มันก็เป็นอีกหนึ่งคาบที่ผมเกลียดมาก ๆ คาบพักเที่ยงไง พอท้องอิ่มแล้วหนังตามันก็หย่อนทุกที แบบนั้นก็เลยหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นไปพลาง ๆ เพื่อไม่ให้หลับ
แล้วรูปของเจ้าของบ้านก็โชว์ขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปแรก มีทั้งรูปตอนที่เขาหลับอยู่บนรถ รูปตอนเล่นน้ำทะเล รูปเหวอ ๆ ตอนเล่นเกมส์ก็ยังมีที่ผมแอบถ่ายไว้ด้วย ถึงจะตลกแต่มันก็ดันน่ารักมากกว่าจนต้องหลุดยิ้มออกมา
"นั่งยิ้มเป็นข้าวได้ปุ๋ยเลยนะ อินเลิฟเหรอ?"
เสียงอันคุ้นเคยของเพื่อนสนิทดังขึ้น พร้อมกับที่เขาหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม ท่ามกลางแผ่นหญ้าที่เขียวชอุ่มและต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกประดับไว้ในสวนของวิทยาลัย
"เปล่าซะหน่อย! อินเลิฟอะไรล่ะไนซ์"
"แน่? ทำไมต้องทำเสียงสูง"
"เสียงเราปกติเหอะ!"
รึเปล่านะ...
ไม่รู้ด้วยแล้ว ทำไมไนซ์ต้องมานั่งยิ้มแบบนั้นด้วยเนี่ย จะจับผิดกันงั้นเหรอ บอกเลยนะว่าคิดผิดแล้ว!
"นี่ถามจริง ในชีวิตนี้เคยทะเลาะกับใครบ้างป้ะ?"
"จริง ๆ ก็ทะเลาะกับพี่ชายบ้างนะ ทำไมอะ หน้าเราเหมือนพวกชอบหาเรื่องเหรอ?"
"หึ หน้าตาเรียบร้อยเกินไปต่างหาก ถ้าบอกว่าเป็นลูกคุณหนูนี่เชื่อเลย"
ผมหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ให้กับความขี้สงสัยของคนตรงหน้า ลูกคุณหนูอะไรกัน ผมนี่ลูกชาวไร่ชาวสวนขนานแท้เลย "ไนซ์ไม่สะดวกใจเหรอ จะพูดกูมึงกับเราก็ได้นะเราไม่ถือ"
"เฮ้ยจริงนะ งั้นถ้าวันไหนเผลอหลุดออกมาจะถือว่าอนุญาตแล้วนะ"
ผมยักคิ้วกวน ๆ ไปให้เพื่อนหนึ่งทีเพื่อเป็นการตอบรับ จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยแทนตัวเองว่ากูมึงกับใครเท่าไรนะ อาจจะเป็นเพราะคนในบ้านไม่มีใครใช้เรียกกันแบบนั้นมั้ง ผมเลยคุ้นชินแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ
ก็เพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้งคนอื่นถึงชอบบอกว่าผมน่ะเรียบร้อยเกินไป ว่าแล้วก็อยากจะถามความเห็นของผู้ชายด้วยกันขึ้นมาเลยหันไปหาเพื่อนสนิทอีกครั้ง "ไนซ์ ไนซ์ว่าเราเป็นคนแบบไหนเหรอ เอาแบบที่ไนซ์มองเราอะ"
เจ้าผมหยักลอนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลางก็ใช้สายตาลากมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เดี๋ยวก่อนนะ ให้บอกว่าเป็นคนแบบไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับร่างกายผมกันเนี่ย?
"อืม...เอาตรง ๆ นะ"
"อื้อ เอาตรง ๆ เลยเรารับได้"
"เหรอ แล้วถ้าเอาไม่ตรงด้วยล่ะ แบบมีท่าอื่นด้วยงี้"
ตอนนั้นเองที่คำพูดของไนซ์ทำให้ผมคิ้วขมวด และรอยยิ้มของเขานั่นแหละที่ทำให้ผมวางมือหนัก ๆ ลงไปบนแขนนั่นหนึ่งทีแรง ๆ "ไนซ์! เราไม่ตลกนะ"
มันคนละเอาแล้วเถอะ!
"ขอโทษคร้าบ หยอกเล่นน่า" เขาเอื้อมมือมาบีบแก้มผม "อืม...ต้นข้าวเหรอ ก็ดูเป็นคนหวาน ๆ นะ หน้าก็หวาน บุคลิกก็ดูนุ่ม ๆ ฟู ๆ ถ้าเป็นขนมก็คงเป็นซูเฟล่"
เปรียบกันเป็นขนมเนี่ยนะ...
แล้วทำไมต้องเป็นคนหวาน ๆ ด้วยไม่ชอบเลย
"เราหวานตรงไหนกัน เราออกจะบู๊"
แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะว่าหลังจากจบคำนั้นของตัวเองเพื่อนตัวสูงก็เอาแต่หัวเราะกันดังลั่น แถมยังเปิดกล้องมือถือแล้วหันมาทางผมอีก "ทีนี้ก็ดูเอานะ ว่าตัวเองน่ะหวานไม่หวาน"
หน้าของผมที่กำลังเบะปากคว่ำโชว์เด่นเต็มจออยู่ตรงนี้ ก็ยอมรับว่าตลอดชีวิตก็พบเจอกับคำนี้มาจนน่าจะชิน ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ได้เครียดกับมันขนาดนี้จนมาเจอคน ๆ นึง
คน ๆ นึงที่ไม่ชอบหวานมาก ๆ ทั้งคนแล้วก็ขนม
แต่ดันเป็นคนที่ผมชอบเสียอย่างนั้น .. แบบนี้ก็เลยไม่อยากเป็นคนหวาน ๆ แล้ว ไม่ชอบหวานแล้ว!
"ขึ้นเรียนกัน จะหมดเวลาเบรกละ บัญชีภาษีจะหลับไม่ได้ อาจารย์แม่อย่างดุ" ไนซ์พูดพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองน่าตลก ก่อนที่ผมจะเก็บสัมภาระของตัวเองและลุกเดินตามคนตัวสูงไปบ้าง
//
การเรียนในคาบบ่ายเป็นการเรียนในรายวิชาบัญชีภาษี สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง จะมีการปูพื้นฐานใหม่ตั้งแต่การแยกหมวดบัญชี หมวดรายได้ หมวดค่าใช้จ่าย หมวดหนี้สินและส่วนของเจ้าของให้เข้าใจเสียก่อน การเรียนบัญชีนั้นหากคุณไม่เข้าใจพื้นฐานตรงนี้คุณจะทำงบใด ๆไม่ได้เลย ยิ่งถ้าหากมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ที่อาวุโสหน่อย บัญชีของคุณต้องเนี้ยบทุกพื้นที่แม้กระทั่งการตีเส้นในหนังสือเลยทีเดียว
สองชั่วโมงผ่านไปกับบัญชีภาษีที่ได้ความรู้มาจนเต็มสมอง ผมเหลือบไปมองเพื่อนตัวสูงข้าง ๆ ที่นั่งคอตกอย่างกับอกหักมาหมาด ๆ แล้วก็อดขำไม่ได้ เจออาจารย์แม่เข้าไปเป็นยังไงล่ะ ยังหลงใหลมันอยู่อีกไหมวิชาบัญชีเนี่ย
"โห งานท่วมหัวเลย" เพื่อนตัวสูงบ่นอุบอิบขณะเดินลงบันได หลังจากการเรียนในวิชาสุดท้ายผ่านพ้นไป
"เอาน่า พรุ่งนี้เรียนตั้งสิบโมง มีเวลาทำตั้งเยอะ" ผมพูดพลางเอื้อมมือไปตบที่ไหล่เพื่อนเบา ๆ
"แล้วนี่กลับยังไงอะ เหมือนเดิมป้ะ"
"อืม...อันที่จริงวันนี้พี่ภูมิมีเรียนแค่คาบเช้าน่ะ ป่านนี้ก็คงจะกลับบ้านไปแล้ว"
แล้วผมก็ไม่ได้บอกให้พี่เขามารับ...
"เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวไนซ์จะไปส่งเองครับ"
"ฮึ? ไม่เอา ๆ เราก็อยากลองกลับเองเหมือนกัน"
"กลับเองได้แต่ต้องไม่ใช่วันนี้นะ เอาไว้วันไหนหมดคาบเร็ว ๆ ค่อยกลับเอง โอเคไหม?"
ไม่โอเค...แต่ก็ต้องพยักหน้ารับเพราะไนซ์บทจะเหมือนพ่อก็ไม่ต่างจากอาทิตย์เลย แค่เป็นเด็กบ้านนอกไม่ใช่ว่าผมจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นะ ประคบประหงมกันแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ผมจะเก่งเนี่ย!
ฟอร์จูนเนอร์สีขาวสะอาดจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงประตูทางเข้าด้านหน้าบ้านหลังสีส้ม ผมก้าวขาลงมาก่อนที่เจ้าของมันจะบังคับมันให้หายไปจากตรงนี้ ผมหันไปเปิดประตูบ้านด้วยความเคยชิน แต่วันนี้มันกลับไม่ค่อยเหมือนเดิมเพราะมีรถอีกหลายคันเลยที่จอดรวมกันอยู่
สงสัยเพื่อนพี่ภูมิจะมาที่บ้านแฮะ
คนที่เพิ่งจะมาถึงมองสำรวจไปยังห้องโถงก่อนเป็นอันดับแรกแต่ก็ไม่พบใคร สองเท้าก้าวขึ้นห้องชั้นบนช้า ๆ ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงคนคุยกันเจื้อยแจ้วดังออกมาจากห้องที่อยู่ข้าง ๆ
"เดี๋ยวกูจอดรถทิ้งไว้นี่นะ อยากบิดมอไซค์ไอ้ภูมิไปว่ะ"
"ถุย! ไปรถใหญ่อะดีแล้ว เดี๋ยวมึงเมาก็ลำบากพวกกูอีกอะ"
ผมยืนอยู่ตรงนี้ที่ซึ่งก็ไม่ใกล้กับประตูบานนั้นนักแต่ก็ได้ยินเสียงพวกพี่เขาชัดแจ๋ว ว่าแต่พวกพี่เขาจะไปเที่ยวไหนกันนะ
"เออ แล้วตกลงเอาไง ถ้าไปผับน่ะลลิลไปด้วยแน่"
ลลิล...
พี่คนนั้นอีกแล้ว...
"จะเครียดอะไรวะ ไอ้ภูมิมันก็ทำขรึมไปงั้น ใจจริงมันอยากให้เขาไปจะตาย ใช่ไหมเพื่อน"
หลังจากนั้นก็เกิดเสียงโห่แซวขึ้นมา ต่างจากคนตรงนี้ที่กำลังกำมือแน่น จริงด้วยสินะ ใจจริงพี่ภูมิอาจจะชอบพี่ลลิลก็ได้ เธอทั้งสวย ทั้งหุ่นดี แล้วก็เป็นคนในแบบที่พี่ภูมิน่าจะชอบ รู้อย่างนี้ผมเองก็น่าจะเจียมตัวได้แล้ว...
สองเท้าก้าวออกมาจากตรงนั้น พาตัวเองเข้าไปอาบน้ำเพื่อล้างความคิดบ้า ๆ นั่นออก พี่ภูมิไม่มีทางชอบคนแบบเรา ไม่มีทางชอบเรา...
ไม่มีทาง
เสียงน้ำไหลกระทบจานกระเบื้องดังออกมาเป็นระยะ ผมลงมาทำงานบ้านแบบที่เคยทำประจำทุกวัน ล้างจานที่กินในตอนเช้า รวมถึงเตรียมกับข้าวสำหรับมื้อเย็น ตอนนั้นเองที่เสียงเจื้อยแจ้วของผู้ชายนับห้าชีวิตดังขึ้นจากข้างนอก ผมถึงรีบเช็ดมือลวก ๆ แล้วเดินออกไปทักทายพวกพี่เขาตามมารยาท
"อ้าว หวัดดีครับน้องต้นข้าว" แล้วก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของพี่ภูมิที่เอ่ยขึ้นมาก่อน
"สวัสดีครับ แล้วนี่พี่ ๆ จะไปเที่ยวไหนกันเหรอครับ?" ผมถาม เพราะหนึ่งในคนที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้มีพี่ภูมิด้วย อีกอย่าง พวกพี่เขาอยู่พร้อมหน้ากันขนาดนี้คงจะมีวาระดี ๆ อะไรสักอย่าง
"อ้าว นี่น้องต้นข้าวไม่รู้เหรอครับว่าวันนี้วันอะไร" พี่พีทเอ่ยขึ้นพร้อมกับคำถามที่ชวนสงสัย
"วันนี้...ก็วันจันทร์ไงครับ"
สิ้นสุดคำพูดกับหน้าเอ๋อ ๆ ของผม คนตรงนี้ก็พร้อมใจกันหัวเราะออกมายกใหญ่ ประหนึ่งว่าผมได้พูดอะไรที่ตลกมาก ๆ ออกไปแบบนั้นเลย
"นี่น้องมึงไม่รู้จักวันเกิดมึงเหรอเนี่ยไอ้ภูมิ มึงต้องพิจารณาแล้วนะ"
พี่ชายหุ่นอวบหันไปพูดกับเจ้าของบ้าน เสี้ยววินาทีที่คนตาดุหันมามองมันทำให้ผมคิ้วขมวดมุ่นไปเลย
วันนี้วันเกิดพี่ภูมิ...แน่นอนว่าผมไม่รู้
"เอางี้ ไหน ๆ น้องก็กลับมาแล้วไปด้วยกันเลยไหม"
"ครับ?"
"ไปฉลองวันเกิดไอ้ภูมิไง พวกพี่จะไปร้านหมูกระทะแถวนี้แหละ"
ไปฉลองวันเกิดพี่ภูมิงั้นเหรอ...แบบนั้นก็ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนชวนเองไม่ใช่หรือไง
"ไม่ดีกว่าครับ เจ้าของวันเกิดเขายังไม่ชวนเลยผมไม่กล้าไปหรอก" พูดพร้อมกับกัดปากตัวเองแน่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองใครทั้งนั้นเพราะกลัวสายตาดุ ๆ ของเจ้าของบ้าน
"งานเข้ามึงแล้วเพื่อน น้องงอนแล้ว" พี่บาสพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปวางที่ไหล่คนข้าง ๆ "เคลียร์กันเองแล้วกันนะ พวกกูจะไปอุ่นเครื่องรถรอ"
พูดจบพวกพี่เขาก็เดินออกไปทันที ตรงนี้ก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่ชายตัวสูงเท่านั้น แล้วก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่เดินหนีเขา เผลอทำตัวเอาแต่ใจใส่พี่ภูมิจนได้ ไม่น่ารักเลย
"พี่ภูมิไปเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้ไม่เป็นไร" ว่าพร้อมกับลงมือหั่นคะน้าเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อทำข้าวผัด หางตาผมยังมองเห็นพี่ภูมิอยู่ตรงนี้ เขายังยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ยังไม่ยอมเดินไปไหน
"เลิกแล้วทำไมไม่โทรมา"
สองมือชะงักค้างไปอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำถามแบบนั้น "ก็...ไนซ์บอกว่าจะมาส่ง ผมก็เลยไม่ได้บอก"
โกหกก้อนโตเลย ความจริงตั้งใจจะกลับเองต่างหากแต่ไนซ์อาสามาส่งเลยต้องมากับเพื่อน
บรรยากาศตรงนี้เงียบไปแล้ว ถึงจะเป็นเวลาไม่นานมากนักแต่มันก็ทำให้อึดอัดพอตัว ผมตั้งหน้าตั้งตาหั่นหมูอยู่ตรงนี้เงียบ ๆ โดยไม่หันไปมองเขา แปลกดีที่พี่ภูมิยังคงยืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่จริงเขาน่าจะไปตั้งนานแล้ว
"งอนเหรอ"
"โอ๊ย!" แล้วมันก็เป็นคำนั้นเองที่ทำให้ผมสติหลุดจนเกือบจะหั่นนิ้วตัวเอง
"เป็นไรไหม" เจ้าของบ้านปรี่เข้ามาใกล้หลังจากที่ผมร้องดังลั่นจนต้องเผลอถอยหลังกรูดห่างจากเขาโดยอัตโนมัติ
"ไม่เป็นไรครับ! มันไม่โดน...ผมแค่ตกใจน่ะ"
อยู่ดี ๆ ก็มาถามว่างอนเหรอกับใบหน้านิ่ง ๆ แบบนั้น ...
"ไม่ต้องทำแล้ว จะพาไปกินหมูกระทะ" หมูกับคะน้าถูกยัดเข้าตู้เย็นหลังจากเขาพูดคำนั้นจบ ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินเข้ามาคว้าแขนผมแล้วลากออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
"เดี๋ยวครับ แบบนี้คือชวนผมรึเปล่า?"
"แล้วคิดว่าไง"
ผมก้มหน้างุดหลังจากจบคำนั้น ปล่อยให้พี่ภูมิจูงแขนไปจนถึงหน้าบ้านที่มีบรรดาเพื่อน ๆ ของเขาจับจองที่นั่งอยู่ในมินิคูเปอร์คันสวยรวมถึงดูคาติด้วย
"ไอ้ภูมิ กูขอขับมอไซค์นะ" คนที่ผมจำได้ว่าน่าจะชื่อพี่เจมส์พูดขึ้น
"อืม"
เจ้าของบ้านและเจ้าของรถตอบรับแค่นั้นก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ด้วยจำนวนคนจึงทำให้ตอนนี้มินิคูเปอร์แน่นแล้วทั้งสี่ที่นั่ง รวมถึงที่นั่งข้างคนขับที่ประจำของผมด้วย
"เอ่อ ถ้าอย่างนั้นผมไปมอไซค์กับพี่เจมส์ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเบียด" สี่คนในนั้นก็ปลากระป๋องแล้ว ขืนผมเอาตัวบวม ๆ ของตัวเองยัดเข้าไปด้วยมีหวังอึดอัดแย่
"ไม่ต้อง" แล้วเสียงนั้นก็เอ่ยขึ้นมาขณะที่พี่เจมส์กำลังตบที่เบาะด้านหลังแปะ ๆ ให้ผมขึ้นไปซ้อน "ไอ้พีทไปซ้อนมันให้น้องนั่งนี่"
พี่ภูมิหันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ส่วนพี่พีทเองก็เหมือนจะงง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมก้าวลงจากรถตามที่เพื่อนบอกอยู่ดี แต่ก็ไม่วายบ่นอุบอิบตามประสา
"ไล่กูอย่างกับหมา กูไปก็ได้ไอ้คนหวงน้อง!"
พี่ชายหุ่นอวบก้าวขาขึ้นพาดดูคาติหลังจากหันมาแขวะเพื่อน ส่วนผมเองก็ก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่ข้าง ๆ คนขับตามที่พี่ภูมิสั่ง
มินิคูเปอร์เคลื่อนตัวออกมาจากบ้านหลังสีส้มแล้ว แต่สติของผมยังคงอยู่ที่คำว่า 'คนหวงน้อง' ของพี่พีทอยู่เลย อยากยิ้มจะตายแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ ให้ตายสิ...
✏
ร้านหมูกระทะขนาดใหญ่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน เราเดินเข้ามาข้างในแล้ว นับรวมตรงนี้ก็หกคนพอดีเลยเลือกจองเป็นโต๊ะใหญ่ด้านใน
"เอาเป็นเอสสามขวดกับช้างสามขวดนะครับ"
เพื่อนของพี่ภูมิจัดแจงสั่งของกันเสร็จสรรพ แล้วพี่เขาก็แยกกันไปตักอาหารกันอย่างเคยชิน เห็นแบบนั้นผมก็เลยทำบ้าง จะกินกุ้งให้หนำใจเลย!
"อย่าตักเยอะ"
ในระหว่างที่ผมกำลังตั้งใจตักกุ้งใส่จานอย่างเพลินมือนั้น พี่ชายเจ้าของวันเกิดก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับดุเล็กน้อย เห็นแบบนั้นก็เลยยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีเพื่อบอกว่าแค่นี้จิ๊บ ๆ "บอกแล้วไงครับว่ามีหลุมดำในกระเพาะ แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก"
คนตรงหน้าหัวเราะในลำคอเบา ๆ ตอนนั้นเองที่ฝ่ามือใหญ่วางลงบนหัวผมช้า ๆ กับรอยยิ้มของเขา "ถ้ากินไม่หมดจะให้จ่ายค่าปรับเอง"
ค่าปรับ?
จริงด้วย!
พี่ภูมิเดินห่างไปแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่คนตรงนี้ก้มลงมองจานของตัวเองพร้อมกับวางที่คีบคืนที่เดิม กินไม่อิ่มค่อยมาตักเพิ่มดีกว่าเนาะ...
"สาวเชียร์เบียร์ร้านนี้แจ่มว้าวเลยว่ะ"
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วพร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้วของพี่เขา วางของสดที่ตักมาไว้ด้านหน้า ก่อนจะส่งมันขึ้นย่างอย่างใจจดใจจ่อ
"เฮ้ย ๆ เบียร์หมดว่ะ ให้น้องเขามารินให้ดิ"
สัญชาตญาณนักล่าของพี่ ๆ เขาเริ่มทำงานแล้ว ผมมองตามแล้วก็ได้แอบยิ้ม เห็นว่าปีสี่ทำธีสิสหนักพี่ ๆ เขาเลยน่าจะเครียด พอได้มาเต๊าะสาวก็เล่นแซวไม่หยุดเลย
"มีเบียร์แล้วมีใจบ้างยังอะครับน้อง ฮี้วววว"
พวกพี่เขาก็ยังเดินหน้าเต๊าะพี่สาวคนนั้นไม่หยุดหย่อน ดีที่เธอเองก็คงจะชินกับลูกค้าแบบนี้เลยยิ้มสนุกแบบไม่ถือสาอะไร มีส่งมุกกลับมาด้วยนะ
"พอดีไม่ชอบคนแก่กว่าอะค่ะ ชอบเด็กกรุบ ๆ" พี่สาวคนนั้นว่าพลางกับเดินอ้อมมาทางผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้จนคนตรงนี้นั่งตัวแข็งทื่อ
"อูยยยย คนนี้เห็นทีจะไม่ได้เพราะไอ้นี่มันหวงของมันคร้าบ"
แล้วก็เป็นพี่บาสที่พูดขึ้นมา พี่เขาชี้ไปทางพี่ภูมิด้วย คน ๆ นั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมกำลังในท่าสบาย ๆ พร้อมกับยกยิ้มและมองมาทางนี้ เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกจนต้องรีบก้มหน้าลงไปตักกุ้งขึ้นมาใส่ปากแก้เขินเลย
หวงอะไรของพี่เขากันเล่า!
เวลาล่วงเลยมาเรื่อย ๆ จากเบียร์ที่มีแค่สามขวดตอนนี้ก็เพิ่มเป็นหก จากเสียงที่เจื้อยแจ้วอยู่แล้วยิ่งตอนนี้ก็คูณสอง มีแค่สองคนที่ไม่ดื่มเลยคือพี่ภูมิกับพี่คนนั้นที่ชื่อไม้
"พี่ภูมิ ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ"
ข้าศึกตรงป้อมด่านแรกเริ่มจะบุกแล้ว ทันทีที่คนตรงข้ามพยักหน้ารับผมก็ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำโดยเร็วที่สุด ดีที่คิวไม่เยอะเท่าไหร่ไม่งั้นราดแน่
ตอนนั้นเองที่กำลังจะพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำ แต่คงเป็นเพราะมัวแต่ก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนเผลอไปชนคนอื่นเข้าจนได้
"ขอโทษครับ!" ผมขอโทษเขาพัลวัน แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอรุ่นพี่ในวิทลัยกำลังยืนอยู่ตรงนี้ "พี่เสือ!"
"ไงไอ้หนู"
รุ่นพี่ผิวเข้มส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะเอื้อมมือมาลากแขนผมออกไปจนร้องห้ามไว้ไม่ทัน "เดี๋ยวครับ จะพาไปไหน?"
"ไปสูบบุหรี่เป็นเพื่อนหน่อย"
"แต่ผมไม่สูบบุหรี่นะ"
"กูรู้แล้วไอ้เด็กบ๊อง"
รู้แล้วจะลากออกมาอีกทำไมล่ะเนี่ย?
ก็ได้แต่ค้านในใจเท่านั้น ตอนนี้ถูกพี่เขาลากมาลานจอดรถแล้วด้วย ดีเหมือนกันได้เดินย่อยอาหาร จะได้กลับไปกินต่ออีก
"แล้วนี่พี่มาทำอะไรเหรอครับ?" ผมเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง ในระหว่างที่พี่ชายข้างกายกำลังพ่นควันสีขาวฟุ้งกระจายอยู่ตรงนี้
"กูก็มีเพื่อนมีฝูงนะ มึงเหอะมาทำอะไร"
"ผมก็มีเพื่อนมีฝูงเหมือนกันนะครับ"
"ที่ไหน กูเห็นมีแต่ไอ้หัวหยิกอะที่มึงเดินตามต้อย ๆ"
แน่ะ...รู้ได้ยังไงว่าผมมีเพื่อนคนเดียวเนี่ย
"เพื่อนพี่ชายมึงเหรอ เห็นนั่งกันเต็มโต๊ะ" เขาถามอีกครั้ง ว่าแต่รู้ด้วยแฮะว่าผมนั่งโต๊ะไหน แต่ผมไม่ยักจะเห็นเขาเลย
"เพื่อนพี่ภูมิมาฉลองวันเกิดกันน่ะครับ วันนี้วันเกิดพี่ภูมิเขา"
คนตัวสูงกว่าผมพยักหน้ารับ พร้อมกับที่บุหรี่มวนนั้นถูกขยี้ลงบนเถ้า "กูต้องเข้าไปอวยพรด้วยไหม ในฐานะน้องชายอีกคน"
ดวงตาสีดำตวัดมามองกันหลังจากจบคำนั้น ไม่ต้องให้เดาก็พอจะรู้แล้วว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายนี้ระดับนึง ตานี่เยิ้มเหมือนตาพี่ภูมิวันนั้นเลย
"แล้วแต่พี่สิครับ แต่ตอนนี้ผมต้องกลับเข้าไปแล้วนะเดี๋ยวพี่ภูมิตามหา"
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นทันทีเพื่อจะเดินกลับเข้าข้างใน แต่ยังไม่ทันได้ไปถึงไหนด้วยซ้ำก็โดนคว้าที่แขนไว้อีกครั้ง "อย่าเพิ่งไปได้ไหม"
ผมหันกลับไปมองเขาที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ น้ำเสียงที่สั่นเครือนั่นมันแปลกไปจนผมต้องยอมหยุดสองเท้าไว้นิ่งเพื่อฟังเขา
"ที่จริงวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่กูคบกับฟาง"
"..."
"หมายถึงถ้าวันนี้ยังมีเขาอยู่น่ะนะ"
ที่แท้ก็เรื่องนี้...
ผมเอื้อมมือไปวางบนบ่ากว้างนั่นเบา ๆ รู้ดีน่าว่าพี่เขายังลืมแฟนเก่าไม่ได้หรอก แถมไม่ได้จบกันดีด้วย แต่มาซึมแบบนี้มันไม่ใช่พี่เขาเลย รู้สึกแปลก ๆ ดีเหมือนกันที่ได้มาเห็นมุมนี้
"ไม่เป็นไรนะ ผมรู้ว่ามันตัดใจให้ลืมไม่ได้หรอก .. แต่สักวันเราจะรู้สึกเฉย ๆ ไปเอง"
อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ เป็นคนเดียวที่อยู่ให้เขาได้ระบายในตอนนี้ มันเลยทำให้คนตรงหน้าโน้มกายมากอดผมเอาไว้แน่น
"มึงรู้ไหมว่ามึงโคตรน่ารักเลย"
"ครับ?"
เป็นอะไรของเขา พูดเรื่องแฟนเก่าอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องมาชมกันเสียดื้อ ๆ
"กูว่ากูชอบมึงว่ะ"
"...!"
ชะ...ชอบ?
เพราะคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมันแช่ร่างกายผมอยู่อย่างนั้นจนขยับไปไหนไม่ได้ คน ๆ นี้เพิ่งจะบอกว่าชอบกัน ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเอาซะเลย
"พะ...พี่เสือ..."
"คบกับกูได้ไหมเด็ก" เขายังคงเอาแต่พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ ผมพยายามจะแกะมือเขาออกแต่มันก็แน่นเหลือเกิน
"ผมว่าพี่เมามาก ถ้าพรุ่งนี้พี่มีสติพี่อาจจะไม่พูดแบบนี้"
"ไม่ กูจะพูดเหมือนเดิมเพราะกูชอบมึงจริง ๆ"
เขาบ้าไปแล้ว...เพราะแบบนั้นผมก็เลยต้องรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบ้า ๆ ออกมามากกว่าเดิม "พี่เสือ ปล่อยผมครับ!"
คงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่ใบหน้าของคน ๆ นึงลอยขึ้นมาในหัว ร่างของพี่ชายผิวเข้มถูกกระชากออกไปโดยฝีมือของผู้มาใหม่ คน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใคร เป็นคนเดียวกับที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ตอนนี้นี่เอง "พี่ภูมิ..."
"มันทำอะไร" คนอายุมากถามทั้งที่สองคิ้วขมวดยุ่ง ผมอยากจะเดินไปช่วยพยุงพี่เสือให้ลุกขึ้นแต่พอมาคิดดูอีกทีแล้วยืนอยู่ใกล้พี่ภูมิคงจะดีกว่า
"เปล่าครับ...พี่เขาไม่ได้ทำอะไร" ผมตั้งใจจะพูดแค่นั้นเพราะไม่อยากจะนึกถึงมันอีก และไม่อยากให้เป็นเรื่องบานปลายด้วย "เราเข้าข้างในกันเถอะครับ"
ถึงจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยแต่ดูจากสีหน้าตอนนี้พี่ภูมิคงจะอารมณ์ไม่ดีมากแน่ ๆ แบบนั้นเลยตั้งใจจะพาพี่เขาออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่พี่เสือดันมาคว้าแขนพี่ภูมิเอาไว้อีกจนได้
คิดจะทำอะไรของเขานะ
"ผมมีเรื่องจะบอกครับ"
พี่เสือพูดขึ้นมาแบบนั้น แน่นอนพี่ภูมิเองก็หันกลับไปมอง เขาสองคนเอาแต่จ้องหน้ากันแล้วก็เงียบ ต่างจากผมที่สวดมนต์ในใจไปแล้ว หวังว่าพี่คนนั้นจะไม่พูดอะไรบ้า ๆ ออกมาอีกก็พอ
"ผมจะจีบน้องพี่"
แล้วก็ต้องได้รู้ว่ามนต์บทนี้ใช้ไม่ได้...
เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงไปแล้ว มันน่าอายมากกว่าที่พี่ภูมิต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้ทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยซ้ำ ถ้าเป็นดินหรืออาทิตย์พี่เสือคนนี้คงโดนใส่น่วมไปแล้ว จะบอกว่าโชคดีได้ไหมนะที่คนตรงนี้เป็นพี่ภูมิน่ะ
"แน่ใจเหรอ" มันเป็นคำแรกที่พี่ภูมิพูด เขายังคงจับมือผมอยู่ ในขณะที่สองตาก็ยังคงจ้องไปที่คนผิวเข้มตรงหน้า
"แน่ใจครับ ถ้าพี่อนุญาต"
"แล้วทำไมต้องขออนุญาต"
"ก็พี่เป็นพี่ชายแท้ ๆ นี่ครับ ผมไม่อยากทำอะไรข้ามหัวใคร"
เสี้ยววินาทีที่พี่ภูมิหันมามองทางนี้ ผมถึงกับต้องรีบก้มหน้างุด โดนคนอื่นมาบอกชอบต่อหน้าคนที่เราชอบ...ตลกดีที่ไหนกัน
"ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ" พี่ภูมิพูดพร้อมกับที่ใครอีกคนเบิกตาโพลง
"พี่หมายความว่าไง?"
"ตามที่บอก เป็นแค่เพื่อนพี่ชาย"
คราวนี้พี่เสือหันมามองผมบ้าง สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจ จริงที่ผมบอกว่าพี่ภูมิเป็นพี่ชายแต่ก็ไม่เคยบอกสักครั้งว่าเป็นพี่ชายแท้ ๆ นี่นา เขาเข้าใจผิดไปเองอะ
"มีอะไรจะบอกอีกไหม" พี่ภูมิหันไปถามพี่เสืออีกครั้ง
"ไม่ครับ แต่ยังยืนยันคำเดิมว่าจะจีบ"
"ดี" สองเท้าของเจ้าของวันเกิดก้าวเข้าไปใกล้กับคนผิวเข้ม วางมือหนัก ๆ ไว้ที่ไหล่ของรุ่นพี่ร่วมวิทลัยเบา ๆ กับคำพูดสุดท้ายที่เป็นของเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มนั่น "แต่มีคู่แข่งที่น่ากลัวหน่อยนะ"
"..."
"อย่าท้อไปก่อนล่ะ"
tbc.
lafinz
☁