คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : Ep.30 - Advancer
UNagain.30 – Advancer
ผู้ชนะเลิศได้แก่หลิวฟงเหนือ รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือคริซซี่
———และกริชได้รับรองชนะเลิศอันดับสอง
การประลองครั้งนั้นได้ผ่านมาแล้วปีกว่า
หลิวฟงขอเป็นวิชาอาคมบทใหม่และดำรงตนเป็นศิษย์เอกต่อไป ส่วนคริซซี่ก็ขอวิชาอาคมบทใหม่เช่นเดียวกับกริช
แม้จะน่าเสียดาย แต่ชายหนุ่มก็ได้อาคมระดับ 16 จุดมาครอบครองแล้ว
ขณะเดียวกันค่าเมอร์ริธของเขาก็เพิ่มพูนจากสิบหน่วยเป็นสิบห้า ช่างน่ายินดีจริงๆ
พอมาเทียบกับเราที่ไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นเลยซักอย่างแล้ว
———ช่างน่าเจ็บใจจริง
แพทตี้หลับตานึก ทันใดนั้นเพื่อนร่วมทีมก็ทัก “เฮ้ย! ยืนบื้ออะไรอยู่!?”
เป็นหญิงสาวอายุมากกว่าเอ่ย เธอแต่งตัวฉูดฉาด
แม้จะสวยแต่ก็สวยแบบแรงๆจนบางคนอาจเอียนได้เลยทีเดียว
“อ๊ะ! ข-ขอโทษค่ะ”
แพทตี้ก้มหัวปลกๆ จากนั้นจึงรีบเดินตามหลังพวกเขาไป นี่คือภารกิจ โดยปกติเหล่านิรยบาลจะได้รับหน้าที่ให้กวาดล้างอสุภะไม่ก็มาร
ดังนั้นการที่หญิงสาวออกมาจากแดนพิพากษาก็เป็นเพราะมีงานค้ำคออยู่ เป้าหมายในครั้งนี้ก็คือกำจัดอสุภะยี่สิบตน
ซึ่งปกติเธอจะมากับพวกศิษย์พี่ทั้งสี่
ทว่าหนนี้เธอกลับเลือกแตกต่างไปจากเดิม
ความแปลกใหม่งั้นเหรอ? ไม่ใช่หรอก เธอก็แค่อยากเผชิญหน้ากับความจริง
ไม่อยากเป็นภาระ ไม่อยากได้รับการประคบประหงบอีกต่อไป ถึงจะไร้พลัง
แต่ตอนนี้ก็อยากก้าวออกไปข้างหน้าด้วยตนเอง
ตอนนั้นชายหัวแถวจึงส่งสัญญาณให้หยุด
“มีอะไรเหรอ? ซองซู”
ผู้ถามนั้นเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่ตวาดแพทตี้
ชายหนุ่มยืนนิ่งก่อนจะว่า “สิบสี่นาฬิกาพบอสุภะอยู่
4 ตน” ทันใดนั้นหล่อนถึงกับตาวาวชะเง้อมองผ่านหลังของซองซู
เป็นดังว่า ตรงจุดนั้นเผยให้เห็นอสุภะอยู่ทั้งสิ้นสี่ตน
ท่าทางการเดินไร้แก่นสารนี้ทำให้คาดเดาได้ว่าพวกมันเป็นอสุภะไร้สติปัญญา
“เอาเลยไหม?”
“ใจเย็นก่อนยอนฮวา ถึงจะเห็นตรงนี้สี่ตัว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีมาเพิ่มนะ” ซองซูเสกธนูอาคมระดับ
6 จุดออกมา เขาว่า “ชั้นจะลองเชิงก่อนเอง” จากนั้นจึงแผลงศรออกไป
เปรี้ยง!
ท่าพลังจิตทะยานออกไปดุจกระสุนลูกปราย
แรงลมเสียดหูได้ฉีกอากาศรอบข้างแล้วทะลวงเข้ากลางอกของอสุภะตนหนึ่งอย่างจัง “ค่อกๆๆ..?” มันถึงกับงุนงง
ขณะเดียวกันก็ก้มมองหน้าอกที่กลายเป็นรูโหว่อย่างฉงน ตึง! มันล้มลงกับพื้นสิ้นใจทันที พอเห็นพวกพ้องตายอย่างปริศนา อสุภะตนอื่นๆจึงกู่ร้องขึ้น
“ฮู่มมมมมมมมมมม..!?”
“มันมาแล้ว!”
ซองซูร้องเตือน
แล้วก็เป็นดังว่าหนึ่งในนั้นจู่ๆกลับตบเท้าโถมเข้าใส่พวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ราวกับทราบตำแหน่งแต่แรกแล้ว
เมื่อลงเอยเช่นนี้ยอนฮวาจึงออกหน้าแทนแล้วเหยียดยิ้ม “มาเลย!”
ป่ง!
ร่างของอสุภะตนนั้นถึงกับกระเด็นไถลกับพื้น
หล่อนควงแส้ในมือไปมาอย่างระรื่น นี่คือแส้อาคมระดับ 7 จุด
พอเห็นศัตรูพลาดท่าง่ายๆยอนฮวาก็ยิ่งได้ใจ
เธอพุ่งเข้าใส่อสุภะหมายสังหารทิ้งในคราเดียว
“สนับสนุนชั้นด้วย!”
“ทราบแล้ว!”
ทั้งคู่เอ่ย มีเพียงแพทตี้เท่านั้นที่ยืนเฉยอยู่กับที่ เธอไม่มีงาน
ไม่สิ ควรจะพูดว่าเธอไม่มีอะไรให้ทำเสียซะมากกว่า การให้เธอมายุ่งจะยิ่งกลายเป็นถ่วงแข้งถ่วงขาซะเปล่า
เพราะทุกคนตระหนักอย่างนั้นรวมถึงเจ้าตัวเอง ด้วยเหตุนี้งานแบกสัมภาระจึงตกเป็นหน้าที่ของเธอไป
เปรี้ยง!
อสุภะเหลืออีกหนึ่งตน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! งานนี้มันง่ายซะจริง” ยอนฮวาว่า ก่อนจะฟาดแส้ด้วยท่าพลังจิตปลิดชีวิตศัตรูทิ้ง ฉัวะ!
คอของมันกระเด็นออกจากบ่า เมื่อพบว่าเป้าหมายไม่เหลือแล้ว
เธอจึงพาดแส้ขึ้นเหนือไหล่เดินกลับมา
“ทีนี้ก็เหลือแค่ยี่สิบตัวของเธอแล้ว”
ซองซูหันมาเอ่ยต่อแพทตี้
ก่อนจะเดินไปสมทบกับยอนฮวาปล่อยให้หญิงสาวขึ้นยืนถอนหายใจ สี่สิบตัวแล้วสินะ
พอคิดอย่างนี้แพทตี้ก็รู้สึกว่างานนี้มันช่างวุ่นวายเสียจริง
ขณะที่เดินตามหลังซองซูไปนั้นเอง
จู่ๆอสุภะที่สมควรตายแล้วกลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“กรี๊ซซซซซซซซ..!”
“มันยังไม่ตาย!?”
แพทตี้ถึงกับตกตะลึง
เช่นเดียวกับเพื่อนรวมทีมทั้งสองที่ถ่างตาค้างอย่างตระหนก ทว่ากว่าจะรู้ตัวกรงเล็บหนาของศัตรูก็แทงเข้าใส่หมายทะลวงเข้ากลางอกของหญิงสาว
เปรี้ยง!
“อั่ก..!?” แพทตี้กระเด็นไปไกลร่วมสี่เมตร
นับว่าโชคดีที่เธอเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา
ดังนั้นสองมือที่สวมสนับเหล็กจึงถูกยกขึ้นต้านรับไว้ทัน
แม้จะเป็นอย่างนั้นผลลัพธ์กลับเป็นหล่อนที่กระอักเลือดออกมาแทน
———และทิศทางที่เธอลอยออกไปนั้น
ก็เป็นหุบเหวสูงชันยากมองเห็นจุดจบ
“ซวยล่ะ!” ซองซูสบถ
แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาหมายจะรั้งตัวเธอไว้ ทว่าระยะห่างที่มากเกินไป
บวกกับเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด จึงทำให้เขาไม่อาจเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน
สุดท้ายแพทตี้ร่วงหล่นลงไป
“กรี๊ดดดดดดดด!”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดชีวิต
ท่ามกลางวินาทีเป็นตายนี้สิ่งที่มองเห็นก็คือความมืดของหุบเหวสูงชัน ขณะที่คิดว่าตนต้องตายแล้วแน่ๆนั้น
จู่ๆร่างของเธอกลับหล่นตุบลงวัตถุนุ่มราวกับเตียงน้ำใบหนึ่ง
“อ-โอ๊ย!? นี่มัน..?”
แพทตี้งุนงง แม้จะเจ็บปวดนิดๆแต่ก็ได้ฟูกนุ่มนี้ช่วยเอาไว้
พอหันมองจนสายตาเริ่มชินกับความมืด เธอจึงมองเห็น
เจ้าสิ่งที่เธอนอนอยู่นี้เป็นก้อนขนขนาดใหญ่ กระทั่งพอมองเลยออกไป
จึงพบว่าสิ่งนี้ก็คือสุนัขยักษ์
———สุนัขที่มีสามหัว
“.........”
เธอถึงกับหยุดลมหายใจตัวเองด้วยความตกตะลึง
หากมันตื่นขึ้นมาเกรงว่าเธอจะต้องถูกมันกินอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่คิดอย่างนั้น
หนทางหนีเองก็กลับเป็นมืดแปดด้าน
“เจ้าเป็นใคร?”
ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำกลับเปรยขึ้นอย่างแผ่วเบา
เธอสะดุ้งเฮือกรีบหันขวับไปมองยังเบื้องหลัง
ตรงจุดนั้นเผยให้เห็นเส้นใยผืนหนึ่งกำลังพัวพันไปทั่วร่างของชายหนุ่มนิรนามอยู่
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น
———มันคือฮาเดส เจ้านรกแห่งโพลีทิส
“ไม่ได้ยินที่ถามเรอะ?”
“อ-เอ่อ..! ชั้นแพทตี้ค่ะ
เป็นนิรยบาลในสังกัดท่านยามะ”
แม้ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่เธอกลับเลือกปฏิบัติอ่อนน้อมไว้ก่อน
ชายผู้นี้ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
พอได้รับคำตอบฮาเดสก็กลายเป็นหลุบตาต่ำ “ลูกน้องพวกสี่ศาสนะเหรอ?”
มันเอ่ยกับตนเอง จากนั้นจึงว่า “เจ้าจงออกไปซะ
ก่อนที่ข้าจะหาว่าไม่เตือน”
“เอ่อ...ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ
แต่ชั้นใช้อาคมไม่ได้นี่สิ ไอ้การจะให้ขึ้นจากเหวนี้มันก็––”
“ใช้อาคมไม่ได้? เจ้าพูดบ้าอะไร?”
“ร-เรื่องจริงนะ! ดูนี่สิ
ชั้นไม่มีตราสัญลักษณ์กับค่าบุญบาปเลยเห็นไหม!?”
แพทตี้ชูสองมือให้ดูจนฮาเดสต้องลอบขมวดคิ้ว เป็นไปได้ยังไง? เขาลอบรำพึงในใจ
กระทั่งตอนนั้นในหัวกลับคาดเดาได้ถึงบางสิ่ง มันจึงเรียกให้หญิงสาวเข้ามาใกล้ “มานี่ซิ”
“เอ๋? แต่ว่าทำไมล่ะ?”
“มา! ไม่งั้นข้าจะสังหารเจ้าซะ!”
“อ-อึ๋ยยย!?” แพทตี้ลอบกลืนน้ำลายฝืด
ก่อนจะค่อยๆก้าวไปหาชายหนุ่มอย่างช้าๆ กระทั่งระยะห่างเหลือเพียง 3 ก้าว
เธอจึงหยุดฝีเท้าลง ในชั่วเสี้ยววิฮาเดสกลับโถมอุ้งมือเข้าบีบลำคอของหญิงสาวไว้แน่น
กึด!
“ค่อก! นี่นาย..คิดจะทำ..อะไร!?”
“เจ้านั่นแหละคิดจะทำอะไร?” ฮาเดสจ้องเขม็งก่อนจะเพิ่มแรงบีบให้มากยิ่งขึ้น
“ข้าจะให้โอกาส จงบอกนามที่แท้จริงมาซะ!”
“ก-ก็บอกไปแล้ว...”
“โกหก!
เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวโง่งมรึไง!?”
ฮาเดสชูมืออีกข้างของตนขึ้น บนนั้นเป็นฝ่ามือเปล่าๆ
———ไม่มีตราและค่าบุญบาปเหมือนกับเธอ
“ผู้ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์มีแต่เทพมารเท่านั้น! จงบอกมาซะว่าเจ้าเป็นเทพหรือมารกันแน่!?”
۞۞۞
ความคิดเห็น