คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 01 - ที่จริงฉันกำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะค่ะ
รอบด้านเต็มไปด้วยบุปผาหลากสี
บรรยากาศเงียบสงบในสวนหลังบ้าน เสียงบรรเลงเพลงจากเผ่าเวอร์ซี่ดังลอดจากหน้าต่างบานหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่
ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าพักผ่อน อันที่จริงตัวฉันก็พักผ่อนอยู่ทุกวันนั่นแหละ หนังสือกองใหญ่ที่นั่งอ่านในทุกๆ
วันถูกเก็บเข้าไปในห้องสมุด ตรงหน้ามีเพียงน้ำชา ของหวาน และ บุรุษผมบลอนด์
หนึ่งในคนที่มีสถานะใกล้ชิดฉัน
ธีโอเดอมาร์ เฮเลเกลล่า
หรือ เรียกสั้นๆ ว่าธีโอ
เขาเป็นใครทำไมฉันถึงแนะนำเขาหรือคะ?
ให้สรุปแบบสั้นๆ
ง่ายๆ ได้ใจ ชายคนนี้คือคู่หมั้นของฉันเอง
แน่นอนหมั้นด้วยเหตุผลเรื่องการเมืองนั่นแหละ
บางทีนึกภาพตัวฉันตกหลุมรักคนแปลกหน้าตั้งแต่แรกพบดั่งในนวนิยายจากความทรงจำแม่มดคงเป็นอะไรพิลึกดี
อย่างไรเสียฉันครองลักษณะพิเศษความทรงจำของแม่มด
ภาพแรกพบคู่พระนางที่ชอบวาดเอฟเฟ็คประกายประหลาดลงไปฉันเห็นมันจนชินตาไปแล้วล่ะ
และไม่คิดว่าชีวิตจะมีเหตุการณ์อะไรทำนองนั้นเกิดขึ้นกับฉัน
ความจริงคือเรื่องรักๆ
ใคร่ๆ สำหรับฉันมันไม่ได้น่าสนใจสักนิด
“ทำไมทำหน้าเอื่อยเชื่อยแบบนั้นล่ะครับ
คู่หมั้นอุตส่าห์กลับมาเยี่ยม”
“คู่หมั้นที่หายหน้ากว่าครึ่งปีน่ะหรือคะ?”
แม้ฉันพูดว่าเราสองคนนั้นเป็นคู่หมั้นกัน
แต่เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ตามฉบับคู่หมั้น นานๆ ครั้งถึงได้ดื่มชาด้วยกัน
ฉันไม่ได้สนใจนับด้วยสิว่าจริงๆ แล้วเขาหายหน้าไปกี่วัน
เอาเป็นว่าหายหน้านานจนเกือบลืมว่ามีคู่หมั้น อันที่จริงที่เราสองคนเจอกันน้อยเช่นนี้ไม่ใช่เพราะไม่เกลียดหน้ากันจนถึงขั้นไม่อยากเสวนาหรอก
แต่ธีโอเป็นคนหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ
อิสร่า ตัวตนแห่งการเฝ้ามองผสานการคุ้มครองจากเฮอร์เมีย แม่มดเงาทำให้เขาได้รับลักษณะพิเศษที่ถูกเรียกว่า ‘นักเดินทาง’ ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร แต่ความสามารถจากลักษณะพิเศษของเขามีคอนเซ็ปราวๆ เคลื่อนย้ายชั่วพริบตา, ลบล้างตัวตนจากอันตราย ดยุคเฮเลเกลล่าเคยบอกประมาณว่าตัวธีโอวัยเด็กมักหายตัวไปจากห้องบ่อยๆ กระทั่งช่วงอายุ 7 ขวบพวกเขาเริ่มรับรู้ว่าบุตรชายมีพลังในการเคลื่อนย้ายตนเเอง อาจดูเป็นผู้ใหญ่ที่ละหลวมเรื่องดูแลบุตร แต่ต้องยอมรับว่าลักษณะพิเศษเป็นสิ่งที่มิอาจหยุดได้จริงจัง แถมถ้าไม่ใช่ลักษณะพิเศษนานๆ เข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับธีโอไหม ทางครอบครัวจึงทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากสอนให้เขาป้องกันตัว และ เตรียมพวกอาวุธเผื่อเกิดอันตรายขึ้นมา
พูดก็พูดเถอะ นับตั้งแต่มีลักษณะพิเศษนักเดินทางมา ฉันไม่ยักจะเคยได้ยินว่าเขาตกอยู่ในอันตรายเลยสักครั้ง คงเพราะความสามารถในการลบล้างตัวตนนั่นแหละ ทำให้พวกสัตว์อสูรไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา ถ้าพูดแบบไม่รักษาภาพลักษณ์การเป็นลักษณะพิเศษล่ะก็ ลักษณะพิเศษคนที่ชอบเที่ยวเล่น แต่ไม่ขอยุ่งกับปัญหาของสถานที่นั้นๆ ล่ะมั้ง...กระนั้นลักษณะพิเศษนักเดินทางมีด้านดีพอสมควรนะ อย่างเช่นใช้กรองข่าวแบบอ้อมๆ ได้ดีเลย ตามความคิดฉัน หากธีโอคิดจะเป็นหน่วยกรองข่าวลับจริงๆ คงน่ากลัวไม่เบา
แต่ก็นะ
อิสร่ากับเฮอร์เมียค่อนข้างรักอิสระ ฉะนั้นบังคับให้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งยาก
ขนาดอยู่กับที่สักสัปดาห์ยังทำไม่ได้เลย..หืม
กำลังตั้งคำถามว่าระหว่างลักษณะพิเศษของฉันกับของเขา ใครหายากกว่ากันหรือ? บางทีคงเป็นของฉันแหละ
ลักษณะพิเศษมันสังเกตยากด้วย
“เอาน่าๆ
ยังไงผมก็กลับมาเยี่ยมแล้ว อ๊ะ นี่ของฝาก”
เขาหยิบกล่องกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะ
กลิ่นหวานๆ โชยแตะจมูก ฉันเลื่อนสายตามองกล่องสีกระดาษสีขาวนวลเล็กน้อย กลิ่นคล้ายของหวาน
แต่ขึ้นชื่อว่าของฝากจากธีโอต้องระแวงไว้ก่อนล่ะ
“คราวนี้คงไม่ใช่ของแปลกๆ
อีกนะคะ”
ครั้งก่อนเขาเอาระเบิดสีฟ้าที่ใช้สำหรับจัดงานเทศกาลใหญ่มาฝาก
แล้วก็ครั้งๆ ก่อนที่จำไม่ค่อยได้ว่านานแค่ไหนแล้วเป็นพืชที่มีพิษจากแดนใต้
หลายครั้งฉันคิดว่าการเป็นคู่หมั้นคนๆ นี้คือหนึ่งในความโชคร้าย
“ไม่หรอกครับ
คราวนี้แค่ของหวาน ของขึ้นชื่อจากอาณาจักรลอว์เดนซ์ครับ”
ธีโอพูดพร้อมเปิดกล่องเพื่อพิสูจน์ให้ฉันแน่ใจ
ของหวานเนื้อฟูที่มีใส่อยู่ตรงกลาง
ฉันเคยได้ยินว่ามันเป็นหนึ่งในขึ้นชื่อของอาณาจักรทางเหนือ ลอวเดนซ์
แล้วก็จากความทรงจำของแม่มด ชูครีมเป็นของโปรดขององค์ราชา
คู่หมั้นของฉันมีพลังเทเลพอร์ตดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพอาหาร
---- คราก่อนๆ
เขายังพาพืชที่มีชีวิตได้ไม่ถึงชั่วโมงหากไม่ได้รดน้ำกลับมาได้เลย
จะว่าไปคราวนี้ข้ามโลกเลยแฮะ
ลอวเดนซ์กับอัลเบอร์โต้คนละซีกโลกเลยนะ
“ครั้งนี้ปกติดีนะคะ”
ธีโอแสดงสีหน้าราวกับน้อยใจที่ฉันไม่เชื่อใจเขา
ก็ตั้งแต่หมั้นกันมากว่า 6 ปีเขาชอบเอาของแปลกๆ มาฝากตลอด ช่วยไม่ได้—ฝ่ามือที่มีร่องรอยหิมะหยิบถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ
ฉันคิดว่าธีโอน่าจะมาที่นี่ทันทีที่ออกจากแดนเหนือ เสื้อยังเป็นโค้ชกันหนาว
แถมปลายผมยังมีหิมะเกาะนิดๆ
--อย่างน้อยกลับคฤหาสน์เปลี่ยนชุดหน่อยได้ไหม
ฉันไม่ใช่ประเภทขี้น้อยใจเวลาคู่หมั้นไม่มาเยี่ยมสักหน่อย
“ไม่ร้อนเหรอคะ?”
“ร้อนสิครับ
ถามได้”
“ก็เห็นไม่ยอมถอดเสื้อโค้ชสักทีเลยคิดว่าหนาวค่ะ”
รอยยิ้มบางๆ
ปรากฏบนใบหน้าธีโอเดอมาร์ เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ก่อนตัดสินใจถอดเสื้อคลุม
ฉันละสายตาจากคู่หมั้นพร้อมใช้หยิบชูครีมออกมาจากกล่อง ว่าแต่ชูครีมกับชากุหลาบมันเข้ากันด้วยเหรอ
ช่างแล้วกัน กินๆ ไปเถอะ พลันสายตาเหลือบเห็นธีโอกำลังทำหน้ามุ่ยอยู่
ละม้ายเขาไม่ชอบใจบางอย่าง อ๋อ ลืมไป
“ยังจะฝืนดื่มชาดอกไม้อีกเหรอคะ?”
“การดื่มชาถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรของชนชั้นสูงครับ”
และ
เขายังฝืนดื่มชาดอกไม้ที่ต้องยอมรับว่าวันนี้เอวาชงออกมาได้แย่จริงๆ---พอมองไปด้านหลังเห็นเมดสาวกำลังขอโทษขอโพยใหญ่
“คุณไม่ชอบชาดอกไม้นี่
เปลี่ยนเป็นนม หรือ น้ำผลไม้ดีไหมคะ?”
ธีโอไม่ชอบรสเปรี้ยว...อาหารทั่วไปเขายังพอทานได้
แต่กับพวกชานี่เหมือนเจ้าตัวฝืนทุกครั้งที่ดื่มมัน
ฉันคิดว่าอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชา
เด็กหนุ่มผมบลอนด์หัวเราะแห้งๆ พลางวางถ้วยชาลงอย่างเชื่องช้า
“ฝากด้วยครับ”
ที่จริงฉันยังมีรสชาติที่ทานไม่ได้เหมือนกัน
แต่เป็นรสที่ไม่มีในชาหรือของหวานเลยสบายๆ กับงานเลี้ยงน้ำชา ข้ารับใช้นำเครื่องดื่มมาเปลี่ยนให้ธีโอ
และ เดินออกห่างจากพวกเราสองคน เค้าหน้าเด็กหนุ่มคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ไม่นานดวงตาสีครามที่มีม่านตาคล้ายดวงจันทร์เลื่อนขึ้นมองฉันพร้อมกล่าวถามเสียงมีชีวิตชีวา
“ได้ยินว่าเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุงานเปิดตัวของอิลต้า?”
“จะถามว่าปลอดภัยหรือเปล่าใช่ไหมคะ?”
“กะว่าจะถามแบบนั้นแหละครับ แต่เห็นคุณยังทำตัวไม่ทุกข์ไม่ร้อนเหมือนเดิม
เอาเป็นว่าไม่ถามดีกว่า”
“แล้วที่กลับมานี่มีอะไรอีกไหมคะ คงไม่ใช่แค่กลับมาเยี่ยมฉัน”
เป็นฉันที่ตั้งคำถามต่อส่งผลให้ธีโอขยับมุมปากยิ้มประหลาด
อย่าไปคิดมากับรอยยิ้มเขา เขาแค่ยิ้มไปเรื่อยนั่นแหละ
อันที่จริงเพราะหางตาธีโอคมทำให้หน้าตาเขาดูมีเล่ห์เหลี่ยมกว่าความเป็นจริง
แน่นอนฉันค่อนข้างแน่ใจว่าที่เขากลับมาเมืองหลวงไม่ใช่เพราะมาเยี่ยมฉันน่าจะมีงานใหญ่อะไรสักอย่าง
“อาทิตย์หน้าครบรอบ 15 ปีของคุณคู่หมั้นนะครับ”
เมื่อกี้ยิ้มเพราะเอือมระอาหรอกเหรอ---
“อ่า ใกล้ถึงแล้วเหรอคะ?”
กระนั้นตัวฉันไม่สะทกสะท้านกับสายตาระอาหรอก---แต่ 15 เหรอ กำลังเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ เรา
“อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” ธีโอหัวเราะนิดๆ “ไม่สิ
ไม่ได้จำมากกว่าสินะครับ?”
“กำลังจะ 15 แล้วสินะคะ”
ฉันพึมพำ
“อย่าทำเสียงเหมือนหนักใจกับเรื่องแบบนี้สิครับ ปกติใครๆ เขาก็ดีใจที่เป็นผู้ใหญ่”
“อ๋อ ค่ะ ฉันกำลังดีใจ---ดีใจมาก”
“เสียงสวนทาง”
“ฉันออกจะดีใจค่ะ”
ฉันตอบกลับพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ
พอนึกถึงอนาคตข้างหน้าในฐานะผู้ใหญ่แล้วมันก็---ฉันเผลอพ่นลมหายใจออกมาทำเอาฝ่ายธีโอเลิกคิ้วนิดๆ
พร้อมทักเสียงยียวน
“นั่นถอนหายใจ?”
“พออายุครบ 15 แล้วต้องไปเรียนไกลบ้านใช่ไหมคะ?”
“ที่แท้แค่ไม่อยากไปเรียนสินะ”
“เวลาอยู่ในนั่งชิวในห้องสมุดของฉันจะลดลงค่ะ”
ใช่ ฉันชอบอยู่ในห้องสมุดมากกว่าไปนั่งเรียนในห้องที่มีคนเยอะ
แต่ฉันขี้เกียจไปนั่งอธิบายหรือเถียงกับท่านพ่อ, ท่านแม่เสียด้วย เปลืองพลังงาน
แถมน่าปวดหัวที่ต้องพยายามฟังเหตุผลของทุกๆ คนน่ะ ฉันเข้าใจเหตุผลของพวกเขานะ
แต่ฉันแค่เหนื่อยที่จะนั่งฟังน่ะ อย่างไรเสียสถาบันมันก็แหล่งเข้าสังคมหนึ่งของชนชั้นสูงน่ะนะ
แล้วก็อย่าว่าแต่ฉันเลยที่จะกลายเป็นตัวปัญหา ไม่เข้าสังคม...ธีโอน่าจะอีกคน
พูดไปแล้วนี่ ธีโอมีลักษณะพิเศษนักเดินทาง คิดว่าเขาจะอยู่นิ่งๆ ในสถาบันได้หรือ?
พนันว่าไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์
“ก่อน 15 ผมว่าจะชวนคุณไปผจญภัยดันเจี้ยน
ปลุกสัญชาตญาณเอาตัวรอดสักหน่อย ขืนปล่อยคุณไว้แบบนี้อนาคตคงยืนทำหน้าเอื่อยเชื่อยทั้งๆ
ที่คนอื่นกำลังสู้กันแน่ๆ ถึงคุณจะได้รับการคุ้มครองจากแม่มดโอพีเลียก็เถอะ”
ปกติฉันชอบตามน้ำนะ แต่---
“ไม่ไปค่ะ”
“ทีแบบนั้นหนักแน่นจังนะครับ”
ความคิดเห็น