ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Valhalla And The Stone Of Zodiac

    ลำดับตอนที่ #4 : ของสำคัญ

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 49


            หลังจากวันนั้นเร็นก็ได้รู้จักเพื่อนต่างโรงเรียนถึง  2  คน  ทั้ง  3  คน  มักจะนัด

    กันไปที่ร้านขายเครื่องดื่มร้านเล็กๆ  ร้านหนึ่งซึ่งไม่ค่อยจะมีใครแวะเข้าไปและถึงจะมี

    ก็จะเป็นคนที่แต่งตัวประหลาดๆ  ด้านหน้าของร้านมีตัวหนังสือสีทองสลักไว้ที่ป้าย

    ไม้ห้อยอยู่หน้าร้านว่า  "Cafe  Garage"  พวกเขาทั้ง  3  กลายเป็นขาประจำของร้าน

    นี้ภายในเวลา  1  อาทิตย์  ร้านนี้มีชายวัยกลางคนผู้ใจดีเป็นเจ้าของซึ่งทั้งร้านมีเพียง

    เจ้าของร้านอยู่คนเดียวเขามักจะเลี้ยงเครื่องดื่มแก่ทั้ง  3  คนบ่อยๆ



            ภายในร้านตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  เก้าอี้ไม้โอ๊กขัดเงามันปลาบเรียง

    ยาวไปตามแนวโต๊ะ  ด้านหลังโต๊ะยาวมีชั้นวางขวดเรียงรายอยู่  ทั้งขวดเหล้า  ขวด

    เบียร์  และไวน์ยี่ห้อต่างๆ  พื้นและเพดานสะอาดทุกซอกทุกมุม  มีรูปภาพสวยงาม

    หลายรูปแขวนอยู่ตามผนัง  มีเสียงเพลงเบาๆ  ให้ผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา  ทั้ง  3

    คน  ชอบรสชาติของเครื่องดื่มที่นี่มาก  ทุกๆ  เย็นหลังเลิกเรียนพวกเขาจะนัดมาเจอ

    กันที่ร้านนี้



            ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะคุยกันในหลายเรื่องทั้งเรื่องปัญหา  ความกลุ้มใจ

    รวมถึงเรื่องสนุกต่างๆ  ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน  ซึ่งก็ได้รู้ว่าทั้ง  3  คนนั้นไม่ค่อยจะมี

    เรื่องประทับใจให้หน้าจดจำนักเพราะทั้ง  3  คนต่างก็ย้ายมาจากต่างจังหวัด  จึงไม่มี

    เพื่อนเลยซักคนเดียวในโรงเรียนใหม่ของพวกเขา



            เคนเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีแต่เล่นกีฬาไม่ค่อยจะเก่ง  การเรียนอยู่ในระดับ

    ปานกลาง  เขาเป็นคนที่กล้าหาญมากทีเดียวเมื่อได้ฟังเรื่องในอดีตของเขาเมื่อเขา

    เล่าว่าครั้งหนึ่งเคยกระโดดไปช่วยเด็กอายุ  5  ขวบ  ที่กำลังจะจมน้ำทั้งที่ตัวเองว่าย

    น้ำไม่เป็น



            ส่วนเอก็เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีเช่นกันแต่เล่นกีฬาอะไรไม่เป็นเลยเหมือน

    กับเร็น  แต่ด้านการเรียนของเขาอยู่ในระดับที่เรียกว่าเป็นอัจฉริยะมากทีเดียว  เอ

    สามารถคำนวณทุกอย่างให้เป็นเปอร์เซ็นต์ได้จนมีฉายาว่าเจ้าแห่งข้อมูล  แต่เขา

    กลับไม่มีเพื่อนเพราะเขามองแล้วดูเป็นคนเก็บตัวนั่นเอง  (แต่น่าสงสัยจริงๆ  ทำไม

    เขาถึงไม่เข้าโรงเรียนดีๆ  หรือสอบแข่งขันอะไรพวกนั้น)  เอเป็นคนที่เสียสละมาก

    ด้วยเมื่อเขาเล่าให้ฟังว่า  เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาสละสิทธ์ที่จะเข้าโรงเรียนชื่อดัง  เพื่อให้

    เด็กสาวที่ติดตัวสำรองอันดับหนึ่งได้เข้าเรียนในโรงเรียนนั้น  ต่อมาไม่นานเร็นก็ได้

    แนะนำให้ทั้ง  2  คนรวมถึงเจ้าของร้านการาจรู้จักกับผม



            "นี้คือ  ฟลูน  ฉันไปเจอสลบอยู่หน้าบ้านเมื่อ  2  เดือนก่อนน่ะ"  เร็นเริ่มอธิบาย

    รายละเอียด



            ทุกคนอ้าปากค้าง  หน้าตาตกใจสุดขีด  เมื่อได้เห็นตัวผม  เสียมารยาทจริงๆ 

    ผมนั้นออกจะน่ารักซะขนาดนี้ -*-



            "ไม่หน้าเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายจะมีจริงนะเนี่ย"  เคนยังคงตกใจอยู่

            "นี่คงไม่ใช่ตุ๊กตาไขลานหรอกนะ"  เจ้าของร้านถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

            "แต่เดี๋ยวนี้ก็มีคนจินตนาการรูปแบบที่คล้ายๆ  กันกับเจ้าหยดน้ำมีปีกออกมา

    เยอะนี่"  เคนพูดขึ้น

            "นั่นเพราะนี่เป็นรูปแบบที่ออกแบบได้ง่ายน่ะสิครับ"  เอบอก

            "นี่ไม่ใช่ร่างจริงของฉันซะหน่อย  ร่างจริงของฉันนั้นออกจะเท่แสนเท่เน้อ"  ผม

    พูดขึ้น  ทุกคนยกเว้นเร็นก็ต้องตกใจอีกครั้ง

            "พูดได้ด้วย  !"  เคนตกใจจนอ้าปากค้างอีกครั้ง

            "นี่คงไม่ได้อัดเสียงได้หรอกนะ"  เจ้าของร้านถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง  เอดัน

    แว่นที่เลื่อนตกไปที่ปลายจมูกให้เข้าที่เดิม



            ผมเริ่มเล่าอดีตของผมให้ทุกคนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ  (เร็นไม่ได้ฟังเพราะฟังบ่อย

    แล้ว)



            "เป็นชีวิตที่น่าเศร้าจริงๆ  นะ"  เคนบอก

            "เรื่องคำสาปแบบนี้อ่านเจอในนิยายแนวแฟนตาซีได้บ่อยๆ  นะครับ"  เอพูดขึ้น

            "เอาเครื่องดื่มอะไรหน่อยไหม  ?  เอาเหมือนเดิมกันใช่ไหม  ?"  เจ้าของร้าน

    ถามขึ้น



            ทุกคนพยักหน้าตอบ  จากนั้นเจ้าของร้านก็เริ่มชงเครื่องดื่ม  ไม่นานเครื่องดื่มก็

    ถูกนำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าทั้ง  3  ความจริงแล้วเร็นชอบดื่มน้ำอัดลมแต่เมื่อมาร้านนี้

    บ่อยๆ  เขาก็เริ่มติดใจรสชาติของเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่เจ้าของร้านคิดค้นขึ้นเอง

    ส่วนเคนรู้สึกว่าเขาจะไม่เคยกินน้ำชนิดไหนเลยนอกจากน้ำเปล่าแต่สุดท้ายก็มาติด

    ใจเครื่องดื่มสูตรพิเศษของเจ้าของร้าน  เอชอบกินกาแฟเขาบอกว่าเวลาอ่าน

    หนังสือ  มันช่วยทำให้เขาตาสว่างซึ่งเจ้าของร้านก็ได้คิดกาแฟรสชาติใหม่ขึ้นทำให้

    เอติดใจไปเลย  ส่วนผมน่ะเหรอถึงจะเป็นปีศาจแต่ผมชอบกินขนมหวานของมนุษย์ที่

    สุดเลยนะ  (เครื่องดื่มไม่ชอบครับ)



            หลังจากนั้นเร็นก็พาผมไปที่ร้านการาจบ่อยๆ  จนในวันหนึ่งทั้ง  4  ต้องเฝ้าร้าน

    ให้เจ้าของร้านเนื่องจากเขามีธุระด่วน  เขาบอกกับทั้ง  4  ว่าคงจะมีลูกค้าเข้ามา

    หรอกนะ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรีบเร่ง…-*-



            "ทำไมเขาถึงไม่ปิดร้านนะ  ถ้าไม่มีลูกค้ามาในเวลาที่เขาไม่อยู่"  เร็นพึมพำขึ้น

    แต่เคนไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก  ที่เขาสงสัยก็คือ...



            "เร็นฉันสงสัยมานานแล้วว่านั่นคืออะไร?"  เคนถามขึ้นพลางชี้มาที่สร้อยคอที่

    ห้อยด้วยแหวนเงินวงเล็ก  2  วง  วงหนึ่งสลักเป็นรูปดวงอาทิตย์  อีกวงหนึ่งสลักเป็น

    รูปพระจันทร์เสี้ยว  เอหันมามองทันทีแสดงให้เห็นว่าเขาก็กำลังสนใจอยู่เหมือนกัน

    เมื่อได้ยินคำถามนี้ผมจึงหันไปตั้งใจฟังคำตอบด้วยเพราะว่าผมก็สงสัยมานานแล้ว

    เหมือนกัน



            "อ้อ!  นี่เป็นของสำคัญของฉันเองน่ะ"  เร็นบอกพลางยิ้มแล้วจับแหวนทั้ง  2  วง

    ขึ้นมาให้ดูชัดๆ

            "เป็นความทรงจำที่ดีน่ะ  อยากฟังรึเปล่าล่ะ  ?"  เขามองเพื่อนทั้ง  3  ที่พยักหน้า

    ตอบรับ  เขาจึงเล่าว่า...



            "เมื่อ  3  ปีก่อนช่วงที่ปิดเทอมฤดูร้อนกำลังจะจบ  ตอนนั้นพี่หลิงกำลังจะกลับ

    เข้ากรุงเทพฯ  เพื่อเรียนม.5  ต่อ  ส่วนพี่ริวก็กำลังเข้าไปเรียนม.4  ที่กรุงเทพฯ  เหมือน

    กัน  ตอนนั้นฉันอายุได้ 9 ปี (ป.3)  ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันสุขภาพร่างกายอ่อนแอมาก

    จนต้องนอนซมทั้งวัน  คืนนั้นพี่หลิงกับพี่ริวพาฉันไปหาที่ดาดฟ้าของบ้าน



            'เร็น  พอพวกพี่ไม่อยู่แล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้ไหม'  พี่หลิงพูดขึ้น

            'แต่ผมอยากอยู่กับพี่ทั้ง  2  คนนี่นา'

            'เดี๋ยวพอเร็นอายุ  13 ปี  ก็ต้องได้ไปอยู่กับพวกพี่แน่  พี่จะช่วยพูดกับพ่อให้เอง'

    พี่หลิงบอก

            

            ในครอบครัวของเร็นเมื่ออายุครบ  15 ปี  แล้วจะต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ

    แต่ในตอนนั้นพ่อของเร็นไม่ยอมที่จะให้เร็นไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ  ในตอนม.4 

    เหมือนพี่ทั้ง  2  คน



            'เร็น  นายจะต้องเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง  เพื่อปกป้องพี่หลิงและคนสำคัญของ

    นายเอง  ถ้ามัวแต่ร้องไห้แบบนี้แล้วจะปกป้องใครได้'  พี่ริวว่าพลางมองมาที่เร็นด้วย

    แววตาคู่สีดำสนิทที่ราวกับมองผ่านตัวเร็นอย่างทะลุปุโปร่ง



            จากนั้นพี่ทั้ง  2  ก็หยิบแหวนเงินออกมาคนละวง  แหวนเงินของพี่ริวเป็นรูปดวง

    อาทิตย์  ส่วนของพี่หลิงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว  แล้วเอาแหวนทั้ง  2  วง  มาร้อยใส่

    สร้อยเงิน



            'มีดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์  แต่ยังไม่มีดวงดาว'  พี่ริวบอก

            'เร็น  เราน่ะจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสรู้ไหม  เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งเข้าไว้'

    พี่หลิงยิ้มให้พร้อมกับคล้องสร้อยเงินให้กับเร็น

            'สัญญาได้ไหม  ?  ว่านายจะต้องเข้มแข็งขึ้น  แล้วมาอยู่กับพวกพี่  ?'  พี่ริวถาม

    เร็นรู้สึกงงเล็กน้อยเพราะน้อยครั้งที่จะได้เห็นพี่ริวพูดออกมาแบบนี้



            แต่เมื่อเห็นสิ่งที่พี่ทั้ง  2  ทำให้กับตัวเอง  เร็นก็ยิ้มออกมา  และสัญญากับตัวเอง

    ว่าเขาจะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อตามพี่ทั้ง  2  ให้ทัน



            'ผม...ขอสัญญาต่อหน้าดวงดาวที่ส่องประกายทั่วทั้งท้องฟ้าว่า

    ผมจะเข้มแข็งขึ้นเหมือนพวกพี่ๆ  ให้ได้'  เร็นยิ้มพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นฟ้าที่เต็มไปด้วยดวง

    ดาวนับล้านดวง



            ทันที่ที่พูดจบพี่หลิงก็โอบกอดเร็นแน่น  มีน้ำตาซึมนิดๆ  ส่วนพี่ริวก็ยกนิ้วโป้งให้

    พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน  แว่นตาทอประกายสะท้อนแสงจันทร์

    ในวันรุ่งขึ้นพี่หลิงกับพี่ริวก็ออกเดินทาง  และฉันก็เก็บสร้อยนี้ไว้กับตัวเองตลอดเลย

    ล่ะ"  เร็นยิ้มเมื่อได้เล่าถึงเรื่องราวในตอนนั้นซึ่งทำให้เขาได้หวนกลับสู่ความทรงจำที่

    ดี



            "ก็เลยกลายมาเป็นของสำคัญสินะครับ"  เอพูดขึ้น

            "อืม  ยิ่งกว่าชีวิตเลยล่ะ"  เร็นบอก

            "แล้วทำไมถึงไม่มีแหวนรูปดวงดาวห้อยอยู่ด้วยล่ะ  ในเมื่อนายได้มาที่

    กรุงเทพฯ  แล้ว"  เคนถามขึ้น

            "ก็เพราะว่าฉันยังไม่เข้มแข็งเหมือนกับพวกพี่ๆ  นะสิ"  เร็นตอบเสียงเศร้าๆ

            "แต่ว่านายพึ่งจะป.6  เองนี่นาทำไมถึงได้มาอยู่กรุงเทพฯ  ล่ะ"  ผมถามด้วย

    ความแปลกใจ

            "เพราะว่าพี่หลิงบอกพ่อว่ายิ่งฉันมากรุงเทพเร็วขึ้นฉันก็จะยิ่งเข้มแข็งเร็วขึ้น

    พ่อก็ไม่เข้าใจอะไรมากหรอกนะ  แต่ถ้าพี่หลิงเป็นคนขอพ่อจะยอมหมดแหละ"  เร็น

    อธิบาย



            นานอยู่ครู่หนึ่งที่ทุกคนเงียบไป  ในที่สุดเคนก็พูดขึ้นมาเมื่อเขาเริ่มสังเกตเห็น

    สิ่งแปลกๆ



            "เร็นผมของนายเป็นอะไรไปน่ะ  !?"  เคนมองดูเร็นอย่างตกใจ  เอหันมามอง

    และขยับแว่น  เพื่อจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นจริงดังว่ารึเปล่า  ทุกคนต้องตกใจสุดขีด  เมื่อ

    ได้มองไปที่เร็น  ผมของเร็นยาวขึ้นจนถึงคอ  มีหลายเส้นที่กลายเป็นสีแดงและทอ

    ประกายแสงสีแดงด้วย  ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะยังมีผมสีดำอยู่แต่ถ้ามองผ่านๆ  แล้วจะ

    ดูเหมือนกับว่าเขามีผมสีแดงเลยจริงๆ  แต่ตอนที่มาที่นี่เมื่อเช้ายังมีแต่สีดำอยู่เลยนี่

    นา  เร็นดูงงเล็กน้อยเขาลุกขึ้นเพื่อไปส่องกระจกในห้องน้ำ   ทันทีที่เขาลุกขึ้น

    ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  ทุกคนตะลึงจนพูดไม่

    ออก  ในตอนนั้นผมรู้สึกกลัวเร็นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  รู้สึกเหมือนเคยเห็นอะไรแบบ

    นี้มาก่อนแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน...



            หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของร้านก็กลับมา



            "ขอบคุณที่เฝ้าร้านให้นะเดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเอง"  เจ้าของร้านยิ้มให้เหนื่อยๆ

    เป็นเวลากว่า  4  โมงเย็นแล้วที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน



    __________________________________________________________________________________________



            ในขณะเดียวกัน  ณ  สถานที่ที่ไกลออกไปสุดๆ  จนถ้าบอกว่าเป็นที่ไหนคุณคง

    จะไม่เชื่อ



            ภายใต้เหวลึกที่สุด  ที่นั่นมีประตูหินขนาดใหญ่มหึมา  สลักด้วยอักษรโบราณ

    สลักไว้  ตรงกลางประตูมีสัญลักษณ์ดาวหกแฉกที่มีวงแหวนตัวอักษรโบราณล้อม

    รอบหลายวงกำลังทำหน้าที่ผนึกประตูหินขนาดใหญ่  หมอกสีขาวหนาทึบปกปิดจน

    มองไม่เห็นประตูหินขนาดยักษ์นัก  เงาในชุดผ้าคลุมดำมีฮู้ดปกปิดใบหน้าร่างหนึ่ง

    กำลังเดินอยู่ท่ามกลางสายหมอกหนาทึบอันเยียบเย็น



            ร่างนั้นเดินเข้าไปใกล้ประตูหิน  พลางยื่นมือเข้าไปแตะอักษรโบราณที่ล้อมรอบ

    ดาวหกแฉก  แล้วเริ่มขยับนิ้วเขียนอักษรโบราณตามสลักหิน  ทันทีที่เริ่มเขียนเขต

    อาคมเวทย์ส่องแสงประกายเข้าใส่ร่างลึกลับอย่างไม่ปราณี  ร่างนั้นทนต่อแสงนั้น

    อย่างสุดฤทธิ์พยายามเขียนอักษรที่เริ่มเรืองแสงหลังจากอักษรตัวนั้นถูกเขียนเสร็จ

    เมื่อเขียนจนรอบดาวหกแฉก  ดาวหกแฉกก็ส่องแสงสว่างสีทองแสบตา  ร่างลึกลับ

    กระเด็นหายเข้าไปในสายหมอกแล้วหายไป  ประตูหินยักษ์สั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะ

    ค่อยๆเปิดออกมา  ปีศาจประมาณ  3  เมตรตัวหนึ่งเดินออกมา  ร่างสีเทาดูแข็งแกร่ง

    ราวกับหินผา  ดวงตาสีดำเข้มไร้ประกาย เขาสีขาวคมขนาดใหญ่มีอยู่ตามตัวของมัน



            "ในที่สุดเดธฮิวก็เปิดออกอีกครั้ง  ข้าได้เป็นอิสระแล้ว"  มันหัวเราะเสียงดังลั่น

    สะท้อนก้องไปภายใต้ก้นเหวลึก



            "อีกไม่นานมันคงจะปิดอีกครั้ง  แต่เมื่อใดที่ประตูเปิดออกในครั้งที่  3  ประตูจะ

    เปิดตลอดกาล  อำนาจแห่งการผนึกจะหลุดออก  มนุษย์จะต้องชดใช้ที่กักขังพวกเรา

    มานาน  เป็น  10,000 ปี..."  มันคำรามลั่น  และหยุดลงอย่างทันที  มันมองไปทั่ว

    พื้นที่รอบด้านที่มีหมอกปกคลุมหนาทึบ  มันสัมผัสอะไรได้บางอย่าง  บางอย่างที่อยู่

    ไกลแสนไกลแต่ทำให้มันกลัวจนขนลุกได้...



            "ราชา..."  มันพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว...!?



    ตัวอย่างตอนต่อไป : ปีศาจร้ายร่างสีเทาบุกเข้าจู่โจม...ราชา

                                       เผยความลับของพี่หลิง  พี่ริว  และพี่หมิว

                                       เมื่อผนึกคลายออกเขาจะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

                                       แนะนำตัวละครใหม่  บุคคลผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตของเร็นและเพื่อน...

                                                                       ...........................................

                                                                           ••Coming Soon••

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×