05 : 07
เจ้าไอโฟนเครื่องเล็กถูกหยิบขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นครั้งที่สิบ หลังจากพยายามยังไงก็ข่มตาให้หลับลงไม่ได้สักทีต่างจากพี่ภูมิที่นอนต่อได้เฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงคิดวางแผนว่าจะรอให้ตีห้าก่อนค่อยออกจากห้องไปเนียน ๆ เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด เพราะว่าปกติผมก็เป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว
คิดได้ดังนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาหอบเอาหมอนกับผ้าห่มลงมาจากเตียงให้เงียบที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ ย่องออกจากห้องพี่ภูมิช้า ๆ จนพาตัวเองมาที่ห้องนอนแสนคุ้นเคยได้สำเร็จ
สองมือแง้มประตูเข้าไปเบา ๆ แล้วก็ได้พบกับสภาพอันน่าอนาถของพี่ชายตัวดีที่ตอนนี้นอนเน่ากลิ่นเหล้าฟุ้ง หมดภาพผู้ดีอังกฤษที่สั่งสมมานานแบบไม่เหลือชิ้นดีเลย
"ดิน" ผมเดินเข้าไปปลุกคนตรงหน้าที่นอนแบบเอาเป็นเอาตายอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุต พยายามเขย่าแล้วเขย่าอีกก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว "ดิน ตื่นมาอาบน้ำเร็วเดี๋ยวตกเครื่องนะ"
พี่ชายตัวดีขยับร่างกายเล็กน้อย ก่อนที่ตาตี่ ๆ นั้นจะเปิดขึ้นมา พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจไปรอบห้องอย่างงุนงง "ข้าวหามดินขึ้นมาเหรอ"
แล้วคำถามแรกของเขาก็ทำให้ผมส่ายหัวเอือม ๆ ต้องเมาขนาดไหนถึงขั้นจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้เนี่ย ถ้าโดนสาว ๆ ลากไปนะไม่อยากจะคิด
"ข้าวแบกขึ้นมาคนเดียวไม่ไหวหรอกครับ" ผมพูดพลางเดินไปเปิดสวิสต์ไฟให้สว่างไปทั่วห้อง "นู่น คุณเจ้าของบ้านน่ะเขาช่วยแบกขึ้นมา"
คนตรงหน้าส่ายหัวสองสามทีเพื่อเป็นการปรับโฟกัสซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมหลุดขำ ผมเคยเห็นดินเมานะแต่ครั้งนี้น่าจะหนักสุด เล่นหลับยาว ๆ แบบไม่ลุกมาอาเจียนเลย ของวอดก้าเขาน่าจะดีจริง ๆ
เข็มนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ทำให้ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้ามาให้กับคนตรงหน้า ก่อนว่าที่กัปตันตัวดีจะตกเครื่องจริง ๆ ไปเสียก่อน "ไปอาบน้ำเถอะครับ ต้องไปถึงก่อนเจ็ดโมงนะ"
"แล้วพี่ภูมิของข้าวเขาเป็นยังไงบ้าง"
พี่ภูมิของข้าวอะไรกันล่ะ...
"นอนอยู่อีกห้องนั่นล่ะครับ อาบน้ำเสร็จก็ไปปลุกกันด้วยนะ" ผมพูดก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มพร้อมกับหยิบเจ้าไอโฟนเครื่องเล็กขึ้นมากดเล่นไปพลาง ๆ
พี่ชายตัวดีเดินเข้าห้องน้ำไปแบบมึน ๆ กับร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้าของเขา ผมแอบอิจฉาหุ่นดินอยู่นิด ๆ เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่ทำไมคนคลอดออกมาก่อนกลับไม่ยอมเหลือส่วนสูงทิ้งไว้ให้ผมบ้างเลย เหลือไว้ให้แค่เนี้ย...
ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่ผมได้ยินเสียงไหลกระทบกับพื้นเบา ๆ ดังออกมาจากด้านใน ตอนนั้นเองที่เผลอนึกไปถึงเรื่องน่าอายเมื่อเช้ามืด อยู่ดี ๆ ผมก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองสองสามทีเพื่อไล่ความคิดพวกนั้นทิ้งไปซะ
แต่ว่านะ...วันนี้ทั้งวันจะมองหน้าพี่ภูมิติดได้ยังไงเนี่ย?
เวลาล่วงเลยมาจนหกโมงครึ่ง กว่าพี่ชายตัวดีจะแบกเอาร่างมึน ๆ ไปแปลงโฉมจนกลับมาเป็นกัปตันสุดฮอตคนเดิมได้ก็เล่นเอาพระอาทิตย์ขึ้นชี้โด่ จากที่ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกคนตัวสูงอีกคน ว่าเจ้ารถสปอร์ตคันนี้น่ะตนไปเช่าเขามา กลายเป็นว่าต้องไหว้วานให้น้องชายเจ้าของบ้านเป็นคนพาเอาไปคืนเสียอย่างนั้น ความลับที่ปิดมาก็พังหมด
โชคดีว่าใครอีกคนไม่ได้มีนิสัยเหมือนอาทิตย์ ไม่งั้นล่ะกัปตันใหญ่คงโดนล้อไปยันลูกบวชแน่ อยากเท่แต่ไม่ยอมลงทุน
มินิคูเปอร์สีดำเคลื่อนตัวลงมาจอดหน้าสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่ร่างทั้งสามจะก้าวลงจากรถพร้อมกับสัมภาระของพี่ชายที่หอบมาอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน
ภายในสนามบินที่ผู้คนครึกครื้น แต่นั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาเลยก็ได้นะ มีหลายคนที่มาที่นี่เพื่อมารอรับคนที่รักกลับบ้าน แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ต้องพรากกับคนที่รักที่นี่ โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง อย่างเช่นผมในตอนนี้
"มาคราวหน้าต้องเป็นคนขับแล้วนะ ไม่ใช่ผู้โดยสารแล้วนะครับ" ผมพูดกับพี่ชายที่กำลังเดินนำอยู่ข้างหน้า ก่อนว่าที่กัปตันตัวสูงจะหันมายีหัวผมเบา ๆ พร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ส่งมาให้
"รับทราบครับ "
"โทรมาหาข้าวบ้างนะ พักผ่อนเยอะ ๆ ด้วย" ผมพูดพลางเดินเข้าไปกอดเอวพี่ชายไว้หลวม ๆ "อย่าให้รู้ว่ามัวแต่หาเงินมาให้ข้าวใช้ จนไม่ดูแลตัวเองนะ"
"รู้แล้วครับ กลับกันไปได้แล้วเดี๋ยวรถติด" ว่าที่กัปตันเอ่ยก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปจากมือของน้องชายตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง มือใหญ่เอื้อมไปวางที่ไหล่กว้าง ๆ นั่น พร้อมกับพูดบางอย่างราวกับต้องการจะฝากฝังผมไว้กับพี่ภูมิแบบนั้นเลย "ฝากข้าวด้วยนะภูมิ ถ้าไม่เป็นการรบกวน กลับมาครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวเชียงใหม่ถือว่าเป็นการขอบคุณ"
น้องชายตัวสูงพยักหน้ารับพี่ชายเล็กน้อย แบบที่ผมเองก็แอบยิ้มออกมาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ว่าที่กัปตันจะเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว มองจากตรงนี้ไปไม่เห็นเขาแล้ว เหลือทิ้งไว้แค่ความคิดถึงจนเต็มเปี่ยมเท่านั้น
รถมินิคูเปอร์สีดำสนิทกำลังวิ่งไปตามท้องถนนหลังจากที่บอกลากับหนุ่มเมืองนอก ผมได้นั่งมองข้างทางอย่างสบายใจอีกครั้ง สิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเคลื่อนผ่านไปด้านหลังระหว่างที่สองล้อของรถขับเคลื่อนไปด้านหน้า แล้วตอนนั้นเองที่ผมหันไปมองคนที่บังคับพวงมาลัยอยู่ข้าง ๆ ที่ไม่ยอมพูดยอมจาประหนึ่งหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งระบบมาให้ขับรถได้อย่างเดียว
"เอ่อ...พี่ภูมิหิวข้าวไหมครับ"
แน่นอนนี่เป็นคำแรกของวันนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้าเราก็ไม่ได้คุยกันเลย ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุยแต่ผมแค่รู้สึกว่าหน้ามันร้อน ๆ ทุกครั้งที่มองหน้าเขา แล้วภาพเมื่อคืนมันก็ดันลอยขึ้นมา...
"ไม่ เราหิวเหรอ"
"ก็นิดหน่อยครับ ไว้ถึงบ้านเดี๋ยวผมทำมื้อเช้าให้กินนะ"
คนตัวสูงพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามาทางผมเหมือนมีอะไรจะถาม "อยู่แต่บ้านทำกับข้าว ไม่เบื่อบ้างเหรอ"
"ครับ? เอ่อ...ก็นิดหน่อยแต่ว่าก็ไม่ได้ลำบากอะไร" ผมพูดทั้งที่แปลกใจอยู่น้อย ๆ เพราะว่าวันนี้อีกคนมีท่าทางแปลกไป ตั้งแต่ใส่เสื้อเหลืองสดใสแล้ว ปกติจะคลุมโทนขาวดำตลอด
"อยากไปเที่ยวไหนไหม"
แล้วคำถามนั้นก็ทำให้ผมอึ้งไปอีกรอบ...
ทันทีเลยที่ผมหันขวับไปมองเขา เมื่อกี้พี่ภูมิชวนผมไปเที่ยว พี่ภูมิที่ติดบ้านมาก ๆ และจะรำคาญที่สุดถ้ามีคนชวนเขาออกไปไหนในวันหยุด แต่เมื่อกี้เขาชวนผมไปเที่ยว?
"ผมเลือกได้จริงเหรอครับ" เพราะแบบนั้นก็เลยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ลองว่ามาสิ"
อู้หู...ไม่ได้ล้อเล่นด้วยแฮะ
ว่าแต่ให้ผมเลือกเหรอ สวนสนุกดีไหมนะ หรือเดินห้างเล่นดี แต่อันนั้นก็ไปบ่อยแล้วนี่นา มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกนะ...อ๋อ!
"ผมอยากไปทะเลครับ!"
ใช่ ทะเลนี่แหละ!
พี่ชายตัวสูงเงียบไปสักพักหลังจากที่ผมบอกว่าอยากไปเที่ยวทะเล แอบลุ้นหน่อยนึงว่าเขาจะไม่โอเครึเปล่านะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ แค่เขาเอ่ยชวนผมก็ดีใจมากแล้ว เพราะขอให้ได้ไปกับเขา แค่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยบ้านผมก็ดีใจมากแล้ว
"งั้นก็ไป"
"หา!?" เมื่อกี้เขาอนุญาตแหละ! "พี่ภูมิจะพาไปทะเลจริง ๆ เหรอครับ?"
"อืม"
ได้รับคำตอบแบบนั้นจากเขามันก็ทำให้ผมอึ้งไปสักพัก เพราะไม่คิดว่าคนรักความสงบอย่างพี่ภูมิจะยอมเสียสละวันเสาร์อาทิตย์อันแสนล้ำค่าเพื่อพาผมไปเที่ยว ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุด แต่มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว!
"เย้!"
✏
เคยมีใครบอกไหมว่าท้องฟ้ายามใกล้ค่ำมันเข้ากับทะเลมาก ๆ ทันทีที่เท้าแตะกับเม็ดทรายผมก็ตบหน้าตัวเองเบา ๆ ว่านี่ไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม ผมได้มาทะเลจริง ๆ ด้วย เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งบวกกับไอเย็น ๆ ที่พัดผ่านมาโดนผิวหน้ามันทำให้ผมทิ้งเรื่องที่เคยผ่านมาทุกเรื่องไปหมดเลย ความสามารถพิเศษของทะเลเขาล่ะ
จำไม่ได้แล้วด้วยสิว่าไปเที่ยวทะเลครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่ยังตัวเท่าเอวอาทิตย์ล่ะมั้ง นานมากจนลืมไปแล้วว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง ทำไมครั้งนี้มันมีความสุขจัง
หรือเป็นเพราะว่าได้มากับเขา...
"ไปกินข้าวก่อนไหม"
เจ้าของเสียงทุ้มที่ผมกำลังนึกถึงเขาพอดีเอ่ยขึ้นข้าง ๆ หู ทำให้ผมที่กำลังยืนกางแขนรับลมต้องละความสนใจจากวิวตรงหน้าเพื่อหันไปมองเขาอีกครั้ง "มีหมึกไหมครับ?"
"ไปดูเอาเองสิ"
เพราะพี่ชายตัวสูงทำเป็นอุบอิบ ผมก็เลยยู่ปากใส่คนตรงหน้าไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งไปที่โต๊ะอาหารโดยความเร็วสูงสุด
ซีฟู้ดมากหน้าหลายตาถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะจนน่าตื่นเต้น ทั้งหมึกย่าง กุ้งย่าง หอยแครงลวก ปูผัดผงกะหรี่และปลากระพงทอดน้ำปลา คนตรงนี้ก็เลยเผลอเบิกตาโพลงด้วยความตื่นเต้น
"โห พี่ภูมิทำไมสั่งเยอะแบบนี้ล่ะครับ มันดูน่าจะแพงมากเลย" ผมเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันในตอนนี้
"ไม่แพงหรอก เงินพี่เราทั้งนั้น"
"เงินดินเหรอครับ?" ผมเบิกตากว้างอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบของคนตรงหน้า พี่ชายตัวดีของผมเนี่ยนะจะเอาเงินไว้ให้ รายนั้นน่ะขี้งกจะตาย
"อืม ทิ้งไว้ให้พาเราเที่ยวไง"
เมื่อพี่ภูมิยืนยันแบบนั้นผมก็สบายใจแล้ว แค่มาขออยู่ด้วยโดยที่พี่เขาไม่คิดเงินก็เกรงใจมากแล้ว ถ้าพี่เขาพามาเที่ยวโดยใช้เงินตัวเองแบบนั้นผมก็คงไม่สบายใจแน่ จากตอนแรกที่ว่าจะออกช่วยพี่ภูมิก็ไม่ต้องแล้วน่ะสิ แบบนี้จะกินให้อิ่มเลย!
"งั้นไม่เกรงใจแล้วนะครับ"
ทันทีที่อีกคนพยักหน้ารับ เป้าหมายแรกของผมก็คือหมึกกล้วยโตยัดไส้น่ากิน สองมือตักมันมาไว้ในจานของตัวเอง เพิ่มความอร่อยนิดหน่อยด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสีเขียวสด ก่อนจะส่งมันเข้าปากแล้วทุกอย่างก็ระเบิดความอร่อยรวมกันในนั้น
ฟินจนลืมตาไม่ขึ้นเลย...
ตอนนั้นเองที่ต้องนั่งตัวแข็งทื่อ เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าพี่ชายตัวสูงกำลังนั่งจ้องหน้าผมชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบเลย
"พี่ภูมิมานั่งมองผมทำไม กินสิครับ"
"เห็นกินก็เลยไม่กล้าแย่ง กลัวไม่อิ่ม"
"เวอร์แล้วไหม อาหารมีเต็มโต๊ะเลย" ผมเบ้ปากใส่อีกคน ก่อนจะหันไปหยิบหอยแครงตัวโตมาแกะแล้วส่งไปไว้ที่จานของคนตรงหน้า "กินเข้าไปครับ มื้อนี้มื้อเดียวนะที่จะไม่ได้กินอาหารฝีมือเชฟต้นข้าวอะ"
คนตัวสูงแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะตักหอยแครงที่ผมแกะให้ใส่ในปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ
ตอนนี้บรรยากาศดีมาก ๆ เลย คงจะเป็นเพราะมีคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าตรงนี้ด้วยมันเลยส่งให้ทะเลวันนี้ดูสวยเป็นพิเศษ ได้กินข้าวไปมองน้ำซัดเข้าหาดไป แถมยังมีภาพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินประดับอยู่ใกล้ ๆ จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกนะ...
"กินเสร็จจะพาไปเล่นน้ำ"
"จริงนะครับ?"
"อืม"
ได้คำตอบแล้ว
การมีเขาอยู่ข้าง ๆ ไง...
ท้องฟ้ายามเย็นมืดสนิท มีแค่แสงไฟที่ประดับอยู่ข้าง ๆ ที่พอจะทำให้ที่ตรงนี้ไม่มืดจนเกินไป พี่ภูมิบอกว่าจุดนี้เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นักก็เลยพามา ผมก็เลยได้โอกาสเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการเล่นน้ำที่รอมานาน!
"จะนั่งรอตรงนี้"
เสียงของผู้ปกครองกิตติมศักดิ์เอ่ยขึ้นระหว่างที่ผมกำลังหอบลูกบอลลงน้ำ แบบนั้นก็เลยต้องหันไปมองเขาหงอย ๆ พูดแบบนี้เหมือนพี่ภูมิจะไม่เล่นด้วยกันเลยนี่นา
"อ้าว นึกว่าพี่ภูมิจะเล่นด้วยกันซะอีกครับ"
พี่ชายเจ้าของบ้านตวัดสายตาคม ๆ มามองกันสักพัก ผมที่รู้ตัวว่าเผลองอแงใส่เขาก็เลยต้องหลบตาลงมองพื้น แค่พามาก็ดีแล้วยังจะขอมากอีกนะเรา
"ถ้าเล่นด้วยจะได้อะไร"
แต่แล้วคำนั้นก็ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองเขาตาแป๋วอีกครั้ง คนตัวสูงยังคงจ้องมาราวกับต้องการคำตอบ ถ้าเล่นด้วยจะได้อะไรงั้นเหรอ หน้าอย่างผมมีอะไรจะให้เขาด้วยหรือไง "พี่ภูมิอยากได้ล่ะครับ ถ้าให้ได้ก็จะให้หมดเลย"
"พูดเองนะ"
เขาว่าพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่กระตุกขึ้น ตอนนั้นเองที่เสื้อยืดสีเหลืองตัวนั้นจะถูกถอดออกไปจากร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั่น ชั่ววินาทีที่ผมเผลอมองแล้วก็ต้องก้มหน้าหลบเพราะรู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"มาสิ"
แล้วผมก็ถูกลากลงทะเลในเวลาต่อมา ความเย็นสาดเข้ากระทบกับผิวหนังถึงแม้ว่าผมจะใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้นก็ตามแต่มันก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
ผมปักหลักอยู่ตรงบริเวณใกล้ฝั่งเพราะว่าว่ายน้ำไม่เก่ง มองไปเห็นคนตัวโตกำลังเดินเข้ามาใกล้แถมยังยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจก็เลยตั้งหลักจะถอยห่าง แต่แล้วก็ไม่ทัน ...
"อ๊ะ! พี่ภูมิอย่า!"
ร่างทั้งร่างถูกเขากอดไว้ ก่อนจะพยายามดึงผมลงไปตรงจุดที่เริ่มจะลึกขึ้นเรื่อย ๆ จากที่ตอนแรกก็ยังพอยืนไหว แต่ตอนนี้มันลึกจนขาผมเริ่มจะไม่แตะกับพื้นดินแล้วน่ะสิ
"ไม่เอาไม่เล่นแล้ว ขาข้าวไม่ถึงแล้ว"
ผมพยายามจะอ้อนวอนเขา แต่คนขี้แกล้งก็ยังเอาแต่แค่นหัวเราะดูพอใจนักที่ได้แกล้งกัน ตอนนั้นเองที่คลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาอีกครั้ง อาจะเป็นเพราะว่ากลัวตัวเองจะหลุดไปตามแรงมหาศาลนั้นจึงต้องรีบยกมือขึ้นไปโอบรัดรอบคอของพี่ชายตัวสูงเอาไว้
ท่ามกลางเสียงอึกทึกของบรรดาคลื่นเล็กใหญ่ แต่ทุกอย่างรอบตัวผมเหมือนกำลังหยุดนิ่ง เราสบตากันอยู่ตรงนั้น แขนของเขาโอบรอบเอวผม ในขณะที่แขนของผมก็โอบรอบคอเขา ดวงตาสองคู่ตรงนี้นิ่งสนิท แต่มันเป็นความนิ่งที่พร้อมจะกลืนกินผมทั้งตัวเพราะว่ามันเริ่มจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมเผลอกัดปากตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อข่มหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของตัวเอง
"กอดแน่นไปแล้ว"
ก่อนทุกอย่างจะหยุดลงเพราะคำนั้นของเขา...
"หายใจไม่ออก"
ผมเบิกตากว้าง มองไปที่แขนของตัวเองที่โอบเขาอยู่จริง ๆ แต่จะปล่อยก็คงไม่ได้ ก็ขาผมยืนไม่ถึงพื้นนี่นา
"พี่ภูมิแกล้งกันก่อนเองนี่ครับ"
รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักเผยออกมาอีกแล้ว คราวนี้เขาเดินกลับขึ้นฝั่งช้า ๆ โดยที่ผมเองก็ยอมคลายอ้อมแขนหลังจากหลุดออกมาจากพื้นที่อันตรายตรงนั้นแล้ว
"พามาเล่นน้ำ แต่จะเล่นอยู่แค่ตรงนี้น่ะเหรอ"
"ทำไมล่ะครับ แค่นี้ก็เปียกแล้วนะ อีกอย่างผมว่ายน้ำไม่เป็นด้วย กลัวจมอะ"
ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเบา ๆ จากคนตรงหน้า ส่วนผมเองก็เบะปากคว่ำไปแล้ว ตอนนั้นเองที่ฝ่ามือใหญ่ ๆ เอื้อมมาวางลงบนหัวเบา ๆ
"เด็กน้อย"
แต่กลับมีพลังทำลายล้างมหาศาล...
พี่ภูมิทรุดตัวลงนั่งบนผืนทรายหลังจากจบคำนั้น ซึ่งผมเองก็ทำบ้าง ขยับตัวไปนั่งข้าง ๆ เขา พร้อมกับบางอย่างในใจที่พรั่งพรูออกมาอีกแล้ว
"พี่ภูมิ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ"
เจ้าของมินิคูเปอร์หันมามองกันสักพัก ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้นเสียเอง
"ถ้าพี่มีคนที่ชอบ ชอบมาก ๆ...พี่จะบอกเขาไหมครับ"
บอกเขาโดยที่รู้ว่าเขาไม่มีทางจะชอบตัวเอง แต่ความรู้สึกตอนนี้มันก็ยากเหลือเกินที่จะเก็บไว้ ผมกลัว...กลัวว่าวันนึงผมจะปิดมันไม่อยู่และเสียเขาไป
"มีคนที่ชอบแล้วเหรอ"
แล้วคำถามนั้นก็วกกลับเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา มองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมตอนนี้ .. "คะ...ครับ มีแล้ว"
คนที่ผมชอบเขายิ่งกว่าใคร
คนตัวสูงทอดสายตาออกไปมองท้องทะเลอีกครั้ง เป็นโอกาสให้ผมแอบมองเขาเงียบ ๆ จากตรงนี้ สันจมูกที่สวยได้รูป ริมฝีปากบาง ๆ ที่ไม่ค่อยชอบพูด ดวงตาคู่นั้นที่เอาแต่มองกันด้วยท่าทางดุ ๆ แต่รวม ๆ กันแล้วเป็นเขา เขาที่เป็นเจ้าของความรู้สึกดี ๆ ของผมในตอนนี้
"ไม่บอกหรอก"
"ถะ...ถ้าเป็นพี่ จะไม่บอกเหรอครับ"
"อืม"
เป็นเจ้าของความรู้สึกสีเทานี้ด้วย
"แต่จะทำให้เห็นเลยว่าชอบเขามากแค่ไหน"
อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เงียบสนิททำให้ผมได้ยินเสียงของเขาชัดเจน จริงสินะ ก็คนนี้คือพี่ภูมินี่นา คนที่ชอบทำมากกว่าพูด แต่ผมไม่ใช่เขาไง แค่การจะทำตัวให้ปกติตอนใกล้เขามันยังยากเลย
//
เราเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ผมขอพี่ภูมิขับรถตั้งแต่เข้าเขตตัวเมืองและตอนนี้เจ้าของรถก็หลับไปแล้วด้วย มินิคูเปอร์เคลื่อนตัวลงจอดหน้าบ้านช้า ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ผมหันไปปลุกอีกคนเบา ๆ เพื่อให้ตื่น
"พี่ภูมิครับ ถึงบ้านแล้วนะ"
มือขวาเอื้อมไปเขย่าที่ตัวเขาเบา ๆ เปลือกตานั้นก็ยังคงนิ่งสนิทอยู่อย่างนั้น แววตาดุ ๆ ที่ตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว มันก็น่ามองดีไปอีกแบบเหมือนกัน
"พี่ภูมิ"
มันเป็นเพียงแค่น้ำเสียงที่แผ่วเบาเท่านั้น ความจริงแล้วผมก็ไม่อยากให้เขาตื่นขึ้นมาในตอนนี้ ตอนนั้นเองที่ใครบางคนแอบถือวิสาสะ ฉวยโอกาสเอื้อมมือไปวางไว้ที่ใบหน้าคมนั้นเบา ๆ สัมผัสเนิบนาบที่ข้างแก้มสาก มองผู้ชายตรงหน้าที่ยังหลับสนิทแต่กลับดูดีมาก ๆ ในสายตาคู่นี้
"พี่ภูมิครับ..."
ผมคงจะไม่กล้าพอที่จะทำให้พี่รู้ว่าผมชอบพี่มากแค่ไหน แล้วก็คงไม่กล้าบอกตรง ๆ เพราะกลัวว่าพี่จะไม่ได้คิดเหมือนกัน ผมขี้ขลาดเกินไปที่จะรับความเสียใจในตอนนี้ เพราะฉะนั้น...
"ผมชอบพี่นะครับ"
ผมขอบอกพี่เงียบ ๆ แบบนี้ก็พอ...
tbc.
lafinz
☁
ว่าแต่ เงินดินจิงอ่ะ ที่เลี้ยงน้องน่ะ
และได้ยินด้วย แต่ พี่เขาจะทำยังไงหล่ะทีนี้
ลุ้นๆๆๆๆๆ
เด่วอีพี่จะรุกหนักแน่คอยดูนะข้าว 5555