คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : โรคของพี่โซยุน
ตอนนั้นผมอายุ 4 ขวบ แม่พาผมกับพี่โซยุนย้ายมาอยู่ที่เมืองไทย ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ผมกับพีไม่เข้าใจ เราย้ายมาอยู่ได้แค่สองปี โดยที่เราไม่ได้เจอหน้าพ่ออีก แล้วแม่ก็ห้ามไม่ให้เราพูดถึงพ่อด้วย จนกระทั่งวันหนึ่ง อยู่ ๆ พี่โซยุนก็เป็นลมไป ทำเอาผมตกใจมากจนกำอะไรไม่ถูก แล้วแม่ก็พาพี่ไปโรงพยาบาล แม่บอกผมว่าพี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่แม่ไม่รู้หรอกว่าผมได้ยินหมอบอกกับแม่ว่าพี่โซยุนเป็นโรคหัวใจ แล้วหลังจากวันนั้นเราก็ย้ายกลับเกาหลีเกาหลีทันที ด้วยเหตุผลที่แม่บอกว่าแม่ไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้ว
หลังจากนั้นพวกก็ย้ายกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก พ่อบอกว่าพ่อคิดถึงพวกเรามากและจะไม่ยอมพรากจากพวกเราอีก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ แต่ที่ผมรู้คือพ่อและแม่รักกันมาก มากจนแม่ต้องจากพ่อไปอยู่เมืองไทย ผมสามารถรับรู้ได้ว่าระยะทางไม่สามารถทำให้ความรักของพ่อกับแม่ที่มีให้กันและกันนั้น ไม่ได้ลดลงไปตามระยะทางและกาลเวลาเลย แต่ไม่ว่าเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอยู่ห่างกันเมื่อสองปีที่แล้วจะเป็นอะไรก็ตาม ผมก็ไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้พวกเราก็อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวแล้ว
แต่แล้วพี่โซยุนก็สุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ พี่ไม่ค่อยได้ออกมาเล่นบ่อยนัก พ่อกับแม่บอกว่าพี่ไม่ค่อยสบาย แล้วพี่ก็ต้องทานยาอยู่ตลอดเวลา ทีสำคัญพี่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอยู่เรื่อย ทำให้ผมกับพี่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่ แม่บอกว่าอีกไม่นานพี่ก็หาย ผมไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แล้วพักหลังมานี้พี่ก็สุขภาพแข็งแรงขึ้นเยอะ หมอบอกว่าพี่ไม่เป็นไรมากแล้ว แต่ก็ยังคงต้องรักษาสุขภาพของตัวเองด้วย พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่เมืองไทย แต่พ่อกับแม่ยังต้องจัดการกับงานทางเกาหลีก่อน เลยให้พวกเราไปก่อนแล้วค่อยตามไปทีหลัง โชคดีที่คุณน้าข้างเป็นเป็นคนดี แม่เลยฝากฝังให้คุณน้าช่วยดูแลพวกเราสองพี่น้อง และคุณน้าก็ดูแลเอาใจใส่พวกเราสองคนเป็นอย่างดี ถึงดีมากและเลยผมว่า ^_^
ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับเมืองไทยในหลาย ๆ อย่าง ทั้งโรงเรียน สถานที่ และอากาศ ถึงแม้ว่าผมจะเคยอยู่ที่นี่มาแล้ว แต่มันก็ผ่านมาตั้งสิบสามปีแล้ว ผมก็เลยต้องปรับตัวใหม่ทุกอย่าง และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมไปโรงเรียน แต่พี่ต้องช่วยแม่จัดการเรื่องบ้านเสียก่อน แล้วค่อยตามไปตอนสาย ผมเลยต้องไปโรงเรียนคนเดียว ผมตื่นเต้นจังเลยครับ
“เดี๋ยวรอก่อนสิ..>_<; จะรีบไปไหนกันนักนะ ไม่คิดจะรับผู้โดยสารบ้างรึไงกัน” พอผมเดินไปถึงที่หน้าปากซอยก็เจอผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เธอกำลังหงุดหงิดที่รถเมล์ไม่จอดรับเธอ ท่าทางเธอตลกชะมัดเลย ผมก็เลยเผลอหัวเราะเธอซะดัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แล้วเธอก็หันมาเห็นผมเข้า O_O ตาเธอโตชะมัดเลย
“นี่นายหัวเราะอะไรมิทราบ เราเคยรู้จักกันรึไง นายถึงได้มาหัวเราะเยาะฉันเนี่ยะ” รู้สึกว่าเธอจะโกรธที่ผมดันไปหัวเราะเธอเข้า แล้วนแท็กซี่ก็มาจอดพอดี ผมก็เลยรีบขึ้นเพราะกลัวจะไปโรงเรียนสาย
“นี่นายนั่นมันรถของฉันนะ กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ” เธอตะโกนใส่ผมใหญ่ เพราะนึกว่าผมแย่งขึ้นแท็กซี่ของเธอ แต่จริง ๆ แล้วผมเป็นคนโบกต่างหากละ ยัยนี่ตลกชะมัด
“Thank you so much ^_^” ผมเลยเปิดกระจกกล่าวขอบคุณเธอซะหน่อย โทษทีนะผมต้องรีบแล้ววันหลังจะชดใช้ให้ยัยตัวเล็ก
แล้วผมก็ได้เจอเธออีก ยัยตัวเล็กนั่นอายุเท่าผม และก็เรียนห้องเดียวกับผมอีกต่างหาก เธอบอกว่าผมชอบกวนประสาทเธอ ก็เธอน่าแกล้งนี่นา เธอเข้าห้องเรียนเลขสาย อาจารย์ก็เลยดุเธอเข้า แล้วอาจารย์ก็ให้ผมไปนั่งข้างเธอ เธอทำตาโตใส่ผมด้วย ฮ่า ฮ่า ตลกชะมักเลย เธอคงแปลกใจละสิ ว่าทำไมอาจารย์ดูสนิทกับผมจัง ก็เพราะอาจารย์เป็นเพื่อนของแม่ผมนะสิ แต่ผมจะไม่บอกใครหรอกนะ ปล่อยไว้ให้งง สนุกดี
และแล้วสวรรค์ก็แกล้งผมอีกจนได้ เธอดันกลายเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณน้าข้างบ้าน นับจากวันนั้น ผมก็ทะเลาะกับเธอทุกวัน เป็นเหมือนสิ่งที่ผมต้องทำเป็นชีวิตประจำวัน เหมือนกับว่า ถ้าผมไม่ได้ทะเลาะกับยัยเปี๊ยกผมคงจะนอนไม่หลับอย่างนั้นแหละ ^_^
เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว และผมเริ่มจะปรับตัวเข้ากับเมืองไทยได้บ้าง พี่โซยุนก็เช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าพี่โซยุนจะสุขภาพดีขึ้นมาก เพราะวันก่อนพี่โซยุนเล่นบาสจนเกือบชนะทีมของผมแนะ ผมมีความสุขจัง
ยัยเปี๊ยกบอกว่าชอบพี่โซยุน เธออยากให้ผมช่วย เธอมักจะมาเซ้าซี้ถามเรื่องพี่โซยุนอยู่บ่อย ๆ จนทำให้ผมรู้สึกรำราญและบางครั้งผมก็โกรธเธอจริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมจะต้องโกรธเธอด้วย หรือว่า.... วันนี้พี่โซยุนไม่สบาย เลยไม่ได้ไปโรงเรียน ยัยตัวเล็กก็ถามถึงพี่โซยุนทั้งวัน ผมเลยรู้สึกโกรธเธอ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องคอยมาถามผมอยู่ได้ ถ้าอยากรู้ทำไมไม่โทรไปถามพี่โซยุนเอง ผมเลยโมโหใส่เธอ ยัยเปี๊ยกเลยมีอาการตกใจใหญ่ สงสัยจะไม่เคยเห็นผมโกรธ
วันนั้นผมกลับบ้าน และรู้สึกว่ามีคนอยู่ในบ้านกับพี่โซยุน ผมเลยเปิดประตูเข้าไปเงียบ ๆ และเห็นยัยเปี๊ยกกำลังอยู่ในอ้อมแขนของพี่โซยุน ภาพนั้นทำให้หัวใจผมเต้นแรง ผมไม่รู้ว่าพวกเค้าสองคนทำอะไรกันอยู่ หน้าผมร้อนไปหมด ผมรู้สึกโกรธมาก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนั้น ในเมื่อผมกูรู้ทั้งรู้ว่าเธอชอบพี่โซยุน พวกเขาไม่รู้หรอกว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นนานจนเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมเลยยืนแอบที่กำแพง แล้วค่อยเดินเข้าไปตอนที่ยัยเปี๊ยกเดินเข้าไปในครัว พอพี่โซยุนเห็นผมก็มีสีหน้าที่ตกใจมาก แต่ผมก็บอกพี่ว่าผมเพิ่งมาแล้วสีหน้าของพี่ก็เลยกลับเป็นเหมือนเดิม
ผมไม่พยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องนั้น เพราะผมรู้ว่าพี่โซยุนก็ชอบยัยเปี๊ยกนั่นเหมือนกัน ผมเลยถามถึงอาการของพี่แทน พี่บอกว่าหมอบอกว่าพี่แค่ไม่สบายนิดหน่อยเอง แต่ผมไม่เชื่อ ผมว่าต้องเป็นเพราะที่พี่เล่นบาสแน่ ๆ ซึ่งมันทำให้หัวใจของพี่ทำงานหนักขึ้น พี่ก็เลยอ่อนเพลีย แต่พี่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ เพราะกลัวว่าผมจะไม่สบายใจถ้ารู้ว่าพี่ไม่สบาย พี่พยายามทำให้ผมเชื่อว่าพี่ไม่เป็นไรจริง ๆ ผมก็เลยแกล้งเชื่อไปอย่างที่พี่บอก พี่มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ เวลาที่ไม่สบายก็จะไม่ยอมบอกให้ใครรู้ ไม่ร้องให้ให้ใครเห็น พี่บอกว่าตอนเด็ก มีคนคนหนึ่งเคยบอกพี่ว่า การร้องให้ไม้ได้ทำให้เราหายเจ็บ แล้วหลังจากนั้นพี่ก็ไม่เคยอ่อนแอต่อหน้าใครอีกเลย แม้กระทั่งตัวเอง
ผมรู้สึกว่าพักหลังมานี้พี่อาการไม่ค่อยจุสู้ดีนัก แต่ผมก็ต้องทำเป็นว่าพี่ยังแข็งแรงอยู่ ผมเลยบอกพี่ให้พี่ดูแลตัวเอง เพราะผมเป็นห่วงพี่มากและไม่อยากจากพี่ไป พี่ครับผมไม่อยากให้พี่ปิดบังอาการป่วยของพี่ต่อหน้าผมเลย
ผมเลยตัดสินใจว่า ผมจะไปเรียนต่อหมอ เพื่อที่จะมารักษาพี่ พอผมย้ายมาที่เมืองไทย ผมก็ได้เปลี่ยนเป็นคนละคน หลังจากที่เคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน ผมได้สัญญากับตัวเองว่า ผมจะตั้งใจเรียน เพื่อที่สักวันหนึ่งผมจะเป็นคนที่ได้ดูแลและรักษาอาการของพี่ พี่ครับ พี่ต้องรอให้ผมเรียนจบก่อนนะครับ อย่างเพิ่งเป็นอะไรไปนะครับ รอผมก่อน...
*************
ความคิดเห็น