คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : Ep.62 - Silly
UNagain.62 – Silly
“ทั้งหมดตรง!”
“ฮ่ะห์..!”
เสียงตอบรับกังวานก้อง เบื้องหน้าเกลตอนนี้คือเหล่าทหารกล้าจำนวนเกือบ
500 นายในชุดเครื่องแบบสีชาแบบเขียวขี้ม้า
คนเหล่านี้เป็นทหารยศ《ผู้ตรวจการ》อันเป็นยศชั้นเลวของที่นี่
ตรงหน้ากองร้อยนี้เผยให้เห็นผู้นำหญิงคนหนึ่ง เธอมีผมสีน้ำตาลเข้ม
ใบหน้าเต่ง คิ้วเรียวดูอ่อนวัย หากคาดการณ์อายุก็คงราวๆ 17-18 หรือมากกว่านั้น
กลางอกของเธอมีตรา《ผู้พิทักษ์》กำกับอยู่
———ใบหน้านั้นต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
แต่เกลก็จำได้ว่าเธอคือเอแคลร์ ลูกศิษย์หมายเลขหนึ่งของฮิรา!
“ฟังให้ดี! ชั้นไม่รู้ว่าคุณเป็นใครมาจากไหน
แต่หากคุณอยู่ใต้บังคับบัญชาของชั้น ไม่ว่าใคร! ก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรือต่อต้านเด็ดขาด! เข้าใจไหม!?”
“ฮ่าห์!”
“.........”
นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย?
———ชีวิตเรานับวันชักจะพิลึกขึ้นเรื่อยๆแล้วนา ตกนรกทั้งทีแทนที่จะชดใช้กรรมตามปกติ
ดันมีเวทย์วิชาอาคมยังกะดร.สเXรนท์
แล้วไหนจะมีกลุ่มมหาอำนาจนั่นโน่นนี่ และแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้อีก ให้ตายสิ!
ล่าสุดก็ถึงขั้นถูกหมอเถื่อนเย็บหน้าเป็นโมนาลิซ่า MK-II มาแล้วด้วย
.....คราวนี้ก็เป็นฝึกค่ายทหารเหรอ?
“เฮ้อ~” พอคิดอย่างนั้น เกลก็ถอนหายใจเฮือกอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“พลทหารตรงนั้น!”
“.....หืม?” เกลเลิกคิ้วขึ้นพลางหันซ้ายแลขวา
“แกนั่นแหละเจ้าเซ่อโพกผ้าพันแผล! ใครใช้ให้แกมายืนหาววอดๆในแถว! ห๊ะ..!?”
เอแคลร์คำรามเสร็จก็กระแทกสันเท้าดัง ตึง! แล้วประกาศออกไป
“วิ่งรอบสนาม 60 รอบ ปฏิบัติ!”
“คร้าบ~ คร้าบ~”
ราวกับคำพูดนั้นเป็นเพียงลมปาก เกลตอบรับด้วยท่าทีเนือยๆ พร้อมวิ่งเหยาะแหยะซ้ายขวาออกจากแถว
แล้วหายลับไปวิ่งรอบค่ายฝึกอย่างไร้แก่นสาร โดยมีสายตาไม่พอใจของคนอื่นๆส่งไล่หลัง
“เจ้าทหารใหม่นั่นไม่ได้เรื่องซะจริง”
“มันคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
เป็นคนที่มียศสูงกว่าพวกแกยังไงล่ะ เกลลอบตอบในใจ
หูกึ่งอสุภะของเขานั้นดีเกินมนุษย์ เพราะงั้นก็เลยได้ยินเสียงบ่นนินทาจากเพื่อนร่วมกอง
แม้ระยะห่างจะไกลถึง 20 เมตรก็ตาม
ถึงตรงนี้บางทีคงต้องเกริ่นถึงต้นเรื่องเสียก่อน
———สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ ณ ค่ายทหารแห่งนี้
“อยากให้ชั้นปลอมตัวเป็นพลทหารใหม่เหรอ?”
“ถูกต้อง” พอลิโป้ตอบห้วนๆ
เกลจึงนิ่วหน้าถาม “เพื่ออะไร?” ส่งผลให้ลิโป้ละสายตาจากหนังสือพิมพ์
ก่อนจะพับกระดาษลงครึ่งหนึ่งแล้ววางลงบนโต๊ะ มันว่า
“ข้าแค่อยากให้เจ้าเป็นหูเป็นตาดูความสงบเรียบร้อยให้ และเพราะเห็นว่ามีที่ว่างก็เลยให้ประจำกองร้อยนั้นไปด้วยเลยน่ะ”
ขุนศึกแดนมังกรตอบเอื่อยๆก่อนจะหยิบบ้องแก้วขนาดใหญ่ขึ้นจ่อปาก
แล้วจุดไฟ แชะ! แชะ! เพียงไม่นาน
ยอดชาสมุนไรก็หายวับไปหนึ่งหลุม——
ลิโป้กำลังตาเหลือกน้ำลายไหลเยิ้ม
“ซื้ด~ ของเค้าดียิ่งนัก”
.....เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
สรุปง่ายๆเลยคือเกลถูกใส่ให้มาประจำกองร้อยของเอแคร์ในฐานะสปาย
แม้ไม่รู้ว่าตอนออกคำสั่งลิโป้มันยันอยู่รึเปล่า แต่การเมินเฉยคำสั่งของผู้บังคับการนั้นถือเป็นความผิดอย่างยิ่ง
ช่วยไม่ได้ เกลบ่นในใจอย่างนั้น ปัจจุบัน,กระทั่งเขาวิ่งครบ 60 รอบตามคำสั่ง
ฝีเท้าทั้งคู่จึงค่อยชะลอลง
ด้วยศักยภาพเหนือมนุษย์นี้จึงทำให้เขาเหนื่อยหอบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้คงต้องขอบคุณบ๊อบที่ช่วยผ่าตัดให้มีร่างกายแบบนี้ กระนั้นเรื่องที่เขาทำกับใบหน้าของชายหนุ่มนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เกลในตอนนี้ยังคงหัวเสียอยู่เล็กน้อย
.....ช่างมันเถอะ ที่สำคัญเราชักหิวซะแล้วสิ
พอความรู้สึกส่งต่อไปยังความคิด การกระทำจึงสนองตอบด้วยการมุ่งไปยังโรงอาหารอย่างสบายอารมณ์
โดยลืมไปว่าตรงหน้านั้นยังคงมีกองร้อยตัวเองยืนกันหน้าสลอน เอแคลร์เมื่อเห็นเขาเดินออกจากลู่ก็พลันกระตุกคิ้ว
จ้องมองชายหนุ่มอย่างมีอารมณ์ หล่อนก้าวฉับออกไปแล้วรั้งไหล่เกลเอาไว้ เธอว่า
“นายคิดจะไปไหน?”
“หืม? ก็ไปกินข้าวน่ะสิ”
———ปึด! เส้นเลือดบนขมับพลันปูดโปนขึ้น
“เจ้าบ้านั่นดันทำให้หัวหน้าโกรธซะแล้ว”
“ไอ้หน้าใหม่นั่นเละแน่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนมีความเห็นในทางเดียวกัน
ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้เปิดฉากอันคุกรุ่นให้ร้อนระอุจนผืนดินหลอมละลาย
จู่ๆข้างกายทั้งคู่ก็เผยให้เห็นหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
———ทันใดนั้นทุกคนจึงตกอยู่ในความโกลาหล
“เฮ้ยๆ นั่นมันน้องของท่านทูตมังกรขาวไม่ใช่เหรอ?”
“เออ ไม่ผิดแน่หล่อนคือ【เจ้าหญิงหิมะ • คลาร่า】”
.....คลาร่า?
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เกลก็ฉุกนึกไปถึงเด็กสาววัย 12-13 ซึ่งอยู่บ้านหลังเดียวกับเขาเมื่อสองปี
พอเหม่อมองอีกฝ่ายให้ชัดเจน หนนี้เขากลับตกตะลึงมากยิ่งขึ้นไปอีก
เธอคนนี้คือหญิงสาวในสุสานที่เขาพบเมื่อคราวก่อน
กระทั่งพอนึกย้อนกลับไป ชายหนุ่มก็จำความได้ว่าหน้าหลุมศพนั้นสลักชื่อของเทียนเหมยกับฉีเอาไว้
และก็เป็นหล่อนเองที่นำช่อดอกไม้ไปเคารพศพของทั้งคู่
ถ้างั้น...เธอคนนี้ก็——ขณะขบคิดสารพัดเรื่องราวอยู่นั้น เอแคลร์ก็โพล่งขึ้น
“ไง ยังสวยไม่สร่างเหมือนเคยนี่”
“คุณก็ยังสร่างไม่สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ”
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลแปลบออกจากตาของสองสาวยังไงอย่างนั้น
จากนั้นเอแคลร์จึงเป็นฝ่ายปริปากก่อน “คิดว่าเป็นน้องทูตมังกรขาวแล้วจะเดินเตร่ในกรมทหารได้รึไง?”
เมื่อเธอได้ยินดังนั้นจึง ตอบกลับว่า “พูดอย่างนั้นก็เกินไปค่ะ
เพราะต่อให้ชั้นไม่ใช่น้องสาวเขา
คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ชั้นเดินไปนู่นมานี่หรอกนะคะ”
“.....นี่เธอ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปซะ”
“นั่นสินะคะ ถ้างั้นชั้นขอทำธุระก่อนก็แล้วกัน”
คลาร่าพูดจบก็เบนสายตามายังเกล แล้วว่า
“คุณน่ะขอชั้นดูมือขวาหน่อย”
“หะ? ไอ้ที่ขอเนี่ยก็ได้อยู่หรอก
แต่ทำไมถึง––”
“เอาเถอะน่า..!”
หล่อนเอ่ยตัดจบ แล้วคว้ามือของชายหนุ่มแหงนฝ่ามือขึ้น
———บนนั้นมีตรา【คาร์ม่า】อยู่ 20 จุด
กระทั่งเกลเองก็ไม่ได้สังเกตว่ามันเพิ่มขึ้น ส่วนทางคลาร่าเมื่อเห็นดังนั้นก็หลุบตาต่ำแล้วผล็อยมือเขาลง
“อย่างที่คิด” หล่อนพึมพำเบาๆ ท่ามกลางสีหน้างุนงงของชายหนุ่ม เกลถาม
“มีอะไรเหรอ?”
“นี่มันแย่สุดๆ”
“แย่..?”
“คุณน่ะอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว!?”
“ก็สามวันได้แล้วมั้ง?”
หมับ!
———ทันใดนั้นคลาร่าจึงจับไหล่เกลไว้แน่น
“คุณต้องหนีออกจากเมือง! เดี๋ยวนี้เลย!”
“ห-หา? เดี๋ยวก่อนสิ? นี่พูดเรื่องอะไร––”
“ถ้าขืนคุณยังอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ได้ตายแน่..!”
۞۞۞
ความคิดเห็น