ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สายฝนชักนำ
"ยามใดที่ผนึกสีแดงได้คลายออก เมื่อนั้นชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนไป ตำนานที่ยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น..."
ปี ค.ศ. 2001
"ที่นี่ที่ไหนกัน ?"
"นั่นใครน่ะ ?"
ทันทีที่ผมลืมตาลืมตาขึ้นก็พบกับสถานที่แปลกตากับดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งที่
มองมาที่ผมด้วยแววตาที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
"ตื่นแล้วเหรอ ?"
"ทานอะไรหน่อยไหม ?"
เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2001
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้ 2 เดือนแล้วที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล
ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทั้งหลายไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกในปัจจุบันเพราะปัจจุบัน
เหล่าปีศาจทั้งหลายได้ไปอาศัยอยู่ในโลกปีศาจ
พวกผมอยู่กันเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆ มีชื่อว่า 'ไซเลน' มีลักษณะเป็นหยดน้ำขนาด
เท่าลูกฟุตบอล มีหลากหลายสีสรรค์ และมีปีกสีขาวขนาดเล็ก ผมเป็นหยดน้ำที่มี
ตัวเป็นสีส้มสดใสมีชื่อว่า 'ฟลูน'
พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบพวกเรามีเวทย์มนต์ที่ทำให้คนที่เราไม่อยากจะให้
เห็นมองไม่เห็นตัวเราพูดง่ายๆก็คือล่องหนได้นั้นแหละ ที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้มีร่าง
กายที่ดูอ่อนแอขนาดนี้หรอกนะพวกเราในร่างที่แท้จริงนั้นแข็งแกร่งมากจนเป็นที่
หวาดเกรงของเหล่าปีศาจทั้งหลายจนในสมัยของราชามังกรพวกเราได้หาญกล้าไป
ท้าทายกับราชามังกรเข้า ผลก็คือพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า (ขนาดรุมนะนี่ แต่พวกเรา
ตัวเล็กกว่ามากนะ)
ราชามังกรไม่ได้สังหารพวกเราแต่ร่ายคำสาปสะกดพวกเราเอาไว้ในร่างของ
หยดน้ำมีปีก และนั่นทำให้พวกเราอ่อนแอลงจนเหมือนปัจจุบัน จนถึงปัจจุบันนี้พวก
เราก็ไม่สามารถหาวิธีแก้คำสาปได้
กลับเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่รู้ว่าทำไม 'ประตูเดธฮิว' ที่เชื่อม
ระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ถึงถูกเปิดออกทำให้พวกปีศาจเริ่มออกมาอาละวาด
อีกครั้งแม้ว่าจะยังออกมาจากโลกปีศาจไม่มากนัก
เผ่าพันธุ์ของผมถูกปีศาจร้ายตัวหนึ่งทำร้ายทุกคน (ตัว) ตายหมดมีผมที่หนี
รอดมาได้เพียงคน (ตัว) เดียวผมหนีมาไกลทีเดียว แล้วผมก็สลบไปเพราะความ
เหนื่อยล้าจากการบินอันแสนยาวไกล
มีคนคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุ 12 ปี มีชื่อว่า 'เร็น'
เขามีดวงตากับผมสีดำสนิท หลายคนมองว่าเร็นเป็นคนหน้าตาดีใช้ได้ (แต่ผมคิด
ว่าคงจะสู้ผมไม่ได้นะ) เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน และใจดีมาก
เร็นมีลักษณะผอมสูง ผิวขาว และสุขภาพอ่อนแอมากแถมยังเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง การเรียนอยู่ในระดับปานกลาง เร็นเรียนอยู่ในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขาย้ายมาจากต่างจังหวัดซึ่งที่นั่นเขามีเพื่อนมากทีเดียว แต่พอเข้ามาอยู่ในโรงเรียนใหม่ที่กรุงเทพฯ เขากลับไม่มีเพื่อนเลยซักคนเดียว
ตามที่ผมคิดเด็กในโรงเรียนที่เร็นเรียนอยู่นั้นคงจะไม่ค่อยคบเพื่อนที่ไม่ได้เรื่อง
เท่าไหร่นัก เร็นเป็นลูกคนสุดท้องดังนั้นพ่อกับแม่ของเขาจึงไม่ค่อยยอมให้เขาได้
ทำอะไรเองเลย และยังคอยบังคับให้เร็นต้องทำอะไรในสิ่งที่เขาไม่ค่อยจะชอบเท่า
ไหร่นัก
ความจริงแล้วเร็นไม่ค่อยอยากจะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ เท่าไหร่นัก แต่
เพราะมีนิสัยที่รักอิสระไม่ชอบถูกใครบังคับจึงต้องเลือกที่จะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเก่า และไม่มีเพื่อนใหม่เลย
เร็นมีพี่สาว และพี่ชายที่อายุห่างกันมากอย่างละคนแน่นอนว่าเร็นพักอาศัยอยู่
กับทั้ง 2 คน ในกรุงเทพฯ และทั้ง 2 คนก็รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ด้วย พี่สาวของเร็นมี
ชื่อว่า 'หลิง' พี่หลิงมีอายุ 20 ปี เธอมีดวงตา กับผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม เป็นคนที่
ทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังใจดี และอ่อนโยนเหมือนเร็นมาก (มีคนมาจีบเยอะเลย)
เธอชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ เก่งในทุกๆด้าน (ยกเว้นอาหาร และ Computer) โดย
เฉพาะด้านการเรียน
อีกเพียง 1 เดือน พี่หลิงก็จะไปเรียนต่อ ปี 3 ในมหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับ
Top Ten ของโลกที่ต่างประเทศ เธอจึงพยายามหาวิธีที่จะทำให้เร็นได้ไปเรียนต่อ
ที่ต่างประเทศบ้างเพราะเร็นไม่เคยได้ไปต่างประเทศเลยซักครั้ง
ส่วนพี่ชายของเร็นมีชื่อว่า 'ริว' พี่ริวมีอายุ 19 ปี เขามีดวงตา กับผมสีดำ
สนิทเหมือนกับเร็น เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ใส่แว่นตากรอบบาง ตัวผอมแต่ไม่เก้ง
ก้าง และตัวก็สูงมากด้วย เขามีนิสัยที่ออกจะเย็นชาผสมกับเงียบขรึมซักหน่อย
พี่หลิงบอกผมว่าความจริงแล้วพี่ริวเป็นคนที่รักพี่น้องมาก แต่พูดไม่ค่อยเก่งก็
เท่านั้น เขาเก่งในทุกๆ ด้านเช่นเดียวกันกับพี่หลิง (ยกเว้นด้านอาหาร) โดยเฉพาะ
ด้านกีฬา และ Computer เขาได้ไปแข่งในระดับประเทศ และระดับทวีปมาหลาย
ครั้งแถมยังคว้ารางวัลมามากมายเพราะฉะนั้นพี่ริวจึงไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่
อืม...ใช่แล้วเกือบลืมไปยังมีอยู่อีกคนหนึ่งที่รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ เธออาศัยอยู่ใน
บ้านเดียวกันกับพี่หลิง และพี่ริว
แล้วเธอยังเป็นเพื่อนกับพี่หลิงมาตั้งแต่เด็ก และก็เป็นญาติกันด้วย เธอมีชื่อว่า
'หมิว' เป็นคนที่สดใสร่าเริงนิสัยก็คล้ายๆกับพี่หลิงแน่นอนว่าเก่งในทุกๆ ด้านเช่นกัน
(ยกเว้นอาหารกับComputer อาหาร และกีฬา) แล้วเธอยังเป็นที่ปรึกษาให้กับเร็นอยู่
บ่อยๆ
จากที่เล่ามาคงจะรู้กันแล้วนะครับว่าเรื่องอาหารภายในบ้านจึงต้องเป็นหน้าที่
ของเร็น เพราะเร็นทำอาหารได้เกือบทุกประเภทแถมยังทำอร่อยมาก พี่หมิว พี่หลิง
และพี่ริวมักจะชมบ่อยๆ แม้ว่าพี่หลิงจะกลับบ้านดึกเสมอ และพี่ริวจะไม่ค่อยอยู่บ้าน
จึงไม่ค่อยได้รับประทานอาหารด้วยกัน
ส่วนใหญ่จะอยู่ก็มีแต่พี่หมิวซึ่งมีเวลาว่างบ่อยๆ แม้ว่าบางครั้งก็กลับบ้านดึก
เหมือนกัน พี่หลิงเคยบอกผมว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเร็นจะนั่งกอดเข่า แววตา
เลื่อนลอย เศร้าสร้อย (แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ๊แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเหมือนกัน) ผมคิดว่าคง
เป็นเพราะเขาเหงาที่ต้องอยู่อย่างไม่มีเพื่อนเลยแม้ว่าเร็นจะมีจิตใจที่มั่นคงมาก
แต่เจอแบบนี้เข้าก็คงต้องหวั่นไหวบ้างแต่เขาก็ยังคงอดทน และจะมีใจมั่นคงขึ้นมา
อีกครั้งเพราะเข้าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว (มีผมอยู่ด้วย)
ในเช้าวันหนึ่งเมื่อเร็นตื่นขึ้นมาเขาก็รีบอาบน้ำ ทำอาหาร เขาทำข้าวผัดหมูไข่
ดาวตามที่พี่หลิงกับพี่หมิวบอกว่าอยากกิน ส่วนพี่ริวยังไม่กลับจากการแข่งขัน
เทนนิสที่ประเทศจีน เร็นรีบกินอาหารส่วนของตัวเองจนหมดแน่นอนว่าผมก็กำลัง
กินอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้ผมจะไปโรงเรียนกับเร็น
"พี่หลิงผมทำอาหารให้แล้วนะอยู่บนโต๊ะ บอกพี่หมิวด้วยนะ"
"อืม...ขอบใจมากจ๊ะรีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ"
ทุกๆ วันเร็นจะทำอาหารไว้บนโต๊ะหรือในหม้อซึ่งบางครั้งจะมีของพี่ริวอยู่ด้วย
เมื่อเสร็จแล้วก็จะมาบอกพี่หลิงซึ่งจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย เพราะยังไม่
ตื่นนอนถึงเห็นอย่างงี้แต่พี่หมิว พี่หลิง และพี่ริว ทั้ง 3 คนนี้จะนอนหลับมากกว่า
คนปกติทั่วไปเท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าใครใน 3 คนนี้นอนไม่หลับขึ้นมาจะมอง
เห็นได้ชัดจากขอบตาที่ช้ำเลยล่ะ
หลังจากนั้นเร็นก็รีบออกเดินทางไปโรงเรียนแต่เช้ามืดเพราะโรงเรียนของเร็น
อยู่ไกลจากบ้านมากเขาจึงมักจะถูกอาจารย์ต่อว่าบ่อยๆเพราะไปสาย บางครั้งถ้าผม
ตื่นเร็วหน่อยก็จะตามไปด้วยเพราะด้วยเวทย์มนต์ของผมทำให้ไม่มีใครมองเห็นผม
ได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ผมก็ตื่นทันเร็นพอดี
เร็นมักจะวิ่งมากกว่าเดินแม้บางครั้งจะมีเวลาอยู่มากเพราะเขาต้องการออกกำลัง
กายเพื่อจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแต่วิ่งได้แค่ 5 นาทีเขาก็เหนื่อยแล้ว - -"
เขาวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าที่แออัดไปด้วยผู้คนที่จะไปทำงาน และนักเรียนที่ไปโรงเรียน
ในตอนเช้า เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้วเร็นก็เดินต่อเพื่อไปโรงเรียนซึ่งจะใช้เวลา
ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่เดินไปจนใกล้จะถึงโรงเรียน ลมก็พัดแรงเสียจนพวกเรา
เซไปด้านข้าง เมื่อลมพัดมาอีกครั้งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเร็นมองขึ้นฟ้าเห็นแสงสว่าง
จากฟ้าแลบส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิดตามด้วยเสียงคำรามดังกึกก้องของฟ้า
ผ่า
จากนั้นไม่ทันไรสายฝนก็สาดเม็ดลงมาอย่างหนัก ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
ทั้งกระเป๋าทั้งตัวทั้งผมของเร็นก็เปียกโชก และเริ่มหนาวจนแข็งไปทั้งตัว ฝนตก
หนักจนมองทางแทบไม่ค่อยเห็น ท้องฟ้ามืดลงราวกับยามรัตติกาลได้คืบคลานมา
เยือนเร็วขึ้น ฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเร็นวิ่งข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ และ
มอเตอร์ไซค์ที่จอดรอไฟสัญญาณไฟเขียว
เร็นดูนาฬิกาของเขาที่พร่ามัวไปหมดเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วเร็นเริ่มออกวิ่งอีก
ครั้งไปตามทางที่มีโคลนเขรอะๆ จนมาถึงโรงเรียนของเขา นักเรียนทุกคนเปียกไป
ทั้งตัวก็ไม่แปลกอะไรมากก็ฝนตกหนักปานนั้น นักเรียนทุกคนต่างพากันยืนอยู่หน้า
โรงเรียน
"มีอะไรเหรอ?" เร็นเข้าไปถามนักเรียนคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
"น้ำท่วมโรงเรียนน่ะสิ!"
"ไม่รู้ท่วมได้ไงเนอะ ฝนพึ่งจะตกไม่นานแท้ๆเลย"
"แปลกจริงๆนั่นแหละ"
"ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเรียน"
นักเรียนต่างเริ่มซุบซิบกัน เร็นมองแทรกผ่านกลุ่มนักเรียนทั้งหลายเข้าไป
ภายในโรงเรียนเต็มไปด้วยน้ำจากสายฝนที่พึ่งจะตกลงมาไม่นานแต่กลับท่วมจนเลย
หัวเข่า ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
"ประกาศจากผอ. วันนี้เนื่องจากสภาพโรงเรียนไม่เอื้ออำนวยที่จะให้นักเรียนทุก
คนเข้าโรงเรียน จึงขอให้นักเรียนทุกคนรีบกลับบ้าน..."
"ยอดเยี่ยม !" เสียงของนักเรียนหลายคนร้องขึ้น
ประกาศดังขึ้น 3 ครั้งนักเรียนทุกคนก็เริ่มแยกกันกลับบ้าน เร็นก็กลับบ้านเช่น
กันแต่ฝนที่ตกหนักซัดสาดลงมาบาดเนื้อ เร็นจึงวิ่งจะไปหลบอยู่ใต้สะพานเพื่อรอให้
ฝนหยุดตกก่อน คลื่นความหนาวยะเยือกทำท่าจะจู่โจมเข้าอีกครั้ง เร็นเอนตัวพิง
เสาสะพานพลางมองไปรอบด้านที่ไร้ผู้คนความรู้สึกเหงาเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ทัน
ใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาได้สะพาน ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างที่สั่น
เทาชุดนักเรียนของเขาก็เปียกไปหมดเช่นกัน เขามองมาที่เร็นแล้วยิ้มให้
"หวัดดี แย่จังนะฝนตกหนักแบบนี้" นักเรียนคนนั้นพูดขึ้น
"นั่นน่ะสิ คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อน ถึงกลับบ้านได้ล่ะมั้ง" เร็นพูดตอบ
"ฉันชื่อเคน ยินดีที่ได้รู้จัก" นักเรียนคนนั้นแนะนำตัวเอง
"ฉันชื่อเร็น ยินดีที่ได้รู้จัก" เร็นตอบกลับ รู้สึกดีใจที่มีคนแนะนำตัวกับตัวเอง
น้ำเสียงของเคนสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บจากสายลมที่พัดเข้ามาใต้สะพาน
เคนเป็นคนตัวผอมสูงผม และตาสีน้ำตาลอ่อน เร็นรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วอีกอย่างเขายังรู้สึกว่าเขาทั้ง 2 คน จะเป็นเพื่อนกัน
ได้ 10 นาทีผ่านไปสายฝนก็ยิ่งซัดสาดลงมาหนักยิ่งกว่าเดิม นักเรียนคนหนึ่งวิ่ง
หอบกระเป๋าผ่าสายฝนเข้ามาใต้สะพาน เขาเป็นคนตัวเล็กใส่แว่นตากลมหนาอัน
ใหญ่ เขาคว้าเสื้อที่เปียกโชกขึ้นมาเช็ดแว่นของเขาแล้ววางกระเป๋าลง
"กระเป๋าเปียกหมดเลยหวังว่าข้างในคงจะไม่เปียกนะ" นักเรียนใส่แว่นพูดโดยที่
ไม่หันมามองทั้ง 2 คนด้วยซ้ำ
ทั้ง 2 มองดูเด็กชายใส่แว่นเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คดูด้านใน สำหรับผมแล้ว
ผมคิดว่าเขาดูทางทางมืดมนพิกลแถมยังดูลึกลับซะด้วยคงเป็นพวกบ้าเรียนแน่นอน
ชายหนุ่มคนนี้มีดวงตากับผมสีดำสนิทเหมือนเร็น เขามองมาทางทั้ง 2 และสังเกต
เห็นว่าเร็นกับเคนกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงหันมามองทั้ง 2 คน
"สวัสดี ฉันชื่อเอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เอแนะนำตัวหลังจากที่ถูกมองมานาน
"สวัสดี ฉันชื่อเร็น ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน" เร็นตอบ
"ส่วนฉันก็เคน" เคนยังคงมองดูเออยู่
ทั้ง 3 จ้องหน้ากันต่างก็รู้สึกถูกชะตากันเหมือนถูกฟ้ากำหนดมาให้พบกัน
และนับตั้งแต่วันนี้ชีวิตของทั้ง 3 ก็เริ่มเปลี่ยนไป...
_____________________________________________________________________________________________________
ตัวอย่างตอนต่อไป : เปิดเผยของสำคัญที่เร็นพกติดตัวตลอดเวลา "เร็นฉันสงสัย
มานานแล้วว่านั่นคืออะไร"
"อ้อ! นี่เป็นของสำคัญของฉันเองน่ะ"
ในที่สุดผนึกก็เริ่มคลายออก ร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยน
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อประตูเดธฮิวถูกเปิดออกอีกครั้ง...
.........................
••Coming Soon••
ปี ค.ศ. 2001
"ที่นี่ที่ไหนกัน ?"
"นั่นใครน่ะ ?"
ทันทีที่ผมลืมตาลืมตาขึ้นก็พบกับสถานที่แปลกตากับดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งที่
มองมาที่ผมด้วยแววตาที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
"ตื่นแล้วเหรอ ?"
"ทานอะไรหน่อยไหม ?"
เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2001
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้ 2 เดือนแล้วที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล
ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทั้งหลายไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกในปัจจุบันเพราะปัจจุบัน
เหล่าปีศาจทั้งหลายได้ไปอาศัยอยู่ในโลกปีศาจ
พวกผมอยู่กันเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆ มีชื่อว่า 'ไซเลน' มีลักษณะเป็นหยดน้ำขนาด
เท่าลูกฟุตบอล มีหลากหลายสีสรรค์ และมีปีกสีขาวขนาดเล็ก ผมเป็นหยดน้ำที่มี
ตัวเป็นสีส้มสดใสมีชื่อว่า 'ฟลูน'
พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบพวกเรามีเวทย์มนต์ที่ทำให้คนที่เราไม่อยากจะให้
เห็นมองไม่เห็นตัวเราพูดง่ายๆก็คือล่องหนได้นั้นแหละ ที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้มีร่าง
กายที่ดูอ่อนแอขนาดนี้หรอกนะพวกเราในร่างที่แท้จริงนั้นแข็งแกร่งมากจนเป็นที่
หวาดเกรงของเหล่าปีศาจทั้งหลายจนในสมัยของราชามังกรพวกเราได้หาญกล้าไป
ท้าทายกับราชามังกรเข้า ผลก็คือพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า (ขนาดรุมนะนี่ แต่พวกเรา
ตัวเล็กกว่ามากนะ)
ราชามังกรไม่ได้สังหารพวกเราแต่ร่ายคำสาปสะกดพวกเราเอาไว้ในร่างของ
หยดน้ำมีปีก และนั่นทำให้พวกเราอ่อนแอลงจนเหมือนปัจจุบัน จนถึงปัจจุบันนี้พวก
เราก็ไม่สามารถหาวิธีแก้คำสาปได้
กลับเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่รู้ว่าทำไม 'ประตูเดธฮิว' ที่เชื่อม
ระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ถึงถูกเปิดออกทำให้พวกปีศาจเริ่มออกมาอาละวาด
อีกครั้งแม้ว่าจะยังออกมาจากโลกปีศาจไม่มากนัก
เผ่าพันธุ์ของผมถูกปีศาจร้ายตัวหนึ่งทำร้ายทุกคน (ตัว) ตายหมดมีผมที่หนี
รอดมาได้เพียงคน (ตัว) เดียวผมหนีมาไกลทีเดียว แล้วผมก็สลบไปเพราะความ
เหนื่อยล้าจากการบินอันแสนยาวไกล
มีคนคนหนึ่งได้เก็บผมมาดูแล เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุ 12 ปี มีชื่อว่า 'เร็น'
เขามีดวงตากับผมสีดำสนิท หลายคนมองว่าเร็นเป็นคนหน้าตาดีใช้ได้ (แต่ผมคิด
ว่าคงจะสู้ผมไม่ได้นะ) เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน และใจดีมาก
เร็นมีลักษณะผอมสูง ผิวขาว และสุขภาพอ่อนแอมากแถมยังเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง การเรียนอยู่ในระดับปานกลาง เร็นเรียนอยู่ในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขาย้ายมาจากต่างจังหวัดซึ่งที่นั่นเขามีเพื่อนมากทีเดียว แต่พอเข้ามาอยู่ในโรงเรียนใหม่ที่กรุงเทพฯ เขากลับไม่มีเพื่อนเลยซักคนเดียว
ตามที่ผมคิดเด็กในโรงเรียนที่เร็นเรียนอยู่นั้นคงจะไม่ค่อยคบเพื่อนที่ไม่ได้เรื่อง
เท่าไหร่นัก เร็นเป็นลูกคนสุดท้องดังนั้นพ่อกับแม่ของเขาจึงไม่ค่อยยอมให้เขาได้
ทำอะไรเองเลย และยังคอยบังคับให้เร็นต้องทำอะไรในสิ่งที่เขาไม่ค่อยจะชอบเท่า
ไหร่นัก
ความจริงแล้วเร็นไม่ค่อยอยากจะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ เท่าไหร่นัก แต่
เพราะมีนิสัยที่รักอิสระไม่ชอบถูกใครบังคับจึงต้องเลือกที่จะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเก่า และไม่มีเพื่อนใหม่เลย
เร็นมีพี่สาว และพี่ชายที่อายุห่างกันมากอย่างละคนแน่นอนว่าเร็นพักอาศัยอยู่
กับทั้ง 2 คน ในกรุงเทพฯ และทั้ง 2 คนก็รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ด้วย พี่สาวของเร็นมี
ชื่อว่า 'หลิง' พี่หลิงมีอายุ 20 ปี เธอมีดวงตา กับผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม เป็นคนที่
ทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังใจดี และอ่อนโยนเหมือนเร็นมาก (มีคนมาจีบเยอะเลย)
เธอชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ เก่งในทุกๆด้าน (ยกเว้นอาหาร และ Computer) โดย
เฉพาะด้านการเรียน
อีกเพียง 1 เดือน พี่หลิงก็จะไปเรียนต่อ ปี 3 ในมหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับ
Top Ten ของโลกที่ต่างประเทศ เธอจึงพยายามหาวิธีที่จะทำให้เร็นได้ไปเรียนต่อ
ที่ต่างประเทศบ้างเพราะเร็นไม่เคยได้ไปต่างประเทศเลยซักครั้ง
ส่วนพี่ชายของเร็นมีชื่อว่า 'ริว' พี่ริวมีอายุ 19 ปี เขามีดวงตา กับผมสีดำ
สนิทเหมือนกับเร็น เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ใส่แว่นตากรอบบาง ตัวผอมแต่ไม่เก้ง
ก้าง และตัวก็สูงมากด้วย เขามีนิสัยที่ออกจะเย็นชาผสมกับเงียบขรึมซักหน่อย
พี่หลิงบอกผมว่าความจริงแล้วพี่ริวเป็นคนที่รักพี่น้องมาก แต่พูดไม่ค่อยเก่งก็
เท่านั้น เขาเก่งในทุกๆ ด้านเช่นเดียวกันกับพี่หลิง (ยกเว้นด้านอาหาร) โดยเฉพาะ
ด้านกีฬา และ Computer เขาได้ไปแข่งในระดับประเทศ และระดับทวีปมาหลาย
ครั้งแถมยังคว้ารางวัลมามากมายเพราะฉะนั้นพี่ริวจึงไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่
อืม...ใช่แล้วเกือบลืมไปยังมีอยู่อีกคนหนึ่งที่รู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ เธออาศัยอยู่ใน
บ้านเดียวกันกับพี่หลิง และพี่ริว
แล้วเธอยังเป็นเพื่อนกับพี่หลิงมาตั้งแต่เด็ก และก็เป็นญาติกันด้วย เธอมีชื่อว่า
'หมิว' เป็นคนที่สดใสร่าเริงนิสัยก็คล้ายๆกับพี่หลิงแน่นอนว่าเก่งในทุกๆ ด้านเช่นกัน
(ยกเว้นอาหารกับComputer อาหาร และกีฬา) แล้วเธอยังเป็นที่ปรึกษาให้กับเร็นอยู่
บ่อยๆ
จากที่เล่ามาคงจะรู้กันแล้วนะครับว่าเรื่องอาหารภายในบ้านจึงต้องเป็นหน้าที่
ของเร็น เพราะเร็นทำอาหารได้เกือบทุกประเภทแถมยังทำอร่อยมาก พี่หมิว พี่หลิง
และพี่ริวมักจะชมบ่อยๆ แม้ว่าพี่หลิงจะกลับบ้านดึกเสมอ และพี่ริวจะไม่ค่อยอยู่บ้าน
จึงไม่ค่อยได้รับประทานอาหารด้วยกัน
ส่วนใหญ่จะอยู่ก็มีแต่พี่หมิวซึ่งมีเวลาว่างบ่อยๆ แม้ว่าบางครั้งก็กลับบ้านดึก
เหมือนกัน พี่หลิงเคยบอกผมว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเร็นจะนั่งกอดเข่า แววตา
เลื่อนลอย เศร้าสร้อย (แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ๊แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเหมือนกัน) ผมคิดว่าคง
เป็นเพราะเขาเหงาที่ต้องอยู่อย่างไม่มีเพื่อนเลยแม้ว่าเร็นจะมีจิตใจที่มั่นคงมาก
แต่เจอแบบนี้เข้าก็คงต้องหวั่นไหวบ้างแต่เขาก็ยังคงอดทน และจะมีใจมั่นคงขึ้นมา
อีกครั้งเพราะเข้าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว (มีผมอยู่ด้วย)
ในเช้าวันหนึ่งเมื่อเร็นตื่นขึ้นมาเขาก็รีบอาบน้ำ ทำอาหาร เขาทำข้าวผัดหมูไข่
ดาวตามที่พี่หลิงกับพี่หมิวบอกว่าอยากกิน ส่วนพี่ริวยังไม่กลับจากการแข่งขัน
เทนนิสที่ประเทศจีน เร็นรีบกินอาหารส่วนของตัวเองจนหมดแน่นอนว่าผมก็กำลัง
กินอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้ผมจะไปโรงเรียนกับเร็น
"พี่หลิงผมทำอาหารให้แล้วนะอยู่บนโต๊ะ บอกพี่หมิวด้วยนะ"
"อืม...ขอบใจมากจ๊ะรีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ"
ทุกๆ วันเร็นจะทำอาหารไว้บนโต๊ะหรือในหม้อซึ่งบางครั้งจะมีของพี่ริวอยู่ด้วย
เมื่อเสร็จแล้วก็จะมาบอกพี่หลิงซึ่งจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย เพราะยังไม่
ตื่นนอนถึงเห็นอย่างงี้แต่พี่หมิว พี่หลิง และพี่ริว ทั้ง 3 คนนี้จะนอนหลับมากกว่า
คนปกติทั่วไปเท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าใครใน 3 คนนี้นอนไม่หลับขึ้นมาจะมอง
เห็นได้ชัดจากขอบตาที่ช้ำเลยล่ะ
หลังจากนั้นเร็นก็รีบออกเดินทางไปโรงเรียนแต่เช้ามืดเพราะโรงเรียนของเร็น
อยู่ไกลจากบ้านมากเขาจึงมักจะถูกอาจารย์ต่อว่าบ่อยๆเพราะไปสาย บางครั้งถ้าผม
ตื่นเร็วหน่อยก็จะตามไปด้วยเพราะด้วยเวทย์มนต์ของผมทำให้ไม่มีใครมองเห็นผม
ได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ผมก็ตื่นทันเร็นพอดี
เร็นมักจะวิ่งมากกว่าเดินแม้บางครั้งจะมีเวลาอยู่มากเพราะเขาต้องการออกกำลัง
กายเพื่อจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแต่วิ่งได้แค่ 5 นาทีเขาก็เหนื่อยแล้ว - -"
เขาวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าที่แออัดไปด้วยผู้คนที่จะไปทำงาน และนักเรียนที่ไปโรงเรียน
ในตอนเช้า เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้วเร็นก็เดินต่อเพื่อไปโรงเรียนซึ่งจะใช้เวลา
ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่เดินไปจนใกล้จะถึงโรงเรียน ลมก็พัดแรงเสียจนพวกเรา
เซไปด้านข้าง เมื่อลมพัดมาอีกครั้งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเร็นมองขึ้นฟ้าเห็นแสงสว่าง
จากฟ้าแลบส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิดตามด้วยเสียงคำรามดังกึกก้องของฟ้า
ผ่า
จากนั้นไม่ทันไรสายฝนก็สาดเม็ดลงมาอย่างหนัก ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
ทั้งกระเป๋าทั้งตัวทั้งผมของเร็นก็เปียกโชก และเริ่มหนาวจนแข็งไปทั้งตัว ฝนตก
หนักจนมองทางแทบไม่ค่อยเห็น ท้องฟ้ามืดลงราวกับยามรัตติกาลได้คืบคลานมา
เยือนเร็วขึ้น ฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเร็นวิ่งข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ และ
มอเตอร์ไซค์ที่จอดรอไฟสัญญาณไฟเขียว
เร็นดูนาฬิกาของเขาที่พร่ามัวไปหมดเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วเร็นเริ่มออกวิ่งอีก
ครั้งไปตามทางที่มีโคลนเขรอะๆ จนมาถึงโรงเรียนของเขา นักเรียนทุกคนเปียกไป
ทั้งตัวก็ไม่แปลกอะไรมากก็ฝนตกหนักปานนั้น นักเรียนทุกคนต่างพากันยืนอยู่หน้า
โรงเรียน
"มีอะไรเหรอ?" เร็นเข้าไปถามนักเรียนคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
"น้ำท่วมโรงเรียนน่ะสิ!"
"ไม่รู้ท่วมได้ไงเนอะ ฝนพึ่งจะตกไม่นานแท้ๆเลย"
"แปลกจริงๆนั่นแหละ"
"ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเรียน"
นักเรียนต่างเริ่มซุบซิบกัน เร็นมองแทรกผ่านกลุ่มนักเรียนทั้งหลายเข้าไป
ภายในโรงเรียนเต็มไปด้วยน้ำจากสายฝนที่พึ่งจะตกลงมาไม่นานแต่กลับท่วมจนเลย
หัวเข่า ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
"ประกาศจากผอ. วันนี้เนื่องจากสภาพโรงเรียนไม่เอื้ออำนวยที่จะให้นักเรียนทุก
คนเข้าโรงเรียน จึงขอให้นักเรียนทุกคนรีบกลับบ้าน..."
"ยอดเยี่ยม !" เสียงของนักเรียนหลายคนร้องขึ้น
ประกาศดังขึ้น 3 ครั้งนักเรียนทุกคนก็เริ่มแยกกันกลับบ้าน เร็นก็กลับบ้านเช่น
กันแต่ฝนที่ตกหนักซัดสาดลงมาบาดเนื้อ เร็นจึงวิ่งจะไปหลบอยู่ใต้สะพานเพื่อรอให้
ฝนหยุดตกก่อน คลื่นความหนาวยะเยือกทำท่าจะจู่โจมเข้าอีกครั้ง เร็นเอนตัวพิง
เสาสะพานพลางมองไปรอบด้านที่ไร้ผู้คนความรู้สึกเหงาเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ทัน
ใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาได้สะพาน ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างที่สั่น
เทาชุดนักเรียนของเขาก็เปียกไปหมดเช่นกัน เขามองมาที่เร็นแล้วยิ้มให้
"หวัดดี แย่จังนะฝนตกหนักแบบนี้" นักเรียนคนนั้นพูดขึ้น
"นั่นน่ะสิ คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อน ถึงกลับบ้านได้ล่ะมั้ง" เร็นพูดตอบ
"ฉันชื่อเคน ยินดีที่ได้รู้จัก" นักเรียนคนนั้นแนะนำตัวเอง
"ฉันชื่อเร็น ยินดีที่ได้รู้จัก" เร็นตอบกลับ รู้สึกดีใจที่มีคนแนะนำตัวกับตัวเอง
น้ำเสียงของเคนสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บจากสายลมที่พัดเข้ามาใต้สะพาน
เคนเป็นคนตัวผอมสูงผม และตาสีน้ำตาลอ่อน เร็นรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วอีกอย่างเขายังรู้สึกว่าเขาทั้ง 2 คน จะเป็นเพื่อนกัน
ได้ 10 นาทีผ่านไปสายฝนก็ยิ่งซัดสาดลงมาหนักยิ่งกว่าเดิม นักเรียนคนหนึ่งวิ่ง
หอบกระเป๋าผ่าสายฝนเข้ามาใต้สะพาน เขาเป็นคนตัวเล็กใส่แว่นตากลมหนาอัน
ใหญ่ เขาคว้าเสื้อที่เปียกโชกขึ้นมาเช็ดแว่นของเขาแล้ววางกระเป๋าลง
"กระเป๋าเปียกหมดเลยหวังว่าข้างในคงจะไม่เปียกนะ" นักเรียนใส่แว่นพูดโดยที่
ไม่หันมามองทั้ง 2 คนด้วยซ้ำ
ทั้ง 2 มองดูเด็กชายใส่แว่นเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คดูด้านใน สำหรับผมแล้ว
ผมคิดว่าเขาดูทางทางมืดมนพิกลแถมยังดูลึกลับซะด้วยคงเป็นพวกบ้าเรียนแน่นอน
ชายหนุ่มคนนี้มีดวงตากับผมสีดำสนิทเหมือนเร็น เขามองมาทางทั้ง 2 และสังเกต
เห็นว่าเร็นกับเคนกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงหันมามองทั้ง 2 คน
"สวัสดี ฉันชื่อเอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เอแนะนำตัวหลังจากที่ถูกมองมานาน
"สวัสดี ฉันชื่อเร็น ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน" เร็นตอบ
"ส่วนฉันก็เคน" เคนยังคงมองดูเออยู่
ทั้ง 3 จ้องหน้ากันต่างก็รู้สึกถูกชะตากันเหมือนถูกฟ้ากำหนดมาให้พบกัน
และนับตั้งแต่วันนี้ชีวิตของทั้ง 3 ก็เริ่มเปลี่ยนไป...
_____________________________________________________________________________________________________
ตัวอย่างตอนต่อไป : เปิดเผยของสำคัญที่เร็นพกติดตัวตลอดเวลา "เร็นฉันสงสัย
มานานแล้วว่านั่นคืออะไร"
"อ้อ! นี่เป็นของสำคัญของฉันเองน่ะ"
ในที่สุดผนึกก็เริ่มคลายออก ร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยน
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อประตูเดธฮิวถูกเปิดออกอีกครั้ง...
.........................
••Coming Soon••
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น