ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #15 : Ep.15 - Seraph

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.25K
      161
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.15 – Seraph

    เฮือก..!

    ท่ามกลางแสงไฟกับเงาหม่นของหุบเขา เกลสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับความสับสนในจิตใจ ร่างกายของเขากำลังสั่นเทาสมองในหัวกำลังเรียบเรียงความคิด ชายหนุ่มเบิกตากว้างเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก————

    ตายอีกแล้ว

    แม่งเอ๊ย..!”

    เกลสบถแล้วซัดหมัดลงกับพื้น ที่เขาตายก็เพราะเอแคร์ หากเธอไม่สั่งให้เขาไปสู้เกลก็คิดว่าตนย่อมไม่ต้องมาตายแบบนี้แน่ ทว่าจะให้โทษเอแคร์ฝ่ายเดียวก็นับว่าไม่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเลือกที่จะตามเธอมาแทนที่จะอยู่เฉยๆในบ้านไม้หลังนั้น

    พลาดเลยแฮะ...เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเสื้อผ้าของเขาได้หายจนหมดสิ้น ดังนั้นสภาพตอนนี้จึงกลายเป็นเปลือยเปล่าอีกครั้ง เกลได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกวาดมองรอบข้างอย่างเฉยชาแล้วนิ่วหน้าขึ้น

    นี่มัน..?”

    สถานที่ๆเขาอยู่นี้ไม่ใช่แนวปากทางเข้า แต่เป็นกลางหุบเขาซึ่งมีเสาดำตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มได้แต่เลิกคิ้วงุนงงก่อนจะก้มมองโซ่เส้นที่สอง...เพราะเจ้านี่รึเปล่านะเขาคิดอย่างนั้น แล้วจึงกวาดมองอีกหนจึงพบร่างไร้วิญญาณของ <อสุรกายตัวที่เขากินไม่หมดคราวก่อนนอนแน่นิ่ง

    สภาพของมันยามนี้คือเน่าเหม็นจนยากจะเอามารองท้อง————ทว่าหากเอามาทำเป็นอย่างอื่นก็อาจเป็นไปได้อยู่ เกลได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าของเอแคร์,ดังนั้นตัวเขาจึงเรียกนารากะพาราห์ออกมาแล้วเดินไปยังที่ตั้งของศพขนาดใหญ่————สิ่งแรกที่เขาต้องการก็คือเครื่องนุ่งห่ม

    ถึงจะน่าหยะแหยงแต่ผิวของ <อสุรกายนั้นนับว่าทนทานพอๆกับกระเป๋าหนังแบรนด์แนมซักใบ ซึ่งอย่างน้อยตรงจุดนี้เกลแค่คิดจะหาอะไรมาสวมใส่ก็เท่านั้น

    ถลกหนังของ <อสุรกายมาส่วนหนึ่ง เพราะเดิมผิวของมันมีความยืดหยุ่นและคงทนสูงจึงทำให้การลอกหนังไม่หลุดขาดออกมาจนผิดรูป ไม่นานนัก,เกลจึงได้หนังผืนหนึ่งยาวร่วมเมตรกว่า เขาหยิบยกมันขึ้นดูอยู่สองสามเที่ยว แล้วจึงใช้ความร้อนจากตัวหอกมารนไฟด้านใน ทำให้เนื้อหนังส่วนที่เป็นเยื่อเลือดเหือดแห้ง เมื่อเป็นเช่นนี้,แม้ตอนใส่จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อยทว่าก็ดีกว่าใส่มันทั้งที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่

    จากนั้นเกลจึงนำผืนหนังมาผูกไว้รอบเอว ก่อนจะนำหอกไฟมาจี้ทำให้จีบทั้งสองด้านติดกันกลายเป็นกลายเป็นผ้าโปงยาว พอตัดแบ่งกลางแล้วนำความร้อนมาจี้มุมทั้งสองด้าน เกลจึงได้กางเกงหนังสีน้ำตาลสดตัวหนึ่ง แม้กางเกงจะมีรอยไหม้จากหอกเล็กน้อยแต่โดยรวมก็นับว่าใช้ได้ล่ะนะ

    ส่วนเสื้อคงไม่ต้องหรอกมั้งก็ที่นี่มันออกจะร้อนซะขนาดนี้

    ฉะนั้นเกลจึงเปลี่ยนความคิดเหลือบมองร่าง <อสุรกายว่ายังพอมีสิ่งไหนนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง แล้วเขาก็พบ————ของสิ่งนั้นก็คือเขี้ยวเล็บ เขาจดจำได้ว่าหนที่แล้วตนตายไปก็เพราะไม่มีอาวุธ

    ตอนสู้น่ะทางที่ดีควรมีอาวุธเผื่อไว้ซักอย่างสองอย่างเสียจะดีกว่า เกลตัดสินใจอย่างนั้น,แล้วจึงเลาะกระดูกของ <อสุรกายออกมาสองชิ้น คือกระดูกชายโครงกับส่วนฟันซึ่งยาวเฟื้อยพ้นออกปาก เกลตัดสินใจขุดหลุมเผื่อไว้เวลาที่ <คลื่นปรากฏตัว เขาโดดลงไปนั่งด้านในแล้วจึงตั้งหน้าตั้งตาเหลากระดูกทั้งสองแท่ง

    ————ผ่านไปราว 5-6 ชั่วโมง,เกลจึงปาดเหงื่อถอดถอนหายใจ

    ยากกว่าที่คิดแฮะ

    ตรงหน้า,เผยวัตถุมีคมอยู่สองเล่ม หนึ่งคือดาบซึ่งมีความยาวประมาณหนึ่งช่วงแขน กับสองคือมีดซึ่งมีความยาวเกือบครึ่งศอก ทั้งสองวัตถุนี้ล้วนมีสีความหม่นราวกับทำจากงาช้าก็ไม่ปาน แม้จะดูหยาบพอๆกับกางเกง ทว่าทั้งดาบและมีดล้วนคมกริบพอจะแทงใครซักคนให้จมกองเลือดได้เลยทีเดียว

    ยังไงก็ตามแต่,เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการพกพา เกลจึงเฉือนหนัง <อสุรกายออกมาอีกเล็กน้อยเพื่อทำเป็นฝัก โดยให้ดาบเป็นฝักสะพายหลัง และมีดเป็นฝักสะพายเอว

    ผ่านไปอีก 6 ชั่วโมง ในที่สุดเกลจึงหยุดมือแล้วนอนพักอยู่ในหลุมอย่างเหนื่อยอ่อน

    กระทั่งพอตื่นขึ้นเกลจึงบิดตัวไปมาอย่างกระฉับกระเฉง เอาคว้าอาวุธทั้งสองขึ้นพาดหลังและเอว ขณะเดียวกันดวงตาทั้งสองจึงเปล่งประกายอย่างวาวโรจน์

    เอาล่ะ..!”

    .

    .

    ฮึบ!” เกลเปล่งเสียงร้องแล้วตบออกไปยังพื้นผิวของเขาสูงด้านหนึ่ง เสียงตุบดังสะท้านขึ้นระหว่างชั้นหินกับฝ่าเท้าบ่งบอกให้รับรู้ได้เขากระทำได้สำเร็จ————ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดเขาได้อีกครั้งหนึ่ง

    แม้จะกินเวลาไปเกือบ 2-3 ชั่วโมงเลยก็เหอะ

    เกลเป่าปาก จากนั้นจึงหันซ้ายขวาคาดเดาไม่ถูกว่าตนควรเดินไปทิศใดต่อจากนี้ จากคราวที่แล้วซึ่งหลงทิศทางไม่รับรู้เวลาจึงทำให้เขาไม่ค่อยมั่นใจนักว่ายามนี้ควรเดินไปเส้นทางไหนจึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

    กระนั้นยิ่งคิดมากก็ยิ่งเสียเวลาไปซะเปล่าๆ ดังนั้นเกลจึงตัดสินใจก้าวออกไปทางขวา ขณะเดียวกันก็ใช้นารากะพาราห์ลากยาวไปกับต่างสัญลักษณ์กันหลงเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

    และแล้วการเดินทางอันยาวจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง...

    แฮ่ก..แฮ่ก..น้ำ––หิวน้ำโว้ย..แฮ่ก..

    แม้จะเปรยขึ้นราวกับอ้อนวอน ทว่าฟากฟ้าก็ไม่มีทางประทานฝนมาให้แก่เกลอย่างเห็นได้ชัด รู้ตัวอีกเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาอีกหนึ่งวันเต็ม เรื่องของกินนั้นนับว่าไม่เท่าไหร่ ทว่าเรื่องกระหายน้ำของร่างกายนี่สิ,ปัญหาใหญ่ โดยปกติมนุษย์เราหากขาดไปวันสองวันก็มีสิทธิ์ตายได้ง่ายๆเลยด้วยซ้ำ

    ดังนั้นเกลในตอนนี้จึงได้แต่เดินโซซัดโซเซลากหอกเป็นทางยาวแบบตุปัดตุเป๋จะล้มแหล่มิล้มแหล่ ท่ามสติที่เกือบจะหลุดลอย ทันใดนั้นสุดสายตาของเกลจึงมองเห็น————วัตถุบางสิ่งซึ่งตั้งปักหลักอยู่ตรงหน้าห่างออกไปเพียงไม่กี่ 100 เมตร เจ้าสิ่งนั้นมีความกว้างเกือบ 10 ไร่และภายในก็มีหอสูงตั้งอยู่เกือบสามถึงสี่ชั้นโดยด้านนอกคงปราการเหล็กรายล้อมไว้รอบด้าน

    ตรงหน้าของเกล,ก็คือเมืองขนาดย่อม

    เอาจริงดิ?”

    ————เมืองในนรกเนี่ยนะ...?

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×