ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ' Policier ' - YugMark ft.GOT7

    ลำดับตอนที่ #5 : ' Policier ' : Chapter 4 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58


     





     


     

    Chapter 4

     

     

     

    "อ่าาา..." ความปวดแล่นขึ้นมาตรงขมับด้านซ้ายจนทำให้เขาถึงกับต้องหยุดขยับตัวไปชั่วครู่... ลำคอและริมฝีปากแห้งผากราวกับขาดน้ำมาหลายวัน ร่างบางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก...

     

     

    "!!!" ข้อมือขาวๆถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนาถึงสองเส้น เขาถูกขังอยู่ในกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสใบแคบ แต่ยังพอมีอากาศพัดเข้ามาให้เขาหายใจได้อยู่เพราะช่องระหว่างแผ่นไม้มันห่างกันพอสมควร แสงจากด้านนอกลอดเข้าผ่านช่องไม้ 

     

     

    "อ้าเอ้ย!" บ้าเอ้ย! ผ้าผืนบางถูกใช้คาดปากเขาเช่นกันทำให้การที่จะส่งเสียงออกไปไม่ง่ายเลย ความรู้สึกเสียววูบที่ท้องน้อยทำให้เขารู้สึกประหลาด เมื่อเหมือนพื้นดินมันจะเคลื่อนไหวขึ้นลงได้

     

     

    เหมือนกับว่าลอยอยู่บนน้ำ...

     

     

    "อื้ออออ!!" ร่างเล็กร่นตัวลงให้หลังติดกับพื้นแล้วออกแรงถีบให้ฝาไม้ที่ถูกตอกตะปูปิดอยู่จนมันกระเด็นหลุดออกมา เขาออกแรงสองสามครั้งฝาไม้นั่นก็หลุดออกไป อี้เอินพยายามขยับตัวเองมาจากกล่องไม้ใบเล็กด้วยความทุลักทุเล 

     

     

    ห้องที่มีสภาพคล้ายกับโถงใต้เรือประมงทำให้เขางุนงงกับเหตุการ์ณรอบตัวที่เกิดขึ้น

     

     

    นี่มันบ้าอะไรกันอีกวะเนี่ย!?

     

     

     

    "เหวออ!!" จู่ๆพื้นที่เหยียบอยู่ก็เอียงไปข้างหน้าทำให้เขาเสียหลักล้มหน้าคะมำลงกับพื้น มือที่ยังถูกผูกไขว้กันอยู่ข้างหลังด้วยเชือกทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวขึ้นมายืนได้ ใบหน้าขาวๆแนบลงกับพื้น ความรู้สึกเย็นเชียบตรงแก้มที่แนบกับแผ่นเหล็กทำเอาขนลุกซู่

     

     

    "...อ้ะ!?" แรงดึงจากข้างหลังดึงตัวเขาให้ลอยขึ้นจากพื้น ไหล่บางบิดจนทำให้เกิดการเจ็บแปลบขึ้นมา ชายตัวสูงกว่าเขาพอประมาณกับร่างกายที่ผอมบางแต่ก็ดูมีกล้ามเนื้อสมชายชาตรี สูทตัวหนาบดบังร่างกายเอาไว้พร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย 

     

     

    น่ากลัว

     

     

    คือคำเดียวในหัวที่เขาจะอธิบายคนๆนี้ สายตานิ่งเฉย ใบหน้าเย็นชาจนเหมือนไร้ความรู้สึก

     

     

     

     

    -      P o l i c i e r   -

     

    .

    .

    .

     

     

    Flashback…

     

     

     

    นี่คุณจินยอง เรายังไม่ถึงกันอีกหรอครับ?”  ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนขับอย่างปาร์คจินยองถึงกับต้องเอ่ยปากเมื่อเขารู้สึกว่ามันใช้เวลานานเกินไปสำหรับการนั่งรถ

     

     

    มันควรจะถึงแล้วนะครับ…” ปาร์คจินยองกัดริมฝีปากด้วยความกังวล เขาเองเคยมาที่นี่ก็นานมากแล้วน่ะสิ จำทางก็ไม่ค่อยจะได้ซะด้วยล่าสุดก็คงจะปีที่แล้วล่ะมั้ง?

    ดวงตาและสีหน้าเป็นกังวลของคนอีกคนทำให้เขารู้สึกว่าปาร์คจินยองรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ด้านนอกตัวรถคือถนนเปลี่ยวๆเส้นเดี่ยวและข้างทางเป็นแค่ต้นไม้ใหญ่หลายต้นเรียงกัน

     

     

    อา รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ

     

     

    เรามาถูกทางกันรึเปล่าครับ? ลองย้อนกลับไปทางเดิมมั้ยครับ?” ต้วนอี้เอินถามอีกคนก่อนจะอาสาเป็นคนขับซะเอง ทั้งสองคนเปลี่ยนที่นั่งกัน เขาติดเครื่องยนต์และกลับรถย้อนไปทางเดิม

     

    รถยนต์จอดตรงทางสามแพร่งด้านหน้าที่เขาเพิ่งผ่านมาเมื่อสิบนาทีก่อน มันดูเหมือนจะแปลกตาไปนิดหน่อยตรงที่คราวนี้มีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปร้านขายของทั่วไปอยู่ด้วย

     

     

    เมื่อก่อนหน้านี้ตอนเลี้ยวมาไม่เห็นจะมีเลย ใครมันเล่นตลกอะไรอีกนะ

     

     

    อดีตตำรวจอย่างอี้เอินก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ ตอนนี้อะไรแปลกๆมันก็สะกิดใจเขาหมดนั่นแหละ ขนาดป้ายเชิญชวนไปร้านขายของเขายังสงสัยเลย เหอะ!

     

     

    คุณอี้เอินเห็นป้ายนั้นมั้ย? เราลองไปดูกันเถอะ ผมคิดว่าเราคงหลงแล้วจินยองชี้ไปที่ป้ายนั่นพร้อมกับทำท่าทางเหมือนคำพูดเป๊ะ หน้าตาใสซื่อและเป็นมิตรมากจนเขาไม่อยากจะสงสัยคนๆนี้เลยจริงๆ

     

     

    งั้นลองไปดูแล้วกันเถอะ…”

     

     

    ทางตรงยาวไปนานกว่าสิบห้านาที ร้านค้าสักร้านเดียวก็ยังไม่เห็น แต่ดูเหมือนว่าวิวทิวทัศน์จะเปลี่ยนไป ข้างทางแทนที่ต้นไม้กลับกลายเป็นทะเลสาปทางด้านขวามือ เสาไฟบางต้นโยกโครงเครงเหมือนมันจะหักลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ลมแรงที่พัดเข้าหาตัวรถทำให้มันสั่นเล็กน้อย

     

    ลมแรงมากเลย เราจะเอายังไงดีครับอี้เอิน?” ความรู้สึกสั่นสะเทือนจากด้านนอกตัวรถ ทำเอาเขาหวาดๆเล็กน้อย ครันว่าถ้าจะรอแถวนี้จนกว่าจะเช้าไม่รู้ว่าเสาไฟทั้งหลายจะตกลงมาทับเขารึป่าว บรรยากาศที่อยู่ตอนนี้เหมือนกับว่าเคยเป็นท่าเรือเก่าที่ไม่ได้ถูกใช้งานบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน

     

    อีกประมาณสามชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว

    ตรงนั้นมีเรือที่เปิดไฟอยู่ด้วยเดี๋ยวผมไปดูเอง จินยองรอที่นี่ก็แล้วกันเขาเลือกที่จะลงจากรถคันสวยแล้วเดินลงเนินไปที่ท่าเทียบเรือประมงไม่อยากจะย้ำตัวเองว่าเคยเป็นตำรวจ บรรยากาศแบบนี้เขาเจอบ่อยแล้ว ศิลปะการป้องกันตัวก็เรียนมาแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมีดสั้นติดตัวคงจะช่วยเขาได้บ้าง

     

    อี้เอินปลดเข็มขัดนิรภัย เขาเปิดประตูลงจากตัวรถ ลมแรงๆพัดมาหาเขาอีกทำเอาเกือบจะปลิวไปด้วย ร่างบางห่อตัว เสื้อคลุมตัวใหญ่กว่ายังคงถูกสวมอยู่กับตัวเอง

     

     

    ขอบคุณนะ

     

     

    คำขอบคุณและยิ้มน้อยถูกส่งไปให้อีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน

     

     

    ทำไมต้องทำตัวให้นึกถึงทุกครั้งไปสิน่า

     

     

    เขาเดินตรงไปยังเรือที่จอดเทียบท่าอยู่ด้านขวาสุด ไฟจากบนเสาเรือส่องสว่างขึ้นเมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ เสียงน้ำไหลเอื่อยๆกับเสียงลมที่พัดมาทำให้เขารู้สึกแย่มากๆ คิดไปคิดมาน่าจะรอให้เช้าก่อน

     

     

    ขอโทษนะครับมีใครอยู่มั้ย?” อี้เอินลองพูดออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาร่างบางชั่งใจเล็กน้อยว่าควรจะก้าวข้ามไปบนเรือหรือว่าจะเดินกลับไปรอที่รถดีสภาพเรือเต็มไปด้วยถังน้ำพลาสติกเก่าๆที่ขึ้นตะไคร้สีเขียวให้เห็นเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาเรือโยกไปมาเวลามีคลื่น

     

     

    กุกกัก กุกกัก

     

     

    เสียงที่มาจากทางหลังเรือทำให้เขาตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเรือลำนั้นเขาเดินอ้อมไปด้านหลังของห้องบังคับเรือประตูบนพื้นไม้มีแสงสว่างรอดออกมาให้เห็นบ้าง

     

     

    เขาควรจะเปิดมันใช่มั้ย?

     

     

    “…” มือเรียวปลดกลอนประตูก่อนที่จะดึงบานประตูขึ้นมาบันไดไม้เก่าๆที่เป็นทางลงทางเดียวทำให้เขาตั้งระมัดระวังเป็นพิเศษ….

     

    ตึงง!

     

     

    เขากระโดดลงจากแผ่นไม้ที่เป็นบันไดขึ้นสุดท้าย กลิ่นอับของโถงเรือและกลิ่นคาวของซากสัตว์เหม็นฉุนขึ้นจมูก

     

     

    อ่า เหม็นชะมัดร่างบางยู่จมูก เขาหยิบตะเกียงไฟที่แขวนอยู่ลงมาแล้วเดินสำรวจไปรอบๆกล่องไม้เต็มไปหมดแถมบางอันยังถูกทุบจนแตกเป็นเศษไม้

     

     

    อะ อื้อออเสียงของสิ่งมีชีวิตทำให้เขาไปมองตามทางที่มากล่องไม้ใบพอดีที่คนพอจะอยู่ได้สั่นไหวและส่งเสียงดังกึกๆไปทั่ว

     

     

    มีคนอยู่ในนั้นหรอ!?” คุณตำรวจร้องด้วยความตกใจ เขารีบหาอะไรแถวนั้นที่พอจะทุบแม่กุญแจให้หลุดออกไปได้ อี้เอินฟาดเหล็กลงไปที่แม่กุญแจอย่างจังจนทำให้มันกระเด็นหลุดออกมาเขารีบเปิดฝาไม้ออกมาดู แล้วภาพที่เขาเจอก็ทำเอาอยากจะเป็นลมอีกรอบ

     

    แบมแบม!?”

     

    อื้อออ อื้อออผ้าสีขาวใช้มัดปิดปากคนที่นอนอยู่ในกล่องไม้ ทำให้เขาได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง ในตาใสมีน้ำตาคลอนิดๆราวกับว่าดีใจที่คนมาช่วยเป็นเขาซะอย่างงั้นต้วนอี้เอินก็อยากจะคุยให้รู้เรื่องเหมือนกันว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น

     

    มือขาวใช้มีดพกส่วนตัวตัดเชือกที่มัดแขนและขาของอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาจนขาด ร่างบางๆของคนตรงหน้าลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก

     

    ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย คุณอี้เอิน!”

     

    นายนั่นแหละที่จะเป็นอะไรคนแรกทำแบบนั้นทำไม!?”  อี้เอินฉุนจัดเมื่ออีกคนยังคงตีหน้าซื่อเล่นละครว่าไม่รู้เรื่องอะไร หน้าตางงๆตอนที่เขาพูดสวนกลับไปมันทำให้เขาอยากจะต่อยหน้าให้มันแหกไปเลย…  

     

    “…”

     

    อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่องคนตรงหน้าพยักหน้าเป็นคำตอบ จะว่าไปสภาพของเพื่อนร่วมงานดูซอมซ่อและเลอะเทอะไม่เหมือนกับที่เขาเห็น

     

    มีคนปลอมเป็นผมหรอครับ?”

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

    -70%-

     

     

     

    "..." กว่าสิบนาทีที่เขานั่งฟังคำที่ออกมาจากปากอดีตเพื่อนร่วมงาน ทำเอาเขางงเป็นไก่ตาแตกและในคราวเดียวกันก็รู้สึกถึงความเขลาของตัวเอง... 


    'ผมโดนจับตัวมาที่นี่...'

    'ผมขอยืนยันว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น'

    'คนนั้นที่จับผมมา...คนที่มีเข็มกลัดสีเงิน

     

     เข็มกลัดสีเงิน... 'ปาร์ค จินยอง


    ภาพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉายซ้ำขึ้นมา เข็มกลัดแวววาวสีเงินสลักชื่อของคนที่อ้างตนว่าเป็นเพื่อนของคิมยูคยอม... 

     

    เป็นปาร์คจินยองงั้นเหรอ?


    "คุณอี้เอิน!~ อยู่ไหนครับ??" 


    เฮือก!! เสียงเรียกชื่อจากด้านบนทำเอาสะดุ้ง...ความกังวลเริ่มที่จะเกาะกินใจของเขา...


    "อื้อ!!!!" ผ้าสีขาวที่มีกลิ่นยาฉุนๆเต็มไปหมดถูกกดลงที่จมูกของเขาจากทางด้านหลัง... สายตาที่เคยมองเห็นชัดเจนเริ่มพร่าเลือน สติของเขากำลังดับไป...

     
     

    คิมยูคยอมช่วยฉันที...

    .

    .

    .

    -      P o l i c i e r   -

     


    "อ่า เจ็บชะมัด!" เสียงน้ำจากก๊อกไหลลงสู่ท่อน้ำพร้อมกับน้ำส่วนหนึ่งที่ถูกใช้ชำระล้างคราบเลือดตรงปากหยักและใบหน้าของเขา....


    ริมฝีปากแตกจากการชกต่อยและกล้ามเนื้อบางส่วนดูจะเสียหายนิดหน่อยจากการต่อสู้กับคนหลายคนแต่อาการก็ไม่ถือว่าแย่มากถ้านับจำนวนคนที่เขาจัดการไปแล้ว... 


    "หืม?" เสียงเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของเขา... 

    .

    .

     

    'ได้เวลากำจัดตัวเกะกะแล้ว...จัดการต้วนอี้เอิน...ใครที่จัดการได้ก่อนมาหาฉัน แล้วจะจัดรางวัลให้อย่างงาม

    ข้อความนี้ถูกส่งให้อีก 2 คน

     

     

    อี้เอิน!!

     

    "จินยอง อี้เอินล่ะ?" เขาต่อสายหาเพื่อนคนเดียวที่เขาไว้ใจได้...

     

    'เราหลงทางกันน่ะยูคยอม แล้วตอนนี้อี้เอินก็กำลังลงไปหาคนช่วยอยู่'

     

    คนปลายสายตอบอย่างใจเย็น จินยองรู้สึกตกใจเช่นกันที่เพื่อนสนิทมีน้ำเสียงร้อนรนเหลือเกิน...

     

    "...บ้าจริง! จินยองนายช่วยไปตามอี้เอินทีได้มั้ย?"

     

    'อ่อ ได้สิๆ เดี๋ยวจะไปตามเดี๋ยวนี้เลย'

    เสียงกุกกักเหมือนเสียงเปิดประตูรถดังขึ้นที่ปลายทางพร้อมกับเสียงลมและเสียงรองเท้าที่เหยียบไปบนดินและพื้นไม้....

     

    ที่เขาไม่ได้ตัดสายทิ้งเพราะคิมยูคยอมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเขาต่างหาก... 

     

    เสียงตะโกนเรียกชื่ออี้เอินอยู่หลายรอบ จนเขาเองก็ชักจะเริ่มกังวลตามเพื่อนเขาขึ้นมา...

     

    'คุณอี้เอิน!~ อยู่ไหนครับ??'

     

    เหมือนว่าคิมยูคยอมคนนี้จะถลำตัวลึกเกินไปแล้ว เกินกว่าเส้นที่เขาเองได้ขีดไว้... เขาคิดที่หักหลังองค์กรเพื่อช่วยคนๆนี้งั้นหรือ?

     

    'ยูคยอม ฉันหาไม่เจอ ทำไงดี!?'

     

    .

    .

    .

     

    "ฮื้อออ!!!"

     

    "อยู่เฉยๆก็ดีแล้วแท้ๆ...หึ" ชายหนุ่มเอ่ยวาจาที่ทำให้คนอย่างต้วนอี้เอินต้องถึงกับยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง ไหล่บางๆถูกบีบจนเจ็บ ไหนจะเชือกที่มัดข้อมืออีก อะไรข้างในหัวก็หมุนติ้วๆ จนทุกอย่างมันมึนงงไปหมด


    เรื่องเจ็บตัวนี่หาเก่งจังเลยนะพี่แจบอมเอามันไปเก็บซะเสียงแหลมที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นมาในความสว่างที่มีเพียงน้อยนิด

     

     

    ชาติหน้าก็อย่าเจอกันเลย ต้วนอี้เอินของหนักๆฟาดลงบนสันคอของเขาความเจ็บแร่นริ้วขึ้นมาจนทำให้เขาต้องเบี้ยวหน้า ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้นไม้ชื้น หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ทุกอย่าง

     

     

     

    อ่า จบแล้วสินะ

     

     

    ชีวิตของเขาคงจะสิ้นสุดเพียงแค่นี้สินะ

     

     

    ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะขอพรจากผู้เป็นพระเจ้า

     

     

    ผมอยากเห็นหน้าคนๆนั้น

     

     

    คิมยูคยอม

     

     

     

     

    ปังงงงง!!!! 

     


     


    TBC.

     

     

     

    Talk :

     

    มาต่อช้าอีกแล้วววว 5555

    คิคิ นี่ตั้งใจจะให้แบมเป็นตัวร้ายนะ แบมเป็นตัวร้ายนะ ย้ำ!

    ฝากติดตามด้วยนะจ้า เดี๋ยวจะขอลาไปญี่ปุ่น 2 อาทิตย์ด้วยนะค้า

    ปกติก็อัพช้าอยู่แล้วยังจะลาไปเที่ยวอีก 555 โดนตบแน่ๆ

    รอกันก่อนน้า ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนนนน #ฟิคPolicier

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×