ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แรงริษยา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 50


    ตอนที่ 2

              ภายในร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรู  ปิ่นเพชร กำลังพูดคุยกับคู่หมั้นของเธอ วรภพ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ

                    "ปิ่นคับ เป็นอะไรพี่เห็นปิ่นสีหน้าไม่ค่อยดีเลย" วรภพ เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าปิ่นเพชรไม่สู่ดีนัก

                    ปิ่นเพชรล่ะทิ้งความสนใจจากจานอาหาร แล้วหันมายิ้มให้กับ วรภพคู่หมั้นของเธอ "ปิ่นไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ภพ ปิ่นแค่เป็นห่วงแม่ค่ะ แม่อาการหนักขึ้นทุกวัน ปิ่นกลัวว่าซักวันปิ่นจะต้องเสียท่านไป ปิ่นคงไปเหลือใครเลยค่ะพี่ภพ" ทันทีที่ปิ่นเพชรพูดถึง สุจิรา มารดาของเธอ ที่ตอนนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หยาดน้ำตาน้อยๆก็เริ่มที่จะทำงาน

                    "ปิ่นลืมไปแล้วเหรอคับ ว่าปิ่นยังมีพี่อยู่น่ะ พี่สัญญาเลย พี่จะไม่ทิ้งปิ่นแน่นอน"

                    "พี่ภพ" ปิ่นเพชรพูดพลางก็เอามือมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความดีใจ

                    ที่โรงพยาบาลที่สุจิรา มารดาของปิ่นเพชรนอนรักษาตัวอยู่ วรภพ มาส่งปิ่นเพชรมาเยี่ยมมารดาอย่างเคยเหมือนที่ทำประจำ

                    "ปิ่น วันนี้พี่ไม่ขึ้นไปน่ะจ๊ะฝากเยี่ยมคุณแม่ด้วยน่ะ"

                    "ค่ะ พี่ภพ" ปิ่นเพชรโบกมืออำลา วรภพคู่หมั้นของเธอ ก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าโรงพยาบาล เพื่อไปดูอาการสุจิรามารดาของเธอ

                    ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่กว้างขวางมากนัก ปรากฏเห็นเห็นร่างผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล สุจิรา กำลังนอนรอบุตรสาวของเธออย่างเป็นห่วง จนเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นทำให้หล่อนดีใจมาก ปิ่นเพชรโผล่เข้าสวมกอดมาดาของเธอทันทีที่เข้ามาภายในห้อง

                    "แม่ค่ะ เป็นยังไงบ้างวันนี้" ปิ่นเพชรถามมารดาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

                    "สบายดี แล้วทำไมกลับมาซะค่ำเลยล่ะปิ่น" สุจิราถามถึงสาเหตุที่ปิ่นเพชรมาหาหล่อนช้ากว่าปกติ

                    "พอดี ปิ่นไปทานข้าวกับพี่ภพมานะค่ะ พี่ภพยังฝากเยี่ยมคุณแม่ด้วยน้า" ปิ่นเพชรพูดพลางก็จัดแจงนำของที่ตนซื้อมาฝากมารดา นำใส่จาน

                    "แม่ค่ะ ปิ่นว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ" ปิ่นเพชรพูดกับมารดาอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้มารดาของเธอถึงกับสะดุ้ง และเข้าใจความหมายในสิ่งที่ปิ่นเพชรพูดดี นั้นคือ การแก้แค้นครอบครัวบิดาของเธอ ที่ทำให้สุจิราและปิ่นเพชรต้องมาพบเจอความลำบากมากมาย ซึ่งหล่อนเองก็ไม่คัดค้านอะไรแต่กลับเห็นด้วยกลับการแก้แค้นครั้งนี้

                    "ปิ่นเจอเค้าแล้วเหรอลูก" บุคคลที่สุจิราถามถึงนั้นก็คือ เนตรดาว ซึ่งหล่อนรู้ดีว่า เนตรดาวเป็นแฝดกับปิ่นเพชร และเนตรดาวยังเป็นพี่ของปิ่นเพชรอีกด้วย

                    "ยังค่ะแม่ แต่เจอเพื่อนของเค้า และปิ่นเองก็มั่นใจค่ะแม่ว่าต้องใช่ ปิ่นได้ยินว่าเพื่อนเค้าพูดว่า ดาว อะไรนี้แหละค่ะ"ปิ่นเพชรเล่าถึงเหตุการณ์ที่หล่อนได้เจอกับน้ำทิพย์เพื่อนของเนตรดาวให้สุจิรามารดาของเธอฟัง

                    "ปิ่น จำไว้น่ะลูก ว่าครอบครัวนี้ทำให้ชีวิตเราสองคนต้องเป็นแบบนี้ คุณมนัสพ่อของปิ่นไล่แม่ออกจากบ้าน" สุจิราเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ตนพบเจอให้กับปิ่นเพชรฟังอีกครั้ง

                    "ค่ะแม่ แล้วทำไมแม่ถึงเลือกปิ่นล่ะค่ะ" ปิ่นเพชรถามสุจิราด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเห็นน้ำตาไหลรินออกมาจากใบหน้าของสุจิราที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

                    "เพราะแม่รักปิ่นไงจ๊ะ ตั้งแต่ปิ่นเกิดมาพ่อของปิ่นไม่ค่อยเอ็นดูปิ่น พ่อเค้าเอาแต่แฝดพี่ของปิ่นทำให้แม่ต้องรักปิ่นมากๆไงล่ะจ๊ะ" สุจิราพูดพลางก็เอามือลูบหัวปิ่นเพชรด้วยความรัก

                    "ปิ่นก็รักแม่ค่ะ" ถึงแม้ว่าปิ่นเพชรจะพูดว่ารักสุจิรามากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถที่จะลบรอยแค้นได้ ปิ่นเพชรตั้งใจและให้สัญญากับตัวเองตลอดเวลา ว่าหล่อนจะต้องทำให้ครอบครัวที่ทำร้ายหล่อนกับแม่ต้องพบเจอเรื่องราวที่เจ็บปวด มากกว่าที่หล่อนกับแม่พบเจอหลายเท่า

                    ณ บ้านพิทักษ์สกุลวงศ์

                    "คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ ดาวมีเรื่องอยากจะถามน่ะค่ะ" เนตรดาวเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังรับประทานอาหาร

                    "ว่าไงล่ะจ๊ะดาว"อรอนงค์ มารดาของเนตรดาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเนตรดาว

                    "ดาวมีแฝดรึป่าวค่ะ คุณแม่" คำถามนี้ของเนตรดาวถึงกับทำให้ทั้ง มนัส และ อรอนงค์ ถึงกับต้องนั่งมองหน้ากัน ก่อนที่มนัสจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ

                    "ดาว ถ้าลูกมีแฝด เค้าก็ต้องอยู่กับลูกซิลูก นี่ไม่มีก็แสดงไม่มี แล้วลูกก็ไม่ต้องคิดหรือพูดเรื่องนี้อีกน่ะ"

                    "แต่ .......คุณพ่อค่ะยัยทิพย์เห็นน่ะค่ะ ทิพย์บอกว่าหน้าเหมือนดาวมากด้วย อีกอย่างเค้าเรียนที่เดียวกับดาวด้วย"เนตรดาวยังคงไม่ล่ะความพยายามที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ

                    "ไร้สาระน่ะดาว พอได้แล้วลูก คนหน้าตาคล้ายกันก็มีถมไป อย่าเพ้อเจ้อ" อรอนงค์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงกับทำให้เนตรดาวถึงกับนั่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ เพราะน้อยครั้งมากที่มารดาของเธอจะขึ้นเสียงกับเธอ หล่อนคงพูดอะไรไม่ดีเอามากๆ

                    "ดาวขอโทษค่ะ ต่อไปดาวจะไม่พูดอีก ดาวขอตัวก่อนน่ะค่ะ"ทันทีที่พูดจบเนตรดาวก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินขึ้นไปยังห้องนอนของเธอทันที

                    "คุณพี่ค่ะ เราจะให้ลูกดาวรู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาดน่ะค่ะ" อรอนงค์กล่าวกับมนัสสามีของตนถึงเรื่องที่เนตรดาวนำมาพูด หลังจากที่เนตรดาวกลับห้องไปแล้ว

                    "แล้ว อร จะให้ผมทำยังไง ผมว่าดาวควรจะรับรู้ได้แล้วน่ะเรื่องนี้ เราคงปิดบังลูกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว" มนัสพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า ที่ต้องคอยปิดบังลูกสาวของตัวเองตลอดเวลาเลยไม่รู้เลยว่าความลับจะแตกเมื่อไหร่

                    "ไม่ได้น่ะค่ะคุณพี่ คุณพี่ลืมไปแล้วเหรอค่ะ ว่าคุณสุ เป็นคนเริ่มเรื่องทุกอย่างเอง เรา 2 คนไม่ผิดน่ะค่ะคุณพี่" อรอนงค์กล่าวถึงสุจิราที่เป็นคนเลือกทางเดินของตนพร้อมกับนำแฝดผู้น้องเดินจากไป

                    "อร เราจะโทษว่าสุจิราผิดมันก็ไม่ได้ ผมกับอรก็มีส่วนผิด เอาเป็นว่าอะไรมันเกิดมันก็ต้องเกิดแล้วกัน"ทันทีที่มนัสพูดจบก็เดินจากไปอีกคน ปล่อยให้อรอนงค์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยอาการที่เป็นกังวลอยู่คนเดียว

                    "คุณพี่ น่ะคุณพี่" ทันทีที่อรอนงค์พูดจบก็อดคิดถึงภาพในอดีตที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดไม่ได้

                   

                    "คุณมนัส คุณจะทำแบบนี้กับสุไม่ได้น่ะค่ะ" เสียงสุจิราร้องอ้อนว้อนคุณมนัส สามีของเธอที่ต้องการจะให้เธอและลูกออกไปจากชีวิตของเขา

                    "สุจิรา ทำไมผมจะทำไม่ได้ในเมื่อคุณก็มีคนอื่นที่นอกเหนือจากผมไม่ใช้เหรอ ฮึม..."น้ำเสียงของมนัสฟังดูแล้วดุดัน แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธ ที่เห็นสุจิรากับผู้ชายที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นชู้รักของสุจิราอยู่ด้วยกัน

                    "คุณมนัสฟังสุบ้างซิค่ะ สุกับคุณธเนศไม่มีอะไรกันจริงๆค่ะ คุณกำลังเข้าใจผิด คุณอรค่ะคุณน่าจะรู้นิสัยสุดีน่ะค่ะ สุไม่มีวันที่จะทำแบบนั้น"

                    "คุณสุค่ะ อรขอโทษด้วยน่ะค่ะ อรว่าคุณไปซะดีกว่าค่ะ เพื่อคุณพี่จะได้สบายใจ สุช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ ส่วนเด็กเดี๋ยวอรจะเลี้ยงให้เหมือนลูกอรคนนึงค่ะ"

                    "คุณอร คุณมนัสสุบอกไว้เลยน่ะค่ะ ว่าวันนึงสุจะต้องกลับมาเพื่อพิสูจน์ว่าสุไม่ผิด ส่วนลูกสุขอที่จะเอาไปเลี้ยงหนึ่งคนค่ะ"ทันทีที่พูดจบสุจิราก็ตัดสินใจที่จะเอาแฝดผู้น้องไปเลี้ยงดู

                    "สุจิรา เมื่อเธอตัดสินใจที่จะเอาลูกไปลำบากกับเธอแล้ว ผมจะคิดซะว่าผมมีลูกสาวเพียงคนเดียวที่นอนอยู่ในเปลนี่เท่านั้น"

                    "คุณมนัส แต่ยัยหนูนี่ก็ลูกคุณน่ะค่ะ"

                    "มันไม่ใช่ลูกผมอีกต่อไป ทันทีที่ออกจากประตูบ้านของผม"

                    "คุณมนัส ซักวันผลกรรมจะมาหาคุณ" สุจิราอุ้มเด็กน้อย เดินจากไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลแต่ก็แฝงไปด้วยความอาคาดแค้น จบสิ้นแล้วทุกสิ่ง ความรัก ที่เธอยกให้เค้าจนหมดหัวใจ ตอนนี้มันคงเหลือแต่รอยเจ็บช้ำ กับความแค้นที่ต้องชำระ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×