ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE FORBIDDEN GARDEN++//[YuRI]\\++

    ลำดับตอนที่ #4 : พบกัน...อีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 50


    ร่างสูงในชุดทักซิโดมองดูนาฬิกาข้อมือให้แน่ใจอีกครั้ง  ก่อนหันไปคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปข้างนอก  วันนี้เป็นวันเกิดของศศิกานดา...หลังจากวันนั้นในห้องศิลป์ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว  เป็น 3 วันที่แสนทรมาน  เธอตัดใจเรื่องของดารินมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่เวลามันดูยาวนานกว่านั้นมาก  แต่ละวินาทีที่ไม่ได้นึกถึงช่างทรมานและดูจะมีน้อยกว่าเวลาที่เธอเผลอใจคิดถึงใบหน้าของร่างบางนั้น

    ซุยจัดการล็อคประตูลงกลอนให้เรียบร้อยเพราะตอนนี้ผู้เป็นมารดาไม่ได้อยู่บ้าน นพพางค์เริ่มไปทำงานที่โรงแรมได้หลายวันแล้ว  และดูท่าทางจะไปได้ดีเสียด้วย  แม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยเชฟและได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดี

    เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอจึงจูงมอเตอร์ไซค์คันโปรดออกมาจากโรงรถ  มอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นของที่อานทีซื้อให้ในโอกาสที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ  ซุยดูแลและรักษามันยิ่งกว่าของล้ำค่า...เสียงมือถือในกระเป๋าดังขึ้น ศศิกานดานั่นเองที่โทรมา  ซุยกดปุ่มรับสาย

    ซุย  ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว? เสียงจากปลายสายถามมารัวเร็ว

    อยู่ที่บ้าน...ยังไม่ได้ออกไป มีอะไรเหรอ ศศิ? ร่างสูงแปลกใจ ก็นี่ยังไม่ถึงเวลาซักหน่อยแล้วทำไมศศิกานดาต้องโทรมาเร่ง...

    เอ่อ...เปล่าๆ  เห็นว่าช้าเลยโทรมาตามน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก รีบๆมานะ ฉันให้เวลาเธอ 10 นาที แล้วศศิกานดาก็กดตัดสายก่อนที่ซุยจะได้พูดอะไรอีก ร่างสูงแค่แปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากว่าเพื่อนโทรมาตามเพราะตนช้าเท่านั้น จึงรีบสตาร์ทรถแล้วมุ่งไปที่บ้านของเพื่อนสาวทันที

     

    ที่งานเลี้ยง ศศิกานดาในชุดเจ้าหญิงย้อนยุค  ดูสวยหวานแต่ก็ดูปราดเปรียวในเวลาเดียวกัน  งานวันเกิดของเธอในวันนี้จัดเป็น งานแฟนซีสวมหน้ากากแต่มีหัวข้อบังคับคือ เจ้าชายกับเจ้าหญิงดังนั้นแขกที่มาในงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกไฮโซแทบทั้งนั้น จึงแข่งขันกันแต่งอย่างเต็มที่  แต่ก็ยังไม่มีใครเทียบกับเจ้าของงานได้สักคน  ศศิกานดามองไปรอบๆงานอย่างเบื่อหน่าย  ความจริงเธอไม่ได้อยากจัดงานแบบนี้ซักนิด  อยากจะฉลองกับครอบครัวแล้วไปฉลองกับซุยต่อแค่สองคนเท่านั้นมากกว่า...ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เธออยากให้ร่างสูงรู้ความจริงอะไรบางอย่างล่ะก็...

    ดังนั้นเธอถึงต้องโทรไปเร่ง  ไม่อย่างนั้น สองคนนั้น จะมาซะก่อนแล้วก็คงจะคลาดกัน

     

    เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ร่างสูงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในงาน แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อนสาว

    มาแล้วๆ  เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย ดีนะที่รู้ทางลัดมาบ้านเธอไม่งั้นคงเสียเวลานานกว่านี้แน่ๆเลย ซุยบ่นพลางยืนเช็ดเหงื่อ  แล้วจึงกล่าวทัก โอ้โห วันนี้ศศิสวยจัง

    ศศิกานดาหน้าแดง มองคนตรงหน้าราวกับเคลิ้มไป ร่างสูงในชุดทักซิโดสีดำที่ดูแล้วคงราคาไม่แพง พูดให้ฟังง่ายๆคือ ชุดที่ดูพื้นๆ แต่เมื่อร่างสูงใส่แล้วกลับดูดีเหลือเกิน...ตอนแรกซุยตัดสินใจไม่ถูกว่าจะมางานนี้ดีหรือไม่  เหตุผลเพราะ เจ้าตัวไม่อยากแต่งเป็นเจ้าหญิง  ที่ถ้าหากซุยแต่งก็คงจะดูดี  แต่เจ้าตัวกลับไม่มั่นใจ  ศศิกานดานึกไปถึงตอนคุยกันเมื่อเย็นวาน

    แฟนซีสวมหน้ากาก? ร่างสูงทวนคำหน้ายุ่ง มื่อฟังเพื่อนสาวพูดถึงงานเลี้ยงวันเกิด  อืม ก็คงพอได้ล่ะมั้ง

    แต่มีหัวข้อบังคับด้วยนะ

    หน้ายุ่งๆยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ หัวข้ออะไร

                    เจ้าชายกับเจ้าหญิง ฟังจบซุยแทบสำลักแฟนต้ารสเบอรี่เลิฟที่กำลังดื่มอยู่  ศศิกานดาหัวเราะขำท่าทางนั้นเพราะเดาไว้แล้วว่าคนตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาแบบนี้

                    ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะ... ซุยบอกงอนๆ ...เอ่อ ฉันไม่ไปได้มั้ย?...

                    ทำไมล่ะ? ศศิกานดาแกล้งถาม ทั้งๆที่รู้คำตอบ

                    ศศิจะให้ฉันแต่งเป็นเจ้าหญิงหรือไง  เธออยากเห็น อะไร แบบนั้นเหรออะไร  ที่เจ้าตัวว่า ศศิกานดาไม่เห็นด้วยเลย  ซุยไม่รู้ตัวเลยกระมังว่าตัวเองน่ะ  ดูดี  ขนาดไหน  เพียงแต่เจ้าตัวมักคิดว่าตนเองไม่เหมาะกับของสวยๆงามๆ  แต่ไม่ว่ายังไงๆ  เธอก็ต้องพาซุยไปงานนี้ให้ได้

                    แล้วใครว่าฉันจะให้ซุยแต่งเป็นเจ้าหญิงเล่า  ฉันจะให้ซุยแต่งเป็นเจ้าชายต่างหาก

                    หน้าของซุยตอนนี้ถ้าน้องๆปี 1 แฟนคลับมาเห็นเข้าล่ะก็จะว่ายังไงนะ  ศศิกานดาคิดขำๆกับตนเอง  เมื่อหน้าเท่ๆกลายมาเป็นหน้าจ๋อยๆซะแล้ว

                    เฮ้อ...ก็พอทนกว่าเจ้าหญิงละนะ...ซุยพึมพำกับตนเอง

                   

                    ศศิกานดาอมยิ้มเมื่อนึกถึง...และทั้งๆที่เธอเสนอว่าจะหาชุดให้แล้ว แต่ซุยกลับปฏิเสธ  บอกว่าคงจะหาเองได้

                    ยิ้มอะไรน่ะ ศศิ ซุยถามเมื่อเห็นว่าอยู่ๆเพื่อนสาวก็ยิ้มขึ้นมา รึว่าเพราะฉันเป็นแค่เจ้าชายทักซิโด้...ก็ฉันไม่มีปัญญาหาชุดเจ้าชายหรูๆนี่นา...

                    เปล่า...ฉันแค่คิดว่าซุยดูดีมากน่ะ พูดไปแล้วก็เขินกันทั้งคู่

                    เอ้อ...ขอบใจ...

                แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันมากไปกว่านั้น  เพราะแขกเริ่มทยอยมาแล้ว ทั้งคู่หยิบหน้ากากของตนเองขึ้นมาสวม ซุยอยู่รับแขกกับศศิกานดาด้วยเพราะเพื่อนสาวขอร้อง 

     

                    ศศิ คอแห้งรึเปล่า? ซุยถามเมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพัก  ศศิกานดาพยักหน้า

                    งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้  น้ำส้มเหมือนเดิมนะ พูดจบซุยก็หันหลังออกเดินไปยังโต๊ะอาหาร โดยที่ศศิกานดาห้ามไม่ทัน  แต่เพียงแค่ซุยหันหลังกลับและออกเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงใสๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

                    สุขสันต์วันเกิดค่ะ พี่ศศิ

                    เสียงนั้นหยุดตรึงร่างสูงอยู่กับที่  เสียงที่คุ้นเคย...เสียงที่หัวใจเฝ้าคิดถึงทุกวินาที  และเมื่อได้ยิน...ในตอนนี้หัวใจจึงหนักอึ้งเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง...ที่คิดว่าตัดมันไปได้แล้ว...แต่ไม่ใช่   เสียงนั้นสะกดให้ร่างสูงยืนอยู่อย่างนั้นไม่สามารถหันกลับมาได้

                    ศศิกานดามองไปทางซุย  รู้ว่าได้ยินเสียงและจำได้...ขอโทษนะซุย  ฉันคงจะมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอเลิกคิดถึงคนๆนี้ได้ อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ...เธอจะได้รู้ความจริงซักที ว่าเรื่องของเธอมันไม่มีทางเป็นไปได้

                    สวัสดีจ้ะ น้องริน ศศิกานดาเอ่ยนามนั้นช้า ชัด ราวเน้นย้ำหัวใของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลางรับของขวัญกล่องใหญ่จากร่างบาง และประโยคต่อไปที่ทำให้คนฟังแทบหายใจไม่ออก

                    คุณธานินก็มาด้วย  ยังรักกันหวานชื่นเหมือนเคยนะคะ  หมู่นี้ไม่ว่างานไหน ควงกันไป เป็นปาท่องโก๋เชียวนะ  ยังงี้ยัยรินเรียนจบเมื่อไร คงจะมีข่าวดีให้กับสองตระกูลซักทีนะคะ พูดจบก็เหลียวไปมองคนร่างสูง  ที่เริ่มออกเดินต่อช้าๆคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง

                    พอแล้ว....

                    ธานิน...บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา  วัยไม่เกิน 30 เพิ่งจบปริญญาโทจากอังกฤษมาหมาดๆ  เป็นคู่หมายของดาริน ที่ผู้เป็นพ่อเลือกไว้ให้  ธานินเป็นลูกของนักธุรกิจใหญ่  พ่อของเขาเป็นเพื่อนกับพ่อของดาริน ทั้งสองต่างเป็นมหาอำนาจในสาขาธุรกิจของตน  และพ่อของเขายังมีอิทธิพลในวงการเมืองอีกด้วย  เรื่องที่ทั้งสองตระกูลใหญ่จะดองกันเป็นข่าวที่รู้กันทั่ววงสังคมไฮโซ  และเรื่องที่ธานินรักคู่หมายของเขาคนนี้มากก็เช่นกัน  แม้แรกเริ่มเขาจะมีทีท่าต่อต้านการคลุมถุงชนเช่นนี้  แต่เมื่อมาพบกับดารินเขาก็เริ่มรักเธอ...และรักมากเสียด้วย  ผิดกับดารินที่คิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้น  ดารินเพียรบอกเขาเสมอว่าเธอรักเขาอย่างพี่  ไม่ได้คิดแบบอื่น  แต่ธานินไม่เคยละความพยายาม

                    ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีสิครับ  ผมตื๊อเขาทุกวันแต่เขาไม่ใจอ่อนเลย  คุณศศิช่วยพูดให้บ้างสิครับ ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี

                    ว่าไงจ๊ะ ยัยริน ศศิกานดารีบทำหน้าที่ ดารินไม่ตอบคำถามแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง

                    ไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ  พี่ศศิคะคุณพ่อฝากมาอวยพรค่ะ ท่านงานยุ่งมาไม่ได้ ท่านฝากของขวัญมากับรินแล้ว  เอ่อ....รินขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะคะ พี่ศศิจะได้ทักทายแขกคนอื่น กล่าวจบ ร่างโปร่งบางในชุดย้อนยุคดูสวยหวานราวกับเจ้าหญิงจริงๆ ก็ออกเดินนำทันที  ธานินหันไปพูดกับศศิกานดาอีกสองสามคำแล้วรีบเดินตามไปประกบอย่างหวงแหน

                    ธานินชวนเธอคุยโน่นคุยนี่อยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่าดารินจะไม่ได้สนใจกับเรื่องเหล่านั้นเลย  ร่างบางกำลังคิดไปถึงคนตัวสูงๆ ที่อยู่ในใจของเธอตลอดเวลา...เธอรอคอยเหมือนที่เค้ารอคอยเช่นกัน  ว่าสักวันจะได้พบ  เธอคิดถึงใบหน้านั้นเหลือเกิน  อยากพบ  อยากพูดคุย  เมื่อกี้ตอนที่เดินเข้ามาในงาน...เธอเห็น...เธอจำได้  ร่างสูงยืนอยู่กับพี่ศศิ  แต่พอเดินเข้ามาใกล้กลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว...เธอตาฝาดไปรึเปล่านะ..เพราะอยากพบเค้ามากเกินไป แล้ว...เค้าจะคิดถึงเธอ เหมือนที่เธอคิดถึงเค้ารึเปล่านะ...

     

                    ซุยเดินกลับมาหาศศิกานดาอีกครั้งโดยพยามทำสีหน้าให้เป็นปรกติที่สุด ในมือถือแก้วน้ำส้มของศศิกานดาและไวน์ที่เจ้าตัวหยิบมาโดยไม่รู้ตัว  ยื่นน้ำส้มให้เพื่อนพลางบอก

                    เอ่อ...ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี  ขอเข้าไปรอในงานนะ

                    เป็นอะไรไป  ไม่สบายเหรอ ถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

                    เปล่า...แค่มึนๆน่ะ  แขกใกล้จะมาครบแล้วนี่...เจอกันในงานนะ กล่าวจบร่างสูงก็เดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง  ศศิกานดามองตามหลังเพื่อนไปอย่างรู้สึกสงสาร แต่เธอจะยอมใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด...เพื่อเธอและเพื่อซุย

                    ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพราะรักเธอนะซุย... ศศิกานดาพูดกับตัวเองแผ่วเบา

                    ลืมเขา  แล้วมองฉันบ้างเถอะ  ถึงวันนั้น..ฉันจะกล้าบอกรักเธอ...

     

                    ทีแรกร่างสูงตั้งใจจะมารอเพื่อนในงานเลี้ยง  แต่ผู้คนที่มากมายยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นสวนข้างนอก  ตั้งใจว่าอีกสักพักจึงจะกลับเข้าไป

                    ซุยถอดหน้ากากออก  หน้าคมเจือรอยเศร้ารวดร้าว  แก้วไวน์ในมือถูกยกขึ้นดื่มทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยพิสมัยน้ำเมาแบบนี้เลยซักนิด  เมื่อกลืนอึกแรกลงคอแล้วเจ้าตัวแทบอยากจะโยนแก้วนั้นทิ้ง  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นดื่มรวดเดียวหมดทำให้สำลัก...ซุยทรุดตัวลงนั่งบนสนามหญ้า วางแก้วไวน์ลงข้างตัว...หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ  ทุกครั้งที่มันเต้นซุยรู้สึกได้แต่ความปวดร้าว...

                    ...ก็ตัดใจแล้วไม่ใช่รึไง  ทำไมยังเจ็บปวดแบบนี้...ซุยยิ้มเยาะตัวเอง...ไม่ใช่หรอก  เธอไม่เคยตัดใจได้เลยต่างหาก

                    ...ยังคิดถึงทุกลมหายใจ แม้กระทั่ง...ตอนนี้

                แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาซ้ำเติม  เมื่อร่างหนึ่งเดินออกมาจากงานเลี้ยงและทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากเธอนัก...ดารินรู้สึกเบื่อเพราะเข้าไปในงานได้ไม่นานก็มีโทรศัพท์มาเรียกตัวธานินจากทางบริษัท  เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องรีบไป ก่อนไปธานินบอกเธออย่างเกรงใจ

                    น้องริน...เอ่อ  คือ...

                    มีเรื่องะไรเกิดขึ้นใช่มั้ยคะ ดารินถามอย่างเข้าใจ งั้นรีบไปเถอะค่ะ

                    แต่น้องริน... ธานินลังเล

                รินอยู่คนเดียวได้ค่ะ  ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ก็เพราะไม่ใช่เด็กน่ะซิ ธานินถึงได้ห่วงหวงนักหนา

                    น้องรินจะไม่รั้งพี่ไว้เหรอจ๊ะ

                    ดารินมองอย่างแปลกใจ จะรั้งไว้ทำไมละคะก็พี่ต้นมีงานสำคัญ

                    นี่ก็อีก...ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ธานินเคยคบๆมา  จะรั้งตัวเขาไว้ไม่ให้เขาไป  แต่ดาริน  วิริยะไพศาลแทบจะเรียกได้ว่าผลักไล่ไสส่งเขาไปเลยกระมัง 

                    งั้นพี่จะไปบอกน้องศศิให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะ

                    ไม่ต้องหรอกค่ะ  บอกแล้วไงคะว่ารินอยู่คนเดียวได้ ดารินเริ่มเสียงแข็งขึ้นมา นั่นแหละธานินจึงยอมไป

     

                    ดารินถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึง  ดูธานินจะแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอมากขึ้นทุกวัน  เธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา  ไม่ได้รู้สึกเหมือนกับที่เค้ารู้สึกกับเธอเลย เพราะใจเธอตอนนี้ มีใครคนนั้นอยู่เต็มเปี่ยม

     

                    ซุยหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมมองตรงไปยังร่างบาง  ความรู้สึกบางอย่างเต็มเปี่ยมฉายชัดทางแววตาราวกับต้องการจะสื่อให้ถึงร่างบางที่อยู่ตรงหน้า...มันจะจบแบบนี้หรือไร  มันเป็นการรอคอยที่เปล่าประโยชน์ใช่มั้ย...เธอจะยอมให้มันเป็นเช่นนั้นหรือ  จะยอมให้มันสูญเปล่าทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร  ร่างสูงกำมือแน่น  สัญญาที่เธอให้ไว้คราวนั้น...แค่ความรู้สึก...อยากจะบอกแค่ความรู้สึกก็ยังดี...

                    คำสั่งของหัวใจพาให้เธอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างบาง

                    เพราะความมืดทำให้มองเห็นกันได้ไม่ถนัด  และร่างสูงไม่ปริปากซักคำ  ดารินรู้สึกเพียงมีคนมาหยุดยืนอยู่ใกล้แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร 

                    ขอโทษค่ะ  คุณเป็นใครคะ? ร่างบางกล่าวถามออกไป  แต่ร่างสูงกลับพูดไปอีกเรื่อง

                    ตอนที่โรมิโอพบกับจูเลียตครั้งแรกเค้ารู้สึกยังไงนะ  จะรู้สึกเหมือนฉันตอนนี้รึเปล่า ร่างสูงยิ้มฝืนๆในความมืด แต่คงจะไม่เหมือนกันหรอก  เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน

     

     ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ++++++++++++++++++
    555+++ ในที่สุดเราก็มาแล้ว
    อย่าว่ากันเลยนะ
    เม้นท์กันด้วยจิ
    เม้นท์น้อยจนน่าใจหาย
    เม้นท์วันละนิดจิตแจ่มใสน้า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×