คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ความหลังของแม่ และการพบกันที่ไม่คาดฝัน
RRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างสูงต้องควานหาโทรศัพท์ทั้งที่ยังงัวเงีย มือคลำไปจนเจอโทรศัพท์แล้วจึงกรอกเสียงลงไปตามสาย
“...สวัสดี...”
“ซุยเหรอ” เสียงศศิกานดานั่นเอง ซุยลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อได้ยิน
“อืม...”
“วันนี้ว่างมั้ย”
“มีอะไรเหรอ...”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากชวนออกไปเที่ยวหน่อยน่ะ” ศศิกานดานิ่งไปก่อนเอ่ยต่อ “ไม่ได้เจอซุยนานแล้ว”
ซุยนิ่งไปบ้าง ที่ไม่เจอก็เพราะเธอหลบหน้าเพื่อนสาวเองนั่นแหละ...ไม่อยากเจอ....ไม่อยากรู้สึกผิด แต่เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าศศิกานดาต้องรู้เรื่องนี้ในสักวัน ถ้าอย่างนั้นคงถึงเวลาที่สมควรจะบอกแล้ว
“วันนี้ฉันไม่ว่างจนถึงเย็นเลย ศศิรอตอนเย็นๆได้มั้ย”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันไปรับซุยตอน 6 โมงเย็นที่บ้านนะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอง...”
เมื่อนัดแนะสถานที่กันเสร็จ ร่างสูงก็วางโทรศัพท์ลง แล้วลุกขึ้นจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อลงมาจากข้างบนก็ได้กลิ่นหอมฉุยมาจากในครัว ซุยเดินไปตามกลิ่นนั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” ซุยทักมารดาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร นพพางค์หันมายิ้มให้ลูกสาวพลางถามอย่างแปลกใจ
“วันนี้ตื่นเช้าจังนะลูก มีเรียนเหรอจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ หนูมีนัดน่ะค่ะ”
“กับหนูศศิเหรอจ๊ะ” นพพางค์ถามออกไปเพราะคุ้นกับเพื่อนคนนี้ของลูกสาวมากที่สุด ทั้งยังเคยมาที่บ้านบ่อยๆ แต่ซุยไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้มารดาเท่านั้น
นพพางค์ไม่ติดใจอะไรเพราะลูกสาวเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อจัดการทำอาหารเช้าเสร็จจึงเตรียมตัวจะไปทำงานทันที
“ไปดีมาดีนะคะแม่” ซุยหอมแก้มผู้เป็นมารดาเมื่อออกมาส่งที่หน้าประตูบ้าน นพพางค์หอมลูกสาวกลับแล้วเดินไปที่รถ
ซุยยืนมองผู้เป็นมาดาขับรถออกไป แล้วกลับเข้าไปทานอาหารเช้าต่อก่อนจะขับรถออกจากบ้านไปเช่นกัน
ร่างสูงแวะที่ร้านขายดอกไม้ เลือกกุหลาบสีแดงมาช่อเล็กๆแต่น่ารัก
“เลือกน่ารักจังค่ะ เอาไปให้แฟนหรือคะ” เสียงพนักงานถามขณะที่จัดแจงผูกโบว์ที่ร่างสูงเลือกมา ซุยยิ้มอายๆ
....แฟนเหรอ จะเรียกอย่างนี้ได้มั้ยนะ...
เมื่ออกมาจากร้าน ร่างสูงก็ขับมอเตอร์ไซค์คันโปรดไปยังสถานที่นัดหมาย
ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเงาอยู่นั้น มีร่างบางร่างหนึ่งกำลังนั่งหลับตาพริ้มพิงต้นไม้ ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริงๆ ซุยยืนมองภาพนั้นอย่างชื่นชม
สวย....
ร่างสูงค่อยก้าวเท้าเข้าไปอย่างเงียบๆ ไม่คิดจะปลุกหรอก แค่อยากนั่งมองภาพนี้ไปนานๆเท่านั้นเอง...
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงแล้วในวันนี้ พนักงานในโรงแรมบ้างก็พากันไปทานข้าวกลางวัน บ้างก็ต้องยังอยู่ทำหน้าที่รับแขกจนกว่าจะมีเพื่อนมาเปลี่ยนเวร นพพางค์นั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านคอฟฟี่ชอปภายในโรงแรมนั่นเอง แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง เผลอทำแฟหกใส่เสื้อเชปของตัวเองเข้า แม้จะเป็นรอยที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็เห็นได้ชัดเจนทีเดียว
นพพางค์รีบเดินไปที่ห้องน้ำแต่ระหว่างทาง อยู่ๆเธอก็เดินไปชนกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเข้า
“ขอโทษค่ะ” นพพางค์กล่าวออกมาทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายล้มลงไป ร่างนั้นยื่นมือให้เธอพลางเอ่ย
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ คุณเป็นอะไรรึเปล่า...”
นพพางค์เงยหน้าขึ้นกำลังจะกล่าวตอบ แต่แล้ว...คำพูดก็ชะงักไป เมื่อเห็นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเต็มตา
ปุรินทร์ วิริยะไพศาล.......ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรมของประเทศ....ก็รู้อยู่ว่าที่นี่เป็น 1 ในสาขาของโรงแรมของเขา แต่ก็เป็นเพียงสาขาเล็กๆ เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมาที่นี่....
โชคชะตากำลังกลั่นแกล้งเธอหรืออย่างไร? ความหลังที่เธอฝังมันไปแล้ว ค่อยๆย้อนกลับมาเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ความหลังแสนหวานที่แสนขมขื่นด้วยเช่นกัน
“นพ...” ดูปุรินทร์เองก็ตกใจมากเช่นกันที่เห็นเธอ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของคนทั้งสอง เมื่อเห็นว่าคนเริ่มมองมาที่ตนมากแล้ว นพพางค์จึงลุกขึ้นเองโดยที่ไม่ยอมจับมือที่ส่งมาให้ ปุรินทร์มองอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจ กำลังจะเอ่ยบางอย่างกับร่างตรงหน้าแต่จู่ๆเลขาของเขาก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน
“ท่านคะ การประชุมใกล้จะเริ่มแล้วค่ะท่าน”
ปุรินทร์มีท่าทางลำบากใจที่จะไปหรือไม่ไปดี นพพางค์กำลังจะเดินหนีแต่แล้วมือแกร่งก็ฉุดรั้งข้อมือของเธอไว้
“เดี๋ยว...คุณทำงานที่นี่ใช่มั้ย”
นพพางค์ไม่ตอบ
“เดี๋ยวผมจะ...มาหา...หลังประชุมเสร็จ คุณไปรอผมที่นั่นนะ”
ที่นั่นคือร้านกาแฟที่นพพางค์เพิ่งเดินออกมา
ชอบสั่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...นพพางค์คิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแต่พยักหน้า เพราะไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยมือจากเธอเป็นแน่
เมื่อเห็นอย่างนั้นปุรินทร์จึงยอมปล่อยมือแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์
“ใครกันคะท่าน ดิฉันไม่เคยเห็นท่านดีใจขนาดนี้เวลาเจอเพื่อนเก่ามาก่อนเลยค่ะ” เลขาสาววัยกลางคนถามมออกมา เพราะสนิทกันและทำงานด้วยมานานเธอจึงกล้าถาม
ปุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“เค้าไม่ใช่เพื่อนเก่าธรรมดานี่นา...” ลิฟท์มาถึงชั้นที่ต้องการพอดี ประตูลิฟท์เปิดออก ปุรินทร์เดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เลขาคนสนิทยืนงงอยู่ตรงนั้นเอง
นพพางค์นั่งจิบกาแฟเป็นถ้วยที่สองแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาภายในร้าน พนักงานต่างพากันทำความเคารพเขา เพราะ ‘รู้จัก’ และ ‘จำ’ เจ้าของโรงแรมได้ ปุรินทร์ก้มหัวน้อยๆรับไหว้คนพวกนั้นแล้วมองหาคนที่ต้องการ เมื่อเจอเขาก็เดินตรงมาหาทันที
ทันทีที่เขานั่งลงนพพางค์ก็เริ่มรู้สึกว่าสายตาของพนักงานในร้านเริ่มมองมาที่พวกเธออย่างใคร่รู้
“จะดีหรือคะ?” อยู่ๆนพพางค์ก็พูดขึ้นหลังจากที่ปุรินทร์สั่งเครื่องดื่มเสร็จ
“ดีสิ ผมอยากเจอคุณมาตั้งนานแล้วนี่นา...ตั้งแต่ตอนนั้น...”
“ไม่ใช่ค่ะ...”นพพางค์ปฏิเสธแม้ใจจะเริ่มสั่นไหวกับคำพูดนั้น “ฉันหมายถึงคุยกันที่นี่คงจะไม่เหมาะ เพราะคนส่วนใหญที่นี่รู้จักคุณกันทั้งนั้น คุณมานั่งคุยกับพนักงานอย่างฉันมันคงจะไม่เหมาะ”
สายตาของปุรินทร์เริ่มรั้นเหมือนสมัยหนุ่มๆ “ช่างเขาสิ ใครจะกล้าว่าอะไร”
นพพางค์อ่อนใจ...เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดจริงๆ เหมือนเมื่อตอนนั้น....ตอนที่เรายังคบกัน...ความหลังเก่าๆผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเปิดสวิทช์ ทั้งๆที่เธอคิดว่าลืมมันไปได้แล้ว แต่เมื่อมาเจอผู้ชายคนนี้มันก็ราวกับว่าเขาเข้าไปเปิดสวิทช์ในใจเธอได้กระนั้น
“คุณสบายดีเหรอ” ปุรินทร์เริ่มต้นบทสนทนา
“ก็เรื่อยๆค่ะ...”
“คุณมาทำงานที่นี่นานรึยัง?”
“ไม่นานเท่าไรค่ะ...”
“ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ?”
“ไม่จำเป็น...”
“นพ...” ปุรินทร์ร้องออกมาอย่างเหนื่อยใจเมื่ออีกฝ่ายถามคำก็ตอบคำ นพพางค์มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
“ฉันไม่ร้ว่าคุณทำแบบนี้ทำไม...คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ผมแค่อยากคุยกับคุณ...นพ คุณอาจจะคิดว่ามันจบ แต่สำหรับผม ผมไม่เคยคิดว่ามันจบ...”
“ทั้งๆที่คนที่ทำลายมันลงคือคุณเองนะ....แล้วมันก็ผ่านมาตั้ง 20 ปีแล้วด้วย”
“ใช่...ดังนั้นผมถึงตามหาคุณมาตลอด แล้วก็ติดตามข่าวคราวของคุณตลอด 20 ปีนั่นแหละ....จนกระทั่งหมอนั่น...นที...ตายไป ข่าวของคุณก็เงียบหายไปด้วย”
นพพางค์อึ้ง เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าปุรินทร์จะทำแบบนี้ เขารู้ความเป็นไปของเธอมาโดยตลอดงั้นเหรอ....ถ้าอย่างนั้น...
“คุณรู้อะไรมาบ้างล่ะ” นพพางค์ถามเสียงห้วน ปุรินทร์เองก็นิ่วหน้าขึ้นเช่นกัน
“คุณจะต้องให้ผมพูดเหรอ” เขาจ้องหน้านพพางค์นิ่ง “...ว่าครอบครัวคุณน่ะมีความสุขแค่ไหน”
“ครอบครัว?” นพพางค์ทวนคำเสียงสูงติดจะสั่น
“ใช่ คุณมีลูกสาวกับหมอนั่นคนนึงไม่ใช่รึไง”
“หึ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณได้รู้มาฉันก็ไม่มีอะไรจะเถียงหรอกค่ะ”
“คุณ!” ปุรินทร์เสียงดังอย่างลืมตัว แต่นพพางค์ชิงตัดบทเสียก่อนว่า
“ถ้าคุณมีธุระแค่นี้ ฉันลาล่ะค่ะ ฉันมีงานต้องทำอีกมาก ไม่เหมือนคุณ...ท่านประธาน” นพพางค์จงใจเน้นย้ำคำหลังให้รู้สึกถึงความเหินห่าง แล้วเดินออกไปไม่เหลียวกลับมาอีกเลย แต่ท่าทีที่นิ่งฉยนั้นกลับไม่ตรงกันกับใจที่กำลังสั่นไหวอยู่ตอนนี้เลยสักนิด
...ซุย...เค้าน่ะไม่ลูกของนทีหรอกนะ เขาเป็น....นพพางค์รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งออกไปจากหัว บ้า...จะมามัวหวังอะไรอีก...ถึงจะยังรักเค้าอยู่แต่มันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
ใช่....ไม่มีทาง
แต่กับอีกคนที่ยืนมองร่างที่เดินจากไปนั้นกลับไม่คิดเช่นเดียวกัน...ผมรอมา 20 ปีแล้ว และได้ชดเชยความผิดที่ก่อไว้แล้ว ผมไม่มีทางที่จะปล่อยคุณไปอีกหรอก....ไม่มีทาง...
แต่ใครจะรู้บ้างว่ากงล้อแห่งโชคชะตาได้กำหนดอะไรบางอย่างไว้แล้ว...โชคชะตามักเล่นตลกกับคนเสมอ...บางคนแค่เพียงอารมณ์วูบเดียวทำลายความรักให้พังลงได้ บางคนคิดว่าได้เริ่มสร้างความรักที่คิดว่าดีที่สุดไว้แล้วแต่กลับต้องจบมันลงทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลย....เพียงแต่พวกเขาไม่รู้เท่านั้นเอง....
ว่าความรักของพวกเขามันจะกลายเป็นบาปมหันต์...
++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++
++++++++++++
++++++++
หุหุ มาอัพแล้วจ้า ก่อนที่จะไม่อยู่อีก 3 วัน
ขอโทษที่ดองน้า (นิสหน่อยเอ๊งงงงง)
เหอๆ เม้นกันด้วยจิ น้าๆๆๆใครเม้นขอให้มีแฟนสวยๆหล่อๆ
ใครไม่เม้นคนแต่งเสียใจนะจ๊ะ
ความคิดเห็น