คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ' Policier ' : Chapter 4 [100%]
Chapter 4
"อ่าาา..." ความปวดแล่นขึ้นมาตรงขมับด้านซ้ายจนทำให้เขาถึงกับต้องหยุดขยับตัวไปชั่วครู่... ลำคอและริมฝีปากแห้งผากราวกับขาดน้ำมาหลายวัน ร่างบางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก...
"!!!" ข้อมือขาวๆถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนาถึงสองเส้น เขาถูกขังอยู่ในกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสใบแคบ แต่ยังพอมีอากาศพัดเข้ามาให้เขาหายใจได้อยู่เพราะช่องระหว่างแผ่นไม้มันห่างกันพอสมควร แสงจากด้านนอกลอดเข้าผ่านช่องไม้
"อ้าเอ้ย!" บ้าเอ้ย! ผ้าผืนบางถูกใช้คาดปากเขาเช่นกันทำให้การที่จะส่งเสียงออกไปไม่ง่ายเลย ความรู้สึกเสียววูบที่ท้องน้อยทำให้เขารู้สึกประหลาด เมื่อเหมือนพื้นดินมันจะเคลื่อนไหวขึ้นลงได้
เหมือนกับว่าลอยอยู่บนน้ำ...
"อื้ออออ!!" ร่างเล็กร่นตัวลงให้หลังติดกับพื้นแล้วออกแรงถีบให้ฝาไม้ที่ถูกตอกตะปูปิดอยู่จนมันกระเด็นหลุดออกมา เขาออกแรงสองสามครั้งฝาไม้นั่นก็หลุดออกไป อี้เอินพยายามขยับตัวเองมาจากกล่องไม้ใบเล็กด้วยความทุลักทุเล
ห้องที่มีสภาพคล้ายกับโถงใต้เรือประมงทำให้เขางุนงงกับเหตุการ์ณรอบตัวที่เกิดขึ้น
นี่มันบ้าอะไรกันอีกวะเนี่ย!?
"เหวออ!!" จู่ๆพื้นที่เหยียบอยู่ก็เอียงไปข้างหน้าทำให้เขาเสียหลักล้มหน้าคะมำลงกับพื้น มือที่ยังถูกผูกไขว้กันอยู่ข้างหลังด้วยเชือกทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวขึ้นมายืนได้ ใบหน้าขาวๆแนบลงกับพื้น ความรู้สึกเย็นเชียบตรงแก้มที่แนบกับแผ่นเหล็กทำเอาขนลุกซู่
"...อ้ะ!?" แรงดึงจากข้างหลังดึงตัวเขาให้ลอยขึ้นจากพื้น ไหล่บางบิดจนทำให้เกิดการเจ็บแปลบขึ้นมา ชายตัวสูงกว่าเขาพอประมาณกับร่างกายที่ผอมบางแต่ก็ดูมีกล้ามเนื้อสมชายชาตรี สูทตัวหนาบดบังร่างกายเอาไว้พร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย
น่ากลัว
คือคำเดียวในหัวที่เขาจะอธิบายคนๆนี้ สายตานิ่งเฉย ใบหน้าเย็นชาจนเหมือนไร้ความรู้สึก
- P o l i c i e r -
.
.
.
Flashback…
“นี่คุณจินยอง เรายังไม่ถึงกันอีกหรอครับ?” ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนขับอย่างปาร์คจินยองถึงกับต้องเอ่ยปากเมื่อเขารู้สึกว่ามันใช้เวลานานเกินไปสำหรับการนั่งรถ…
“มันควรจะ…ถึงแล้วนะครับ…” ปาร์คจินยองกัดริมฝีปากด้วยความกังวล เขาเองเคยมาที่นี่ก็นานมากแล้วน่ะสิ จำทางก็ไม่ค่อยจะได้ซะด้วย…ล่าสุดก็คงจะปีที่แล้วล่ะมั้ง?
ดวงตาและสีหน้าเป็นกังวลของคนอีกคนทำให้เขารู้สึกว่าปาร์คจินยองรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ด้านนอกตัวรถคือถนนเปลี่ยวๆเส้นเดี่ยวและข้างทางเป็นแค่ต้นไม้ใหญ่หลายต้นเรียงกัน
อา รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ…
“เรามาถูกทางกันรึเปล่าครับ? ลองย้อนกลับไปทางเดิมมั้ยครับ?” ต้วนอี้เอินถามอีกคนก่อนจะอาสาเป็นคนขับซะเอง ทั้งสองคนเปลี่ยนที่นั่งกัน เขาติดเครื่องยนต์และกลับรถย้อนไปทางเดิม…
รถยนต์จอดตรงทางสามแพร่งด้านหน้าที่เขาเพิ่งผ่านมาเมื่อสิบนาทีก่อน มันดูเหมือนจะแปลกตาไปนิดหน่อยตรงที่คราวนี้มีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปร้านขายของทั่วไปอยู่ด้วย…
เมื่อก่อนหน้านี้ตอนเลี้ยวมาไม่เห็นจะมีเลย… ใครมันเล่นตลกอะไรอีกนะ…
อดีตตำรวจอย่างอี้เอินก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ ตอนนี้อะไรแปลกๆมันก็สะกิดใจเขาหมดนั่นแหละ ขนาดป้ายเชิญชวนไปร้านขายของเขายังสงสัยเลย เหอะ!
“คุณอี้เอินเห็นป้ายนั้นมั้ย? เราลองไปดูกันเถอะ ผมคิดว่าเราคงหลงแล้ว” จินยองชี้ไปที่ป้ายนั่นพร้อมกับทำท่าทางเหมือนคำพูดเป๊ะ หน้าตาใสซื่อและเป็นมิตรมากจนเขาไม่อยากจะสงสัยคนๆนี้เลยจริงๆ…
“งั้นลองไปดูแล้วกันเถอะ…”
ทางตรงยาวไปนานกว่าสิบห้านาที ร้านค้าสักร้านเดียวก็ยังไม่เห็น แต่ดูเหมือนว่าวิวทิวทัศน์จะเปลี่ยนไป ข้างทางแทนที่ต้นไม้กลับกลายเป็นทะเลสาปทางด้านขวามือ… เสาไฟบางต้นโยกโครงเครงเหมือนมันจะหักลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ลมแรงที่พัดเข้าหาตัวรถทำให้มันสั่นเล็กน้อย…
“ลมแรงมากเลย เราจะเอายังไงดีครับอี้เอิน?” ความรู้สึกสั่นสะเทือนจากด้านนอกตัวรถ ทำเอาเขาหวาดๆเล็กน้อย ครันว่าถ้าจะรอแถวนี้จนกว่าจะเช้าไม่รู้ว่าเสาไฟทั้งหลายจะตกลงมาทับเขารึป่าว บรรยากาศที่อยู่ตอนนี้เหมือนกับว่าเคยเป็นท่าเรือเก่าที่ไม่ได้ถูกใช้งานบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน…
อีกประมาณสามชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว…
“ตรงนั้นมีเรือที่เปิดไฟอยู่ด้วย…เดี๋ยวผมไปดูเอง จินยองรอที่นี่ก็แล้วกัน” เขาเลือกที่จะลงจากรถคันสวยแล้วเดินลงเนินไปที่ท่าเทียบเรือประมง… ไม่อยากจะย้ำตัวเองว่าเคยเป็นตำรวจ บรรยากาศแบบนี้เขาเจอบ่อยแล้ว ศิลปะการป้องกันตัวก็เรียนมาแล้ว… ถ้าเกิดอะไรขึ้นมีดสั้นติดตัวคงจะช่วยเขาได้บ้าง…
อี้เอินปลดเข็มขัดนิรภัย เขาเปิดประตูลงจากตัวรถ ลมแรงๆพัดมาหาเขาอีกทำเอาเกือบจะปลิวไปด้วย ร่างบางห่อตัว เสื้อคลุมตัวใหญ่กว่ายังคงถูกสวมอยู่กับตัวเอง…
ขอบคุณนะ…
คำขอบคุณและยิ้มน้อยถูกส่งไปให้อีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน…
ทำไมต้องทำตัวให้นึกถึงทุกครั้งไปสิน่า…
เขาเดินตรงไปยังเรือที่จอดเทียบท่าอยู่ด้านขวาสุด ไฟจากบนเสาเรือส่องสว่างขึ้นเมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ เสียงน้ำไหลเอื่อยๆกับเสียงลมที่พัดมาทำให้เขารู้สึกแย่มากๆ คิดไปคิดมาน่าจะรอให้เช้าก่อน…
“ขอโทษนะครับ…มีใครอยู่มั้ย?” อี้เอินลองพูดออกไป… แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา… ร่างบางชั่งใจเล็กน้อยว่าควรจะก้าวข้ามไปบนเรือหรือว่าจะเดินกลับไปรอที่รถดี… สภาพเรือเต็มไปด้วยถังน้ำพลาสติกเก่าๆที่ขึ้นตะไคร้สีเขียวให้เห็น…เสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาเรือโยกไปมาเวลามีคลื่น…
กุกกัก กุกกัก
เสียงที่มาจากทางหลังเรือทำให้เขาตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเรือลำนั้น…เขาเดินอ้อมไปด้านหลังของห้องบังคับเรือ…ประตูบนพื้นไม้มีแสงสว่างรอดออกมาให้เห็นบ้าง…
เขาควรจะเปิดมันใช่มั้ย?
“…” มือเรียวปลดกลอนประตูก่อนที่จะดึงบานประตูขึ้นมา…บันไดไม้เก่าๆที่เป็นทางลงทางเดียวทำให้เขาตั้งระมัดระวังเป็นพิเศษ….
ตึงง!
เขากระโดดลงจากแผ่นไม้ที่เป็นบันไดขึ้นสุดท้าย… กลิ่นอับของโถงเรือและกลิ่นคาวของซากสัตว์เหม็นฉุนขึ้นจมูก…
“อ่า เหม็นชะมัด” ร่างบางยู่จมูก เขาหยิบตะเกียงไฟที่แขวนอยู่ลงมาแล้วเดินสำรวจไปรอบๆ… กล่องไม้เต็มไปหมดแถมบางอันยังถูกทุบจนแตกเป็นเศษไม้
“อะ อื้อออ” เสียงของสิ่งมีชีวิตทำให้เขาไปมองตามทางที่มา…กล่องไม้ใบพอดีที่คนพอจะอยู่ได้สั่นไหวและส่งเสียงดังกึกๆไปทั่ว…
“มีคนอยู่ในนั้นหรอ!?” คุณตำรวจร้องด้วยความตกใจ เขารีบหาอะไรแถวนั้นที่พอจะทุบแม่กุญแจให้หลุดออกไปได้ อี้เอินฟาดเหล็กลงไปที่แม่กุญแจอย่างจังจนทำให้มันกระเด็นหลุดออกมา… เขารีบเปิดฝาไม้ออกมาดู แล้วภาพที่เขาเจอก็ทำเอาอยากจะเป็นลมอีกรอบ…
“แบมแบม!?”
“อื้อออ อื้อออ” ผ้าสีขาวใช้มัดปิดปากคนที่นอนอยู่ในกล่องไม้ ทำให้เขาได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง ในตาใสมีน้ำตาคลอนิดๆราวกับว่าดีใจที่คนมาช่วยเป็นเขาซะอย่างงั้น… ต้วนอี้เอินก็อยากจะคุยให้รู้เรื่องเหมือนกันว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น…
มือขาวใช้มีดพกส่วนตัวตัดเชือกที่มัดแขนและขาของอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาจนขาด ร่างบางๆของคนตรงหน้าลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก…
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย คุณอี้เอิน!”
“นายนั่นแหละที่จะเป็นอะไรคนแรก…ทำแบบนั้นทำไม!?” อี้เอินฉุนจัดเมื่ออีกคนยังคงตีหน้าซื่อเล่นละครว่าไม่รู้เรื่องอะไร หน้าตางงๆตอนที่เขาพูดสวนกลับไปมันทำให้เขาอยากจะต่อยหน้าให้มันแหกไปเลย…
“…”
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง” คนตรงหน้าพยักหน้าเป็นคำตอบ จะว่าไปสภาพของเพื่อนร่วมงานดูซอมซ่อและเลอะเทอะไม่เหมือนกับที่เขาเห็น…
“มีคน…ปลอมเป็นผมหรอครับ?”
.
.
.
-70%-
"..." กว่าสิบนาทีที่เขานั่งฟังคำที่ออกมาจากปากอดีตเพื่อนร่วมงาน ทำเอาเขางงเป็นไก่ตาแตกและในคราวเดียวกันก็รู้สึกถึงความเขลาของตัวเอง...
'ผมโดนจับตัวมาที่นี่...'
'ผมขอยืนยันว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น'
'คนนั้นที่จับผมมา...คนที่มีเข็มกลัดสีเงิน'
เข็มกลัดสีเงิน... 'ปาร์ค จินยอง'
ภาพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉายซ้ำขึ้นมา เข็มกลัดแวววาวสีเงินสลักชื่อของคนที่อ้างตนว่าเป็นเพื่อนของคิมยูคยอม...
เป็นปาร์คจินยองงั้นเหรอ?
"คุณอี้เอิน!~ อยู่ไหนครับ??"
เฮือก!! เสียงเรียกชื่อจากด้านบนทำเอาสะดุ้ง...ความกังวลเริ่มที่จะเกาะกินใจของเขา...
"อื้อ!!!!" ผ้าสีขาวที่มีกลิ่นยาฉุนๆเต็มไปหมดถูกกดลงที่จมูกของเขาจากทางด้านหลัง... สายตาที่เคยมองเห็นชัดเจนเริ่มพร่าเลือน สติของเขากำลังดับไป...
คิมยูคยอมช่วยฉันที...
.
.
.
- P o l i c i e r -
"อ่า เจ็บชะมัด!" เสียงน้ำจากก๊อกไหลลงสู่ท่อน้ำพร้อมกับน้ำส่วนหนึ่งที่ถูกใช้ชำระล้างคราบเลือดตรงปากหยักและใบหน้าของเขา....
ริมฝีปากแตกจากการชกต่อยและกล้ามเนื้อบางส่วนดูจะเสียหายนิดหน่อยจากการต่อสู้กับคนหลายคนแต่อาการก็ไม่ถือว่าแย่มากถ้านับจำนวนคนที่เขาจัดการไปแล้ว...
"หืม?" เสียงเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของเขา...
.
.
'ได้เวลากำจัดตัวเกะกะแล้ว...จัดการต้วนอี้เอิน...ใครที่จัดการได้ก่อนมาหาฉัน แล้วจะจัดรางวัลให้อย่างงาม'
ข้อความนี้ถูกส่งให้อีก 2 คน
อี้เอิน!!
"จินยอง อี้เอินล่ะ?" เขาต่อสายหาเพื่อนคนเดียวที่เขาไว้ใจได้...
'เราหลงทางกันน่ะยูคยอม แล้วตอนนี้อี้เอินก็กำลังลงไปหาคนช่วยอยู่'
คนปลายสายตอบอย่างใจเย็น จินยองรู้สึกตกใจเช่นกันที่เพื่อนสนิทมีน้ำเสียงร้อนรนเหลือเกิน...
"...บ้าจริง! จินยองนายช่วยไปตามอี้เอินทีได้มั้ย?"
'อ่อ ได้สิๆ เดี๋ยวจะไปตามเดี๋ยวนี้เลย'
เสียงกุกกักเหมือนเสียงเปิดประตูรถดังขึ้นที่ปลายทางพร้อมกับเสียงลมและเสียงรองเท้าที่เหยียบไปบนดินและพื้นไม้....
ที่เขาไม่ได้ตัดสายทิ้งเพราะคิมยูคยอมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเขาต่างหาก...
เสียงตะโกนเรียกชื่ออี้เอินอยู่หลายรอบ จนเขาเองก็ชักจะเริ่มกังวลตามเพื่อนเขาขึ้นมา...
'คุณอี้เอิน!~ อยู่ไหนครับ??'
เหมือนว่าคิมยูคยอมคนนี้จะถลำตัวลึกเกินไปแล้ว เกินกว่าเส้นที่เขาเองได้ขีดไว้... เขาคิดที่หักหลังองค์กรเพื่อช่วยคนๆนี้งั้นหรือ?
'ยูคยอม ฉันหาไม่เจอ ทำไงดี!?'
.
.
.
"ฮื้อออ!!!"
"อยู่เฉยๆก็ดีแล้วแท้ๆ...หึ" ชายหนุ่มเอ่ยวาจาที่ทำให้คนอย่างต้วนอี้เอินต้องถึงกับยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง ไหล่บางๆถูกบีบจนเจ็บ ไหนจะเชือกที่มัดข้อมืออีก อะไรข้างในหัวก็หมุนติ้วๆ จนทุกอย่างมันมึนงงไปหมด…
“เรื่องเจ็บตัวนี่หาเก่งจังเลยนะ…พี่แจบอมเอามันไปเก็บซะ” เสียงแหลมที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นมาในความสว่างที่มีเพียงน้อยนิด…
“ชาติหน้าก็อย่าเจอกันเลย ต้วนอี้เอิน” ของหนักๆฟาดลงบนสันคอของเขา…ความเจ็บแร่นริ้วขึ้นมาจนทำให้เขาต้องเบี้ยวหน้า ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้นไม้ชื้น หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ทุกอย่าง…
อ่า จบแล้วสินะ…
ชีวิตของเขาคงจะสิ้นสุดเพียงแค่นี้สินะ…
ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะขอพรจากผู้เป็นพระเจ้า…
ผมอยากเห็นหน้าคนๆนั้น…
คิมยูคยอม…
ปังงงงง!!!!
TBC.
Talk :
มาต่อช้าอีกแล้วววว 5555
คิคิ นี่ตั้งใจจะให้แบมเป็นตัวร้ายนะ แบมเป็นตัวร้ายนะ ย้ำ!
ฝากติดตามด้วยนะจ้า เดี๋ยวจะขอลาไปญี่ปุ่น 2 อาทิตย์ด้วยนะค้า
ปกติก็อัพช้าอยู่แล้วยังจะลาไปเที่ยวอีก 555 โดนตบแน่ๆ
รอกันก่อนน้า ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนนนน #ฟิคPolicier
ความคิดเห็น