คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Ep.15 - Seraph
UNagain.15 – Seraph
เฮือก..!
ท่ามกลางแสงไฟกับเงาหม่นของหุบเขา
เกลสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับความสับสนในจิตใจ
ร่างกายของเขากำลังสั่นเทาสมองในหัวกำลังเรียบเรียงความคิด
ชายหนุ่มเบิกตากว้างเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก————
ตายอีกแล้ว
“แม่งเอ๊ย..!”
เกลสบถแล้วซัดหมัดลงกับพื้น
ที่เขาตายก็เพราะเอแคร์
หากเธอไม่สั่งให้เขาไปสู้เกลก็คิดว่าตนย่อมไม่ต้องมาตายแบบนี้แน่
ทว่าจะให้โทษเอแคร์ฝ่ายเดียวก็นับว่าไม่ถูกต้อง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเลือกที่จะตามเธอมาแทนที่จะอยู่เฉยๆในบ้านไม้หลังนั้น
พลาดเลยแฮะ...เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเสื้อผ้าของเขาได้หายจนหมดสิ้น
ดังนั้นสภาพตอนนี้จึงกลายเป็นเปลือยเปล่าอีกครั้ง เกลได้แต่ถอนหายใจ
ก่อนจะกวาดมองรอบข้างอย่างเฉยชาแล้วนิ่วหน้าขึ้น
“น–นี่มัน..?”
สถานที่ๆเขาอยู่นี้ไม่ใช่แนวปากทางเข้า
แต่เป็นกลางหุบเขาซึ่งมีเสาดำตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มได้แต่เลิกคิ้วงุนงงก่อนจะก้มมองโซ่เส้นที่สอง...เพราะเจ้านี่รึเปล่านะ? เขาคิดอย่างนั้น
แล้วจึงกวาดมองอีกหนจึงพบร่างไร้วิญญาณของ <อสุรกาย> ตัวที่เขากินไม่หมดคราวก่อนนอนแน่นิ่ง
สภาพของมันยามนี้คือเน่าเหม็นจนยากจะเอามารองท้อง————ทว่าหากเอามาทำเป็นอย่างอื่นก็อาจเป็นไปได้อยู่
เกลได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าของเอแคร์,ดังนั้นตัวเขาจึงเรียก【นารากะ•พาราห์】ออกมาแล้วเดินไปยังที่ตั้งของศพขนาดใหญ่————สิ่งแรกที่เขาต้องการก็คือเครื่องนุ่งห่ม
ถึงจะน่าหยะแหยงแต่ผิวของ <อสุรกาย> นั้นนับว่าทนทานพอๆกับกระเป๋าหนังแบรนด์แนมซักใบ
ซึ่งอย่างน้อยตรงจุดนี้เกลแค่คิดจะหาอะไรมาสวมใส่ก็เท่านั้น
ถลกหนังของ <อสุรกาย> มาส่วนหนึ่ง
เพราะเดิมผิวของมันมีความยืดหยุ่นและคงทนสูงจึงทำให้การลอกหนังไม่หลุดขาดออกมาจนผิดรูป
ไม่นานนัก,เกลจึงได้หนังผืนหนึ่งยาวร่วมเมตรกว่า
เขาหยิบยกมันขึ้นดูอยู่สองสามเที่ยว แล้วจึงใช้ความร้อนจากตัวหอกมารนไฟด้านใน
ทำให้เนื้อหนังส่วนที่เป็นเยื่อเลือดเหือดแห้ง เมื่อเป็นเช่นนี้,แม้ตอนใส่จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อยทว่าก็ดีกว่าใส่มันทั้งที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่
จากนั้นเกลจึงนำผืนหนังมาผูกไว้รอบเอว
ก่อนจะนำหอกไฟมาจี้ทำให้จีบทั้งสองด้านติดกันกลายเป็นกลายเป็นผ้าโปงยาว
พอตัดแบ่งกลางแล้วนำความร้อนมาจี้มุมทั้งสองด้าน
เกลจึงได้กางเกงหนังสีน้ำตาลสดตัวหนึ่ง
แม้กางเกงจะมีรอยไหม้จากหอกเล็กน้อยแต่โดยรวมก็นับว่าใช้ได้ล่ะนะ
ส่วนเสื้อคงไม่ต้องหรอกมั้ง? ก็ที่นี่มันออกจะร้อนซะขนาดนี้
ฉะนั้นเกลจึงเปลี่ยนความคิดเหลือบมองร่าง <อสุรกาย> ว่ายังพอมีสิ่งไหนนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง แล้วเขาก็พบ————ของสิ่งนั้นก็คือเขี้ยวเล็บ
เขาจดจำได้ว่าหนที่แล้วตนตายไปก็เพราะไม่มีอาวุธ
ตอนสู้น่ะทางที่ดีควรมีอาวุธเผื่อไว้ซักอย่างสองอย่างเสียจะดีกว่า
เกลตัดสินใจอย่างนั้น,แล้วจึงเลาะกระดูกของ <อสุรกาย> ออกมาสองชิ้น คือกระดูกชายโครงกับส่วนฟันซึ่งยาวเฟื้อยพ้นออกปาก
เกลตัดสินใจขุดหลุมเผื่อไว้เวลาที่ <คลื่น> ปรากฏตัว เขาโดดลงไปนั่งด้านในแล้วจึงตั้งหน้าตั้งตาเหลากระดูกทั้งสองแท่ง
————ผ่านไปราว 5-6 ชั่วโมง,เกลจึงปาดเหงื่อถอดถอนหายใจ
“ยากกว่าที่คิดแฮะ”
ตรงหน้า,เผยวัตถุมีคมอยู่สองเล่ม
หนึ่งคือดาบซึ่งมีความยาวประมาณหนึ่งช่วงแขน
กับสองคือมีดซึ่งมีความยาวเกือบครึ่งศอก
ทั้งสองวัตถุนี้ล้วนมีสีความหม่นราวกับทำจากงาช้าก็ไม่ปาน แม้จะดูหยาบพอๆกับกางเกง
ทว่าทั้งดาบและมีดล้วนคมกริบพอจะแทงใครซักคนให้จมกองเลือดได้เลยทีเดียว
ยังไงก็ตามแต่,เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการพกพา
เกลจึงเฉือนหนัง <อสุรกาย> ออกมาอีกเล็กน้อยเพื่อทำเป็นฝัก โดยให้ดาบเป็นฝักสะพายหลัง
และมีดเป็นฝักสะพายเอว
ผ่านไปอีก 6 ชั่วโมง
ในที่สุดเกลจึงหยุดมือแล้วนอนพักอยู่ในหลุมอย่างเหนื่อยอ่อน
กระทั่งพอตื่นขึ้นเกลจึงบิดตัวไปมาอย่างกระฉับกระเฉง
เอาคว้าอาวุธทั้งสองขึ้นพาดหลังและเอว
ขณะเดียวกันดวงตาทั้งสองจึงเปล่งประกายอย่างวาวโรจน์
“เอาล่ะ..!”
.
.
“ฮึบ!” เกลเปล่งเสียงร้องแล้วตบออกไปยังพื้นผิวของเขาสูงด้านหนึ่ง เสียงตุบดังสะท้านขึ้นระหว่างชั้นหินกับฝ่าเท้าบ่งบอกให้รับรู้ได้เขากระทำได้สำเร็จ————ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดเขาได้อีกครั้งหนึ่ง
แม้จะกินเวลาไปเกือบ 2-3 ชั่วโมงเลยก็เหอะ
เกลเป่าปาก
จากนั้นจึงหันซ้ายขวาคาดเดาไม่ถูกว่าตนควรเดินไปทิศใดต่อจากนี้ จากคราวที่แล้วซึ่งหลงทิศทางไม่รับรู้เวลาจึงทำให้เขาไม่ค่อยมั่นใจนักว่ายามนี้ควรเดินไปเส้นทางไหนจึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
กระนั้นยิ่งคิดมากก็ยิ่งเสียเวลาไปซะเปล่าๆ
ดังนั้นเกลจึงตัดสินใจก้าวออกไปทางขวา ขณะเดียวกันก็ใช้【นารากะ•พาราห์】ลากยาวไปกับต่างสัญลักษณ์กันหลงเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม
และแล้วการเดินทางอันยาวจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง...
“แฮ่ก..แฮ่ก..น้ำ––หิวน้ำโว้ย..แฮ่ก..”
แม้จะเปรยขึ้นราวกับอ้อนวอน
ทว่าฟากฟ้าก็ไม่มีทางประทานฝนมาให้แก่เกลอย่างเห็นได้ชัด
รู้ตัวอีกเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาอีกหนึ่งวันเต็ม เรื่องของกินนั้นนับว่าไม่เท่าไหร่
ทว่าเรื่องกระหายน้ำของร่างกายนี่สิ,ปัญหาใหญ่
โดยปกติมนุษย์เราหากขาดไปวันสองวันก็มีสิทธิ์ตายได้ง่ายๆเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นเกลในตอนนี้จึงได้แต่เดินโซซัดโซเซลากหอกเป็นทางยาวแบบตุปัดตุเป๋จะล้มแหล่มิล้มแหล่
ท่ามสติที่เกือบจะหลุดลอย ทันใดนั้นสุดสายตาของเกลจึงมองเห็น————วัตถุบางสิ่งซึ่งตั้งปักหลักอยู่ตรงหน้าห่างออกไปเพียงไม่กี่
100 เมตร เจ้าสิ่งนั้นมีความกว้างเกือบ 10
ไร่และภายในก็มีหอสูงตั้งอยู่เกือบสามถึงสี่ชั้นโดยด้านนอกคงปราการเหล็กรายล้อมไว้รอบด้าน
ตรงหน้าของเกล,ก็คือเมืองขนาดย่อม
“อ–เอาจริงดิ?”
————เมืองในนรกเนี่ยนะ...?
۞۞۞
ความคิดเห็น