คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #90 : Ep.08 - Arthur
UNagain.08 – Arthur
“โชคดีนะที่เจ้าพวกนี้มีชุดเหลือไว้”
แพทตี้เปรย พลางจีบชายผ้าทูนิคขึ้น ในตอนนี้ทั้งสองล้วนสวมใส่ผ้าทูนิคหยาบสีน้ำตาลอยู่
ทั้งนี้เป็นเพราะเฒ่ากระดูกหายตัวไปบวกกับพวกลูกสมุนต่างตายกันหมด
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าไปยังคลังส่วนกลางของพวกมัน ภายในนั้นมีเสื้อผ้าเล็กน้อย
กับอาวุธบิ่นๆซึ่งพอจะเอามาใช้แก้ขัดได้อยู่
กริชและแพทตี้ต่างเลือกดาบยาวมาคาดหลังไว้คนละเล่มหนึ่ง
กระทั่งไม่พบเห็นสิ่งอื่นใดอีก ทั้งสองจึงตัดสินใจจะออกจากถ้ำ ใช่
อย่างน้อยกริชในตอนนี้ก็พอมั่นใจว่าตนสามารถหนีออกจากขุมนี้ได้
ด้วยพลังของธนูอาคม เขาก็เหมือนกับเสือติดปีก
.....กระนั้นด้านแพทตี้กลับต่างกันออกไป
หลังจากที่วีดสอนบทร่าย
กริชก็คิดจะสอนอาคมนี้ต่อให้กับแพทตี้เช่นเดียวกัน ทว่าพอทำอย่างนั้นแล้ว
ผลลัพธ์กลับลงเอยด้วยความว่างเปล่า——
เธอไม่สามารถเรียกธนูออกมาได้
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“คงเป็นเพราะชั้นไม่มีตราศาสนาสินะ? กระทั่งค่าเมอร์ริธและคาร์ม่าก็เหมือนกัน เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง? ถึงไม่สามารถใช้อาคมได้”
“อืม ก็เป็นไปได้ล่ะนะ
แต่พวกเราเองก็ไม่ใช่รู้อะไรเลยซักอย่างนี่นา
ถ้าเจออาจารย์อีกชั้นจะลองสอบถามให้แล้วกัน”
แม้จะเอ่ยเรียบๆแต่น้ำเสียงของกริชนั้นแสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างเด่นชัด
นี่เรากลายเป็นภาระรึเปล่านะ? พอคิดอย่างนั้นเธอก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ส่วนเขาก็ได้แต่ตบหลังให้กำลังใจเท่านั้น
———ทั้งคู่เดินออกจากตัวถ้ำ
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินออกมาอย่างทื่อด้านเลยซะเดียว
พวกเขากำลังเหลือบมองอยู่ข้างๆมุมถ้ำ รอเวลาที่ดงหอกกำลังรีโหลดกระสุน
กระทั่งทุกอย่างเงียบเสียงลง
“เอาเลย..!”
ทั้งสองคนจึงวิ่งทะยานสวนกลับไปสุดแรง
———จวบจนมวลหอกเริ่มพวยพุ่ง
“หมอบ!”
แพทตี้กับกริชจึงฟุบตัวลงแนบพื้นทันที เป็นเช่นนี้อยู่พักหนึ่ง
กระทั่งพวกเขาย้อนกลับมาถึงจุดเกิดที่เดิมอีกครั้ง เธอจึงถามอย่างเหนื่อยหอบ
“แฮ่ก...นี่นาย...แฮ่ก...มีแผนจะออกจากที่นี่ยังไงกัน?”
“ฟู่...เห็นตรงนั้นไหม?”
เขาเป่าปากพลางชี้นิ้ว ณ จุดๆนั้นก็คือบังเกอร์เหล็กนับไม่ถ้วนซ้อนกันเป็นกำแพงขนาดใหญ่
แม้จะเหมือนคุกปิดตาย แต่หากสังเกตดีๆก็จะพบรอยแยกเล็กๆอยู่ตรงนั้น
“กำแพงนี้เป็นเครื่องยิงหอกพวกนี้
ส่วนทางแยกนั่นก็เป็นทางออก ชั้นน่ะเคยไปถึงตรงนั้นมาหนหนึ่งแล้ว
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้อยู่ดี”
“หะ? หมายความว่าไง?”
“หลังรอยแยกนั่นมีนิรยบาลอยู่”
หญิงสาวถึงงุนงง แล้วเอ่ยทวน “นิรยบาล?” จนลำบากชายหนุ่มจำต้องอธิบายสำทับ
“มันคือผู้คุมนรก จำไม่เหรอ? ไอ้ตัวที่มีเขามีหางผิวแดงๆที่เจอตอนไปตัดสินความผิดกับยามะไง
ก็ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่พวกที่พาชั้นหนีคราวก่อนเรียกกันอย่างนั้น”
———ไอ้ความจำตอนนั้นชั้นมีที่ไหนเล่า!?
“แล้วพวกที่พานายหนีไปรอดไหม?”
“ไม่มีซักคน นิรยบาลฆ่าพวกเราทุกคนไม่มีใครรอด”
“เฮ้ย!? งั้นเจ้านั่นก็ต้องแกร่งมากน่ะสิ
แล้วไปเอาความมั่นใจว่าจะชนะมาจากไหน?”
“จากเจ้านี่ไงล่ะ”
ว่าจบชายหนุ่มก็ร่ายมุทราทันที วู้ม! ทันใดนั้นผืนเพลิงพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นธนูเหล็กคันหนึ่ง กริชเงียบไปครู่ จากนั้นจึงว่า
“นิรยบาลมีตนเดียว แต่ว่าระยะยิงตรงนี้น่ะไกลไป”
เขาหันมองจ้องเธออย่างจริงจัง เล้วเอ่ยซ้ำ “เธอต้องไปล่อมันเข้ามาในกำแพง
จากนั้นชั้นจะลอบยิงมันจากตรงนี้เอง แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะตายฟรี เพราะหากพลาด เจ้านั่นก็คงรีบเข้ามาเล่นงานชั้นด้วยแน่ๆ
อย่างมากก็แค่ตายทั้งคู่”
“.....เอางั้นจริงเหรอ?”
“แน่นอน”
เธอไม่ได้กลัวตาย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้กลัวเจ็บ
กระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถตายได้เรื่อยๆโดยไร้ความรู้สึก
ทว่าพอหันมองไปเจอสายตาของอีกฝ่าย แพทตี้ก็รู้สึกไม่มีน้ำหนักในการจะโต้แย้ง
“เฮ้อ...การลงทุนมีความเสี่ยงสินะ
เอางั้นก็ได้ ชั้นจะไปล่อมันเอง”
“ถ้าไม่อยากทำก็––”
“แต่ว่า!” เธอโพล่งขัดแล้วชี้หน้ากริช
“ต้องสัญญาก่อน ว่าหากสถานการณ์มันเลวร้ายจริง นายจะต้องหนีไป! ไม่ว่าตอนนั้นชั้นจะเป็นยังไงก็ตาม”
“พูดอะไร!? ไอ้แบบนั้นน่ะ––”
“สัญญาสิ!”
“.....ก็ได้” ชายหนุ่มกำธนูในมือแน่น
ก่อนจะเปล่งประกายวาวโรจน์ออกมาอย่างคับคั่ง “ชั้นสัญญาว่าจะกำจัดเจ้านั่นให้ได้!”
แพทตี้ยิ้มมุมปากตอบรับต่อคำพูดนั้น กระทั่งกระสุนหอกหยุดพักลง
เธอจึงหุบยิ้ม พร้อมกันนั้นก็สะบัดหน้าไปยังทางแยก สองเท้าพลันเกร็งแน่น
ก่อนจะวิ่งสุดตัวเพื่อไปให้ถึงก่อนเวลาจะหมดลง
สาม...สอง...หนึ่ง…
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นกระสุนหอกพลันพวยพุ่ยออกจากกำแพงเหล็กคล้ายกับเม็ดฝนห่าหนึ่ง
เสียงดังถี่ยิบนี้ดังสอดผสานกับลมหายใจอันหนักหน่วงของแพทตี้ผ่านชั้นบรรยากาศ
ท่ามกลางฝุ่นควันตลบ กลับเผยให้เห็นหญิงสาวยืนตระหง่านอยู่ตรงรอยแยก แพทตี้หันกลับไปมองกริชซึ่งหมอบกับพื้นพลางโบกมือให้
เธอปลอดภัยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน พอเห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงเบาใจลง
———ทางด้านหญิงสาวยามนี้กลับพบทิวทัศน์ใหม่
เบื้องหน้าคือดินส่วนที่เหลือก็เป็นป่าสูงสุดขอบฟ้า ท้องนภาสีแดงฉานยังคงอยู่
ส่วนตรงหน้าก็เป็นทางถนนบวกกับป้ายเหล็กต่างๆ แน่นอนว่าตรงหน้าเธอตอนนี้ก็มีป้ายเหล็กขนาดใหญ่แขวนอยู่
“นรกแห่งการเกิดใหม่งั้นเหรอ?”
แพทตี้เอ่ยพึมพำช้าๆ ทว่าตอนนั้นเองที่สุดสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งทะยานเข้าใส่
เชียะ! วัตถุมีคมพุ่งเลยผ่านแก้มเธอไป
จนปรากฏเลือดสีสดไหลรินเป็นทางยาว แพทตี้ตื่นตะลึง ก่อนจะชักดาบวาดออกไป วูบ!
มีเพียงเสียงแหวกอากาศเท่านั้น เจ้าตัวที่ทำร้ายเธอกลับหลบรอดคมดาบไปได้อย่างง่ายดาย
“ทั้งชุดและอาวุธนั่น
ดูเหมือนจะเตรียมตัวมาพร้อมเลยทีเดียวนี่”
ผู้พูดนั้นมีเขา ขณะเดียวกันก็มีหางและผิวกายสีแดงดุจโลหิต
เธอหรี่ตาลง
“.....นิรยบาลสินะ”
“โฮ่? รู้จักพวกข้า
แล้วเหตุใดจึงยังอุตส่าห์เอาชีวิตมาทิ้งเล่า?”
“แกนั่นแหละที่เอาชีวิตมาทิ้ง!”
แพทตี้ตวาดลั่น
จากนั้นจึงตบเท้านำพาตนเองกลับสู่เส้นทางเดิมของรอยแยกอีกครั้ง
นิรยบาลเห็นจึงแสยะยิ้ม “คิดจะหนีเรอะ?”
จากนั้นจึงเลียเล็บที่เปื้อนเลือด แล้วทะยานเข้าตามติด
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก..!”
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นระเบิดเพลิงพลันปะทะเข้าใส่กลางของมันเต็มรัก
ส่วนแพทตี้กำลังหลบหนีอยู่ก็กระเด็นออกมาร่วม 3-4 เมตร ห่างออกไปไม่ไกลนักเผยให้กริชกำลังค้างตัวอยู่ในท่าคุกเข่าผ่อนสายธนูอยู่
“สำเร็จ..!”
เขาร้องออกมาอย่างยินดี จากนั้นจึงเลิกมือลงหมายจะเดินเข้าไปหาแพทตี้
ทว่าตอนนั้นเองที่สายตาพลันกระตุกวูบ ท่ามกลางฝุ่นควันจากแรงระเบิดของท่าพลังจิต
ภายในเผยให้เห็นมวลแสงสะท้อนขึ้นวูบหนึ่ง วงแสงดังกล่าวสำหรับกริชนั้นกลับรู้สึกคุ้นตาอยู่แปดในสิบส่วน
ทันใดนั้นศรเพลิงแบบเดียวกันก็พลันทะลวงผ่านม่านหมอก
“อะไรกัน..!?”
เปรี้ยง!
กริชกระเด็นไปสิบกว่าเมตร แม้จะยกธนูขึ้นกันไว้
ทว่าท่าพลังจิตที่ระเบิดออกมานั้นรุนแรงพอๆกับของวีดเลยทีเดียว
ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นชายหนุ่มที่แขนขาดกระจุยทั้งสองข้าง ก่อนจะปลิวว่อนออกไป
ทางด้านแพทตี้ยามนี้กลับถ่างตาค้างอย่างตื่นตระหนก
“ไม่จริงน่า!”
“นี่แหละความจริงยัยหนู”
เสียงแหบแห้งดังลอดผ่านฝุ่น กระทั่งม่านหมอกนั้นเลือนหายจนหมด
.....จึงเผยให้เห็นนิรยบาลที่ไร้ซึ่งบาดแผลกำลังง้างธนูอาคมอยู่
“กลับไปชดใช้กรรมในขุมนรกเถอะ!”
เปรี้ยง!
۞۞۞
ความคิดเห็น