ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE FORBIDDEN GARDEN++//[YuRI]\\++

    ลำดับตอนที่ #3 : ลังเล...ตัดใจ (เมื่อมันเป็นไปไม่ได้)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 49


    ณ บ้านไม้สองชั้นหลังเล็กๆแห่งหนึ่ง  ปรากฏภาพของหญิงวัยกลางคนกำลังเดินเข้าไปอย่างรีบร้อน

                    ซุย!...ซุย!...

                    ร่างสูงในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวและกางเกงยีนส์หันมาตามเสียงเรียก  ผู้ที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามานั้น  มีใบหน้าที่ละม้ายกับร่างสูง  ผิดกันที่ตัวเล็กกว่านิดหน่อยและริ้วรอยบนใบหน้าที่บอกถึงช่วงวัยที่อาวุโสกว่า  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของใบหน้านั้นลดลง ร่างนั้นยิ้มกว้างให้เธอ  จนซุยอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

                    มีอะไรคะแม่?

                    ผู้เป็นมารดาหัวเราะออกมาก่อนจะกระโดดกอดลูกสาว  ซุยเซไปตามแรงแต่ก็ไม่ถึงกับล้ม

                    แม่ได้งานแล้วจ้ะ

                    จริงหรือคะ? คราวนี้ซุยยิ้มกว้างออกมาบ้าง ผู้เป็นมารดาพยักหน้า

                    ใช่จ้ะ เป็นพนักงานทำขนมในโรงแรมแห่งนึง ใหญ่ด้วยนะลูก

                    ดีจังเลยค่ะ

                    แล้วนั่นจะไปไหนจ๊ะ? นพพางค์ทักขึ้นเมื่อมองเห็นช่อดอกไม้ในมือของบุตรสาว  ซุยยกช่อดอกไม้ให้แม่ดู

                    กำลังจะไปที่สุสานค่ะ จะเอาดอกไม้ไปให้อานที

                    พอดีเลยแม่ก็ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน  งั้นไปพร้อมกันเลยนะ

                    ค่ะ

     

     

                    สองแม่ลูกออกเดินไปพร้อมกัน  สุสานที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนักเดินแค่แปปเดียวก็ถึง  ซุยและผู้เป็นมารดามักจะมาที่นี่เป็นประจำ  เพื่อมาเยี่ยมเยียนบุคคลผู้หนึ่งที่ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ  บุคคลผู้เปรียบเสมือนพ่อของซุย  ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือสองแม่ลูกมาตลอดจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต  คำเรียกขานถึงเขาที่ติดปากซุยอยู่เสมอคือ อานที

                อานทีเป็นเพื่อนกับแม่มาตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งแม่มีเธอ  อานทีก็ยังอยู่เคียงข้างแม่มาตลอด...ซุยไม่รู้จักพ่อเลย  แม่บอกว่าพ่อของเธอตายไปตั้งแต่เธอยังไม่เกิด ดังนั้นซุยจึงนับถืออานทีเหมือนพ่อและอานทีก็รักเธอเหมือนลูกเช่นกัน  จนกระทั่งเมื่อปีก่อนมะเร็งได้พรากอานทีไปจากเธออย่างไม่มีวันกลับ

                    เมื่อมาถึงซุยเข้าไปวางดอกกุหลาบขาวช่อโตไว้บนหลุมศพ  สองแม่ลูกต่างจมอยู่ในห้วงภังค์  มีเรื่องต่างๆมากมายที่อยากจะเล่าให้ผู้ที่กำลังหลับใหลอยู่ได้รับฟัง

     

                    นที...ฉันได้งานทำแล้วนะ  เธอไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว  ฉันดูแลซุยได้และสัญญาว่าจะดูแลแกให้ดีที่สุด ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่...

     

                    และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เธอถ่ายทอดให้เพื่อนรักได้รับฟัง  เมื่อนพพางค์ถอยกลับมาก็พบกับสายตาของบุตรสาวที่มองจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

                    มีอะไรลูก?

                    หนูถามอะไรแม่สักอย่างได้มั้ยคะ?

                    นพพางค์ มองหน้าลูกสาวอยาสงสงสัย อะไรจ๊ะ...

                    ทั้งๆที่...อานทีรักแม่มาก  แต่ทำไมแม่ถึงไม่แต่งงานกับอานทีละคะ?

                ผู้เป็นแม่นิ่งเงียบไป  ก่อนจะหันมาตอบคำถามของเธอด้วยสีหน้าเศร้าๆที่ทำให้ซุยใจหาย

                    ...เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจ้ะ

                    คำตอบของมารดาถือเป็นที่สิ้นสุด  ซุยไม่ซักไซ้อะไรอีก  นพพางค์ยังพูดต่อไป

                    ขอโทษนะลูก  ที่แม่ทำตามี่ลูกหวังไม่ได้...

                    ซุยหันมาทางผู้เป็นมารดาอย่างตกใจ ไม่ใช่นะคะแม่  หนูไม่ได้หมายความแบบที่แม่เข้าใจ...อย่าคิดมากเลยค่ะ  หนูเพียงแต่สงสัยเท่านั้น

                    ร่างสูงเข้าไปโอบกอดมารดา  เธอไม่อยากให้แม่ต้องคิดมาก  ผู้เป็นมารดาพยักหน้ารับ  ยิ้มให้พลางถาม

                    จ้ะ...ว่าแต่จะกลับกันรึยังจ๊ะ

                    ยังค่ะ ซุยผละออกจากตัวมารดา ขอหนูอยู่ที่นี่ต่ออีกนิด

                    ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนนะ จะได้ไปเตรียมอาหารกลางวันให้ลูกด้วย

                    ค่ะ

                ซุยมองส่งผู้เป็นมารดา  เมื่อลับร่างนั้นแล้วร่างสูงก็ค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง  สายตาเหม่อลอยตกเข้าสู่ห้วงภวังค์

                    อานทีคะ...นับจากวันนั้น วันที่หนูได้เจอกับคนๆนึงที่กระท่อมในรีสอร์ท  จนกระทั่งหนูกลับมาที่นี่เวลาผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว  เราไม่ได้เจอกันอีกเลย...หนูพยายามตัดใจเรื่องนี้มาตลอด  แต่หนูก็ยังหยุดคิดถึงเธอไม่ได้  ความรู้สึกจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้มันยังไม่เปลี่ยนแปลง  หนูรู้ดีว่าหากตัวเองยังรู้สึกแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นการทำร้ายตัวหนูเองและที่สำคัญคือทำร้ายคนๆนั้นด้วย  แต่อาคะ...หนูไม่คิดว่าหนูจะรักใครได้เท่าเธออีกแล้ว  ดังนั้น  ได้โปรดอวยพรให้หนู...ให้เราได้พบกันอีกครั้ง...เพื่อให้หนูได้บอกคำๆนั้นกับเธอ...

                    ซุยซบหน้าลงกับเข่า  ใช่...เพื่อที่เธอจะได้บอกคำๆนั้นให้ร่างบางได้ฟัง

                    ...คำว่ารัก...

                แต่ทุกครั้งที่คิดแบบนี้ คำๆนึงก็จะแทรกขึ้นมา

                    ...มันเป็นไปไม่ได้.....แล้วร่างสูงจะรู้สึกถึงการบีบรัดของหัวใจ...เจ็บ

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    +++++++++++++++

     

                เช้าวันต่อมาซุยไปที่มหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าไปที่ห้องของชมรมทันที  เช้านี้ร่างสูงไม่มีเรียนจนกระทั่งบ่าย  ดังนั้นเจ้าตัวจึงอยากจะไปวาดรูปที่ค้างมานานเพราะไม่มีเวลาให้เสร็จเสียที  ซุยเป็นสมาชิกฝีมือดีของชมรมศิลปะเคยส่งภาพเข้าประกวดหลายหน ได้รางวัลมาก็หลายครั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ร่างสูงวาดรูป เธอวาดเพราะเธอชอบมันจริงๆ

                    ร่างสูงผลักประตูห้องเข้าไป จิตใจมัวแต่จดจ่ออยู่กับผืนผ้าใบที่มีรูปเสก็ตช์ค้างไว้อยู่  จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าภายในห้องมีใครคนหนึ่งกำลังนั่งคอยตนอยู่ก่อนแล้ว  มือเรียวยาวค่อยๆปลดผ้าคลุมออก  เผยให้เห็นภาพที่อยู่บนผืนผ้าใบ...ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอมาจนบัดนี้

                    คนที่นั่งอยู่ภายในห้องอีกคนรู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นภาพนั้น  ภาพของคนที่เธอคิดว่าร่างสูงน่าจะรีบๆลืมไปเสียที  ศศิกานดาก้มลงมองการ์ดในมือแล้วก็ตัดสินใจได้...เมื่อร่างสูงไม่มีวันจะลืมคนในภาพได้  เธอก็คงต้องให้เจ้าตัวได้รู้ความจริงบางอย่าง..ที่เธอได้แต่หวังว่าเมื่อรู้แล้วร่างสูงคงจะรีบตัดใจได้เสียที

                    ซุย... เธอส่งเสียงเรียกออกไป  เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่ซุยจะหันกลับมามองเห็นเธอ  ร่างสูงแทบจะไม่สนใจสิ่งรอบด้านด้วยซ้ำ

                    ด้านฝ่ายที่ถูกเรียกก็ถึงกับสะดุ้ง  เพราะเสียงนี้...ศศิกานดา....ซุยพูดไม่ออกเพราะพวกเธอไม่ได้พูดกันอีกเลยนับจากเหตุการณ์ที่รีสอร์ทคราวนั้น  และฝ่ายที่ไม่พูดก็คือศศิกานดา  เจอกันที่มหาวิทยาลัยศศิกานดาก็หลบหน้าเธอตลอด แม้เธอจะเข้าไปคุย  ไปง้อ ศศิกานดาก็ทำเย็นชาใส่จนเธอใจฝ่อและคิดว่าเพื่อนสาวจะไม่ให้อภัยเธอเสียแล้ว...

                    ศศิ... ซุยส่งเสียงอย่างยินดี  แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัด  บรรยากาศรอบๆเริ่มตึงเครียด

                หญิงสาวเดินไปเปิดม่าน แสงสว่างส่องลอดเข้ามารวดเดียวจนทำให้คนในห้องรู้สึกแสบตา  ซุยยกมือขึ้นบังแสงมองเพื่อนอย่างงงๆ  ศศิกานดาเหลียวกลับมาดูภาพ  ซุยมองตามแล้วกลับไปมองเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ

                    ทั้งๆที่ฉันบอกให้เธอลืม  แต่ทำไมเธอถึงยังทำแบบนี้ ศศิกานดาเริ่มทนไม่ไหวมื่อเห็นแววตาที่ซุยมองที่ภาพวาด  มันลึกซึ้งอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

                    ร่างสูงไม่ตอบเพียงแต่ค่อยๆคลุมผ้าคืนดังเดิม  แล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยพยายามลืม  ฉันทำแล้วแต่มันทำไม่ได้ต่างหาก

                    เธอยังพยายามไม่ถึงที่สุด

                    ศศิ!” ถ้อยคำย็นชาของเพื่อนสาว  ทำให้ซุยน้ำตาแทบไหล จะให้ฉันทำยังไง  เธอถึงจะยกโทษให้ฉัน…”

                    ฉันบอกไปแล้ว

                    เธอจะด่าว่าฉันยังไงก็ได้  แต่ขอร้องอย่าทำเย็นชาแบบนี้...

                    ถ้อยคำของซุยเกือบทำให้หญิงสาวใจอ่อน...เธอก็รู้ว่าฉันจะเย็นชากับเธอได้นานแค่ไหนกันเชียว...แต่พอนึกถึงคนในภาพแล้ว  ใจของเธอก็กลับแข็งดังเดิม

                นั่นเป็นการ์ดงานวันเกิดของฉัน  อยากให้เธอมานะ... สีหน้าซุยดีขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ ศศิกานดาทำใจแข็งเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ สิ้นเสียงปิดประตูซุยหันไปมองภาพวาดอย่างเศร้าๆ ก่อนจะคลุมผ้าปิดไว้ดังเดิม...

                    ร่างสูงวิ่งตามหลังเพื่อนสาวออกไป  ปากพร่ำเรียก ศศิ...ศศิ...รอฉันด้วย... มือใหญกำการ์ดไว้แน่น ในขณะที่หัวใจปวดร้าว

                    ...ก็ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว...ควรเลิกคิดเลิกหวังดีกว่าใช่มั้ย.....

                    ....ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้..อาคะ คำอธิษฐานของหนู คงไม่ต้องแล้วละค่ะ...

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ++++++++++++++++++++++++++++++

    อิอิ แล้วก็ตบะแตกมาลงต่อจนได้
    ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเป็นร้อน(มาก) อีกแล้ว
    รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
    อย่าลืมเม้นกันคุยกันมั่งนะ  นั่นคือกำลังใจในการแต่งเรย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×