ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ROSPELAR WAR. - สงครามดินแดนต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #2 : - P R O L O G U E

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 703
      25
      30 ก.ค. 61



    PROLOGUE


    คุณน่ะ ได้อะไรจากการสงครามงั้นหรือ?

    หากให้ตอบคำตอบข้อนี้ละก็ มันไม่ได้ยากแม้แต่นิด บทเรียนอันล้ำค่า, ความอดทน, ความสามัคคี, กำเนิดวีรบุรุษ วีรสตรี นั่นแหละ สิ่งที่ได้รับจากการกระทำที่ถูกเรียกว่า สงคราม ทว่าลองถามในมุมกลับกันดูสักครั้งสิ

    คุณเสียอะไรให้กับสงครามบ้าง?



    แล้วคุณคิดว่าอะไรสำคัญกว่างั้นหรือ?



     

    ตราบเท่าที่ยังคงมีความขัดแย้ง ไฟสงครามยังคงรอเวลาลุกไหม้

    ตราบเท่าที่ต้องการอำนาจ สงครามก็ยังคงดำเนิน

    ตราบเท่าที่เกลียดชังยังคงเพิ่มพูนต่อไปเรื่อยๆ

    ตราบเท่าที่มีมนุษย์อยู่สงครามอันยาวนานนี้ก็ไม่มีวันจบสิ้น


    สันติภาพ และ สงครามคือสิ่งที่ขัดแย้งกัน

    หากแต่กระนั้นพวกมันกลับค่อยอยู่ข้างกันตลอดดังเช่นกลางวัน และ กลางคืน


    แท้จริงแล้วสงครามก็แค่ความผิดพลาด และ บิดเบี้ยวที่ไม่อาจแก้ไข

     


    ดินแดนที่ชอกช้ำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน มีใครสามารถนึกภาพดินแดนแห่งนั้นในอนาคตได้หรือไม่ว่าจะมีสภาพเช่นไร แผ่นดินถูกเปลี่ยนแปลงอารยธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ว่าจบลงด้วยสันติภาพ หรือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะก็ตาม สุดท้ายอารยธรรมของทั้งสองยังคงหลงเหลืออยู่ในดินแดนอย่างแน่นอน หรือ อารยธรรมทั้งสองอาจจะหลอมรวมกันจนผู้คนในอนาคตหลงลืมอารยธรรมต้นกำเนิดไป


    ความจริงดินแดนดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมองหาไกลมากหรอก ลองมองมาทางนี้สิ คุณจะเห็นภาพดินแดนที่ชอกช้ำด้วยสงครามมานับครั้ง รอสเพล่าร์ ดินแดนคาบสมุทรอันอุดมสมบูรณ์ ฤดูกาลแสนหลากหลายก่อกำเนิดผลผลิตมากมาย สภาพภูมิประเทศสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ โดยรวมคือนิยมของดินแดนแสนสมบูรณ์แบบที่แท้จริง ทว่าใครจะไปนึกไปฝันว่าความสมบูรณ์นี้จะกลายเป็นบ่อเกิดของหายนะยากต่อการสิ้นสุด


    ย้อนกลับไปเจ็ดร้อยปีก่อนหน้านี้


    ระยะเวลาประมาณนี้สำหรับมนุษย์ยาวนานอย่างมาก แต่ไม่มีวันปฏิเสธได้หรอกว่าจุดเริ่มต้นของสงรามชิงดินแดนผ่านมานานนับเจ็ดร้อยปี


    มนุษย์เริ่มต้นยุคสมัยที่เรียกว่า ยุคล่าอาณานิคม การขยายอำนาจได้จุดประกายขึ้นมาจากจุดเล็กๆ จักรวรรดิที่มีอำนาจทั้งหลายเริ่มขยายอาณาเขตตนเองเพื่อเพิ่มพูนทรัพยากร หนึ่งในนั้นคือจักรวรรดิเดียมาน จักรวรรดิทรงอำนาจเริ่มล่าอาณานิคมลงมาทางใต้เพื่อหาทรัพยากร และ เผยแพร่วัฒนธรรมจนกระทั่งถึงดินแดนรอสเพล่าร์ ด้วยความสมบูรณ์แบบทำให้จักรวรรดิตัดสินใจเข้าทำสงครามเพื่อยึดอำนาจอย่างไม่ลังเล


    ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังทางการทหารของฝ่ายรอสเพล่าร์ไม่พร้อมสำหรับทำสงครามทำให้เจ้าของดินแดนต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และ อพยพชาวรอสส่วนหนึ่งออกห่างเพื่อทำการตั้งหลักใหม่ แม้ถูกยึดดินแดนบ้านเกิดไปใช่ว่าจะไม่มีทางทวงมันกลับคืนมาได้ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของชาวรอสบางส่วน ทว่าถึงกระนั้นพวกเขากลับไม่มีผู้กล้าที่ค่อยนำทาง


    หากหนึ่งในร้อยปีให้หลังได้กำเนิดผู้กล้าคนหนึ่งขึ้นมา ดีแลน วอลเลอร์บุตรชายจากครอบครัวชาวไร่ธรรมดา แต่บรรพบุรุษของเขาเคยร่วมรบ และ รอดชีวิตออกจากสงครามครั้งนั้น เรื่องราวในสนามรบถูกเล่าขานต่อกันมาจนกระทั่งถึงตัวของดีแลนเอง


    เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ และ เลือดร้อนยิ่งกว่าใคร  อีกประการหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกจุดประกายสงครามครั้งนั้น แม้ยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงชัด แต่มีคนกล่าวไว้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าไปในดินแดนอันเป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษ ภาพความอุดมสมบูรณ์สร้างความเกลียดชังที่ถูกช่วงชิงดินแดนไป ความคิดที่ว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ได้ลุกโชนขึ้นมา อีกทั้งส่วนหนึ่งตั้งแต่เล็กถูกปลูกฝังให้ยึดมั่นกับดินแดนแห่งนั้น


    หลังตัดสินใจเช่นนั้นไปสงครามระหว่างชาวรอส กับ จักรวรรดิได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สงครามครั้งที่สองกินเวลายาวนานกว่าสาบสิบปีจึงจบลงด้วยจักรวรรดิถอยร่นไปจากการสูญเสียแม่ทัพ ดีแลน วอลเลอร์เข้าสู่วัยผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ เขามีครอบครัวเป็นของตนเอง เมื่อจบสงครามลงดีแลนได้รับคฤหาสน์หรูหราเป็นรางวัล


    นั่นคือจุดสิ้นสุดสงครามรอสเพล่าร์ครั้งที่สอง ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูอารยธรรมบ้านเกิดได้เริ่มขึ้น ชาวรอสพยายามกอบกู้สภาพทุกอย่างให้เป็นดังเดิมนานนับยี่สิบปี ในขณะที่ดีแลนได้เข้าสู่วัยชราทีละนิด จนกระทั่งกลายเป็นชายชราอย่างสมบูรณ์ อีกไม่นานเขาคงจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบสุข


    ทว่ากลับไม่ใช่เช่นนั้น


    สงครามรอสเพล่าร์ครั้งที่สามได้เริ่มขึ้นจักรวรรดิเดียมานได้บุกกลับมายังดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง ดีแลน วอลเลอร์ และ เชื้อพระวงศ์ของรอสเพล่าร์ส่วนหนึ่งถูกสังหาร ศีรษะของพวกเขาถูกเสียบประจานเพื่อประกาศชัยชนะ และ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวรอส แน่นอนวัฏจักรเดิมได้เริ่มขึ้น ชาวรอสส่วนหนึ่งอพยพหนีเพื่อรอวันกลับมาทวงคืน ทว่าเมื่อสามารถทวงกลับมาได้ จักรวรรดิเดียมานกลับเข้าโจมตีเพื่อชิงดินแดนอีกครั้ง สงครามรอสเพล่าร์เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งไม่สามารถระบุได้ว่าสงครามที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้คือครั้งที่เท่าไร


    หากสงครามรอสเพล่าร์เกิดขึ้นไม่กี่ร้อยปีนั้นคงดูไม่แตกต่างจากสงครามทั่วไปเท่าไร ทว่าสงครามนี้เกิดขึ้นนานนับเจ็ดร้อยปี ด้วยความยาวนาน, วนเวียน, ภาพการสูญเสีย, ความเกลียดชังถูกฉายซ้ำไปมา ถ้าเลือกกล่าวคำที่ช่วยให้เรื่องนี้ดูดีขึ้นมานั้นคงต้องใช้คำว่า พวกเขารักดินแดนมาก ผูกพันจนยอมเผชิญสงครามนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าลองมองอีกมุมละก็ คล้ายพวกเขา ทั้งชาวรอส ทั้งจักรวรรดิถูกขังในเปลวเพลิงแห่งสงครามอันไร้จุดสิ้นสุด


    แน่นอนสภาพเช่นนั้นของรอสเพล่าร์ทำให้นักเดินทาง หรือที่ผู้คนเรียกว่า เหล่าผู้ศรัทธาในธรรมชาติต่างขนานนามดินแดนแห่งนี้


    ดินแดนต้องคำสาป




    ------------------
    บทนำแสนสั้น และ เหมือนเล่าที่มาที่ไป(?)ของสงครามเฉยๆ
    ตอนแรกคิดบทนำไม่ออกค่ะ คือ อยากลองเขียนบทนำนิยายหลายๆ แบบดู
    แล้วก็เอามาเพิ่มเติมนิดหน่อย จริงๆ แล้วเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสงครามที่คาบสมุทรไอบีเรียค่ะ
    ไม่ใช่สงครามคาบสมุทรที่เกิดขึ้นในปี 1808 นะคะ แต่เป็นสงครามชิงดินแดน (Reconquista) ที่เกิดขึ้นในปี 711


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×