานสองคน
“เป็นเกียรติที่ได้พบค่ะ
องค์ชายเอนเดทริกซ์”
ครั้นเขาปล่อยมือ
ฉันค่อยถอยหลังก่อนถอนสายบัวอย่างนุ่มนวล
ว่าแต่ออร่าดอกไม้บานเหมือนฉากหลังนั่นมันอะไร? ฉันเห็นภาพหลอนเพราะความทรงจำแม่มดหรือเปล่า?
“ดวงตาของพวกท่านงดงามดั่งมหาสมุทร”
มหาสมุทรนี่สวยเหรอ...อ๊ะ
ตามนั้น สวยนั่นแหละ
ยังไม่หยุดอีก
แวบแรกที่ปรายตามองเซเนทซ์ เขากำลังกอดอกมองภาพตรงหน้านิ่งๆ
ไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งใดที่กระตุ้นให้องค์ชายสนใจในตัวน้องชายฝาแฝดของฉัน
เจ้าของเกศาสีดำดั่งอัญมณีรัตติกาลขยับตัวนิดหน่อยก่อนเดินเข้าไปจับมือเซเนทซ์
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำทะเลผงะนิดๆ พลางตวัดดวงตามองด้วยความฉงน
“ท่านอิกเซเนทซ์
ข้ายินดีที่ได้พบท่านอย่างมาก ใบหน้าท่านงดงามไม่ต่างจากพี่สาว”
เซเนทซ์ทำหน้าแบบว่าผมควรภูมิใจเหรอชัดมาก
อืม...ฉากดอกไม้บานยังไม่หายเลย---
อย่างที่เคยกล่าวข้างต้น หน้าตาเซเนทซ์ออกไปทางหวานนิดๆ ไม่ได้หวานถึงขั้นมองเป็นสาวสวย ผสมกับตัวเขาเองชอบทำหน้าเหมือนง่วงตลอดเวลาเลยลดทอนความน่ามองลง และ เจ้าตัวส่วนสูงไม่ได้เยอะมากสักเท่าไร น่าจะมากกว่าฉันไม่ถึง 5 เซนติเมตร โดยรวมก็ค่อนข้างตัวเล็กกว่ามาตรฐาน แต่เขาเพิ่งอายุ 15 เอง ดังนั้นคงโตได้อีกระดับหนึ่ง แต่ด้วยลักษณะปัจจุบันมองแวบแรกอาจคิดว่าน่ารักดีล่ะมั้ง
แต่ขึ้นชื่อว่าราชวงศ์จะบ่นออกมาตรงๆ
คงทำได้ยากส่งผลให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำทะเลต้องตอบกลับอย่างนอมน้อม
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ---องค์ชายกล่าวบทสนทนาออกมาอย่างต่อเนื่อง
หากแต่บทพูดที่ไม่มีการเว้นช่วงเลยมันให้ความรู้ราวกับเป็นการพูดให้พวกเขาฟังมากกว่า
ให้ความรู้สึกประมาณศาตราจารย์กำลังปราศรัย และ
พวกเราคือนักเรียนที่ได้แต่มองเงียบๆ
กระนั้นเพียงไม่นานนักเสียงเรียกว่าที่คู่หมั้นกลับทำให้เขาเดินเข้าไปยังฝูงชนอีกครา
แวบหนึ่งที่เรเกรซเข้ามาทักทายเหมือนดอกไม้บานสองเท่า กุหลาบสีแดงพร้อมประกายระยิบระยับด้วย
ตัวละครเกมจีบหนุ่มจากความทรงจำแม่มดเป็นงี้หมดสินะ พอเถอะ ฉันชักรู้สึกหลอนฉากดอกไม้แล้ว
ภาพความสนุกสนานทางนั้น ส่วนทางนี้คือความเงียบสงัด นี่มันเริ่มแปลกๆ
“ไททาเนียครับ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ฉันหันมองต้นเสียง
น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์กับการปรากฏตัวที่เหมือนเคลื่อนย้ายตัวเองได้
อันที่จริงก็เคลื่อนย้ายได้จริงๆ ไม่ใช่หรือไง
จะว่าไปมาตอนไหนไม่ยักจะได้ยินเสียงประตูห้องโถงเปิดอีกเลยหลังองค์ชายเข้ามา
หรือ เคลื่อนย้ายตัวเองมาตรงนี้เลย ชุดที่เขาสวมเป็นชุดงานเลี้ยงถูกเตรียมไว้ในลักษณะทั้งสี และ เครื่องประดับใกล้เคียงกับชุดของฉัน
ดูท่าคงสวมชุดที่ข้ารับใช้ในคฤหาสน์ลันเรย์ธาเตรียมให้มากกว่ากลับไปเอาชุดที่บ้าน
ยังไงก็ตาม ดีที่ไม่ได้โผล่ในสภาพไม่เปลี่ยนชุด
“อ๊ะ ธีโอ?
ยินดีต้อนรับกลับค่ะ”
“ขออภัย
ผมเตรียมตัวนานไปหน่อย ของขวัญไว้หลังงานเลี้ยงค่อยดูแล้วกันครับ”
“ตอนแรกนึกว่าจะไม่มานะเนี่ย”
เดมาริมแซวเพื่อนสมัยเด็กที่เพิ่งโผล่หน้ามากลางงานด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ด้านธีโอเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นเขาทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมตอบกลับ
“งานเลี้ยงของคู่หมั้นกับน้องชายของเธอจะไม่มาก็เสียมารยาทแย่”
“ดูคู่หมั้นนายสิ ปกติถ้าคู่หมั้นมางานเปิดตัวช้าแบบนี้คุณสุภาสตรีมักจะเกิดอาการน้อยใจเป็นเรื่องปกติ แต่รายนี้กลับทำตัวเอื่อยเชื่อย นี่ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกับพวกนายตั้งแต่แรกคงไม่รู้นะว่ามีคู่หมั้นกันแล้ว แล้วก็เซเนทซ์ก็เหมือนกัน เมื่อไรจะเลิกสนใจวงดนตรี ใครก็ได้ช่วยไปคุยกับแขกหน่อยได้ไหมอย่าปล่อยให้ท่านผู้ปกครองรับหน้ากันสิ”
เดมาริมบ่นยาวพลางปรายตามองท่านพ่อกับท่านแม่ที่กำลังยืนพูดคุยกับแขก แน่นอนว่าบ่นไปก็เท่านั้นแหละ เซเนทซ์ไม่ได้ฟังสักนิด ส่วนฉันรินน้ำชาใส่ถ้วยชาพลางยื่นคู่หมั้นตัวเองตามปกติ
เขารับน้ำชาไปจิบนิดหน่อยจากนั้นบุ้ยปากไปยังทิศทางที่เต็มไปด้วยฝูงชน
นัยน์ตาสีครามจับจ้องต้นกำเนิดเสียงที่ไม่ต่างจากนกกระจอกยามเช้าตรู่
เสียงของพวกเขาดังจนเกือบกลบเสียงบรรเลงเพลงในห้องโถง แน่นอนว่าพอเสียงดังมากๆ แล้วมันค่อนข้างน่าสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ความจริงผมสงสัยว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
นี่มันเมินเดมาริมโดยสมบูรณ์ ได้ยินเสียงเดาะลิ้นด้วย ท่าทางเริ่มหงุดหงิดแล้ว
“องค์ชายลำดับ 2 ค่ะ”
เด็กหนุ่มผมบลอนด์แสดงสีหน้าเข้าใจทันทีที่ได้รับคำตอบ
แรงดึงดูดตัวราชวงศ์นี่มันเยอะจริงๆ
“เหมือนตำแหน่งตัวเอกของงานจะถูกแย่งไปแล้วสินะครับ
สมเป็นไททาเนียกับเซเนทซ์”
ตัวประกอบก็แบบนี้ล่ะนะ
ไม่ค่อยมีคนสนใจเพราะไม่มีแรงดึงดูด ขนาดงานเลี้ยงตัวเองแท้ๆ ยังต้องนั่งมองเงียบๆ
เลย ช่างสงบสุขดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วปิดงานเลยดีไหมจะได้กลับไปอ่านหนังสือต่อสักที
ฉันเชื่อว่าเซเนทซ์ก็กำลังคิดเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อนประโยคสุดท้ายของธีโอนั่นมันอะไร
ต้องพูดว่าสมกับเป็นองค์ชายสิ
ความคิดเห็น