ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หมี่ไม่ได้เนิร์ด - end. (hermit books)

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 : หมี่ไม่ได้เนิร์ด

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 62




    หมี่ไม่ได้เนิร์ด

    02 : "หมี่ไม่ได้เนิร์ด"








              ถ้าพูดถึงเด็กช่าง .. คุณมักจะนึกไปถึงอะไร?

              "สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ อย่าลืมนะครับ วีคหน้าเรามีสอบเก็บคะแนน ห้ามสายห้ามขาดนะครับทุกคน"

              "ขอบคุณครับ"

              นักเรียน .. หรือนักเลง?

              ก็ไม่แปลกหรอก ในอดีตที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวให้เห็นกันเยอะ เด็กช่างยกพวกตีกันบ้างล่ะ เด็กช่างแทงกันตายบ้างล่ะ แต่เด็กช่างดี ๆ แน่นอนมันก็มี อย่างเช่นแก๊งนี้

              "ไอ้เมฆ วันนี้มึงไม่ได้เอารถมาเหรอวะ?"
              "ไม่อะ ลูกชายกูหัวเทียนบอด รอเงินเดือนที่ร้านหมูทะจ่ายอะ ถึงจะเอาไปซ่อม"
              "ให้กูไปส่งป้ะ คิดค่าน้ำมันไม่แพง จากนี่ไปหอมึงกูคิดแค่ร้อยเดียวพอที่รัก"
              "ถุย! กูนั่งรถเมล์สิบห้าบาทเองสัด"

              เพื่อนของเมฆที่ชื่อ 'ไอ้หมูแฮม' หัวเราะออกมาดังลั่น ทุกคนได้ยินชื่อมันแล้วก็คงจะจินตนาการภาพว่ามันคงจะเป็นคนที่ตัวกลม ๆ น่ารักใช่ไหม แต่ไม่เลย แม่งสูงชะลูดอย่างกับโตมาด้วยการกินเสาไฟฟ้า แถมหน้าตานี่ก็โคตรเถื่อน สงสัยตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่มันคงคิดว่าโตมาแล้วคงจะน่ารักล่ะมั้งเลยตั้งชื่อลูกซะน่ารักเชียว

              "ถ้างั้นกูกลับละ เจอกันพรุ่งนี้เก้าโมงนะเพื่อน"
              "เออ ขับรถดี ๆ ล่ะอย่าแวะไหนนะมึง"

              แล้วทุกคนจินตนาการภาพของเมฆไว้ยังไงบ้างล่ะ คงจะเป็นเด็กผู้ชายหน้าเถื่อน ๆ ตัดผมแสกกลางเหมือนกันใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เตรียมตัวคิดผิดเลยนะ เพราะเมฆน่ะ .. โคตรจะตรงข้ามเลย

              หน้าก็ไม่เข้าขั้นเถื่อน เอาจริงให้ไปเดินที่ไหนแล้วคนรู้ว่าเป็นเด็กช่างก็ไม่มีใครกลัวหรอก แล้วผมก็ไม่ได้แสกกลางด้วยเพราะว่าเมฆหัวหยิกมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้หยิกแบบเส้นมาม่าเลยนะ แค่มันเป็นลอน ๆ แค่นั้นเอง นั่นแหละ การจะแสกกลางให้เหมือนเด็กช่างก็เลยเป็นโมฆะไปเพราะว่าโคตรไม่เข้า เลยทำได้แค่ตัดทรงธรรมดาไว้หน้าม้ายาว ๆ พอ

              ชายหนุ่มในช็อปสีน้ำเงินเข้มเดินออกมารอรถเมล์ข้างหน้าวิทยาลัย เนื่องจากที่นี่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองป้ายรถเมล์จึงค่อนข้างจะเงียบเหงามาก เด็กช่างหน้าตี๋หย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่ง หยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาในขณะเดียวกันก็คอยมองรถที่วิ่งมาไปด้วย

              "วันนี้ร้อนนะครับ"

              ตอนนั้นเองที่มีเสียงของใครบางคนดังมาจากข้าง ๆ เมฆขานรับเบา ๆ เท่านั้นเพราะมัวแต่ตอบไลน์แม่แล้วก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมองด้วย "ครับ"

              คงจะเป็นเพราะก้มลงมองมือถือมากไปจนได้เวลาเงยหน้าขึ้นมามองรถอีกครั้ง ตอนนั้นแหละที่เมฆได้เห็นว่าใครที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือมันทำให้เขาตกใจจนแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ไปแล้ว

              "เฮ้ย!"

              ไอ้เด็กเนิร์ดจอมกวนตีนนั่น!

              คนที่เพิ่งกลับมาได้สตินั่งตัวแข็งทื่อ ต่างจากไอ้เด็กโย่งที่แม่งนั่งยิ้มหน้าระรื่นเชียว "มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย?"

              นั่นสิ อย่าบอกว่ามันรู้อีกว่าเขาเรียนที่ไหนน่ะ?

              "มาตามเสียงหัวใจมั้งครับ"

              หัวใจป้ามึงอะดิ...

              มึงยังมีหน้ามายิ้มตาสระอิแบบนั้นอีกนะ!

              "กวนตีน ตอบมาดี ๆ อย่าให้ต้องถามย้ำ"

              "ผมก็ไปสืบมาว่าพี่เรียนที่ไหนไงครับ ช็อปสีนี้แถวนี้ก็มีอยู่ที่เดียว" มันว่าพร้อมกับยิ้มกว้างตามฉบับ "อ้อ แล้วห้ามด่าผมนะครับ ปุยเมฆเป็นคนบอกเองว่าให้ผมไปหาข้อมูล ผมถือว่าปุยเมฆอนุญาตแล้วนะ"

              ไอ้เด็กนี่ รู้ทันอีกว่าเขาจะด่า

              "ก็ไม่ใช่ความลับอะไร แต่ว่านะ ไม่ได้ชื่อปุยเมฆ ชื่อเมฆเฉย ๆ"
              "โอเคครับเมฆเฉย ๆ"
              "ขอร้องเลย มุกนี้อะเขาไม่เล่นกันแล้วรู้ป้ะ"
              "ฮ่า ๆ"

              มันหัวเราะตายิ้ม ส่วนเมฆก็ส่ายหัวเอือม ๆ ไปแล้ว "หัวเราะแบบนี้แสดงว่าจะไม่หยุดเรียก?"

              คราวนี้เจ้าตัวส่ายหัวมุ่น ซ้ำยังเอาหน้าใส ๆ กับแว่นเนิร์ด ๆ นั่นเข้ามายิ้มใกล้ ๆ เขาอีกต่างหาก

              "ปุยเมฆก็น่ารักออกครับ อีกอย่าง ผมไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่น .. ผมอยากเป็นคนพิเศษของพี่"

              ให้ทายว่าตอนนี้เขาเขินไหม...

              เขินก็บ้าแล้วไอ้เวร! ดีนะที่ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผู้ชายแมน ๆ อกแปดวาอย่างเมฆมาถูกไอ้เด็กมอปลายผมรองทรงหยอดด้วยคำพูดเสี่ยว ๆ แบบนี้น่ะนะ...

              "ทำไมเงียบไปล่ะครับ?"
              "เอ่อ ปะ...เปล่า กำลังตั้งใจมองรถไง"

              เห็นไอ้รุ่นน้องตัวโย่งมันพยักหน้ารับก็เลยถอนหายใจออกมายาวเหยียด ตอนแรกที่เขายอมบอกไปว่าอนุญาตให้มันจีบน่ะ ก็เพราะคิดว่าจะได้เจอกันแค่วันศุกร์เท่านั้น ทนอ่านจดหมายเสี่ยว ๆ ของมันสักนิดเดี๋ยวก็จบแล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าเด็กนี่จะมาตามหาที่เรียนเมฆจนเจอน่ะ

              ถึงไอ้เด็กหมี่อะไรนี่จะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ก็เถอะนะ
              แต่มันก็เป็นผู้ชายไง ..

              "ผมว่าพี่คงต้องรออีกนานนะ คันล่าสุดเพิ่งออกไปก่อนหน้าพี่มาแป๊บเดียวเอง" 

              "จริงเหรอ?" เมฆถามตาโตหลังจากจบคำนั้นของคนตรงหน้า หมอนั่นพยักหน้ารับ และตอนนั้นเองที่เมฆนึกสงสัยว่ามันรู้ได้ยังไงถึงเผลอหม่นคิ้วยุ่ง "ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงอะ?"

              สายตาคู่นั้นภายใต้กรอบแว่นทรงกลมตวัดมามองเมฆ แล้วมันก็ยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง ไม่รู้ว่าพ่อแม่เลี้ยงให้โตมาด้วยอะไรถึงได้สดใสขนาดนี้

              "ก็ผมมานั่งรอพี่ตั้งนานแล้วไงครับ"

              สดใสเกินกว่าจะเป็นคนที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเมฆ ..

              เจ้าของช็อปสีน้ำเงินเข้มนั่งนิ่งไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะนิสัยคุยไม่เก่งมันเลยทำให้เขาเป็นแบบนี้ ดึงบรรยากาศเข้าสู่โหมดเดดแอร์ไปเสียดื้อ ๆ ข้อเสียข้อใหญ่ของเมฆเลยล่ะ

              "ถ้าพี่กลัวเสียเวลา ให้ผมไปส่งได้นะ ฟรีตลอดสาย"

              คนข้างกายพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ด้วยข้อเสนอของมันก็ทำให้เมฆส่ายหัวพรืด "ไม่เอาอะ ไม่ขึ้นรถคนแปลกหน้า"

              "แปลกหน้าที่ไหนครับ ว่าที่ผะ..." เพราะรู้ว่ามันกำลังจะพูดอะไรออกมาจึงรีบหันขวับไปมองมันด้วยสายตาอาฆาต "เพื่อนใหม่ไงครับ ว่าที่เพื่อนใหม่"

              ไอ้เด็กแว่นฉีกยิ้มเจื่อนกับเสียงหัวเราะแห้ง ๆ มาให้ ซึ่งเมฆก็ยังไม่หยุดจ้องมันหรอกนะ เขารู้หรอกว่าเมื่อกี้มันจะพูดอะไร ปีนเกลียวนักอายุแค่นี้

              "งั้นผมไม่ให้ขึ้นฟรีก็ได้ เดี๋ยวคิดเงินพี่เท่าราคาที่พี่วินคิด"
              "จะผันตัวเป็นแกร๊บวินเหรอ?"
              "อ่า...จะว่างั้นก็ได้ แต่รับผู้โดยสารชื่อเมฆคนเดียวนะ"

              เห็นไอ้เด็กจอมนุ่มนิ่มพูดแบบนั้นเขาเลยนึกเรื่องแกล้งมันขึ้นมาได้ "พี่คร้าบ ไอ้นี่มันขับแกร๊บ...อื้อ!"

              คำพูดของเมฆถูกกลืนหายไปหลังจากที่ไอ้เด็กหมี่มันเข้ามาปิดปากเขาไว้แน่นจนเมฆต้องทุบมันไปหลายที

              "พี่จะบอกเขาทำไมครับ เดี๋ยวเขาก็ยกพวกมากระทืบผมหรอก"

              "กลัวหรือไง? ตัวก็โตตั้งเท่านี้" ได้โอกาสยิ้มเยาะมันแล้วก็เอาใหญ่ เห็นไอ้เด็กโย่งมันเบะปากคว่ำงอแงเป็นเด็กแล้วกลับอารมณ์ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น "อะ ๆ ไปด้วยก็ได้ ไหนล่ะรถอะ"

              พอเมฆพูดอย่างนั้น ไอ้เด็กหมี่ก็ยิ้มกว้างเป็นปลากระดี่ได้น้ำเชียว มันจะมีความสุขอะไรนักไหนพูด

              "ตามมาสิครับ"

              คนพูดเดินนำไปแล้ว ซึ่งเมฆเองก็ต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นานก็มาถึงที่จอดรถที่มีเพียงคาวาซากินินจาสีดำล้วนจอดอยู่ตรงนี้คันเดียวเท่านั้น 

              ขับบิ๊กไบค์ด้วยแฮะ
              ดูไม่เข้ากับลุคเนิร์ด ๆ นี่สักนิดเลยไม่ใช่หรือไง

              "ผมมีหมวกอันเดียวอะ ไม่คิดว่าพี่จะยอมมาด้วยก็เลยไม่ได้พกมา" มันว่าแล้วก็ทำหน้าหง็อยเหมือนหมาหิวนม

              "ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ป่านนี้คงไม่มีด่านหรอก"
              "แล้วบ้านพี่อยู่ไกลไหมครับ"
              "ทำไม ถ้าไกลแล้วจะเปลี่ยนใจไม่ไปส่งเหรอ?" เมฆถามเพราะคิดแบบนั้นจริง ๆ ก่อนไอ้เด็กกางเกงน้ำตาลมันจะส่ายหัวยุ่ง แถมยังเอาหน้าเข้ามายิ้มใกล้ ๆ แบบที่ชอบทำตลอด

              ยิ้มแบบเนี้ย

              "เปล่าครับ"

              แบบที่เหมือนมีความสุขนักตอนที่ได้อยู่กับเขา

              "ถ้าไกลก็จะได้ขับช้า ๆ เพราะอยากอยู่กับพี่นาน ๆ"

              หยอดเก่ง...ถ้าเมฆเป็นผู้หญิงก็บอกตรงนี้เลยว่าต้องมีเขินกันบ้าง แต่เสียใจด้วยเพราะเขาเป็นผู้ชายและไม่มีทางมารู้สึกแบบนั้นกับไอ้เด็กนี่เด็ดขาด

              ไม่มีทางเขินเด็ดขาด

              "เกาะไหล่ได้นะครับ หรือจะกอดเอวก็ได้เพราะมันเป็นของพี่อยู่แล้ว"
              "หยุดพูดมากแล้วขับรถไป"
              "ครับ ๆ"

              อือ...
              ไม่เขินเลยสักนิด...
              































              "พี่นั่งไม่สบายรึเปล่าครับ"
              "ไม่"
              "ลมตีหน้าพี่รึเปล่า"
              "สบายมาก"

              สงสัยไหมว่ามันคืออะไร นั่นเป็นบทสนทนาที่เมฆต้องคอยตอบมันมาตลอดทางยังไงล่ะ

              "ผมขับเร็วไปไหม"
              "หยุดถามสักทีน่า"
              "ผมกลัวพี่เบื่อนี่นา"
              "จะเบื่อเพราะถามมากนี่แหละ เคนะ"

              ไม่รู้ว่ามันจะอะไรนักหนา เกิดมาเพื่อแคร์คนทั้งโลกหรือยังไง ใส่ใจแม้กระทั่งกลัวว่าลมจะตีหน้าเขา ใส่ใจแม้กระทั่งกลัวว่าเขาจะเบื่อ 

              "พี่อยู่ห้องไหนเหรอครับ แล้วอยู่กับใคร" เสียงเจื้อยแจ้วของคนที่พูดไม่หยุดมาตลอดทางถามขึ้นอีกครั้ง 

              เมฆก้าวขาลงจากบิ๊กไบค์คันนี้แล้ว ไม่รู้ซื้อมาทำไมแพงขนาดนี้ นั่งก็ไม่สบายมีดีอย่างเดียวก็แค่สวย "ไม่บอก กลับบ้านไปได้แล้วไป"

              เขาไล่มันแบบขอไปทีพร้อมกับเตรียมตัวจะเดินเข้าตึก แต่ก็ได้แค่หันหลังและยังไม่พ้นจากตรงนี้ด้วยซ้ำ เด็กหมี่มันก็เรียกเขาเอาไว้อีกแล้ว

              "พี่เมฆครับ!"

              เจ้าของชื่อหันกลับมาช้า ๆ เลิกคิ้วให้มันหนึ่งทีเป็นเชิงถามว่ามีอะไร ตอนนั้นที่มือใหญ่ ๆ กางมาไว้ตรงหน้านั่นแหละ เมฆถึงได้รู้ว่าตัวเองลืมบางอย่าง

              "พี่ลืมค่าโดยสารผมครับ"

              "ขี้งก" เบ้ปากใส่มันหนึ่งทีพลางล้วงใบยี่สิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงไปด้วย "สี่สิบบาท เท่าราคาที่พี่วินคิด"

              เด็กผมม้ายาว ๆ ก้มมองเงินในมือเมฆสักพักแต่ก็ยังไม่ยอมเก็บไป ก่อนรอยยิ้มแบบเดิมของมันจะเผยออกมาอีกครั้ง 

              "ไม่เอาเงินได้ไหมครับ"

              แต่รู้อะไรไหม เมฆน่ะไม่ค่อยชอบรอยยิ้มของมันเลย มองเผิน ๆ มันก็เป็นแค่รอยยิ้มธรรมดา ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันมีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ในนั้น รอยยิ้มเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดแบบนั้นน่ะ

              "เปลี่ยนเป็นหอมแก้มแทนได้ไหม"

              บอกแล้วว่าโคตรอันตราย ..

              "ฝันเอานะหมี่"
              "พี่เรียกชื่อผมด้วยอะ!"
              "แล้วมันทำไม?"
              "เปล่าครับ แค่รู้สึกชอบชื่อตัวเองขึ้นมาเลยแฮะ"

              เวอร์...
              ก็เคยได้ยินมาบ้างนะ เด็กอายุเท่านี้คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น แต่กับไอ้เด็กหมี่นี่ก็ควรจะเก็บบ้าง ไม่ใช่คิดอยากหยอดตอนไหนก็หยอด อยากเต๊าะตอนไหนก็เต๊าะ

              "เข้าบ้านเถอะครับ ไว้พรุ่งนี้ผมไปรับอีกนะ"
              "ไม่ต้องเลย จะไปทำไมทุกวัน"
              "ก็จะไปจนกว่าพี่จะยอมเป็นแฟนผมนั่นแหละ"
              "อันนี้ก็จะบอกให้ฝันเอาอีกนะ"

              ขนาดโดนด่ามันก็ยังยิ้ม ที่เคยบอกว่ามันโรคจิตนี่เห็นทีจะจริง ผ่านมาก็นานแล้วเมฆนึกว่ามันจะเบื่อแล้วเริ่มออกห่าง ที่ไหนได้มันหายไปตามหาที่เรียนเขาจนเจอ ไหนตอนนี้ยังจะรู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหนอีก

              "พี่เมฆกำลังจะบอกว่าให้ผมฝันถึงพี่อยู่รึเปล่าครับ"

              ขี้มโนก็ที่หนึ่ง
              เมฆถอนหายใจออกมายาวเหยียด ดูแต่ละสิ่งที่มันคิดสิ คนปกติที่ไหนเขาคิดกัน

              "แล้วแต่มึงเฮอะ"

              ปกติเมฆก็ไม่ใช่คนใจร้าย แต่กับนี่มันเกินจะทนจริง ๆ บุคลิกมันก็ดูเรียบร้อยไม่น่าจะเป็นคนกวนโมโหได้ขนาดนี้เลย

              "พี่อนุญาตแล้วนะ ถ้าในฝันได้เป็นเมียผมก็อย่ามาว่าละกัน"
              "เมียพ่อมึงอะ!"
              "ไม่ใช่เมียพ่อครับ เมียผม"
              "ไอ้หมี่!"
              "เรียกผัวว่าไอ้ได้ไงเนี่ย ไม่น่ารักเลย"

              โว้ย!
              คุยกันอยู่ดี ๆ ก็มายั่วโมโห เมฆถอดเป้สะพายอยู่หวังจะฟาดมัน แต่ไอ้เด็กยักษ์มันก็วิ่งไปหลบอีกฝั่งของรถได้ทันซะก่อน

              "ปุยเมฆอารมณ์ร้ายอะ หมี่กลัวแล้ว" แล้วดูมัน ดูคำพูดที่เหมือนกลัวของมันแต่เสือกยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้น แล้วจะไม่ให้เมฆโมโหได้ยังไง

              "กลับบ้านไปเลยนะไอ้เด็กเนิร์ด!"

              เมฆตั้งใจจะพูดแค่นั้น เขาหันหลังออกมาแล้วก่อนจะได้วางหมัดกันจริง ๆ ตอนนี้มันหงุดหงิดขั้นสุด ขึ้นห้องไปสงสัยต้องฟาดทาร์ตไข่สักสองชิ้น

              "พี่ครับ!"
              "อะไรอีก!"

              เขาได้ยินเสียงมันแว่วมาก็เลยขานรับ แต่ก็ไม่ได้หันไปมองเพราะกลัวจะห้ามตัวเองไม่ไหวไม่ให้เข้าไปกระชากคอเสื้อมันเพราะความกวนตีนที่มีมากนั่น

              "หมี่ไม่ได้เนิร์ด!"

              เขาล่ะยอมมันเลยจริง ๆ ...












    tbc.
    เอาว่ะ เด็กมันไม่ทำดาเลยว่าไหมฮะ
    จัดจ้านที่สุดแล้วในย่านนั้นคือหมี่ซั่ว
    ผมแต่งไว้จะจบแย้ว
    ไม่เท ถึงไม่มีคนอ่านก่จะไม่เทฮะ
    ใจดีเมนต์ให้เก๊ามั่งนะ เก๊าเหงา
    lafinz
    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×