ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Valhalla And The Stone Of Zodiac

    ลำดับตอนที่ #2 : สายฝนชักนำ

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 49


    "ยามใดที่ผนึกสีแดงได้คลายออก  เมื่อนั้นชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนไป  ตำนานที่ยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น..."



            ปี  ค.ศ.  2001



            "ที่นี่ที่ไหนกัน ?"

            "นั่นใครน่ะ ?"



            ทันทีที่ผมลืมตาลืมตาขึ้นก็พบกับสถานที่แปลกตากับดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งที่

    มองมาที่ผมด้วยแววตาที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา



             "ตื่นแล้วเหรอ ?"

            "ทานอะไรหน่อยไหม ?"



            เดือน  กรกฎาคม  ปี  ค.ศ.  2001



            หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้  2  เดือนแล้วที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล

    ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทั้งหลายไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกในปัจจุบันเพราะปัจจุบัน

    เหล่าปีศาจทั้งหลายได้ไปอาศัยอยู่ในโลกปีศาจ



            พวกผมอยู่กันเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆ  มีชื่อว่า  'ไซเลน'  มีลักษณะเป็นหยดน้ำขนาด

    เท่าลูกฟุตบอล  มีหลากหลายสีสรรค์  และมีปีกสีขาวขนาดเล็ก  ผมเป็นหยดน้ำที่มี

    ตัวเป็นสีส้มสดใสมีชื่อว่า  'ฟลูน'



            พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบพวกเรามีเวทย์มนต์ที่ทำให้คนที่เราไม่อยากจะให้

    เห็นมองไม่เห็นตัวเราพูดง่ายๆก็คือล่องหนได้นั้นแหละ  ที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้มีร่าง

    กายที่ดูอ่อนแอขนาดนี้หรอกนะพวกเราในร่างที่แท้จริงนั้นแข็งแกร่งมากจนเป็นที่

    หวาดเกรงของเหล่าปีศาจทั้งหลายจนในสมัยของราชามังกรพวกเราได้หาญกล้าไป

    ท้าทายกับราชามังกรเข้า  ผลก็คือพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า  (ขนาดรุมนะนี่  แต่พวกเรา

    ตัวเล็กกว่ามากนะ)



            ราชามังกรไม่ได้สังหารพวกเราแต่ร่ายคำสาปสะกดพวกเราเอาไว้ในร่างของ

    หยดน้ำมีปีก  และนั่นทำให้พวกเราอ่อนแอลงจนเหมือนปัจจุบัน  จนถึงปัจจุบันนี้พวก

    เราก็ไม่สามารถหาวิธีแก้คำสาปได้



            กลับเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า  เมื่อไม่นานมานี้ไม่รู้ว่าทำไม  'ประตูเดธฮิว'  ที่เชื่อม

    ระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ถึงถูกเปิดออกทำให้พวกปีศาจเริ่มออกมาอาละวาด

    อีกครั้งแม้ว่าจะยังออกมาจากโลกปีศาจไม่มากนัก



            เผ่าพันธุ์ของผมถูกปีศาจร้ายตัวหนึ่งทำร้ายทุกคน  (ตัว)  ตายหมดมีผมที่หนี

    รอดมาได้เพียงคน  (ตัว)  เดียวผมหนีมาไกลทีเดียว  แล้วผมก็สลบไปเพราะความ

    เหนื่อยล้าจากการบินอันแสนยาวไกล



            มีคนคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล  เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุ  12  ปี  มีชื่อว่า  'เร็น'

    เขามีดวงตากับผมสีดำสนิท  หลายคนมองว่าเร็นเป็นคนหน้าตาดีใช้ได้  (แต่ผมคิด

    ว่าคงจะสู้ผมไม่ได้นะ)  เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน  และใจดีมาก



            เร็นมีลักษณะผอมสูง  ผิวขาว  และสุขภาพอ่อนแอมากแถมยังเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง  การเรียนอยู่ในระดับปานกลาง  เร็นเรียนอยู่ในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  เขาย้ายมาจากต่างจังหวัดซึ่งที่นั่นเขามีเพื่อนมากทีเดียว  แต่พอเข้ามาอยู่ในโรงเรียนใหม่ที่กรุงเทพฯ  เขากลับไม่มีเพื่อนเลยซักคนเดียว



            ตามที่ผมคิดเด็กในโรงเรียนที่เร็นเรียนอยู่นั้นคงจะไม่ค่อยคบเพื่อนที่ไม่ได้เรื่อง

    เท่าไหร่นัก  เร็นเป็นลูกคนสุดท้องดังนั้นพ่อกับแม่ของเขาจึงไม่ค่อยยอมให้เขาได้

    ทำอะไรเองเลย  และยังคอยบังคับให้เร็นต้องทำอะไรในสิ่งที่เขาไม่ค่อยจะชอบเท่า

    ไหร่นัก



            ความจริงแล้วเร็นไม่ค่อยอยากจะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ  เท่าไหร่นัก  แต่

    เพราะมีนิสัยที่รักอิสระไม่ชอบถูกใครบังคับจึงต้องเลือกที่จะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ

    แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเก่า  และไม่มีเพื่อนใหม่เลย



            เร็นมีพี่สาว  และพี่ชายที่อายุห่างกันมากอย่างละคนแน่นอนว่าเร็นพักอาศัยอยู่

    กับทั้ง  2  คน  ในกรุงเทพฯ  และทั้ง  2  คนก็รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ด้วย  พี่สาวของเร็นมี

    ชื่อว่า  'หลิง'  พี่หลิงมีอายุ  20  ปี  เธอมีดวงตา  กับผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม  เป็นคนที่

    ทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังใจดี  และอ่อนโยนเหมือนเร็นมาก  (มีคนมาจีบเยอะเลย) 

     เธอชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ  เก่งในทุกๆด้าน  (ยกเว้นอาหาร และ Computer)  โดย

    เฉพาะด้านการเรียน



            อีกเพียง  1  เดือน  พี่หลิงก็จะไปเรียนต่อ  ปี  3  ในมหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับ

    Top  Ten  ของโลกที่ต่างประเทศ  เธอจึงพยายามหาวิธีที่จะทำให้เร็นได้ไปเรียนต่อ

    ที่ต่างประเทศบ้างเพราะเร็นไม่เคยได้ไปต่างประเทศเลยซักครั้ง 



            ส่วนพี่ชายของเร็นมีชื่อว่า  'ริว'  พี่ริวมีอายุ  19  ปี  เขามีดวงตา  กับผมสีดำ

    สนิทเหมือนกับเร็น  เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี  ใส่แว่นตากรอบบาง  ตัวผอมแต่ไม่เก้ง

    ก้าง และตัวก็สูงมากด้วย  เขามีนิสัยที่ออกจะเย็นชาผสมกับเงียบขรึมซักหน่อย



            พี่หลิงบอกผมว่าความจริงแล้วพี่ริวเป็นคนที่รักพี่น้องมาก  แต่พูดไม่ค่อยเก่งก็

    เท่านั้น  เขาเก่งในทุกๆ  ด้านเช่นเดียวกันกับพี่หลิง  (ยกเว้นด้านอาหาร)  โดยเฉพาะ

    ด้านกีฬา  และ  Computer  เขาได้ไปแข่งในระดับประเทศ  และระดับทวีปมาหลาย

    ครั้งแถมยังคว้ารางวัลมามากมายเพราะฉะนั้นพี่ริวจึงไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่



            อืม...ใช่แล้วเกือบลืมไปยังมีอยู่อีกคนหนึ่งที่รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่  เธออาศัยอยู่ใน

    บ้านเดียวกันกับพี่หลิง  และพี่ริว



            แล้วเธอยังเป็นเพื่อนกับพี่หลิงมาตั้งแต่เด็ก  และก็เป็นญาติกันด้วย  เธอมีชื่อว่า 
    'หมิว'
      เป็นคนที่สดใสร่าเริงนิสัยก็คล้ายๆกับพี่หลิงแน่นอนว่าเก่งในทุกๆ  ด้านเช่นกัน
    (ยกเว้นอาหารกับComputer  อาหาร  และกีฬา)  แล้วเธอยังเป็นที่ปรึกษาให้กับเร็นอยู่

    บ่อยๆ



            จากที่เล่ามาคงจะรู้กันแล้วนะครับว่าเรื่องอาหารภายในบ้านจึงต้องเป็นหน้าที่

    ของเร็น  เพราะเร็นทำอาหารได้เกือบทุกประเภทแถมยังทำอร่อยมาก  พี่หมิว  พี่หลิง 
    และพี่ริวมักจะชมบ่อยๆ  แม้ว่าพี่หลิงจะกลับบ้านดึกเสมอ  และพี่ริวจะไม่ค่อยอยู่บ้าน

    จึงไม่ค่อยได้รับประทานอาหารด้วยกัน



            ส่วนใหญ่จะอยู่ก็มีแต่พี่หมิวซึ่งมีเวลาว่างบ่อยๆ  แม้ว่าบางครั้งก็กลับบ้านดึก

    เหมือนกัน  พี่หลิงเคยบอกผมว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเร็นจะนั่งกอดเข่า  แววตา

    เลื่อนลอย  เศร้าสร้อย  (แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ๊แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเหมือนกัน)  ผมคิดว่าคง

    เป็นเพราะเขาเหงาที่ต้องอยู่อย่างไม่มีเพื่อนเลยแม้ว่าเร็นจะมีจิตใจที่มั่นคงมาก

    แต่เจอแบบนี้เข้าก็คงต้องหวั่นไหวบ้างแต่เขาก็ยังคงอดทน  และจะมีใจมั่นคงขึ้นมา

    อีกครั้งเพราะเข้าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว  (มีผมอยู่ด้วย)



            ในเช้าวันหนึ่งเมื่อเร็นตื่นขึ้นมาเขาก็รีบอาบน้ำ  ทำอาหาร  เขาทำข้าวผัดหมูไข่

    ดาวตามที่พี่หลิงกับพี่หมิวบอกว่าอยากกิน  ส่วนพี่ริวยังไม่กลับจากการแข่งขัน

    เทนนิสที่ประเทศจีน  เร็นรีบกินอาหารส่วนของตัวเองจนหมดแน่นอนว่าผมก็กำลัง

    กินอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้ผมจะไปโรงเรียนกับเร็น



            "พี่หลิงผมทำอาหารให้แล้วนะอยู่บนโต๊ะ  บอกพี่หมิวด้วยนะ"

            "อืม...ขอบใจมากจ๊ะรีบไปโรงเรียนเถอะ…เดี๋ยวจะสายนะ"



            ทุกๆ  วันเร็นจะทำอาหารไว้บนโต๊ะหรือในหม้อซึ่งบางครั้งจะมีของพี่ริวอยู่ด้วย

    เมื่อเสร็จแล้วก็จะมาบอกพี่หลิงซึ่งจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย  เพราะยังไม่

    ตื่นนอนถึงเห็นอย่างงี้แต่พี่หมิว  พี่หลิง  และพี่ริว  ทั้ง  3  คนนี้จะนอนหลับมากกว่า

    คนปกติทั่วไปเท่าตัวเลยทีเดียว  ดังนั้นถ้าใครใน  3  คนนี้นอนไม่หลับขึ้นมาจะมอง

    เห็นได้ชัดจากขอบตาที่ช้ำเลยล่ะ



            หลังจากนั้นเร็นก็รีบออกเดินทางไปโรงเรียนแต่เช้ามืดเพราะโรงเรียนของเร็น

    อยู่ไกลจากบ้านมากเขาจึงมักจะถูกอาจารย์ต่อว่าบ่อยๆเพราะไปสาย  บางครั้งถ้าผม

    ตื่นเร็วหน่อยก็จะตามไปด้วยเพราะด้วยเวทย์มนต์ของผมทำให้ไม่มีใครมองเห็นผม

    ได้อยู่แล้ว  และครั้งนี้ผมก็ตื่นทันเร็นพอดี



           เร็นมักจะวิ่งมากกว่าเดินแม้บางครั้งจะมีเวลาอยู่มากเพราะเขาต้องการออกกำลัง

    กายเพื่อจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแต่วิ่งได้แค่  5  นาทีเขาก็เหนื่อยแล้ว - -"



            เขาวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าที่แออัดไปด้วยผู้คนที่จะไปทำงาน  และนักเรียนที่ไปโรงเรียน

    ในตอนเช้า  เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้วเร็นก็เดินต่อเพื่อไปโรงเรียนซึ่งจะใช้เวลา

    ประมาณ  1  ชั่วโมง  ขณะที่เดินไปจนใกล้จะถึงโรงเรียน ลมก็พัดแรงเสียจนพวกเรา

    เซไปด้านข้าง  เมื่อลมพัดมาอีกครั้งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเร็นมองขึ้นฟ้าเห็นแสงสว่าง

    จากฟ้าแลบส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิดตามด้วยเสียงคำรามดังกึกก้องของฟ้า

    ผ่า



            จากนั้นไม่ทันไรสายฝนก็สาดเม็ดลงมาอย่างหนัก  ภายในเวลาไม่ถึง  5  นาที

    ทั้งกระเป๋าทั้งตัวทั้งผมของเร็นก็เปียกโชก  และเริ่มหนาวจนแข็งไปทั้งตัว  ฝนตก

    หนักจนมองทางแทบไม่ค่อยเห็น  ท้องฟ้ามืดลงราวกับยามรัตติกาลได้คืบคลานมา

    เยือนเร็วขึ้น  ฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเร็นวิ่งข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์  และ

    มอเตอร์ไซค์ที่จอดรอไฟสัญญาณไฟเขียว



           เร็นดูนาฬิกาของเขาที่พร่ามัวไปหมดเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วเร็นเริ่มออกวิ่งอีก

    ครั้งไปตามทางที่มีโคลนเขรอะๆ  จนมาถึงโรงเรียนของเขา  นักเรียนทุกคนเปียกไป

    ทั้งตัวก็ไม่แปลกอะไรมากก็ฝนตกหนักปานนั้น  นักเรียนทุกคนต่างพากันยืนอยู่หน้า

    โรงเรียน



            "มีอะไรเหรอ?"  เร็นเข้าไปถามนักเรียนคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

            "น้ำท่วมโรงเรียนน่ะสิ!"

            "ไม่รู้ท่วมได้ไงเนอะ  ฝนพึ่งจะตกไม่นานแท้ๆเลย"

            "แปลกจริงๆนั่นแหละ"

            "ก็ดีแล้วนี่  จะได้ไม่ต้องเรียน"



            นักเรียนต่างเริ่มซุบซิบกัน  เร็นมองแทรกผ่านกลุ่มนักเรียนทั้งหลายเข้าไป

    ภายในโรงเรียนเต็มไปด้วยน้ำจากสายฝนที่พึ่งจะตกลงมาไม่นานแต่กลับท่วมจนเลย

    หัวเข่า  ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด



            "ประกาศจากผอ.  วันนี้เนื่องจากสภาพโรงเรียนไม่เอื้ออำนวยที่จะให้นักเรียนทุก

    คนเข้าโรงเรียน  จึงขอให้นักเรียนทุกคนรีบกลับบ้าน..."

            "ยอดเยี่ยม  !"  เสียงของนักเรียนหลายคนร้องขึ้น



            ประกาศดังขึ้น  3  ครั้งนักเรียนทุกคนก็เริ่มแยกกันกลับบ้าน  เร็นก็กลับบ้านเช่น

    กันแต่ฝนที่ตกหนักซัดสาดลงมาบาดเนื้อ  เร็นจึงวิ่งจะไปหลบอยู่ใต้สะพานเพื่อรอให้

    ฝนหยุดตกก่อน  คลื่นความหนาวยะเยือกทำท่าจะจู่โจมเข้าอีกครั้ง  เร็นเอนตัวพิง

    เสาสะพานพลางมองไปรอบด้านที่ไร้ผู้คนความรู้สึกเหงาเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง  ทัน

    ใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาได้สะพาน  ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างที่สั่น

    เทาชุดนักเรียนของเขาก็เปียกไปหมดเช่นกัน  เขามองมาที่เร็นแล้วยิ้มให้



            "หวัดดี  แย่จังนะฝนตกหนักแบบนี้"  นักเรียนคนนั้นพูดขึ้น

            "นั่นน่ะสิ  คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อน  ถึงกลับบ้านได้ล่ะมั้ง"  เร็นพูดตอบ

            "ฉันชื่อเคน  ยินดีที่ได้รู้จัก"  นักเรียนคนนั้นแนะนำตัวเอง

            "ฉันชื่อเร็น  ยินดีที่ได้รู้จัก"  เร็นตอบกลับ  รู้สึกดีใจที่มีคนแนะนำตัวกับตัวเอง



            น้ำเสียงของเคนสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บจากสายลมที่พัดเข้ามาใต้สะพาน

    เคนเป็นคนตัวผอมสูงผม  และตาสีน้ำตาลอ่อน  เร็นรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วอีกอย่างเขายังรู้สึกว่าเขาทั้ง  2  คน  จะเป็นเพื่อนกัน

    ได้  10  นาทีผ่านไปสายฝนก็ยิ่งซัดสาดลงมาหนักยิ่งกว่าเดิม  นักเรียนคนหนึ่งวิ่ง

    หอบกระเป๋าผ่าสายฝนเข้ามาใต้สะพาน  เขาเป็นคนตัวเล็กใส่แว่นตากลมหนาอัน

    ใหญ่  เขาคว้าเสื้อที่เปียกโชกขึ้นมาเช็ดแว่นของเขาแล้ววางกระเป๋าลง



            "กระเป๋าเปียกหมดเลยหวังว่าข้างในคงจะไม่เปียกนะ"  นักเรียนใส่แว่นพูดโดยที่

    ไม่หันมามองทั้ง  2  คนด้วยซ้ำ



            ทั้ง 2 มองดูเด็กชายใส่แว่นเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คดูด้านใน  สำหรับผมแล้ว

    ผมคิดว่าเขาดูทางทางมืดมนพิกลแถมยังดูลึกลับซะด้วยคงเป็นพวกบ้าเรียนแน่นอน

    ชายหนุ่มคนนี้มีดวงตากับผมสีดำสนิทเหมือนเร็น  เขามองมาทางทั้ง  2  และสังเกต

    เห็นว่าเร็นกับเคนกำลังมองเขาอยู่  เขาจึงหันมามองทั้ง  2  คน



            "สวัสดี  ฉันชื่อเอ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ"  เอแนะนำตัวหลังจากที่ถูกมองมานาน

            "สวัสดี  ฉันชื่อเร็น  ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน"  เร็นตอบ

            "ส่วนฉันก็เคน"  เคนยังคงมองดูเออยู่



           ทั้ง  3  จ้องหน้ากันต่างก็รู้สึกถูกชะตากันเหมือนถูกฟ้ากำหนดมาให้พบกัน

    และนับตั้งแต่วันนี้ชีวิตของทั้ง  3  ก็เริ่มเปลี่ยนไป...



    _____________________________________________________________________________________________________



    ตัวอย่างตอนต่อไป : เปิดเผยของสำคัญที่เร็นพกติดตัวตลอดเวลา  "เร็นฉันสงสัย

    มานานแล้วว่านั่นคืออะไร"

    "อ้อ!  นี่เป็นของสำคัญของฉันเองน่ะ"

                                          ในที่สุดผนึกก็เริ่มคลายออก  ร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยน

                                         จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อประตูเดธฮิวถูกเปิดออกอีกครั้ง...



                                                                                     .........................

                                                                         ••Coming Soon••
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×