ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE FORBIDDEN GARDEN++//[YuRI]\\++

    ลำดับตอนที่ #6 : ความหลังของแม่ และการพบกันที่ไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 50


    RRRRRRR……

                เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างสูงต้องควานหาโทรศัพท์ทั้งที่ยังงัวเงีย  มือคลำไปจนเจอโทรศัพท์แล้วจึงกรอกเสียงลงไปตามสาย

                    ...สวัสดี...

                    ซุยเหรอ เสียงศศิกานดานั่นเอง  ซุยลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อได้ยิน

                    อืม...

                    วันนี้ว่างมั้ย

                    มีอะไรเหรอ...

                    ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากชวนออกไปเที่ยวหน่อยน่ะ ศศิกานดานิ่งไปก่อนเอ่ยต่อ ไม่ได้เจอซุยนานแล้ว

                    ซุยนิ่งไปบ้าง  ที่ไม่เจอก็เพราะเธอหลบหน้าเพื่อนสาวเองนั่นแหละ...ไม่อยากเจอ....ไม่อยากรู้สึกผิด  แต่เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าศศิกานดาต้องรู้เรื่องนี้ในสักวัน ถ้าอย่างนั้นคงถึงเวลาที่สมควรจะบอกแล้ว

                    วันนี้ฉันไม่ว่างจนถึงเย็นเลย  ศศิรอตอนเย็นๆได้มั้ย

                    ได้สิ  ถ้าอย่างนั้นฉันไปรับซุยตอน 6 โมงเย็นที่บ้านนะ

                    ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอง...

                เมื่อนัดแนะสถานที่กันเสร็จ ร่างสูงก็วางโทรศัพท์ลง  แล้วลุกขึ้นจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำไป

     

                    เมื่อลงมาจากข้างบนก็ได้กลิ่นหอมฉุยมาจากในครัว  ซุยเดินไปตามกลิ่นนั้น

                    อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่ ซุยทักมารดาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร  นพพางค์หันมายิ้มให้ลูกสาวพลางถามอย่างแปลกใจ

                    วันนี้ตื่นเช้าจังนะลูก   มีเรียนเหรอจ๊ะ

                    เปล่าค่ะ  หนูมีนัดน่ะค่ะ

                    กับหนูศศิเหรอจ๊ะ นพพางค์ถามออกไปเพราะคุ้นกับเพื่อนคนนี้ของลูกสาวมากที่สุด ทั้งยังเคยมาที่บ้านบ่อยๆ  แต่ซุยไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้มารดาเท่านั้น

                    นพพางค์ไม่ติดใจอะไรเพราะลูกสาวเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว  ดังนั้นเมื่อจัดการทำอาหารเช้าเสร็จจึงเตรียมตัวจะไปทำงานทันที

                    ไปดีมาดีนะคะแม่ ซุยหอมแก้มผู้เป็นมารดาเมื่อออกมาส่งที่หน้าประตูบ้าน  นพพางค์หอมลูกสาวกลับแล้วเดินไปที่รถ

                ซุยยืนมองผู้เป็นมาดาขับรถออกไป แล้วกลับเข้าไปทานอาหารเช้าต่อก่อนจะขับรถออกจากบ้านไปเช่นกัน

     

                    ร่างสูงแวะที่ร้านขายดอกไม้  เลือกกุหลาบสีแดงมาช่อเล็กๆแต่น่ารัก

                    เลือกน่ารักจังค่ะ  เอาไปให้แฟนหรือคะ เสียงพนักงานถามขณะที่จัดแจงผูกโบว์ที่ร่างสูงเลือกมา  ซุยยิ้มอายๆ

                    ....แฟนเหรอ จะเรียกอย่างนี้ได้มั้ยนะ...

                    เมื่ออกมาจากร้าน  ร่างสูงก็ขับมอเตอร์ไซค์คันโปรดไปยังสถานที่นัดหมาย

     

                    ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเงาอยู่นั้น  มีร่างบางร่างหนึ่งกำลังนั่งหลับตาพริ้มพิงต้นไม้  ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริงๆ  ซุยยืนมองภาพนั้นอย่างชื่นชม

                    สวย....

                ร่างสูงค่อยก้าวเท้าเข้าไปอย่างเงียบๆ ไม่คิดจะปลุกหรอก  แค่อยากนั่งมองภาพนี้ไปนานๆเท่านั้นเอง...

     

                    เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงแล้วในวันนี้  พนักงานในโรงแรมบ้างก็พากันไปทานข้าวกลางวัน  บ้างก็ต้องยังอยู่ทำหน้าที่รับแขกจนกว่าจะมีเพื่อนมาเปลี่ยนเวร  นพพางค์นั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านคอฟฟี่ชอปภายในโรงแรมนั่นเอง  แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง  เผลอทำแฟหกใส่เสื้อเชปของตัวเองเข้า  แม้จะเป็นรอยที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็เห็นได้ชัดเจนทีเดียว

     

                    นพพางค์รีบเดินไปที่ห้องน้ำแต่ระหว่างทาง  อยู่ๆเธอก็เดินไปชนกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเข้า

                ขอโทษค่ะ นพพางค์กล่าวออกมาทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายล้มลงไป  ร่างนั้นยื่นมือให้เธอพลางเอ่ย

                    ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ  คุณเป็นอะไรรึเปล่า...

                    นพพางค์เงยหน้าขึ้นกำลังจะกล่าวตอบ  แต่แล้ว...คำพูดก็ชะงักไป  เมื่อเห็นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเต็มตา

                    ปุรินทร์   วิริยะไพศาล.......ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรมของประเทศ....ก็รู้อยู่ว่าที่นี่เป็น 1 ในสาขาของโรงแรมของเขา  แต่ก็เป็นเพียงสาขาเล็กๆ  เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมาที่นี่....

                โชคชะตากำลังกลั่นแกล้งเธอหรืออย่างไร? ความหลังที่เธอฝังมันไปแล้ว  ค่อยๆย้อนกลับมาเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ความหลังแสนหวานที่แสนขมขื่นด้วยเช่นกัน

                    นพ... ดูปุรินทร์เองก็ตกใจมากเช่นกันที่เห็นเธอ  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของคนทั้งสอง  เมื่อเห็นว่าคนเริ่มมองมาที่ตนมากแล้ว  นพพางค์จึงลุกขึ้นเองโดยที่ไม่ยอมจับมือที่ส่งมาให้  ปุรินทร์มองอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจ กำลังจะเอ่ยบางอย่างกับร่างตรงหน้าแต่จู่ๆเลขาของเขาก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน

                    ท่านคะ  การประชุมใกล้จะเริ่มแล้วค่ะท่าน

                    ปุรินทร์มีท่าทางลำบากใจที่จะไปหรือไม่ไปดี  นพพางค์กำลังจะเดินหนีแต่แล้วมือแกร่งก็ฉุดรั้งข้อมือของเธอไว้

                    เดี๋ยว...คุณทำงานที่นี่ใช่มั้ย

                    นพพางค์ไม่ตอบ 

                    เดี๋ยวผมจะ...มาหา...หลังประชุมเสร็จ  คุณไปรอผมที่นั่นนะ

                    ที่นั่นคือร้านกาแฟที่นพพางค์เพิ่งเดินออกมา

                    ชอบสั่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...นพพางค์คิด  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  ได้เพียงแต่พยักหน้า  เพราะไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยมือจากเธอเป็นแน่

                    เมื่อเห็นอย่างนั้นปุรินทร์จึงยอมปล่อยมือแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์

     

                    ใครกันคะท่าน  ดิฉันไม่เคยเห็นท่านดีใจขนาดนี้เวลาเจอเพื่อนเก่ามาก่อนเลยค่ะ เลขาสาววัยกลางคนถามมออกมา  เพราะสนิทกันและทำงานด้วยมานานเธอจึงกล้าถาม 

                    ปุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง

                    เค้าไม่ใช่เพื่อนเก่าธรรมดานี่นา... ลิฟท์มาถึงชั้นที่ต้องการพอดี  ประตูลิฟท์เปิดออก ปุรินทร์เดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เลขาคนสนิทยืนงงอยู่ตรงนั้นเอง

     

                    นพพางค์นั่งจิบกาแฟเป็นถ้วยที่สองแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาภายในร้าน  พนักงานต่างพากันทำความเคารพเขา  เพราะ รู้จักและ จำเจ้าของโรงแรมได้  ปุรินทร์ก้มหัวน้อยๆรับไหว้คนพวกนั้นแล้วมองหาคนที่ต้องการ  เมื่อเจอเขาก็เดินตรงมาหาทันที

                    ทันทีที่เขานั่งลงนพพางค์ก็เริ่มรู้สึกว่าสายตาของพนักงานในร้านเริ่มมองมาที่พวกเธออย่างใคร่รู้

                    จะดีหรือคะ? อยู่ๆนพพางค์ก็พูดขึ้นหลังจากที่ปุรินทร์สั่งเครื่องดื่มเสร็จ 

                    ดีสิ  ผมอยากเจอคุณมาตั้งนานแล้วนี่นา...ตั้งแต่ตอนนั้น...

                    ไม่ใช่ค่ะ...นพพางค์ปฏิเสธแม้ใจจะเริ่มสั่นไหวกับคำพูดนั้น  ฉันหมายถึงคุยกันที่นี่คงจะไม่เหมาะ  เพราะคนส่วนใหญที่นี่รู้จักคุณกันทั้งนั้น คุณมานั่งคุยกับพนักงานอย่างฉันมันคงจะไม่เหมาะ       

                    สายตาของปุรินทร์เริ่มรั้นเหมือนสมัยหนุ่มๆ ช่างเขาสิ  ใครจะกล้าว่าอะไร

     

                    นพพางค์อ่อนใจ...เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดจริงๆ  เหมือนเมื่อตอนนั้น....ตอนที่เรายังคบกัน...ความหลังเก่าๆผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเปิดสวิทช์ ทั้งๆที่เธอคิดว่าลืมมันไปได้แล้ว  แต่เมื่อมาเจอผู้ชายคนนี้มันก็ราวกับว่าเขาเข้าไปเปิดสวิทช์ในใจเธอได้กระนั้น

                    คุณสบายดีเหรอ ปุรินทร์เริ่มต้นบทสนทนา

                    ก็เรื่อยๆค่ะ...

                    คุณมาทำงานที่นี่นานรึยัง?

                    ไม่นานเท่าไรค่ะ...

                    ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ?

                    ไม่จำเป็น...

                    นพ... ปุรินทร์ร้องออกมาอย่างเหนื่อยใจเมื่ออีกฝ่ายถามคำก็ตอบคำ  นพพางค์มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

                    ฉันไม่ร้ว่าคุณทำแบบนี้ทำไม...คุณต้องการอะไรกันแน่

                    ผมแค่อยากคุยกับคุณ...นพ  คุณอาจจะคิดว่ามันจบ แต่สำหรับผม  ผมไม่เคยคิดว่ามันจบ...

                    ทั้งๆที่คนที่ทำลายมันลงคือคุณเองนะ....แล้วมันก็ผ่านมาตั้ง 20 ปีแล้วด้วย

                ใช่...ดังนั้นผมถึงตามหาคุณมาตลอด แล้วก็ติดตามข่าวคราวของคุณตลอด 20 ปีนั่นแหละ....จนกระทั่งหมอนั่น...นที...ตายไป  ข่าวของคุณก็เงียบหายไปด้วย

                    นพพางค์อึ้ง เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าปุรินทร์จะทำแบบนี้  เขารู้ความเป็นไปของเธอมาโดยตลอดงั้นเหรอ....ถ้าอย่างนั้น...

     

                    คุณรู้อะไรมาบ้างล่ะ นพพางค์ถามเสียงห้วน ปุรินทร์เองก็นิ่วหน้าขึ้นเช่นกัน

                    คุณจะต้องให้ผมพูดเหรอ เขาจ้องหน้านพพางค์นิ่ง ...ว่าครอบครัวคุณน่ะมีความสุขแค่ไหน

                    ครอบครัว? นพพางค์ทวนคำเสียงสูงติดจะสั่น

                    ใช่  คุณมีลูกสาวกับหมอนั่นคนนึงไม่ใช่รึไง

                    หึ  ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณได้รู้มาฉันก็ไม่มีอะไรจะเถียงหรอกค่ะ

                    คุณ!” ปุรินทร์เสียงดังอย่างลืมตัว  แต่นพพางค์ชิงตัดบทเสียก่อนว่า

                    ถ้าคุณมีธุระแค่นี้  ฉันลาล่ะค่ะ  ฉันมีงานต้องทำอีกมาก ไม่เหมือนคุณ...ท่านประธาน นพพางค์จงใจเน้นย้ำคำหลังให้รู้สึกถึงความเหินห่าง  แล้วเดินออกไปไม่เหลียวกลับมาอีกเลย แต่ท่าทีที่นิ่งฉยนั้นกลับไม่ตรงกันกับใจที่กำลังสั่นไหวอยู่ตอนนี้เลยสักนิด

                    ...ซุย...เค้าน่ะไม่ลูกของนทีหรอกนะ  เขาเป็น....นพพางค์รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งออกไปจากหัว  บ้า...จะมามัวหวังอะไรอีก...ถึงจะยังรักเค้าอยู่แต่มันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

                    ใช่....ไม่มีทาง

                    แต่กับอีกคนที่ยืนมองร่างที่เดินจากไปนั้นกลับไม่คิดเช่นเดียวกัน...ผมรอมา 20 ปีแล้ว และได้ชดเชยความผิดที่ก่อไว้แล้ว  ผมไม่มีทางที่จะปล่อยคุณไปอีกหรอก....ไม่มีทาง...

     

                    แต่ใครจะรู้บ้างว่ากงล้อแห่งโชคชะตาได้กำหนดอะไรบางอย่างไว้แล้ว...โชคชะตามักเล่นตลกกับคนเสมอ...บางคนแค่เพียงอารมณ์วูบเดียวทำลายความรักให้พังลงได้  บางคนคิดว่าได้เริ่มสร้างความรักที่คิดว่าดีที่สุดไว้แล้วแต่กลับต้องจบมันลงทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลย....เพียงแต่พวกเขาไม่รู้เท่านั้นเอง....

                    ว่าความรักของพวกเขามันจะกลายเป็นบาปมหันต์...

                   

    ++++++++++++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++

    ++++++++

    หุหุ มาอัพแล้วจ้า ก่อนที่จะไม่อยู่อีก 3 วัน

    ขอโทษที่ดองน้า (นิสหน่อยเอ๊งงงงง)

    เหอๆ เม้นกันด้วยจิ  น้าๆๆๆใครเม้นขอให้มีแฟนสวยๆหล่อๆ

    ใครไม่เม้นคนแต่งเสียใจนะจ๊ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×