ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    till that day...จนกว่าวันนั้น

    ลำดับตอนที่ #6 : โซยุนกับความทรงจำในวัยเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 49


           ตอนนั้นผมอายุได้ 5 ขวบ ส่วนโซฮยอนยังอายุแค่ 4 ขวบอยู่เลย แต่เราก็ต้องย้ายไปที่เมืองไทยกับแม่ แม่บอกว่า แม่อยากมาเมืองไทย เพราะที่นี่สวยมาก แม่เคยมาที่นี่ตอนแต่งงานกับพ่อใหม่ ๆ ก็เลยอยากให้ลูกทั้งสองได้เห็นความสวยงามของเมืองไทย เราก็เลยต้องอยู่ที่นี่ตั้งสองปี แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเราต้องมาเที่ยวนานถึงสองปีด้วย เราอาศัยอยู่ด้วยกันสามคน ตลอดทั้งสองปีที่เราอยู่ที่นี่ ผมไม่ได้เจอพ่อเลย แม่บอกว่าพ่อต้องทำงานอยู่ที่เกาหลีก็เลยมากับพวกเราไม่ได้ ผมแอบเห็นแม่ร้องให้บ่อยๆ เวลาที่หยิบรูปครอบครัวของเราขึ้นมาดู ในรูปมีผม โซฮยอน แม่ แล้วก็พ่อ แต่แล้วพอถึงปีที่สอง เราก็ย้ายกับเกาหลีกะทันหัน โดยไม่มีสาเหตุ ผมว่าแม่กับพ่อต้องทะเลาะกันแน่ๆ แล้วพอทั้งสองคืนดีกัน แม่ก็เลยพาเรากลับเกาหลีไปหาพ่อ

                    ตอนแรก ๆ ผมกับโซฮยอน ชอบไปแล่นที่สนามเเด็กเล่นข้าง ๆ บ้านบ่อย ๆ ผมไม่ชอบที่นี่เอาซะเลย เด็กที่นี่ชอบมองเราด้วยสายตาแปลก ๆ ทำยังกับเราเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างนั้นแหละ เวลาที่พวกเราพูดพวกเค้าก็ฟังไม่รู้เรื่อง พวกเราเลยเล่นกับเด็กพวกนั้นไม่ได้ ก็พวกเราเพิ่งมาได้ไม่กี่เดือนเอง ก็เลยยังพูดภาษาของที่นี่ไม่ได้ จะพูดได้ก็แค่ประโยคสั้นๆ เท่านั้น เด็กพวกนั้นก็เลยเห็นพวกเราเป็นตัวตลก ผมไม่ชอบพวกนี้เลย ให้ตายสิ ผมก็เลยไม่ค่อยออกมาเล่นนอกบ้านบ่อยนัก

                    จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมกับโซฮยอน ออกมาปั่นจักรยานเล่นหน้าบ้าน แล้วโซฮยอนก็ปั่นจักรยานไปชนเข้ากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เธอล้ม แล้วก็มีแผลใหญ่มากตรงหัวเข้า และข้อศอก

                    "ขอ..โทษ..นาา..คร๊าาบบ" โซฮยอนตกใจมากก็เลยพูดติดขัด บวกกับที่เค้าพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้อยู่แล้วด้วย ทำให้ภาษาดูเพี้ยน ๆ

                    "ฮะ ฮะ ฮะ นายพูดภาษาอะไรของนายนะ ตลกจัง" เด็กผู้หญิงที่ถูกชนคนนั้นหัวเราะขึ้น

                    "เค้า..บอกว่าขอโทษนะ" เธอคงไม่เข้าใจที่โซฮยอนพูด ผมก็เลยตอบแทน

                    "อ๋อ ไม่เป็นไร" ^_^ เด็กผู้หญิงที่ผูกแกละสองข้างคนนั้น ยิ้มแล้วก็ตอบกลับมา

                    "เจ็บ หม๊าย" โซฮยอนถามเธอ

    "ไม่หรอก แค่นิดเดียวเอง"

    "เธอไม่ร้องให้หรอ แผลเธอหย่ายมากเลยนะ มีเลือดด้วย" ผมถามเธอ หลังจากมองไปที่แผลของเธอซึ่งมีเลือดออก แต่เธอกลับยิ้มแล้วก็ตอบผม

    "ไม่เห็นต้องร้องเลย พ่อบอกว่าร้องให้ไม่ทำให้หายเจ็บ"

    "หรอ / เก่งจัง" ผมกับโซฮยอนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

                    "พวกเธอสองคนไม่ใช่คนไทยหรอ" เธอถามขณะที่มือยัง

                    "ป่าว เรามาจากเกาหลี"

                    "คืออะไรอะ ไม่เห็นรู้จักเลย"

                    "ก็ประเทศเกาหลีไง"

                    "ฉันไม่รู้จัก =_=;" เธอทำหน้างง เธอคงไม่เคยได้ยินเกาหลีจริง ๆ นั่นแหละ แปลกคนจัง

                    "ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ว่า"

                    "เธอชื่ออะไร..." แล้วเธอก็วิ่งหายไปในซอยถัดไป โดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของผม

                    "เธอเก่งจังเลยนะ" ผมพูดกับโซฮยอนเป็นภาษาเกาหลี

                    "ใช่ แปลกด้วย" โซฮยอนยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                    "แผลใหญ่ขนาดนั้น ไม่ร้องสักแอะ"

                    "เธอเป็นบ้าแน่เลย แถมยังยิ้มอีกต่างหาก" เหมือนกับว่าผมจะไม่ได้คิดอย่างนั้นนะสิ ผมกลับคิดว่าเธอแกร่งมาก ๆ เลยละ

                    แล้วหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้พบเธออีก จนกระทั้งเรากลับเกาหลี ผมประทับใจในความกล้าแกร่งของเธอมากเลย จนกระทั่งตอนนี้ผมยังจำรอยยิ้มของเธอได้ รอยยิ้มที่สามารถทำให้ผมสบายใจได้เมื่อเห็น ผมอยากเจอเธออีกครั้งจังเลย ผมอยากได้น้องสาวแบบเธอ

                    และแล้วสวรรค์ก็ทำให้ผมได้พบเธออีกครั้ง เมื่อผมย้ายกลับมาเรียนไฮสคูลที่เมืองไทยหลังจากนั้นสิบสามปี วันนั้นแม่พาผมให้มารู้จักกับคุณน้าข้างบ้าน ซึ่งแม่หวังว่าจะฝากฝังผมกับโซฮยอนให้คุณน้าช่วยดูแล พวกเราเวลายู่ที่เมืองไทยกันสองคน ในระหว่างที่พ่อกับแม่ทำเรื่องย้ายมาที่นี่

                    "แม่หนูกลับมาแล้วคะ" ลูกสาวคุณน้าข้างบ้านที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียน

                    "กลับมาแล้วหรอลูก

    "คะแม่ เออ แม่คะข้างบ้านมีคนย้ายมาอยู่ใหม่แล้วหรอคะ แล้วนายลิงนี่ มาทำอะไรที่บ้านเรากันนะ"

    "เบา ๆ หน่อยสิลูก เสียมารยาท"

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ ก็นายลิงกังนั่นฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ดูสิทำหน้าหรอหราเชียว" เธอคิดว่าพวกเราพูดภาษาไทยไม่ได้ ก็เลยว่าโซฮยอนใหญ่เลย คุณน้าบอกว่าพวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ผมเจอเธอแล้วเมื่อตอนบ่าย เธอวิ่งเข้ามาในลิฟต์ที่ผมยืนอยู่ แล้วก็ทำท่าแปลก ๆ เหมือนกับว่าเธอรับมากๆ อย่างนั้นแหละ พอลิฟต์จอดที่ชั้นหนึ่งเธอก็รีบวิ่งออกไปทันที

    "ไอ.. ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลูกสาวเสียมารยาท" คุณน้าเอ็ดเธอที่เสียมารยาทกับพวกเรา

    "ไม่เป็นไรครับ ผมเจอมาแบบนี้เยอะ ชินแล้วละครับ"

    "ไอ ขอโทษโซฮยอนซะ"

    "แต่แม่คะ.." เธอทำตาโตแต่ แล้วก็ต้องยอมขอโทษแต่โดยดี เพราะเสียงของคุณน้า

    "ฉันขอโทษที่เสียมารยาท ขอโทษด้วยนะคะคุณหน้าที่หนูเสียมารยาท แล้วก็คุณพี่ชายด้วยคะ" รอยยิ้มของเธอดูคุ้นตาผมมาก แล้วผมก็ได้เจอเธออีกครั้งหลังโรงเรียนเลิก แล้วเธอก็เข้ามาทักผม

    "สวัสดีคะ พี่โซยุน จะกลับแล้วหรอคะ"

    "ใช่ กลับด้วยกันสิ ไอ"

    "คะ" ผมจำรอยยิ้มนั้นได้ ถึงแม้จะผ่านมาแล้วถึงสิบสามปี

    "ไอชอบกินไอศกรีมไหม"

    "ชอบคะ ชอบมาก ๆ เลยละคะ"

    "งั้นเราแวะกินไอศกรีมที่หน้าปากซอยกันก่อนไหม พอดีเมื่อวานนี้ไปกินมาเห็นว่าอร่อยดี ก็เลยอยากไปกินอีก จะได้มีเพื่อนกินด้วย"

    "คะ เรื่องกิน ไอรดาไม่มีวันพลาดอยู่แล้วละคะ ^_^" แล้วผมก็ได้รู้จักเธอมากขึ้น เธอคือคนที่ผมรอคอยที่จะเจอมาตลอดสิบสามปี หลังจากวันนั้นเราก็สนิทกันมากขึ้น เราห่างกันแค่ปีเดียวเอง เธอช่างเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและน่ารักจริง ๆ ผมชักอยากได้เธอเป็นน้องสาวของผมจริงๆ แล้วละสิ

    แล้วผมกับไอก็แวะทานไอศกรีมกันที่หน้าปากซอยบ้านก่อนกลับเข้าบ้าน เธอคงไม่รู้หรอกว่า เวลาที่ผมอยู่ใกล้เธอ ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ผมก็เลยต้องรีบขอตัวกลับบ้านก่อน ถ้าผมอยู่กับเธอนานกว่านี้ ผมคงอดใจไม่ไหวแน่ ๆ เลย

    แล้วโชคชะตาก็เข้าข้างผมอีกจนได้ เมื่อคุณน้าข้างบ้านฝากให้ผมช่วยดูแลไอให้ด้วยระหว่างทางไป-กลับโรงเรียน ซึ่งทำให้ผมได้รู้จักไอมากขึ้นอีก แล้ววันนี้เธอก็ส่งรอยยิ้มที่ร่าเริงนั้นมาให้กับผมอีกจนได้

    "ใครมากันนะ โซฮยอน อ้าวไอเองหรอ มีอะไรรึเปล่า"

    "ไอ เองคะพี่โซยุน พอดีแม่ให้เอาต้มยำมาฝาก เห็นอยู่กันสองคน แม่กลัวว่าจะไม่มีอะไรกิน ก็เลยทำอาหารเผื่อค่ะ แต่นายลิงนี่กินไปก่อนแล้ว" พูดจบเธอก็ทะเลาะกับโซฮยอนต่อ ผมเองก็อยากจะเข้าข้างเธอเหมือนกันนะ แต่โซฮยอนก็เป็นน้องชายผม ผมก็เลยมองดูสองคนนั้นทะเลาะกัน แต่แล้วก็ไม่มีใครยอมใครจนผมต้องห้ามทัพอีกจนได้ เวลาที่เธอโมโหนิด ๆ นี่น่ารักชะมัดเลย ผมก็เลยไม่ค่อยห้ามเวลาที่สองคนนี้ทะเลาะกัน ผมชักจะเริ่มเห็นแก่ตัวซะแล้วสิ

    ค่ำวันหนึ่งคุณน้าชวนผมกับโซฮยอนไปทานข้าวที่บ้าน และแล้วผมก็ได้เห็นรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมอยากเจอมาตลอด เธออยู่ที่นี่เอง อยู่ข้าง ๆ ผม เธอคือคนที่ผมประทับใจในรอยยิ้มนั้น ไอ คือ คนเดียวกับเด็กผู้หญิงเมื่อ 13 ปีก่อนที่ผมเจอ รอยยิ้มของเธอช่างไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย จะเปลี่ยนไปก็เพียงแต่ เธอโตเป็นสาวขึ้น (แต่ก็ไม่ได้โตไปจากเดิมสักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะเธอสูงแค่ไหล่ของผมเอง) เธอเป็นเด็กสาวรุ่นที่น่ารัก บวกกับตาที่โตของเธอ และรอยยิ้มที่ทำให้คนรอบข้างสดชื่นนั่น ทำให้ใจผมเต้นรั่วทุกครั้งที่เจอเธอ ผมคอยควบคุมและเก็บอาการไว้ มิฉะนั้นผมอาจจะต้องเสียเธอไปก็ได้ ผมจะรอจนกว่าผมจะแน่ใจว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับผม ถ้าเกิดวันนั้นมันยังไม่สายเกินไปเสียก่อน...ผมจะทนรอ เธอคนพิเศษคนนี้ ผมรอเธอมาสิบสามปีแล้ว และมันคงจะไม่นานเกินไปที่ผมจะรออีกไม่กี่เดือน หรือกี่ปี... : )

    *************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×