คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : พายุลูกเล็ก...เข้าใจผิด...
ผ่านมาจนเกือบเย็นหลังจากที่ร่างบางกลับมาถึงบ้านได้สักพัก ผู้เป็นบิดาก็กลับมาถึงบ้านเช่นกันและพ่วงแขกที่ดารินไม่ชอบใจเลยมาด้วย
...ธานิน....
“เอ้า มาทางนี้ก่อนสิ” ปุรินทร์เดินกอดคอหลานชายที่เค้าหมายจะให้มาเป็นคู่ของลูกสาวมาที่ห้องรับแขก รอจนสาวใช้เสิร์ฟน้ำเสร็จจึงเอ่ยถามออกไป
“มีเรื่องอะไรจะปรึกษาลุงเหรอ?”
ธานินมองหน้าเพื่อนสนิทของพ่อผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขาและว่าที่พ่อตาในอนาคต แล้วกล่าวออกมาเสียงแผ่ว
“เรื่องของ..น้องรินน่ะครับ...”
“หืมม์?”
ธานินนิ่งไปอย่างใช้ความคิด วันนี้เขาไปหาปุรินทร์ที่โรงแรมแล้วตามกลับมาที่บ้านเพราะต้องการจะปรึกษาเรื่องของดาริน...ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รบกวนจิตใจของเขาได้ คู่หมายของเขาที่ไม่ค่อยสนใจเขาสักเท่าไร...เธอวางตัวกับเขาอย่างที่เขาไม่อาจจะเข้าถึงเธอได้ แม้เขาจะรักเธอแบบนั้นและแสดงออกสักเท่าไร แต่ดารินก็แสดงชัดว่าคิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้น..ยิ่งเข้าใกล้เธอยิ่งถอยหนี เมื่อก่อนยังไม่เท่าไร เขายังมั่นใจว่าจะเอาชนะใจเธอได้ แต่มาบัดนี้อะไรบางอย่างมันทำให้เขารู้สึกว่า...จะเฉยเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
เมื่อเข้าทางเจ้าตัวไม่ได้ ก็ต้องเข้าทางผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเธอ....
“ดูน้องรินแปลกๆไปน่ะครับ เมื่อก่อนผมชวนไปข้างนอกยังไปกับผมบ้าง แต่มาระยะหลังน้องรินเย็นชากับผมเหลือเกินครับ” ธานินทำสีหน้าให้น่าสงสาร “เหมือนน้องรินตีตัวออกห่างผมยังไงไม่ทราบ...”
“คิดไปเองรึเปล่า ฉันก็เห็นเขาปกติดี” ปุรินทร์พยายามปลอบ แต่ธานินส่ายหน้า
“ไม่นะครับ...คุณลุงครับ บอกผมตามตรงนะครับ น้องรินมีใครอื่นรึเปล่า ยังไงถึงผมจะรักเธอแต่ถ้าน้องรินไม่มีเยื่อใยกับผม ผมก็ไม่อยากบังคับใจเธอนะครับ...”
ธานินพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิด เขาต้องแสดงให้น่าสงสาร เพราะถึงจะได้เป็นคู่หมายแต่บุคคลตรงหน้าก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รักลูกสาวมากช่นกัน หากแสดงความเป็นเจ้าของมากไปจนน่าเกลียดเขาก็อาจจะไม่ได้ครอง....
“ไม่มีหรอกน่า...ถ้ามีลุงก็ต้องรู้สิ ยัยรินก็เป็นแบบนั้น ไม่ค่อยชอบแสดงออกสักเท่าไร เอายังงี้สิ” ปุรินทร์ตบบ่าหลานชาย “เห็นเมื่อกี้เขารายงานว่ายัยรินกลับมาแล้ว ต้นก็ชวนน้องออกไปข้างนอกสิเดี๋ยวลุงจะช่วยพูดให้รับรองยัยรินไม่ปฏิเสธหรอก”
ธานินยิ้มอย่างขอบคุณ...นั่นไง....
ในระหว่างนั้นร่างสูงก็ก้าวเข้ามาในร้านที่นัดหมายไว้กับศศิกานดา ร่างสูงมองหาเพื่อนสาว แล้วก็พบร่างโปร่งนั่งอยู่ในมุมประจำ ซุยก้าวเร็วๆตรงไปหาทันที
“รอนานมั้ย” ส่งเสียงทักออกไป ศศิกานดาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พลางส่ายหน้า
“ไม่หรอก ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
ซุยนั่งลงแล้วสั่งอาหารของตัวเอง บรรยากาศตอนนี้เริ่มอึดอัด....ไม่มีใครพูดอะไร บริกรนำอาหารของซุยมาเสิร์ฟ เดินจากไป ซุยเริ่มลงมือทานอาหาร การกระทำทั้งหมดก็ยังอยู่ภายใต้ความเงียบ ศศิกานดานั่งเขี่ยอาหารในจานตัวเองไปมา และจนกระทั่งทนไม่ไหวแล้ว....
“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ...”
ซุยเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ก็ยังเงียบ
“ฉันรู้นะว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา เธอตั้งใจหลบหน้าฉัน”
“เปล่า...” ซุยปฏิเสธเสียงเบา หลบสายตาของเพื่อนสาวที่จ้องมองมา....วันนี้จริงๆก็ตั้งใจจะมาบอกศศิเรื่องที่เราคบกันแล้วไม่ใช่รึไง...แล้วทำไมพอเห็นหน้า มันถึงพูดไม่ออก?
ซุยอาจจะมองศศิกานดาด้วยความรู้สึกผิด ที่ผิดคำพูด แต่ศศิกานดามองคนตรงหน้าในอีกความรู้สึก
...เจ็บปวด
คืนนั้น...เธอรู้...ทั้งสองคนหายไปด้วยกัน แล้วนับจากวันนั้น ซุยก็เริ่มหลบหน้าเธอ ศศิกานดาพยายามดักพบซุยหลายครั้ง แต่เหมือนร่างสูงจะรู้แล้วพยายามหลบ....
.....เธอรู้บ้างมั้ยว่าตอนที่เธอหันหน้าหนีแล้วเดินไปจากฉัน...มันเจ็บปวดแค่ไหน...แต่มันก็แสดงออกอะไรมากไม่ได้ เพราะ....กลัวเธอจะรู้
แล้วเราก็จะไม่อาจเหมือนเดิมได้อีก......
และ...ดูจากสายตาของเธอในตอนนี้ ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม...มันเหมือนคนที่กำลังมีความรัก....แต่ภาพที่ฉายชัดอยู่ในใจเธอมันไม่ใช่ฉัน แล้วทำไม...ฉันต้องมารับรู้ด้วยว่าคนๆนั้นเป็นใคร ฉันอาจจะเห็นแก่ตัวที่ห้ามใจของเธอเพื่อใจของตัวเอง แต่ในวันนี้ เมื่อมันห้ามไม่สำเร็จแล้ว ฉันก็คง...เห็นจากแววตาของเธอในวันนี้...ฉันคงไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามเธอแล้วใช่ไหม?
ศศิกานดายิ้มอย่างสมเพชตัวเอง....ก่อนเอ่ยประโยคต่อไป ที่รู้ดีว่ามันจะทำให้ตัวเองเจ็บปวด
“อย่าโกหกกันเลยซุย...ฉันยังรู้ด้วยว่าซุยหลบหน้าฉันเพราะอะไร” สีหน้าร่างสูงฉายแววตกใจ ศศิกานดายังพูดต่อไปเรื่อยๆ ให้มันทิ่มแทงใจตัวเองอย่างนั้น “ในเมื่อซุยเลือกแล้ว ฉันก็คงห้ามอะไรเธออีกไม่ได้ แต่ตอนนี้...ฉันแค่อยากฟังจากปากของซุยเท่านั้น...”
...อย่านะน้ำตา...อย่าเพิ่งไหล...
“ศศิ...ฉันขอโทษจริงๆ เรารู้ดีว่ามันจะเป็นอนาคตที่ลำบาก ฉันขอบคุณศศิมากนะ...ที่คอยเตือนและเป็นห่วงฉัน”
...อย่าขอบคุณฉันเลย ฉันก็แค่ทำเพื่อตัวเอง...
“ตอนนี้ฉันกับน้องริน....เราคบกันแล้ว...”
ประโยคสุดท้ายที่ตอกย้ำและซ้ำเติมจิตใจ....
น้ำตาที่พยายามห้ามแล้ว..ก็ไหลออกมา....
ดารินนั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่ธานินขับรถออกมาจากคฤหาสน์วิริยะไพศาล สีหน้าแววตา...ขุ่นข้องขัดใจ...
‘รินไม่ไปค่ะ ขอโทษนะคะ พรุ่งนี้รินมีการบ้านต้องส่งเยอะ คงต้องรีบทำ’
นั่นคือประโยคที่หล่อนปฏิเสธเค้าอย่างสุภาพ เมื่อเขากล่าวชวนหล่อนให้ออกมาข้างนอกด้วยกัน เป็นอย่างที่เค้าคาดไว้...แต่ปุรินทร์ก็ทำตามคำพูดที่ลั่นวาจาไว้เช่นกัน
‘การบ้านอะไรกันลูก พ่อเห็นลูกตั้งหน้าตั้งตาทำจนเสร็จเมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอ’
‘เอ่อ...’ ดารินอึกอัก
‘อย่าไปบังคับน้องรินเลยครับ’ ธานินตีสีหน้าให้น่าสงสาร ดารินชำเลืองมองก่อนลอบหันไปทำหน้าหน่ายๆโดยไม่ให้ชายหนุ่มกับบิดารู้ตัว...ผู้ชายอะไรตีสีหน้าเก่งชะมัด....
แต่ปุรินทร์ติดกับ ‘นั่นไง พี่เค้างอนแล้วเห็นมั้ย เอาน่าไปกับพี่เค้าหน่อย เราไม่ได้ออกไปไหนกับพี่เค้านานแล้วนา ....’
แล้วดารินก็เจอการคะยั้นคะยอแกมบังคับจากบิดา จนต้องออกมาด้วยในที่สุด สีหน้าธอจึงไม่ค่อยดีนัก แต่ธานินไม่ยอมแพ้หรอก....ยังไงก็ต้องทำให้เธอเลิกทำหน้าแบบนั้นให้ได้ คอยดู...
“น้องรินอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษรึเปล่าจ๊ะ เราไปทานอาหารญี่ปุ่นกันมั้ย น้องรินชอบนี่นา” ธานินกล่าวชวน ดารินไม่อยากจะตอบ แต่แล้วหน้าหวานก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“วันนี้รินไม่อยากทานอาหารญี่ปุ่นหรอกค่ะ แต่ขอให้รินป็นคนเลือกร้านได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ” ธานินกระหยิ่มในใจ นั่นไง จะทนหน้าบึงตึงได้ซักเท่าไรเชียว..
“งั้น...” ดารินทำท่าคิด ก่อนจะชี้ไปที่ร้านที่หมายตาไว้ “เอาร้านนั้น”
ร้านที่ดารินชี้ไปอาจจะเป็นร้านธรรมดาๆสำหรับคนอื่น แต่มันเป็นร้านที่ ‘บ้านๆ’ และ ไม่เหมาะกับคนระดับเค้า สำหรับธานิน
ธานินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในที่สุดก็ต้องตอบรับแบบอ่อยๆ “ก็ได้จ้ะ...”
ถึงคราวดารินยิ้มเยาะในใจบ้าง....จะทนได้ซักกี่น้ำกัน...
อาจจะเป็นความบังเอิญที่แสนร้ายกาจหรือโชตชะตาที่ชอบเล่นตลก แต่คนอีกคู่ก็กำลังนั่งอยู่ในร้านนั้นเช่นกัน
ธานินขับรถเข้าไปในร้านนั้น
ในตอนนี้น้ำตาไหลรินบนแก้มของศิกานดาอย่างห้ามไม่อยู่จริงๆ ถ้าซุยจะเฉลียวใจคิดบ้าง ป่านนี้ก็คงจะรู้แล้วว่าเธอร้องไห้ทำไม แต่ร่างสูงไม่คิดว่าเธอจะคิดแบบนั้นกับตนกระมังจึงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ พลางกล่าว
“ฉัน....ศศิไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องห่วงน้องริน...ฉันสัญญาว่าจะดูแลลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของศศิให้ดีที่สุด”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำ ศศิกานดายิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ซุยทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดปลอบเพื่อนสาวเอาไว้ ศศิกานดาซบหน้าลงกับอกอุ่นปล่อยความรู้สึกทั้งมวลออกมา...สุดท้าย...ครั้งสุดท้าย ขอซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้ แล้วเธอจะยิ้มให้กับใครก็ตามที่คนๆนี้รัก แม้จะไม่ใช่เธอ...ก็ตาม
เรื่องในวันนี้คงจะจบลงด้วยดีแล้วถ้าหากร่างบางจะไม่ก้าวเข้ามาในร้านแล้วเห็น....
เห็นสิ...แม้จะเป็นมุมที่ลับตาคนพอสมควร แต่ถ้าเป็นคนที่ใจคิดถึงทุกเวลาแม้อยู่ในมุมอับแค่ไหนก็ต้องเห็น ดารินมองภาพนั้นอย่างตกตะลึงพอๆกับอีกคนที่มองสบตากันพอดี
...น้องริน...ทำไมถึง...แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ธานินก็เดินตามเข้ามาแล้วโอบไหล่บางให้เดินเคียงข้างกัน
ซุยตะลึงอีกระลอก....
ดารินเองก็ตกใจไม่คิดว่าธานินจะทำแบบนี้ ร่างบางขืนตัวไว้ สายตายังไม่ละไปจากซุย ทำให้ธานินต้องมองตาม
ศศิกานดาเองเห็นซุยนิ่งไป สายตาจับจ้องอยู่กับอะไรบางอย่าง ก็ผละออกจากอกซุยแล้วหันไปมองตามเช่นกัน
หัวใจสี่ดวงกับความรู้สึกสับสนที่ต่างกันไป....มีแต่คำถามว่า ‘ทำไม’ เท่านั้นที่ตรงกัน
ไม่มีใครสามารถขยับตัวได้...เพราะหัวใจขัดข้อง ไม่สามารถสั่งการได้อีกแล้ว.....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++
++++++++
+++
+
เย้ อัพแร้ว ขอโทษที่แอบดอง
เม้นกันด้วยนะ
มันคือกำลังใจ
ความคิดเห็น