ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นั่นไม่ใช่บทคุณค่ะ คุณนางเอก!

    ลำดับตอนที่ #4 : 01 - ที่จริงฉันกำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะค่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 65





    01
    ที่จริงฉันกำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะค่ะ









    รอบด้านเต็มไปด้วยบุปผาหลากสี บรรยากาศเงียบสงบในสวนหลังบ้าน เสียงบรรเลงเพลงจากเผ่าเวอร์ซี่ดังลอดจากหน้าต่างบานหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่ ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าพักผ่อน อันที่จริงตัวฉันก็พักผ่อนอยู่ทุกวันนั่นแหละ หนังสือกองใหญ่ที่นั่งอ่านในทุกๆ วันถูกเก็บเข้าไปในห้องสมุด ตรงหน้ามีเพียงน้ำชา ของหวาน และ บุรุษผมบลอนด์ หนึ่งในคนที่มีสถานะใกล้ชิดฉัน


    ธีโอเดอมาร์ เฮเลเกลล่า หรือ เรียกสั้นๆ ว่าธีโอ


    เขาเป็นใครทำไมฉันถึงแนะนำเขาหรือคะ?


    ให้สรุปแบบสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจ ชายคนนี้คือคู่หมั้นของฉันเอง แน่นอนหมั้นด้วยเหตุผลเรื่องการเมืองนั่นแหละ บางทีนึกภาพตัวฉันตกหลุมรักคนแปลกหน้าตั้งแต่แรกพบดั่งในนวนิยายจากความทรงจำแม่มดคงเป็นอะไรพิลึกดี อย่างไรเสียฉันครองลักษณะพิเศษความทรงจำของแม่มด ภาพแรกพบคู่พระนางที่ชอบวาดเอฟเฟ็คประกายประหลาดลงไปฉันเห็นมันจนชินตาไปแล้วล่ะ


    และไม่คิดว่าชีวิตจะมีเหตุการณ์อะไรทำนองนั้นเกิดขึ้นกับฉัน

    ความจริงคือเรื่องรักๆ ใคร่ๆ สำหรับฉันมันไม่ได้น่าสนใจสักนิด


    “ทำไมทำหน้าเอื่อยเชื่อยแบบนั้นล่ะครับ คู่หมั้นอุตส่าห์กลับมาเยี่ยม”


    “คู่หมั้นที่หายหน้ากว่าครึ่งปีน่ะหรือคะ?”


    แม้ฉันพูดว่าเราสองคนนั้นเป็นคู่หมั้นกัน แต่เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ตามฉบับคู่หมั้น นานๆ ครั้งถึงได้ดื่มชาด้วยกัน ฉันไม่ได้สนใจนับด้วยสิว่าจริงๆ แล้วเขาหายหน้าไปกี่วัน เอาเป็นว่าหายหน้านานจนเกือบลืมว่ามีคู่หมั้น อันที่จริงที่เราสองคนเจอกันน้อยเช่นนี้ไม่ใช่เพราะไม่เกลียดหน้ากันจนถึงขั้นไม่อยากเสวนาหรอก


    แต่ธีโอเป็นคนหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ


    อิสร่า ตัวตนแห่งการเฝ้ามองผสานการคุ้มครองจากเฮอร์เมีย แม่มดเงาทำให้เขาได้รับลักษณะพิเศษที่ถูกเรียกว่า นักเดินทาง ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร แต่ความสามารถจากลักษณะพิเศษของเขามีคอนเซ็ปราวๆ เคลื่อนย้ายชั่วพริบตา, ลบล้างตัวตนจากอันตราย ดยุคเฮเลเกลล่าเคยบอกประมาณว่าตัวธีโอวัยเด็กมักหายตัวไปจากห้องบ่อยๆ กระทั่งช่วงอายุ 7 ขวบพวกเขาเริ่มรับรู้ว่าบุตรชายมีพลังในการเคลื่อนย้ายตนเเอง อาจดูเป็นผู้ใหญ่ที่ละหลวมเรื่องดูแลบุตร แต่ต้องยอมรับว่าลักษณะพิเศษเป็นสิ่งที่มิอาจหยุดได้จริงจัง แถมถ้าไม่ใช่ลักษณะพิเศษนานๆ เข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับธีโอไหม ทางครอบครัวจึงทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากสอนให้เขาป้องกันตัว และ เตรียมพวกอาวุธเผื่อเกิดอันตรายขึ้นมา


    พูดก็พูดเถอะ นับตั้งแต่มีลักษณะพิเศษนักเดินทางมา ฉันไม่ยักจะเคยได้ยินว่าเขาตกอยู่ในอันตรายเลยสักครั้ง คงเพราะความสามารถในการลบล้างตัวตนนั่นแหละ ทำให้พวกสัตว์อสูรไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา ถ้าพูดแบบไม่รักษาภาพลักษณ์การเป็นลักษณะพิเศษล่ะก็ ลักษณะพิเศษคนที่ชอบเที่ยวเล่น แต่ไม่ขอยุ่งกับปัญหาของสถานที่นั้นๆ ล่ะมั้ง...กระนั้นลักษณะพิเศษนักเดินทางมีด้านดีพอสมควรนะ อย่างเช่นใช้กรองข่าวแบบอ้อมๆ ได้ดีเลย ตามความคิดฉัน หากธีโอคิดจะเป็นหน่วยกรองข่าวลับจริงๆ คงน่ากลัวไม่เบา


    แต่ก็นะ อิสร่ากับเฮอร์เมียค่อนข้างรักอิสระ ฉะนั้นบังคับให้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งยาก ขนาดอยู่กับที่สักสัปดาห์ยังทำไม่ได้เลย..หืม กำลังตั้งคำถามว่าระหว่างลักษณะพิเศษของฉันกับของเขา ใครหายากกว่ากันหรือ? บางทีคงเป็นของฉันแหละ ลักษณะพิเศษมันสังเกตยากด้วย


    “เอาน่าๆ ยังไงผมก็กลับมาเยี่ยมแล้ว อ๊ะ นี่ของฝาก”


    เขาหยิบกล่องกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะ กลิ่นหวานๆ โชยแตะจมูก ฉันเลื่อนสายตามองกล่องสีกระดาษสีขาวนวลเล็กน้อย กลิ่นคล้ายของหวาน แต่ขึ้นชื่อว่าของฝากจากธีโอต้องระแวงไว้ก่อนล่ะ


    “คราวนี้คงไม่ใช่ของแปลกๆ อีกนะคะ”


    ครั้งก่อนเขาเอาระเบิดสีฟ้าที่ใช้สำหรับจัดงานเทศกาลใหญ่มาฝาก แล้วก็ครั้งๆ ก่อนที่จำไม่ค่อยได้ว่านานแค่ไหนแล้วเป็นพืชที่มีพิษจากแดนใต้ หลายครั้งฉันคิดว่าการเป็นคู่หมั้นคนๆ นี้คือหนึ่งในความโชคร้าย


    “ไม่หรอกครับ คราวนี้แค่ของหวาน ของขึ้นชื่อจากอาณาจักรลอว์เดนซ์ครับ”


    ธีโอพูดพร้อมเปิดกล่องเพื่อพิสูจน์ให้ฉันแน่ใจ ของหวานเนื้อฟูที่มีใส่อยู่ตรงกลาง ฉันเคยได้ยินว่ามันเป็นหนึ่งในขึ้นชื่อของอาณาจักรทางเหนือ ลอวเดนซ์ แล้วก็จากความทรงจำของแม่มด ชูครีมเป็นของโปรดขององค์ราชา คู่หมั้นของฉันมีพลังเทเลพอร์ตดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพอาหาร


    ---- คราก่อนๆ เขายังพาพืชที่มีชีวิตได้ไม่ถึงชั่วโมงหากไม่ได้รดน้ำกลับมาได้เลย


    จะว่าไปคราวนี้ข้ามโลกเลยแฮะ ลอวเดนซ์กับอัลเบอร์โต้คนละซีกโลกเลยนะ


    “ครั้งนี้ปกติดีนะคะ”


    ธีโอแสดงสีหน้าราวกับน้อยใจที่ฉันไม่เชื่อใจเขา ก็ตั้งแต่หมั้นกันมากว่า 6 ปีเขาชอบเอาของแปลกๆ มาฝากตลอด ช่วยไม่ได้—ฝ่ามือที่มีร่องรอยหิมะหยิบถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ ฉันคิดว่าธีโอน่าจะมาที่นี่ทันทีที่ออกจากแดนเหนือ เสื้อยังเป็นโค้ชกันหนาว แถมปลายผมยังมีหิมะเกาะนิดๆ


    --อย่างน้อยกลับคฤหาสน์เปลี่ยนชุดหน่อยได้ไหม


    ฉันไม่ใช่ประเภทขี้น้อยใจเวลาคู่หมั้นไม่มาเยี่ยมสักหน่อย


    “ไม่ร้อนเหรอคะ?”


    “ร้อนสิครับ ถามได้”


    “ก็เห็นไม่ยอมถอดเสื้อโค้ชสักทีเลยคิดว่าหนาวค่ะ”


    รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าธีโอเดอมาร์ เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ก่อนตัดสินใจถอดเสื้อคลุม ฉันละสายตาจากคู่หมั้นพร้อมใช้หยิบชูครีมออกมาจากกล่อง ว่าแต่ชูครีมกับชากุหลาบมันเข้ากันด้วยเหรอ ช่างแล้วกัน กินๆ ไปเถอะ พลันสายตาเหลือบเห็นธีโอกำลังทำหน้ามุ่ยอยู่ ละม้ายเขาไม่ชอบใจบางอย่าง อ๋อ ลืมไป


    “ยังจะฝืนดื่มชาดอกไม้อีกเหรอคะ?”


    “การดื่มชาถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรของชนชั้นสูงครับ”


    และ เขายังฝืนดื่มชาดอกไม้ที่ต้องยอมรับว่าวันนี้เอวาชงออกมาได้แย่จริงๆ---พอมองไปด้านหลังเห็นเมดสาวกำลังขอโทษขอโพยใหญ่


    “คุณไม่ชอบชาดอกไม้นี่ เปลี่ยนเป็นนม หรือ น้ำผลไม้ดีไหมคะ?”


    ธีโอไม่ชอบรสเปรี้ยว...อาหารทั่วไปเขายังพอทานได้ แต่กับพวกชานี่เหมือนเจ้าตัวฝืนทุกครั้งที่ดื่มมัน ฉันคิดว่าอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชา เด็กหนุ่มผมบลอนด์หัวเราะแห้งๆ พลางวางถ้วยชาลงอย่างเชื่องช้า


    “ฝากด้วยครับ”


    ที่จริงฉันยังมีรสชาติที่ทานไม่ได้เหมือนกัน แต่เป็นรสที่ไม่มีในชาหรือของหวานเลยสบายๆ กับงานเลี้ยงน้ำชา ข้ารับใช้นำเครื่องดื่มมาเปลี่ยนให้ธีโอ และ เดินออกห่างจากพวกเราสองคน เค้าหน้าเด็กหนุ่มคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ไม่นานดวงตาสีครามที่มีม่านตาคล้ายดวงจันทร์เลื่อนขึ้นมองฉันพร้อมกล่าวถามเสียงมีชีวิตชีวา


    “ได้ยินว่าเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุงานเปิดตัวของอิลต้า?”


    “จะถามว่าปลอดภัยหรือเปล่าใช่ไหมคะ?”


    “กะว่าจะถามแบบนั้นแหละครับ แต่เห็นคุณยังทำตัวไม่ทุกข์ไม่ร้อนเหมือนเดิม เอาเป็นว่าไม่ถามดีกว่า”


    “แล้วที่กลับมานี่มีอะไรอีกไหมคะ คงไม่ใช่แค่กลับมาเยี่ยมฉัน”


    เป็นฉันที่ตั้งคำถามต่อส่งผลให้ธีโอขยับมุมปากยิ้มประหลาด อย่าไปคิดมากับรอยยิ้มเขา เขาแค่ยิ้มไปเรื่อยนั่นแหละ อันที่จริงเพราะหางตาธีโอคมทำให้หน้าตาเขาดูมีเล่ห์เหลี่ยมกว่าความเป็นจริง แน่นอนฉันค่อนข้างแน่ใจว่าที่เขากลับมาเมืองหลวงไม่ใช่เพราะมาเยี่ยมฉันน่าจะมีงานใหญ่อะไรสักอย่าง


    “อาทิตย์หน้าครบรอบ 15 ปีของคุณคู่หมั้นนะครับ”


    เมื่อกี้ยิ้มเพราะเอือมระอาหรอกเหรอ---


    “อ่า ใกล้ถึงแล้วเหรอคะ?”


    กระนั้นตัวฉันไม่สะทกสะท้านกับสายตาระอาหรอก---แต่ 15 เหรอ กำลังเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ เรา


    “อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” ธีโอหัวเราะนิดๆ “ไม่สิ ไม่ได้จำมากกว่าสินะครับ?”


    “กำลังจะ 15 แล้วสินะคะ” ฉันพึมพำ


    “อย่าทำเสียงเหมือนหนักใจกับเรื่องแบบนี้สิครับ ปกติใครๆ เขาก็ดีใจที่เป็นผู้ใหญ่”


    “อ๋อ ค่ะ ฉันกำลังดีใจ---ดีใจมาก”


    “เสียงสวนทาง”


    “ฉันออกจะดีใจค่ะ”


    ฉันตอบกลับพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ พอนึกถึงอนาคตข้างหน้าในฐานะผู้ใหญ่แล้วมันก็---ฉันเผลอพ่นลมหายใจออกมาทำเอาฝ่ายธีโอเลิกคิ้วนิดๆ พร้อมทักเสียงยียวน


    “นั่นถอนหายใจ?”


    “พออายุครบ 15 แล้วต้องไปเรียนไกลบ้านใช่ไหมคะ?”


    “ที่แท้แค่ไม่อยากไปเรียนสินะ”


    “เวลาอยู่ในนั่งชิวในห้องสมุดของฉันจะลดลงค่ะ”


    ใช่ ฉันชอบอยู่ในห้องสมุดมากกว่าไปนั่งเรียนในห้องที่มีคนเยอะ แต่ฉันขี้เกียจไปนั่งอธิบายหรือเถียงกับท่านพ่อ, ท่านแม่เสียด้วย เปลืองพลังงาน แถมน่าปวดหัวที่ต้องพยายามฟังเหตุผลของทุกๆ คนน่ะ ฉันเข้าใจเหตุผลของพวกเขานะ แต่ฉันแค่เหนื่อยที่จะนั่งฟังน่ะ อย่างไรเสียสถาบันมันก็แหล่งเข้าสังคมหนึ่งของชนชั้นสูงน่ะนะ แล้วก็อย่าว่าแต่ฉันเลยที่จะกลายเป็นตัวปัญหา ไม่เข้าสังคม...ธีโอน่าจะอีกคน พูดไปแล้วนี่ ธีโอมีลักษณะพิเศษนักเดินทาง คิดว่าเขาจะอยู่นิ่งๆ ในสถาบันได้หรือ?


    พนันว่าไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์


    “ก่อน 15 ผมว่าจะชวนคุณไปผจญภัยดันเจี้ยน ปลุกสัญชาตญาณเอาตัวรอดสักหน่อย ขืนปล่อยคุณไว้แบบนี้อนาคตคงยืนทำหน้าเอื่อยเชื่อยทั้งๆ ที่คนอื่นกำลังสู้กันแน่ๆ ถึงคุณจะได้รับการคุ้มครองจากแม่มดโอพีเลียก็เถอะ”


    ปกติฉันชอบตามน้ำนะ แต่---


    “ไม่ไปค่ะ”


    “ทีแบบนั้นหนักแน่นจังนะครับ”




    -------



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×