ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE FORBIDDEN GARDEN++//[YuRI]\\++

    ลำดับตอนที่ #9 : ความเป็นไปหลังพายุลูกเล็ก (ถึงเนื่อถึงตัวกันนิดๆ อิอิ)

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 50






    น้องรินเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ? ธานินถามดารินอย่างเป็นห่วงเมื่อกลับมาขึ้นรถกันอีกครั้ง  แล้วคนเมื่อกี้...

                เรากลับกันเถอะค่ะ  รินรู้สึกไม่ค่อยสบายอยากพักผ่อน...นะคะ คำสุดท้ายร่างบางหันไปขอร้องเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะสบายจริงๆ  ทำให้ธานินต้องขับรถกลับออกไปในทิศทางที่เพิ่งเข้ามาอย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น  เพราะถึงแม้จะถามอะไรออกไปอีก  แต่ร่างบางก็ไม่ตอบรับเค้าเลย

                หมอนั่น...เป็นใครกัน

                คนที่ดารินจ้องตาไม่กระพริบ  ส่วนอีกคนเค้าจำได้ว่าเป็น ศศิกานดา ลูกพี่ลูกน้องของดาริน

                แล้วทำไมเห็นสองคนนั้นกอดกันแล้วต้องมีอาการแบบนี้  รึว่า...

                ธานินรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปจากหัว

                มันจะเป็นไปได้ยังไง...น้องรินมีเค้าคนเดียวเท่านั้น.เค้าคนเดียว...เค้าคนเดียว

                ชายหนุ่มย้ำกับตัวเองอย่างนั้นราวกับเป็นเกราะป้องกันสิ่งที่เค้ากำลังกลัว  แต่ก็ดูมันจะไม่เป็นผลเลย  นึกถึงสายตาของดารินแล้ว....อะไรกัน  เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง  และเมื่อไร...แล้วทำไม..ทำไมถึงไม่มีใครรู้เลย....

                แล้วเค้าจะทำยังไงต่อไป?.....

                และเมื่อรถแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์วิริยะไพศาล  ดารินก็ก้าวลงจากรถทันที  แทบจะลืมหันมาบอกลาเค้าด้วยซ้ำถ้าเค้าไม่เรียกไว้  ธานินมองตามร่างบางที่เดินลับหายไปช้าๆนั้น.....

                ...จะทำยังไง?...

     

                ณ ที่เดิมที่ก่อนหน้านั้นเคยมีคนนั่งอยู่สองคน  บัดนี้เหลือเพียงคนๆเดียวที่ยังคงนั่งมองแก้วน้ำนิ่งพร้อมหยดน้ำตา

                ศศิกานดาปาดน้ำตาทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่มันก็ยังคงไหลอยู่อย่างนั้น...ซุยวิ่งตามร่างของลุกพี่ลูกน้องผู้มีศักดิ์เป็นน้องของเธอออกไปแทบจะทันทีเมื่อร่างนั้นหันหลังและเดินจากไป  แต่เมื่อร่างสูงเห็นธานินที่วิ่งตามไปก่อนแล้วก็ชะงัก  ได้แต่มองตามไปอย่างเศร้าๆ  ก่อนจะเดินออกไปจากร้านโดยไม่หันกลับมาอีกเลย....

                ไม่หันกลับมาอีกเลย....

                เธอรู้ว่าซุยไม่ได้โกรธเธอ  แต่ที่ซุยเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกนั่นเป็นเพราะร่างสูงกำลังเจ็บปวด

                แต่ถ้าเธอหันกลับมามองข้างหลังบ้าง  เธอจะได้เห็นคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่า  ทุกข์ใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าเธอต้องเจ็บปวด 

    แม้จะไม่มีสิทธิ์ เพราะสิทธิ์นั้นเธอได้ให้ใครอีกคนไปแล้ว...ก็ตาม...

     

    ค่ำคืนที่ผ่านไปนับว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับซุยเลยก็ว่าได้  ร่างสูงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้  แถมวันนี้ยังต้องมีเรียนแต่เช้า

    เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยก็เจอกับศศิกานดาพอดี  ซุยยิ้มทักทายราวกับว่าเมื่อวานไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระนั้น  แต่ลึกลงไปในแววตาศศิกานดาเห็นแววหม่นหมองที่เจ้าตัวไม่สามารถปิดมันไว้ได้  และถึงปิดได้ก็คงกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ

    ทั้งสองมานั่งคุยกันที่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่  เป็นศศิกานดาที่เริ่มต้นประโยคขึ้นมาก่อน

    พวกเธอได้คุยกันรึยัง?

    ซุยหันมามองเธอ  ไม่คาดคิดว่าจะถูกถามแบบนี้และไม่แน่ใจว่าศศิกานดาถามตนออกมาด้วยความรู้สึกอย่างไร  หญิงสาวเข้าใจแววตานั้น

    ไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าซุยเลือกแล้วฉันก็คงไม่ห้ามซุยอีก  ตอนนี้ที่ทำได้...ก็คงมีเพียงแค่คอยเอาใจช่วยความรักของเพื่อน

    ทั้งๆที่พูดเองแต่ร่างโปร่งก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดลึกๆข้างใน  ซุยมองเธอด้วยแววตายิ้มๆวางมือตนเองลงบนมือเพื่อนสาว

    ขอบคุณมากนะ ศศิ

    แล้วว่าไงล่ะ ศศิกานดาเลื่อนมือออก กลัวว่าถ้ายังอยู่ในสภาพนั้นตนเองอาจจะทนไม่ได้  เผลอร้องไห้ออกมา

    ซุยส่ายหน้า และยิ้มเศร้าๆกับคำถามนั้น

    อย่าเศร้าไปเลยน่า  อะไรๆต้องดีขึ้นแน่นอน

    ขอบคุณมากนะ  ร่างสูงพูดคำนั้นอีกครั้ง  ศศิกานดาหัวเราะแล้วตบไหล่เพื่อน

    ขอบคุณฉันบ่อยไปแล้ว  พูดคำอื่นเป็นมั่งมั้ยเนี่ยรึเศร้าจนลืมภาษามนุษย์ไปแล้ว  ฮะ?

    ศศิกานดาพูดล้อๆแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกัน

     

    ขอโทษนะซุย....แม้ตอนนี้มันอาจจะยังฝืนๆ

    แต่ฉันจะพยายามกลับไปเป็นคนเก่าที่รักเธออย่างเพื่อนให้ได้

    แม้ว่าฉันจะมองไม่เห็นถึงความสำเร็จเลยก็ตาม....

     

    ซุยกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นด้วยสภาพที่เปียกโชกไปทั้งคนทั้งรถ  เพราะตอนนี้ฝนกำลังตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาและตกมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว  ตกหนักจนอาจจะกลายเป็นพายุได้ในคืนนี้

    และเมื่อจอดรถลงที่หน้าบ้าน  ร่างสูงลงจากรถเพื่อจะไปเปิดประตู  แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่หลังม่านฝน  กำลังนั่งกอดเข่าตัวเปียกโชก....เหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงรถที่เข้ามาจอด  ร่างนั้นสั่นเทาน้อยๆด้วยความหนาว  เพราะที่กำบังที่ใช้หลบฝนนั้นเล็กจนฝนสาดซัดเข้ามาได้

    น้องริน... ซุยปล่อยเสียงให้ผ่านออกมาจากริมฝีปากอย่างยากลำบาก  ร่างบางที่กำลังเหม่อหันมาตามเสียงนั้น

    ร่างบางมาทั้งชุดนักเรียนทำให้เสื้อที่เปียกแนบเนื้อเนียนจนเห็นทรวดทรง  และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างบางเริ่มซีดแล้ว  ปากที่เคยเป็นวีหวานอมชมพูซีดและสั่น  ดูท่าว่าคงจะมานั่งคอยนานแล้ว

    ซุยฉุดร่างบางให้ลุกขึ้นและจูงมือให้ตามเข้ามาในบ้านแต่พอร่างบางลุกขึ้นก็เซล้มไม่เป็นท่า  ซุยจึงช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก  ดารินเงยหน้าขึ้นมองพบกับสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกต่างๆ  ทั้งตำหนิ เป็นห่วง  และตัดพ้อระคนกัน  แต่ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใด 

    แล้วร่างสูงก็อุ้มร่างบางเดินเข้าไปในบ้าน....

     

    น้ำอุ่นจากฝักบัวราดรดลงมาบนตัวของร่างบางบรรเทาความหนาวเหน็บ  เมื่อเช็ดตัวออกจากห้องน้ำมาก็พบกับเสื้อผ้าที่จัดไว้ให้เปลี่ยน  แต่ไม่เห็นตัวผู้นำมาวางไว้ให้  ดารินสวมใส่เสื้อผ้านั้น แล้วเดินไปรอบๆบ้านเพื่อหาร่างสูง

    ซุยเปิดประตูเข้ามาพอดีเนื้อตัวเปียกโชก  เพราะต้องกลับออกไปเอารถที่ทิ้งไว้ข้างนอกและจัดการความเรียบร้อยอื่นๆของบ้านอีกนิดหน่อย

    ผ้าขนหนูถูกยื่นมาให้ตรงหน้า  ซุยรับมันมาเช็ดผมโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากคนที่ยื่นให้  จนดารินต้องเป็นฝ่ายหลบตาและเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวนุ่มที่ใช้เป็นที่รับแขกของบ้าน  ผ้าขนหนูอวลกลิ่นหอมบางๆจากตัวผู้ใช้เมื่อครู่  ซุยสูดลมหายใจรับความหอมหวานนั้น  เช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในครัว

                เห็นโน้ตที่แปะติดกับตู้เย็นแล้วก็นึกขึ้นได้  วันนี้แม่ไปเยี่ยมเพื่อนที่เพิ่งคลอดลูกที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนๆที่ที่ทำงาน  กลับพรุ่งนี้ตอนสายๆ  ซุยแปะโน้ตลงกับตู้เย็นตามเดิม  แล้วเริ่มลงมือทำบางสิ่งบางอย่างที่ดารินได้ยินแต่เสียงเครื่องครัวกระทบกันเบาๆอยู่ด้านนอก

     

                ไม่นานนักแก้วนมอุ่นๆก็วางลงตรงหน้าของร่างบางพร้อมกับเสียงทุ้มที่กล่าวขึ้นเป็นประโยคแรก

                ดื่มสิ  จะได้หายหนาว

                ดารินยกแก้วขึ้นมาจิบๆ  ร่างสูงเองตอนนี้ก็มีกาแฟร้อนๆอยู่ในมือเช่นกัน  แต่ดูเจ้าตัวจะไม่สนใจเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเลยนอกจากกระโปรงที่เปลี่ยนเป็นกางเกงแล้วเมื่อตอนเข้ามาในบ้านครั้งแรก

                ซุยนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม  รอจนนมพร่องไปได้ครึ่งแก้วซุยจึงเอ่ยถามมาอีก

                มาที่นี่ได้ยังไง

                ซุยเคยบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้ ดารินวางแก้วนมลง เลยถามคนแถวๆนี้ดู

                แล้วนั่งตากฝนอยู่ทำไมตั้งนาน  เห็นบ้านล็อกอยู่แล้วทำไมไม่กลับบ้าน  แล้วรู้มั้ยแถวนี้มันอันตรายถ้าเธอมาเดินคนเดียว....

                คำบ่นยาวเหยียดเตรียมจะพรั่งพรูออกมาจากปากของร่างสูง  แต่ถูกขัดด้วยเสียงหวานๆแต่สั่นของร่างบาง

                ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องมาพบซุย ร่างบางน้ำตาคลอ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกนี้  มันอึดอัด...ทรมาน....

                สีหน้าของร่างสูงอ่อนลงก่อนจะเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปเช็ดน้ำตาให้  ร่างบางร้องไห้เหมือนเด็กๆขี้แย  ซุยอมยิ้มก่อนจะลุกไปนั่งข้างๆเลย แต่ยังเว้นระยะไว้เพราะตัวเองยังเปียกอยู่

    ฉันคิดมาตลอดทั้งคืน  ฉันรู้ว่าระหว่างซุยกับพี่ศศิเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก  แต่ว่า...แต่ว่าไม่ว่าจะกับผู้หญิงคนไหนฉันก็ไม่อยากให้ซุยแตะต้อง  ฉัน...ฉันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้ว  ฉันไม่ควรที่จะหวงซุยไว้กับฉันคนเดียว  แต่ทำไมไม่รู้มันห่วงและหวงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ....  ดารินสะอื้นร้องไปปาดน้ำตาทิ้งไป  ซุยมองภาพนั้นอย่างเอ็นดูก่อนจะจับมือที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ป้อยๆนั้นมากุมไว้เบาๆ

    มีความสุขจัง ดารินมองหน้าร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  ซุยขำกับภาพนั้นอีกก่อนจะกล่าวต่อไป ที่ได้รู้ว่าเธอรักฉันแค่ไหน...รู้มั้ยว่าถ้าวันนี้เธอไม่มาหา  ฉันจะไปหาเธอเอง...

    ซุยมองร่างบางยิ้มๆก่อนจะกล่าวต่อ คำอธิบายของฉันก็คือ...วันนั้นหลังจากเราแยกกันฉันก็ไปพบศศิเพราะเรานัดกันไว้แต่เช้า...ฉันตั้งใจจะไปบอกศศิเรื่องของเรา  แล้วพอฉันบอกศศิก็ร้องไห้....คงเพราะเป็นห่วงเธอ  ฉันไม่รู้จะทำยังไง...ก็เลยกอดปลอบ  จนเธอเดินเข้ามาเห็น...

    ร่างบางมองตาร่างสูงนิ่ง

    เธอจะเชื่อรึไม่ก็ตาม  แต่ฉันไม่โกหกคนที่ฉันรัก

    ฉันเชื่อทุกคำพูดของซุย  เพียงแต่ฉันกำลังคิดว่าตัวเองนั้นเห็นแก่ตัว  จริงๆแล้วฉันไม่ได้โกรธหรือว่าไม่พอใจซุยหรือพี่ศศิ...ฉัน.... ดารินก้มหน้าซ่อนความอาย ฉันแค่ไม่อยากให้ซุยกอดกับผู้หญิงคนอื่น  ไม่อยากให้ซุยใจดีกับผ้หญิงคนอื่น..ฉะ...ฉันรู้ว่ามันไม่ดี  ฉันจะพยายามเปิดใจให้กว้างกว่านี้....

    ร่างบางพูดไม่ทันจบก็ถูกริมฝีปากเย็นของร่างสูงประทับปิดไปเสียก่อน  เมื่อถอนริมฝีปากออก  ซุยเอาศรีศะตนเองชนกับศรีษะร่างบางตาต่อตาประสานกันใกล้...

    ไม่ต้องหรอก...ห่วงและหวงฉันเถอะนะ...

    ซุยประทับริมฝีปากของตนบนริมฝีปากของร่างบางอีกครั้ง  เธอจะไม่เอ่ยถามเรื่องของธานิน...เพราะรู้อยู่แล้ว  ว่าคนๆนั้นคือคู่หมายของคนที่เธอรัก  เขาคือคนที่มาก่อนและเธอต่างหากที่มาทีหลัง  ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบให้ใครมาโอบกอดร่างบางเหมือนกันก็เถอะ

    แต่ดารินไม่อาจนิ่งอยู่ได้  เธอไม่อยากให้ร่างสูงไม่สบายใจเช่นกัน

    เรื่องของพี่ต้น... ดารินเริ่มเมื่อหน้าออกห่างกัน  แต่ซุยพูดขัดเสียก่อน

    ไม่ต้องหรอก  ฉันรู้และเข้าใจ...เขาเป็นคู่หมายของเธอ...

    ที่ไม่อยากฟังเพราะไม่ห่วงและหวงฉันเหรอ

    ไม่ใช่หรอก.... ร่างสูงมองตาร่างบางด้วยแววที่ทำให้ใจของร่างบางเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เป็นเพราะ....ไม่อยากฟังเรื่องของเขาจากปากเธอต่างหาก

    ร่างบางโผเข้ากอดร่างสูงทันที

    เธอทำให้ฉันมีความสุขจนแทบละลาย

    แต่ตัวฉันเย็นเฉียบ... ร่างสูงพูด  ยังไม่เลิกมองแววตาแปลกๆมาทางร่างบาง ดารินถอยหนีแต่ซุยคว้าตัวไว้ทันและดึงให้กลับมานั่งบนตักของตน

    ร่างสูงซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนจากทางด้านหลัง พลางกระซิบแผ่วเบาที่ริมหูแต่ทำเอาดารินหน้าแดงไปทั้งหน้า

    ช่วยทำให้ฉันอุ่นทีสิ...

    ซุยยังคงซุกซนหอมระเรื่อยไปทั้งร่างแต่ดารินขืนตัวไว้บอกด้วยเสียงหอบๆ 

    เดี๋ยวคุณแม่ของซุยจะกลับมาแล้ว...

    แม่ไม่อยู่หรอก  ไปต่างจังหวัดกับเพื่อน

    คนฉวยโอกาส เมื่อหมดข้ออ้าง  ดารินก็ว่าเอาดื้อๆ

    ไม่ได้ฉวยโอกาส ซุยก็เถียงดื้อๆเช่นกัน แต่กำลังขอร้อง  ให้ช่วยทำให้ฉันอุ่นที

    หมดข้ออ้าง  หมดทางหนี  ซุยวางร่างบางราบบนโซฟา  ก่อนถามเสียงทะเล้น

    ที่นี่ หรือ ในห้องนอน?

    ซุยบ้า!!” ดารินว่าพร้อมหันหน้าหนี...อายจะตายอยู่แล้วยังจะมาให้เลือกสถานที่อีก

    ซุยหัวเราะ  ก่อนจะหอมแก้มนวลที่แดงเรื่อด้วยความอายนั้น...

    ฉันจะทนุถนอมเธออย่างดี

    ซุยว่า แล้วร่างสูงก็ทำตามคำพูด  เธอทนุถนอมร่างบางอย่างที่สุดในขณะที่ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน  ท่ามกลางสายฝนเย็นเยียบ แต่ใจสองดวงกลับอบอุ่น

     

    เคยมีคนกล่าวไว้ว่า  มีความสุขเพื่อที่จะทุกข์

    มันเป็นเช่นนั้นเสมอ

    เพราะเมื่อยามใดที่เราหัวเราะ น้ำตารอคอยเราอยู่อย่างเงียบๆ

    เป็นสัจธรรมของชีวิต

    แต่ก็มีคนเคยกล่าวไว้เช่นกันว่า  คนเรามีความทุกข์เพื่อที่จะสุข

    แต่ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์

    นั่นคือสิ่งที่เราต้องเจอ  เมื่อยังมีชีวิต  มีลมหายใจ

    ถ้าเราเตรียมตัวและมีสติต่อความสุขเมื่อทุกข์เราจะไม่เจ็บมาก

    แต่กับใจสองดวงที่ไม่เคยเตรียมตัวมาก่อนเลยล่ะ

    เมื่อต้องรู้ความจริงที่ไม่อยากรับรู้

    มันจะเป็นอย่างไร?.....                                                  
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++

    ++++++++

    +++

    +

    อิอิ

    อัพๆๆๆๆ

    เม้นๆๆๆๆ

    อัพๆๆๆนะจ๊ะ

    ตอนหน้านี่แหละไคลแมกซ์ของเรื่อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×