คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Part' 5 :: การกลับมาของ 'จงฮยอน'
Krystal’ Part
ฉันถึงกับช็อกตาค้างเลยทีเดียว เมื่อคนตรงหน้าของฉันในตอนนี้นั้นคือ ...พี่จงฮยอน!!! คนเดียวกันที่ฉันได้ยินจากปากของมินฮยอกว่าเขาตายไปแล้ว! หรือว่าที่พี่คริสบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากจะเป็นเรื่องจริง! พี่คริสไม่ได้โกหกฉัน ...แต่กลับเป็นมินฮยอก! ที่คอยแต่พูดว่า... ‘ฉันเป็นห่วงเธอ’ แทน
“ตกใจอะไรเหรอคริสตัล..? ไม่ดีใจเหรอที่ได้เจอพี่...?” ใช่เลย! เขาพูดได้ เขาหันมามองฉันด้วย! เขายังไม่ตายจริงๆใช่ไหม?!! ใครก็ได้บอกฉันที!
“พี่จงฮยอนจริงๆเหรอค่ะ?!” ฉันถามพลางเดินกรู่เข้าไปจับไม้จับมือ และสัมผัสร่างกายส่วนต่างๆของพี่จงฮยอน และมันคือความจริง! เขาไม่ได้ตาย! ฉันจับตัวเขาได้!
“จริงสิ! คิดว่าใครล่ะ..?! ฉันหน่ะ ‘จงฮยอน’ ตัวจริงเสียงจริงเลยแหล่ะ” พี่จงฮยอนพูดเน้นที่ชื่อตัวเอง แต่ถึงต่อให้เขาโกหกฉันก็เชื่ออยู่ดี! ในเวลานี้แค่พวกพี่ทั้งสามกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พอแล้ว
“พี่รู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่พี่ยังไม่ตาย! ขอบคุณนะค่ะที่กลับมา” ฉันเงยหน้าขึ้นไปพูดกับพี่จงฮยอน นี่แหล่ะนิสัยจริงๆของฉัน ถึงใครจะบอกว่าฉันเย็นชา... แต่ในความจริงแล้วฉันอ่อนไหวมาก และมากเกินไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องพี่สิก้าและเพื่อนๆของพี่สิก้าทั้งสองคน
“งั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ ...รอเจอทั้งสองไม่ไหวแล้วสิ!” พี่จงฮยอนไม่ว่ากล่าวอะไรมาก ชวนฉันเข้าไปด้านใน ฉันไม่ว่าอะไรมากเช่นกัน พยักหน้ารับทีหนึ่งก่อนจะเปิดประตูนำเข้าไป
“พี่จงฮยอนมาค่ะ!!!” เมื่อเปิดเข้าไปฉันก็ตะโกนไปแต่ไกล และเกือบวิ่งกลับมาปิดตาพี่จงฮยอนแทบไม่ทันเพราะภาพที่เจิดจ้าอยู่ในห้องนั้นเป็นฉากที่พี่สิก้ากอดอยู่กับพี่คริสพอดิบพอดี
“ห๊ะ!!” ทั้งสองแยกกันทันที ก่อนจะหันมามองคนข้างหลังฉัน
“จ..จงฮยอน” พี่คริสดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อยที่เจอเพื่อนเก่า ...นี่มันไม่ใช่ผีหรอกค่ะพี่คริส แต่เป็นของจริง!
“จง..ฮยอน จริงๆ..เหรอ..?” คราวนี้เป็นเสียงพี่สิก้าที่เปร่งออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีก
“จริงสิ!” เสียงคนข้างหลังฉันยืนยันความจริงไป ให้ตายสินี่มันฉากดราม่าอะไรกัน!
“ฮือๆ.. ฉันคิดว่านายจะตายจากฉันไปแล้วจงฮยอน...” พี่สิก้าพูดพลางร้องไห้ และแทบจะถอดสายน้ำเกลือเพื่อวิ่งมาดูพี่จงฮยอน แต่โดนพี่คริสห้ามไว้ก่อน
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ?! พี่สิก้า...”
“ใช่! สิก้าจำทุกอย่างได้แล้ว!”
โครม! ..นี้มันจริงหรือฝัน! ที่พี่คริสตอบฉันมามันคือความจริงใช่ไหม? พี่สิก้ากลับมาเป็นคนเดิมแล้ว?! พี่สิก้าจะจำฉันและทุกๆคนได้แล้ว
“จริงๆเหรอค่ะพี่สิก้า..” ฉันพูดพลางวิ่งเข้าไปถามพี่สิก้าตรงๆ จนลืมพี่จงฮยอนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ใช่! พี่จำได้แล้ว..” ใช่จริงด้วย! ฉันไม่ได้ฝันไป พี่สิก้าจำได้แล้ว!
“ว่าแต่... นายตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” แล้วฉากดราม่าของเราต้องหยุดลงกับคำพูดของพี่คริสทันที ทำไมเขาถามเหมือนกับรู้ว่าพี่จงฮยอนตายไปแล้ว ทั้งๆที่วันนั้นเขาบอกว่าพี่จงฮยอนแค่ถลอก ...?
“นี่นายเชื่อจริงๆเหรอ ..?” พี่จงฮยอนเองก็พูดแปลกๆ เหมือนกันกับว่าพยายามทำให้ตัวเองตาย ..?
“ก็แม่นายโทรมาบอกว่า..” คราวนี้พี่คริสถามไปอีก หน้าพี่คริสตอนนี้เหมือนกำลังจะบิดเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่แล้ว
“ฉันแค่จัดฉากขึ้นมาหน่ะ! กะว่าจะเซอร์ไพร์ฉลองครบรอบ 10ปีของพวกเราสักหน่อย แต่ก็ไม่มีใครมาสุดท้ายฉันเลยต้องออกมาเฉลยเอง เซงชะมัด!” พี่จงฮยอนพูดพลางทำหน้าบูด ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา เชื่อพี่จงฮยอนเลยจริงๆว่าจะหลอกพวกเราให้เสียใจได้ลง!
“พี่จงฮยอนรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่รู้ว่าพี่ตาย! พี่กับพี่คริสแล้วก็พี่สิก้าเป็นเพื่อนกันมาตั้ง 10ปี ผูกพันกับฉันแล้วก็ทุกคนมาก การที่รู้ว่าพี่จากไปแบบนี้ฉันเสียใจมากเลยนะค่ะ!” ฉันเองก็ทำหน้าบูดเช่นกัน
“พอเลย.. เอาไว้พี่จะซื้อของให้ตอบแทนที่ทำให้เธอเสียใจแล้วกัน ..เลี้ยงข้าวด้วยก็ได้แต่ต้องรอให้สิก้าหายดีก่อนนะ” พี่จงฮยอนพูดขึ้นด้วยท่าทางขี้เล่น อย่างนี้สิถึงจะเป็นพี่จงฮยอนคนเดิม!
“ถึงรู้ว่าพี่จะไม่ทำตามก็เถอะ แต่ยังไงฉันก็จะรอนะค่ะ” ฉันพูดก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆพี่จงฮยอน
แอ๊ด... แล้วจู่ๆเสียงประตู้ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความสุขของเราทั้งสาม พร้อมกับชายคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับไม้เท้าที่ช่วยพยุงตัวเองเอาไว้ ...และเขาคนนั้นคือ มินฮยอก!
“คุยธุระกันเหรอครับ?? งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อเขาหันมาเจอฉันก็ทำท่าจะชิ้งออกไปทันที สร้างความเงียบงันให้ห้องอย่างปาฏิหาร
“ไม่ต้อง! ฉันไปเอง!” ฉันพูดขัดเขา ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ชายตาแลเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อฉันเปิดประตูออกมาก็พบกับชายร่างถึกทนสอง-สามคนที่ยืนคุมอยู่หน้าห้อง แล้วคำพูดของซิ่งหมินก็กระโดดเข้ามาในหัวของฉันทันที
‘อยากให้ทายไหมว่าทำไมมินฮยอกถึงได้นอนอยู่โรงพยาบาลและโดนคุณพ่อที่บังเกิดเกล้าสั่งห้ามออกไปไหน!’
นี่สินะคือผลกรรมจากที่นายนั่นวิ่งมาสลบในห้องผู้ป่วยของพี่สิก้า โดนคุมตัวอย่างกับนักโทษ.. ร้ายแรงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? คนหรือสัตว์กันแน่!
ณ ห้องพักผู้ป่วยของเจสสิก้า
Minhyuk’ Part
เมื่อคริสตัลเดินผ่านผมไปสักพักผมก็หันไปหาพี่เจสสิก้าทันที และสายตาก็หันไปสะดุดกับพี่คริสที่ยืนอยู่ข้างๆด้วย อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด! คนอย่างปาร์ค กยูริ ไม่มีทางเสียอะไรไปง่ายๆแน่ ถ้าเธอเสียใจอย่างน้อยต้องมีสองคนที่ทรมานเพราะเธอ!
“มีอะไรเหรอมินฮยอก?” เสียงหวานของพี่เจสสิก้าดังขึ้นไล่ความมคิดของผมกระเจิง ผมหันไปมองก่อนจะตอบ
“ผมได้ข่าวว่าพี่อาจจะกลับมาจำทุกอย่างได้อีกเพราะการรักษาของโรงพยาบาล ตอนนี้พี่เป็นยังไงบ้างครับ?” ผมถามพี่เจสสิก้าไปแบบไม่อ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น
“พี่คิดว่าคงจำได้แล้วแหล่ะ ..ไม่สิ! พี่จำทุกอย่างได้แล้วต่างหาก ขอบใจมากนะที่เป็นห่วง” พี่เจสสิก้าตอบมาด้วยคำพูดแบบพี่เจสสิก้าคนเดิม เธอจำทุกอย่างได้แล้วจริงๆสินะ
“ฉันยังไม่ใช่หมาหัวเน่าใช่ไหม?” แล้วจู่ๆเสียงของใครคนหนึ่งที่ผมไม่ทันสังเกตุก็ดังขึ้น คนที่นั่งข้างคริสตัลเมื่อกี้
“รุ่นพี่จง...”
“ใช่! ฉันเอง ลี จง ฮยอน!” เขายืนขึ้นและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“หมายความว่าไงครับ.. พี่ตายไปแล้วหนิ” ผมถามไปแบบไม่เชื่อ คนตายไปแล้วจะฝื้นกลับมาได้ไง นี่มันไม่ใช่นิทานสักหน่อย!!
“ทุกอย่างมันเป็นแค่การจัดฉากฉลองครบรอบ10ปีที่เป็นเพื่อนกันของพวกเราหน่ะ” เสียงนี้ไม่ใช่ของพี่จงฮยอน แต่เป็นเสียงของพี่คริสที่ขยายความให้
“นี่มันเรื่องตลกอะไรกันครับ พี่คือพี่จงฮยอนจริงๆเหรอ?” ผมพูดและเกือบล้มทั้งยืน โชคดีที่มีไม้ค้ำคอยจุนร่างของผมเอาไว้
“มันไม่ใช่เรื่องตลกที่ไหนหรอก มันคือเรื่องจริง! พี่ขอโทษด้วยนะถ้าหากเธอได้ยินอะไรแบบไหนมา” คราวนี้พี่จงฮยอนพูดพลางเดินเข้าตบบ่าผมเบาๆ
“งั้นคุยกันเถอะครับ” ผมพูดและพยายามโค้งให้ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้นทันที
พี่จงฮยอนฟื้นกลับมาจากความตายอีกครั้งงั้นเหรอ? ไม่ใช่สิ!เรื่องทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้นมาเท่านั้น เราแค่ต้องเข้าใจตามคนอื่นและเลิกคิดมาก เลิกคิดเล็กคิดน้อย และเลิกเอาเรื่องคนอื่นมาสนใจสักที! อย่าทำตัวให้มันฉลาดเกินไปจนคนอื่นมองว่าโง่สิมินฮยอก!
“คุณหนูครับ!” พี่บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นข้างๆผม
“ผมอยากพักผ่อน จัดการเรื่องโรงพยาบาลให้ด้วยนะครับ ผมอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด” ผมพูดจบก็เดินนำไปที่ห้องพักของตัวเอง ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด
เมื่อไหร่ผมจะเป็นคนปกติแบบคนอื่นบ้างนะ ไม่รู้สึกอยากจะคิดเรื่องของคนอื่น ไม่รู้สึกเป็นห่วงคนอื่นที่อยู่รอบข้าง ใครกันที่เคยบอกว่าเกิดมาเป็นลูกคนรวยแล้วจะมีความสุข ความสบายไปทั้งชาติ! แต่ผมกลับรู้สึกว่ายิ่งรวยมากก็ยิ่งทุกข์ทรมานมาก มันทรมานขึ้นทุกวันทีละนิด ทีละนิด จนกลายเป็นเรื่องกติของผม
อย่างนี้สินะ! ที่ผมรักคริสตัลไม่เลิก คอยดูแลเธอไม่ห่าง และเป็นห่วงเธอตลอดเวลา อาจคงเป็นเพราะผมทรมานมามากเกินพอแล้ว การที่เธอหยิ่งใส่หรือทำร้ายตจิตใจผมมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดหรืออยากจากเธอไปเลย กลับกัน...ผมกลับรู้สึกว่าตัวผมโหยหาเธอ และอยากดูแลเธอให้มากขึ้นอีก ดูแลเธอให้มากกว่านี้อีก
ณ ห้อง 406
หลังจากมินฮยอกเดินออกไปแล้ว ทั้งสามก็เริ่มบทสนทนาของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน และความปาฏิหารของเจสสิก้า การรักษามันได้ผลเกินคาด เธอจำได้เกือบหมดทุกอย่าง แต่ลืมช่วงเวลาที่ความจำเสื่อมไปเท่านั้น
“เราทั้งสามในที่สุดก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ดีใจจัง” เจสสิก้าพูดพลางยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากฟื้นขึ้น
“ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่เราได้อยู่ด้วยแล้วแหล่ะ” คริสเองก็พูดขึ้นรำลึกความหลังเช่นกัน ถึงแม้สีหน้าของเขาจะไม่แสดงออกถึงความสุขมากก็ตาม
“ใช่! อยู่ด้วยกันกับเพื่อนมีความหมายกับฉันมาก ฉันทิ้งเพื่อนทั้งสองของฉันไม่ลงหรอก ถึงตายก็จะเป็นวิญญาณมาติดตามพวกแกแน่นอน” จงฮยอนเองก็พูดติดตลก พลางเดินมานั่งบนเตียงของเจสสิก้า
“ใช่! ก็เราสัญญากันไว้แล้วหนิว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าระยะทาง เวลา หรือความตาย ...ก็แยกพวกเราออกจากกันไม่ได้ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด” เจสสิก้าพูดขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของเพื่อนทั้งสองมาจับเอาไว้
“ใช่! ไม่มีทางแยกเราออกจากกันได้! ใช่ไหมคริส” จงฮยอนพูด และหันไปถามคริสที่นั่งเงียบอยู่ ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“อื้ม! งั้นเราหาเวลาไปฉลองกันอีกรอบเถอะ! ยังไงเราต้องฉลองครบรอบ10ปีของเราให้ได้” คริสเสนอความคิดเห็น
“ดีเหมือนกัน! ฉันก็อยากไปเที่ยวกับพวกนาย นอนโรงพยาบาลไม่เห็นจะสนุกเลย” เจสสิก้าพูดพลางทำหน้าบูด ส้รางรอยยิ้มให้ชายสองคนที่นั่งข้างเธอได้เป็นอย่างมาก
“ยัยคนนี้หนิ! ห่วงแต่เที่ยว” จงฮยอนพูดพลางเอามือไปขยี้หัวเจสสิก้าเล่น
“ย๊า!! ลี จงฮยอน! บอกแล้วไงว่าอย่าเล่นหัว!” เจสสิก้าเอามือมาจัดผมให้เข้าที่ ก่อนจะใช้มือตีเพื่อนรักของตัวเอง
“ใช่แล้ว... ห่วงแต่เที่ยวจริงเล๊ย” คราวนี้คริสก็เล่นหัวเจสสิก้าด้วยเช่นกัน
“คริสย๊า! นายก็เป็นไปกับจงฮยอนด้วยเหรอ?!! เคยบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้เล่นหัว เดี๋ยวก็โดน!” เจสสิก้าหันไปทำตาเขียวใส่คริสก่อนจะยกหมัดขึ้นมาขู่ แต่ชายสองคนที่อยู่ใกล้เธอกลับมองว่ามันไม่น่ากลัวเอาซะเลย
“อู๊...ๆๆ ดูตาสิเขียวเลย เหมือนยายแก่เลย ฮ่าๆ” จงฮยอนพูดพลางชี้ที่หน้าของเจสสิก้า ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาตามภาษาคนที่ยิ้มเก่งที่สุดในกลุ่ม
“ใช่เลย! ยายแก่อายุ 200ปี” คริสเองก็เล่นด้วยเช่นกัน
“พอคราวนี้หล่ะเข้ากันดีจังนะสองหนุ่มนี่! ไม่เอาแล้วไม่เล่นด้วยแล้ว” เจสสิก้าเบ่ะปากแล้วนอนลง
“ดูดิงอลแล้ว โอ๊ๆๆ.. อย่างอลน๊า” จงฮยอนพูดพลางทำท่าอออ้อนสุดๆ
“ง้อนะ อย่างอลเลย” คริสเองก็ตามง้อเจสสิก้าเหมือนกัน
“ไม่ต้องเลยนะพวกนาย! สมัคคีกันดีนัก..ขอให้ได้กันเป็นสามีภรรยาสักทีเถอะ เพี้ยง!!” เจสสิก้าพูดพลางทำท่ายกมือไหว้พร้อม
“ถ้าพวกฉันกินกันเองเธอจะเสียใจนะ หล่อๆอย่างนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วด้วยจะบอกให้!” จงฮยอนพูดล้อเธอ
“ใช่! หล่ออย่างนี้กินกันเองแล้วเธอจะเสียใจไปตลอดชาติ เนอะที่รัก” คริสพูดจบก็ทำตาหวานใส่จงฮยอน
“อี๊..! หยุดนะทั้งสองคนเลย ขนลุกอะ” เจสสิก้าพูดพลางยกมือขึ้นมาถูแขนทั้งสองข้าง
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยรักกันอย่างนี้สิดี” จงฮยอนพูด
“ดีกับผีเถอะจงฮยอน! ฉันล่ะขนลุกแทน ห้ามทำอีกนะ! ไม่ใช่เพราะนายหรอกฉันห่วงคริสต่างหาก อยู่กับนายล่ะสติสตางค์ไปหมดล่ะ! คริสหน่ะเป็นถึงCEOเลยนะ! ไม่เหมือนนายหรอกเป็นแค่วิศวะกร” เจสก้าพูดพลางทำท่าเอนไปหาคริส และทำท่าควงแขนพร้อม
“แล้วเท่ปะล่ะ” จงฮยอนถามมาพลางทำหน้าคาดหวัง
“เท่สุดๆไปเลยค่า” เจสสิก้าปล่อยแขนคริสและหันไปเกาะจงฮยอนแทน บวกกับท่าทางที่น่ารักของเธอทำเอาสองหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ แล้วความสุขก็หวนคืนกลับมาอีกครั้งเมื่อเพื่อนๆมากอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
__________________________________________________________
แว่ะมาทักทุกคนจ้า..เดี๋ยวจะหาว่าไรท์หยิ่ง
อ่านแล้วไม่เข้าใจตรงไหน หรืออยากให้แก้ตรงไหนบอกกันได้เลยนะ
ไรท์ไม่กัด (แยกเขี้ยว)
ความคิดเห็น