ตอนที่ 6 : ง้อ
[ปราณนต์]
ผมแอบเหลือบมองนักศึกษาฝึกงานที่เดินข้างๆอย่างไม่สบอารมณ์เป็นพักๆ เดินกระแทกเท้าแรงขึ้นนิดหน่อยจากตอนแรก ไม่หน่อยก็ได้ ถ้าพื้นโกดังเป็นพื้นไม้ แต่ละก้าวของเค้าก็คงจะดังตึงตังสนั่นโกดังไปแล้ว
เสื้อเชิ้ตนักศึกษาถูกระเบียบเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมาอย่างไม่มีท่าทางว่าจะหยุด นี่เหงื่อไหลหรือเปิดน้ำไว้ในตัวกันแน่นะ ขนาดผมที่ใส่สูทกับเสื้อเชิ้ตถึงสองชั้น เหงื่อที่ไหลยังหยุดไปแล้วเลย
ที่เดินวนโกดังสองรอบ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรนักศึกษาฝึกงานหรอก แค่เดินเพลินไปหน่อย ถามว่าเหนื่อยไหม? เหงื่อตกขนาดนี้ไม่เหนื่อยมั้งครับ แต่พอหันไปเห็นสายตาที่มองตามผมไปทุกจุดที่ผมมองอย่างตั้งใจนั่นก็ทำให้ความเหนื่อยหายไป สายตาที่มองผมเหมือนจะกลัวๆอะไรสักอย่างทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ ก็เลยต้องแอบกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆตอนที่เด็กคนนั้นไม่สังเกตแล้วก็พยายามดึงหน้าในนิ่งเหมือนเดิมตอนที่เค้าหันมาเจอ
ลำบากชะมัด
ปกติ การทำหน้านิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากมากมายสำหรับผม เพราะไม่มีพนักงานคนไหนมาชวนคุย ทำตัวสนิทสนมด้วย กลับบ้านก็ไม่ได้พูดคุยกับใครเท่าไหร่ จะมีก็แค่พูดกับพ่อแม่บ้างนิดหน่อย ยิ้มให้พวกท่านน้อยๆแล้วก็ขอตัวเคลียงาน รอยยิ้มของผมก็มีแต่พ่อกับแม่เท่านั้นแหละที่จะได้เห็นเพราะผมไม่มีคนรักแล้วก็ไม่คิดจะมีด้วย แต่พอมาอยู่กับเด็กคนนี้แค่ไม่กี่นาที หน้านิ่งที่ทำมาหลายปีกลับเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำมันต่อหน้าเค้า ยิ่งเด็กคนนั้นยิ้มออกมา ผมก็ต้องเบนหน้าไปทางอื่นเสมอ ไม่อย่างนั้นหลุดยิ้มแน่ๆ
นักศึกษาฝึกงานคนนี้มีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม รอยยิ้มของเค้าสดใสมาก และเค้าก็ยิ้มง่ายมากเช่นกัน จนพนักงานคนอื่นๆที่เดินผ่านต้องหยุดมองและส่งยิ้มหวานกลับมา สายตาเจ้าชู้พวกนั้น ผมมองนิดเดียวก็ดูออกว่าพวกนั้นคิดอะไร ผมเลยต้องส่งสายตาที่โหดกว่าปกติไปให้ พวกนั้นถึงผมเดินออกไปจากบริเวณนั้น น่าหงุดหงิดชะมัดที่เห็นคนอื่นมายืนส่งยิ้มหวานให้เด็กคนนั้นแบบนี้ ส่วนเด็กนั่นก็ดันยิ้มกลับแบบไม่คิดอะไรอีกด้วย แต่คนที่คิดคือพวกนั้นต่างหากล่ะ
นักศึกษาฝึกงานคนนี้เป็นยังไงกันแน่นะ มาฝึกงานวันแรกก็ทำให้ผมทั้งหงุดหงิด ทั้งหลุดมาดได้ขนาดนี้ กว่าจะครบ 1 ปี ผมแย่แน่ๆ มาดที่วางมาตลอดหลายปีต้องพังหมดแน่ๆ
เดินพ้นบริเวณโกดังออกมา จังหวะฝีเท้าที่กระแทกแรงๆในตอนแรกก็กลับมาเป็นปกติ คนที่เดินตามอยู่ข้างๆหน้าบึ้งตึง ไม่ยิ้มแย้มตลอดทาง แต่พอพนักงานคนอื่นเดินผ่านมาแล้วส่งยิ้มให้กลับยิ้มกลับไปเหมือนกับว่าอารมณ์ดีมากทั้งวัน ทั้งๆที่เมื่อกี้แทบจะกินหัวผมเข้าไปอยู่แล้ว
ผมเดินเลี้ยวมาอีกฝั่งก่อนที่จะถึงตัวบริษัทที่ต้องไปตรวจงานต่อ ตรงไปที่ร้านกาแฟที่เป็นร้านเล็กๆตั้งอยู่ เดินเข้าไปแล้วเลือกที่นั่งมุมหนึ่งในร้าน
“ต้องตรวจในร้านกาแฟด้วยหรอครับ” นักศึกษาฝึกงานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนที่ผมชอบทำ แต่แฝงไปด้วยความประชดประชันและไม่สบอารมณ์อยู่หน่อยๆ และนั่นก็ทำให้ผมกระตุกยิ้มมุมปากและดึงหน้าให้นิ่งอีกรอบ ทำไมเด็กคนนี้ชอบทำให้ผมหลุดมาดจังนะ
“เปล่าหรอก ผมเห็นคุณเดินจนเหนื่อยแล้วเลยพามานั่งพัก ค่อยไปเดินตรวจต่อก็ได้ เหลือไม่มากหรอก” ผมบอกไปตามความจริง ที่จริงก็ตั้งใจแต่แรกอยู่แล้วว่าจะพามานั่งร้านกาแฟก่อนไปตรวจต่อ เพราะเค้าคงยังไม่ได้มานั่งร้านนี้แน่ๆ ส่วนร้านที่อยู่ที่ฝั่งเป็นแค่ร้านขายเครื่องดื่มธรรมดา ไม่มีที่นั่งเหมือนร้าน
ร้านกาแฟร้านนี้อยู่ไกลออกมาหน่อย อยู่คนละฝั่งกับบริษัทด้วย มีไว้นัดคุยงานหรือไม่ก็พวกที่เข้ามาติดต่องานแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อย บรรยากาศในร้านก็ตกแต่งสไตล์โมเดิลนิดๆ วินเทจหน่อยๆอย่างลงตัว เหมาะมากสำหรับการมานั่งพักผ่อนชิวๆ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็ชอบมานั่งกันในช่วงพักเบรก ถึงจะแค่ 15 นาทีก็พากันมา
“ถ้ารู้ว่าเหนื่อยแล้วเดินวนอีกทำไมครับ ไม่มีเวลาออกกำลังกายขนาดนั้นเลยหรอ” ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้ ผมคงด่าไปด้วยเสียงนิ่งๆเย็นๆของตัวเองว่าไม่มีมารยาท แต่สำหรับเด็กคนนี้กลับทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ยิ้มที่ยิ้มจริงๆ ไม่ได้แอบกระตุกมุมปากแล้วดึงหน้า น้ำเสียงและรูปแบบประชดประชันนั่นมันทำให้ตัวเค้าน่าเอ็นดู
คนตรงหน้าชะงักไปนิดหน่อย คงเพราะไม่เคยเห็นผมยิ้ม ก่อนจะตีหน้านิ่งใส่แล้วจ้องผมอยู่อย่างนั้น อะไรกัน นี่จะมาสลับบุคลิกตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงานเลยหรือไง เด็กคนนี้นี่!
“เอสเพรสโซเย็น 1 ครับ” ผมสั่งเมนูเครื่องดื่มกับพนักงานไป ก่อนจะหันไปมองคนตรงหน้าเป็นเชิงถามว่าเอาอะไร
“ชาเขียวปั่นไม่หวานครับ” เค้าสั่งกับพนักงานเสร็จก็กลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิม เบนสายตาออกไปมองนอกร้านไม่สนใจผม
“ผมขอโทษนะ” ผมพูดสิ่งที่อยากจะบอกเค้าออกไป เค้าคงเป็นคนแรกที่ผมพูดขอโทษตั้งแต่ผมทำงานที่นี่มา แค่รู้สึกว่าตัวเองผิดจริงๆที่ทำให้เด็กคนนี้ต้องเดินจนขาลาก เหงื่อแตกพลั่กแบบนั้น ดูก็รู้ว่าคงเป็นคนไม่ชอบออกกำลังเลย เป็นคนเหงื่อออกเยอะด้วย คนที่ผมพูดด้วยหันขวับมามองผมอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินคืออะไรกันแน่
“ว่าไงนะครับ” เค้าถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจของตัวเอง ผมก็เลยพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งคุณจริงๆนะ ผมแค่...” ผมเอ่ยขอโทษคนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะลากเสียงยาวเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว ก็ไม่อยากจะบอกไปหรอกว่าจริงๆแล้วอยากเดินด้วยนานๆ
“แค่?” คนตรงหน้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะย้ำถามผม
“เอ่อ..” ผมอึกอักไม่ยอมพูดออกไป บอกแบบนั้นไม่ได้จริงๆนะ
“ช่างเถอะครับ ไม่อยากรู้ก็ได้ แต่จริงๆแล้ว ท่านประธานไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมไม่มีสิทธิ์โกรธคุณอยู่แล้ว” เค้าพูดอย่างประชดประชันอีกครั้งก่อนจะเบนสายตาไปด้านนอก ตัดบทสนทนากับผม
นี่ผมต้องง้อเด็กนี่หรอ?
“เอสเพรสโซเย็น 1 ชาเขียวปั่นไม่หวาน 1 ค่ะ” เสียงของพนักงานดังขึ้นขัดความคิดในสมองผมที่กำลังไตร่ตรองว่าควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
จะให้ง้อเด็กฝึกงานงั้นหรอ ตลกน่า เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เด็กคนนั้นก็พูดออกมาเองว่าไม่ได้โกรธ...ถึงอาการทั้งหมดจะตรงกันข้ามก็เถอะ แล้วผมควรทำยังไงดี
“ขอบคุณครับ” ผมและนักศึกษาฝึกงานพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มคนละนิด
“ตอนนี้ทางร้านมีเมนูใหม่แนะนำค่ะ เป็นมัทชะช็อตเค้ก สูตรนี้ไม่หวานมากค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับไหมคะ” พนักงานคนเดิมถามขึ้นโดยหันไปพูดกับเด็กฝึกงานโดยตรง เพราะรู้ดีว่าผมไม่กินเค้กและขนมอื่นๆนอกจากกาแฟ
“เค้กชาเขียว...เอา...เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับ พอดีต้องรีบไปทำงานต่อน่ะครับ” เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ผมแอบเห็นแววตาเป็นประกายของคนตรงหน้าตอนพูดถึงเค้กชาเขียวอะไรนั่น และเหมือนเค้าจะหลุดสั่งออกไปแล้วด้วย แต่พอหันมาทางผม เค้าก็เลือกที่จะปฏิเสธไป
“ผมเอา 2 ชิ้น ใส่กล่องนะครับ” ทั้งพนักงานและเด็กฝึกงานตรงหน้าหันมามองหน้าผมแทบจะพร้อมกันเมื่อได้ยินที่ผมสั่ง ก่อนที่พนักงานจะพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกไป
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง คนตรงหน้าดื่มเครื่องดื่มไปทีละนิด และหันหน้าไปด้านข้างตลอดเวลา จนผมห่วงว่าเค้าจะหันกลับมาได้หรือเปล่า
“ไม่ปวดคอหรือไงกัน” ด้วยความที่คิดอะไรเพลินๆอยู่ในใจ ผมก็เลยหลุดปากพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปจนคนตรงหน้าหันขวับมามองตาขวางก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบนิ่งเป็นการตอบคำถาม
“ไม่” พูดไว้แค่นั้น เค้าก็หันกลับไปทางเดิม
ผ่านไปเกือบ 10 นาทีได้ที่ภายในโต๊ะไม่มีเสียงการสนทนาใดๆ ผมยกนาฬิกาขึ้นดูก็ปรากฏเวลาเดินตรวจที่ผมออกตรวจปกติของทุกวัน จึงตัดสินใจเรียกเก็บเงิน
“คิดเงินเลยครับ” ผมบอกกับพนักงานเสียงไม่ดังมากเพราะไม่ชอบพูดเสียงดัง และอีกอย่าง ภายในร้านตอนนี้ก็ไม่มีคนนั่งอยู่นอกจากเจ้าของร้านและพนักงาน 1 คน
พนักงานคนเดิมเดินตรงมาที่โต๊ะของผมพร้อมกับเค้กชาเขียวสองชิ้นที่ผมสั่งไว้ก่อนหน้านี้ เธอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยื่นถุงใสที่บรรจุเค้กสองชิ้นมาให้ผมก่อนจะเอ่ยจำนวนเงินที่ผมต้องจ่าย
“เอสเพรสโซ่เย็น 1 ชาเขียวปั่นไม่หวาน 1 มัทชะช็อตเค้ก 2 ชิ้น ทั้งหมด 275 บาทค่ะ” สิ้นเสียงพนักงาน ผมก็รีบส่งธนบัตรใบสีม่วงไปให้เมื่อเห็นว่าอีกคนที่อยู่ตรงข้ามกำลังจะยื่นธนบัตรสีแดงไปเหมือนกัน
“รอเงินทอนสักครู่นะคะ” เธอรับเงินจากผมไปแล้วบอกอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อหยิบเงินทอนให้ ระหว่างรอ ธนบัตรใบสีแดงที่เกือบจะถูกยื่นให้พนักงานก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกับเสียงของเจ้าของเงิน
“ค่าน้ำของผม”
“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการขอโทษก็แล้วกัน..ส่วนนี่ ของคุณ” ผมดันมือเล็กๆที่ยื่นเงินมาให้ผมกลับไป ก่อนจะยื่นถุงที่บรรจุเค้กตามไปให้อีกคน แอบเห็นแววตาเป็นประกายตอนที่มองกล่องเค้กของเด็กคนนั้น แต่แค่ไม่นาน เค้าก็กลับมาทำหน้านิ่งๆเหมือนเดิมก่อนจะปฏิเสธผมอย่างสุภาพ
“ผมคงรับไว้ไม่ได้ ยังไงก็ขอบคุณครับ”
“ผมให้ก็รับไปเถอะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าปฏิเสธด้วยท่าทีเสียดายแบบสุดๆ ผมเลยใช้มือจับมือข้างหนึ่งของเค้าขึ้นมาแล้วส่งถุงเค้กไปไว้ในมือนั่น
“ได้แล้วค่ะ ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ” พนักงานเดินกลับมาพร้อมกับเงินทอนขัดจังหวะการปฏิเสธของใครอีกคน เด็กตรงหน้าก็เลยอ้าปากค้างกลางอากาศอย่างน่าเอ็นดู ผมรับเงินทอนมาแล้วเดินนำออกมาจากร้านเพื่อตัดบทสนทนาทั้งหมดและเป็นการหนีคำปฏิเสธของเด็กฝึกงานคนนั้นด้วย ดูจากแววตาเป็นประกายนั่นตอนมองเค้กชาเขียวในกล่องก็รู้แล้วว่าเค้าคงชอบชาเขียวมากๆ ตอนเที่ยงก็เห็นกินไปแล้วแก้วหนึ่ง มานั่งร้านนี้ก็สั่งอีก และดูท่าทางแล้วก็คงจะชอบชาเขียวปั่นร้านนี้มากๆเพราะเค้ายิ้มทุกครั้งที่กินมัน
หลังจากใช้สมองที่ส่วนใหญ่เอาไว้วิเคราะห์และแก้ไขปัญหางานคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจซื้อเค้กสองชิ้นนั้นที่ดูท่าทางเด็กคนนั้นน่าจะอยากทานมากให้เพื่อเป็นการขอโทษ ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรด้วย หรือว่าแคร์อะไรมากมายขนาดนั้นหรอก ก็แค่ไม่อยากโดนมองว่าเป็นเจ้านายใจร้ายที่ชอบแกล้งเด็กฝึกงาน เป็นประธานสุดโหดไม่น่าคบ แล้วก็ไม่อยากโดนนักศึกษาฝึกงานที่นานๆจะขอมาลงฝึกทีอคติกับผมจนทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ
ก็ไม่ได้หวังว่าเค้กสองชิ้นนั้นจะทำให้เค้าหายโกรธ แต่ก็แอบหวังนิดๆว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง เพราะผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว คนที่ไม่เคยต้องมาตามทำอะไรแบบนี้ให้ใครอย่างผมก็ทำได้แค่นี้แหละ เกิดมาเกือบจะครึ่งชีวิต ไม่เคยต้องคอยเอาใจหรือตามใจใคร ไม่เคยเอาแต่ใจด้วย ก็เลยทำได้แค่นี้จริงๆ แต่ดูจากรอยยิ้มสดใสที่ค่อยๆกลับมา น้ำเสียงร่าเริงที่ค่อยๆคุยจ้อกลับมา เค้กสองชิ้นนั้นก็คงช่วยผมได้มากทีเดียวล่ะ
418 ความคิดเห็น
-
#381 Xialyu (@Xialyu) (จากตอนที่ 6)วันที่ 6 พฤษภาคม 2561 / 17:10เค้าก็อยากกินเค้กกกกกกบ้าง#3810
-
#315 creamsarang (@creamsarang) (จากตอนที่ 6)วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 / 07:58โถท่านประธานยังต้องง้อเด็กฝึกงานอ่ะ โคตรพีค#3150
-
#297 HygeiaCruz (@NukNikNyx) (จากตอนที่ 6)วันที่ 4 ตุลาคม 2560 / 14:10หลงเด็กมันอะเซ่555555#2970
-
#46 เดือนกับตะวัน (@DaoKubTawann) (จากตอนที่ 6)วันที่ 7 มิถุนายน 2560 / 21:26โง้ยยยยยย น่ารักอ่ะ ฟินนนนนน >< ท่านประธานไม่ได้รู้สึกอะไรเล้ยยย ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงจริ๊งงงงงงง(หาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเยอะมาก) ก่อนหน้านั้นก็หวงเค้าไปแล้วเนอะ ง้อเด็กก็ต้องขนมให้เด็กกินแบบนี่แหละท่านถูกแล้ว >< ส่วนเด็กฝึกงานก็เข้าใจนะมันแค่อารมณ์ไม่พอใจ+หมั่นไส้หน่อยๆกับคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอนเลยยยเนอะ อืมมม แอบคิดถึงตอนที่พี่อาทิตย์บอกว่าไม่ได้หึงเว้ยยยย =.,=#461
-
#46-1 finfinity (@finfinity) (จากตอนที่ 6)9 มิถุนายน 2560 / 15:43คู่นี้มันก็จะน่ารักอยู่หน่อยๆ ทั่นประธานก็จะแถหน่อยๆ เด็กฝึกงานก็ซึนหน่อยๆเช่นกัน 55555#46-1
-
-
#45 TAKARA KUN (@TAKARAKUN) (จากตอนที่ 6)วันที่ 7 มิถุนายน 2560 / 21:12คริสไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยแต่เอาเถอะหายงอนท่านประธานได้ก็ดี#451
-
#45-1 finfinity (@finfinity) (จากตอนที่ 6)9 มิถุนายน 2560 / 15:43ก็ไม่ได้งอนแต่แรกนี่่ คริสไม่ได้กล่าว ไรท์กล่าวเอง 5555#45-1
-
-
#44 jomjune0406 (@jomjune0406) (จากตอนที่ 6)วันที่ 7 มิถุนายน 2560 / 19:18เฮ้ออออ แอบถอนใจไรท์คนนี้นี่เน้อ อัพมาแบบกระปริบกระปรอยง่ะ#441
-
#42 senir (@senir) (จากตอนที่ 6)วันที่ 5 มิถุนายน 2560 / 17:44กด1ไปเลยค่าเลิกเรียนแล้วมาอ่านทำให้เค้ายิ้มได้จริมๆ#421
-
#42-1 finfinity (@finfinity) (จากตอนที่ 6)5 มิถุนายน 2560 / 18:12ไรท์ก็เลิกเรียนแล้วมาอ่านคอมเม้น ยิ้มได้เหมือนกัน กิกิ#42-1
-
-
#41 เดือนกับตะวัน (@DaoKubTawann) (จากตอนที่ 6)วันที่ 5 มิถุนายน 2560 / 16:55กด1ค่าาา มาต่อเร็วๆเลยไรท์ ค้างงงง รู้จักกันแค่วันเดียวก็งอนง้อกันซะแล้วววว ><#411
-
#41-1 finfinity (@finfinity) (จากตอนที่ 6)5 มิถุนายน 2560 / 17:11มันเรียกว่าการเริ่มทำความรู้จัก 5555 จะรีบมาค่ะ น่าจะพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันศุกร์เลย อาาทิตย์นี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมอ่ะ แงงงง#41-1
-
-
#40 jomjune0406 (@jomjune0406) (จากตอนที่ 6)วันที่ 5 มิถุนายน 2560 / 15:12เหวอออ ไปไม่เป็นเลยอ่ะ เขียนมาให้อ่านแค่เนี๊ยะ ตายๆๆๆๆๆๆๆ#401
-
#39 gifza12360 (@gifza12360) (จากตอนที่ 6)วันที่ 5 มิถุนายน 2560 / 13:36กด1ค่าาา#391
-
#38 สายไหมสีฟ้าเขียว (@pukbun) (จากตอนที่ 6)วันที่ 5 มิถุนายน 2560 / 13:29กด1 5555 อยากให้เค้าดีๆกัน#381