คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Ep.04 - Skyfall
UNagain.04 - Skyfall
"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก..."
ทิวทัศน์สีแดงฉานของนรกกับทุ่งเพลิงสีอัสดงจนร่างร้อนฉ่า
ยามนี้เกลกลับยืนหอบหายใจอยู่หว่างกลางเขาลูกใหญ่สองฝาก
เทือกเขาดำทั้งสองมีหนามแหลมยื่นออกมาแถมติดไฟจนแดงจ้าคล้ายกับเหล็กเดือด————จากนั้นเสียงระฆังที่คล้ายกับเคียวมัจจุราชจึงดังก้อง
แก๊ง!
“เวรแล้ว..!” ชายที่อยู่ข้างเกลอุทานขึ้น “หาที่หลบเร็ว!” ว่าอย่างนั้นแล้วหมู่คนนับหมื่นจึงรีบวิ่งแจ้นหาที่กำบังจากหนามแหลมทั้งสองซึ่งตอนนี้กำลังเขยื้อนเข้าหากันโดยแช่มช้า
รู้ตัวอีกทีรอบข้างเกลจึงพบเจอแต่เสียงร้องหวาดกลัวขึ้นพรั่งพรูไปทั่วสารทิศ
ผู้คนนับหมื่นถึงกับแตกหือกันไปคนละทิศคนละทาง
เกลเองแม้จะพยายามรักษาท่าทีเอาไว้
ทว่าในใจลึกๆกลับระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ แม้อยากจะวิ่งหนีไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ทว่าขาเจ้ากรรมทั้งสองกลับสั่นระริกไม่อาจก้าวออกไป————ขณะเดียวกันเขาหนามทั้งสองลูกก็เริ่มย่างกรายเข้ามาทีละนิด
สิบเมตร,ห้าเมตร,สองเมตร...กระทั่งหนามแหลมกระทบหน้าของเกลเจ้าตัวจึงสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนอันแสนสาหัส
ที่แก้มของเกลถึงกับกลายเป็นรูโหว่ทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก ตาเหลือกขาวโพลน
ร่างของตัวเองราวกับเป็นของคนอื่น,นอกจากจะไม่ฟังคำสั่งให้วิ่งออกไป
ร่างของเขากลับปล่อยน้ำเหลืองอำพันราวกับท่อแตกที่หว่างขาอย่างมิอาจห้าม
ทั่วสรรพางค์กายถูกหนามร้อนทิ่มแทง————จนเลือดและผิวพองตัวขึ้นดีดกระเซ็นราวกับห่าฝน
ย–อย่า...หยุดนะ...!
แผละ!
ร่างของเกลแหลกเละคาเขาดำทั้งสองลูก
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อเกลถูกไฟนรกผลาญจนกลายเป็นขี้เถ้า
ชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในสถานที่แปลกตากว่าเดิม
ตรงหน้าเขาเป็นเหล็กหลอมสีดำขุ่นสูงร่วม 800 เมตรราวกับกำแพงเมือง
ด้านข้างก็มีป้ายโลหะที่ถูกกะเทาะออกเขียนว่าสถานีที่สาม【นรกบดขยี้ • แซมกาด้า】
【แซมกาด้า】....คำๆนี้เหมือนเคยได้ยินออกมาจากปากหญิงสาวบนบังลังก์————กระนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่เกลอยากยืนยันคือเมื่อครู่..เขาได้ตายไปแล้วใช่รึไม่? พอนึกสงสัยเช่นนั้นจึงลองกำแบมือดูสภาพร่างกาย
“ฮ–เฮ้ย..!?” นี่มันอะไรกัน?
เกลถึงตระหนก,พบว่ายามนี้เสื้อผ้าที่มีติดตัวมาตอนแรกกลับเลือนหายไปราวกับตนไม่เคยใส่มาก่อน
เกลถึงกับหน้าแดงวูบมองท่อนล่างตนที่เปลือยเปล่าพลางตะคิดตะควงใจแล้วกดมือทั้งสองลงป้องของลับ
เพราะโดนเผางั้นเหรอ? เมื่อกี้เพราะเราถูกเผา,เสื้อผ้าก็เลยไหม้หายตามไปด้วย..?
เกลสันนิษฐานอย่างนั้น————ขณะเดียวกันจึงกวาดมองไปโดยรอบ
พบว่ามีผู้มาใหม่โผล่ขึ้นมาทีละจุดรอบด้านอย่างพิสดาร
รวมๆแล้วก็ประมาณสิบคนที่ยืนอยู่นอกกำแพงเมืองแห่งนี้
ทุกคนล้วนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและมีโซ่ปลอกคอเช่นเดียวกับเกล————หลายคนถึงกับร้องลั่นเมื่อพบสภาพอันน่าอายของตน
เกลเคยได้ยิน..อย่างน้อยคนที่มีศาสนาหรือเคยเรียนวิชาสังคมก็คงทราบว่าหากตายในนรก
คนๆนั้นก็จะฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆจนกว่าจะชดใช้กรรมได้จนหมด
กล่าวคือบางทีเขาอาจจะตายไปแล้วรอบหนึ่งตอนที่ถูกไฟคลอก
จากนั้นจึงโดนโยกย้ายมายืนอยู่ที่แห่งนี้ตอนที่ยังไม่ได้สติ
ตอนนั้นชายผิวแดงจำนวนห้าสิบกว่าก็พลันปรากฏตัว
หลายครั้งแล้วที่เกลเห็นบุคคลที่มีผิวแดงกับเขาดำในสถานที่แห่งนี้
ชายหนุ่มคาดเดาว่าสถานะของคนจำพวกนี้คงคล้ายคลึงกับผู้คุมนรกซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองจากหญิงสาวบนบัลลังก์ไม่มากก็น้อย
“พวกเจ้าทั้งหมดจงฟังข้า!”————หนึ่งในนั้นคำรามลั่น,ในมือของมันถือหอกสามง่ามแบบเดียวกับพวกที่เหลือ “นี่คือสถานีที่สาม【นรกบดขยี้ • แซมกาด้า】บทลงโทษของสถานีนี้คือพวกเจ้าต้องถูกบดละเอียดจนร่างแหลกเละเป็นกองเลือด” มันวาดสามง่ามออกไป “นิรยบาล,ต้อนสัตว์!”
พริบตานั้นชายผิวแดงที่เหลือจึงชี้สามง่ามมาทางพวกเกล
ทุกคนลอบตระหนก,ขณะเดียวกันพวกมันทั้งห้าสิบคนก็ค่อยขยับเดินมาทีละก้าวโดยดันสามง่ามจี้ให้พวกเขาถอยหลังไปเข้าช่องแคบเล็กๆของกำแพงเหล็ก
ไม่มีใครคิดต่อต้าน,ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทุกคนล้วนทราบดี————ว่าการกระทำเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องโง่ชนิดหนึ่ง ทีละคนสองคน,กระทั่งเกลเองก็ถูกต้อนเข้ากำแพงเหล็กนี้ไปอย่างไม่ยินยอม
ทางแคบเล็กๆนี้พอเดินลึกเข้าไปราว 50 เมตร————พื้นที่รอบข้างจึงค่อยขยายขึ้นกว้างขวางกลายเป็นหุบเขาพอให้คนร่วมหลักพันเบียดเสียดกันได้ง่ายๆ
แม้จะว่าอย่างนั้น————แต่ที่ปรากฏอยู่คือกลุ่มคนเฉียดหลักหมื่นอันแออัด
บางคนหันมามองพวกเขา
ทว่าจากนั้นจึงเลิกใส่ใจแสดงสีหน้าว่างเปล่าราวกับหุ่นไร้ชีวิต
ทุกคนที่นี่ล้วนเปื้อนเลือดเขรอะกรังตามตัว
เหนือสิ่งอื่นใดคือซากศพเท่ากองภูเขาซึ่งนอนเกลื่อนอยู่กับพื้น
พวกเกลซึ่งเป็นคนกลุ่มใหม่ก็ถึงกับตะลึงมองภาพศพอันไม่สมประกอบโชว์เนื้อในชวนสำรอก
แล้วก็ดังคาด,คนในกลุ่มของเกลมีหญิงสาวสองคนอาเจียนออกมา
เดิมที่เหม็นเน่าด้วยซากศพก็กลับกลายเป็นสำทับด้วยกลิ่นอ้วกของคนบางกลุ่ม————และหากสังเกตดีๆก็จะพบว่าไม่ใช่ของเก่า
แต่สิ่งที่มีอยู่ก่อนอย่างของเสียทั้งเบาและหนักกลับวางเกลื่อนพื้นดูอุจาดตาทำให้เกลหน้าขึ้นสี
“อุ๊บ..! โอ้กกกกกกกก~~!”
ไม่อาจทนได้นานนัก————สุดท้ายเกลก็มีสภาพไม่ต่างกับหญิงสาวทั้งสองและคนอื่นๆที่เริ่มกระทำตามราวกับเป็นลูกโซ่
พวกคนที่อยู่มาก่อนบางคนก็ส่ายหน้าระอาบางคนก็ถมึงทึงมองอย่างขุ่นเคือง
แก๊ง!
ทว่าตอนนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขัด
ทันทีที่เสียงระฆังกระจายไปทั่วสถานีที่สาม
พวกคนที่แต่เดิมอยู่ในนี้มาก่อนกลุ่มของเกลก็ถึงสั่นสะท้าน
แล้วรีบวิ่งออกไปออกไปทันที
วิ่งออกไปทางตรงข้างหน้าซึ่งยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตายากจะระบุว่าเลยไปไกลถึงกี่เมตร————ท้ายที่สุด,พวกเกลทั้งสิบคนจึงถูกปล่อยทิ้งให้ยืนมองอย่างงุนงง
ทันใดนั้นเกลจึงสังเกตเห็นเทือกเขาทั้งสองข้างกำลังเขยื้อนเข้ามาหาทีละน้อย
ที่ปลายปากเขากลับเผยเพลิงผืนใหญ่ขึ้นลุกไหม้
ขณะเดียวกันกับชะแง่งเขาก็ผุดหนามแหลมขึ้นมานับไม่ถ้วน
“วิ่ง!”
ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มเกลพูด
เพราะก่อนที่เสียงนั้นจะเอ่ยขานคนอื่นๆก็พลันออกตัวไปก่อนแล้ว เกลก็เช่นกัน,เขาถีบวิ่งอย่างสุดแรงเกิด
ความกลัวในจิตใจกำลังทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
ปึง! ————แผละ..!
ปึง! ————แผละ..!
ปึง! ————แผละ..!
เสียงเช่นนี้ดังขึ้นไล่หลังเกล
เมื่อมองกลับไปชายหนุ่มกลับพบเจอทางเดินที่ถูกปิดสนิทด้วยเทือกเขาทั้งสองฝั่ง
พวกที่มากับเกลค่อยๆหายตัวไปทีละคน ทางเดินของหุบเขานี้เป็นลักษณะของตัว V ดังนั้นเกลจึงคาดเดาว่าหากวิ่งต่อไปเรื่อยๆในลักษณะนี้ก็อาจจะทำให้ตนรอดก็ได้
ซึ่งเขาคิดผิด
ระยะทางที่วิ่งมาตลอดทางกลับยาวไกลไม่มีสิ้นสุด
ทางยาวกว่า 300 เมตร 500 เมตร 600 เมตร นั้นทำให้สองขาของเกลต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง
เดิมทีเกลซึ่งไม่ใช่นักกีฬาแต่กลับวิ่งสุดกำลังมาได้ไกลขนาดนี้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว————ดังนั้นพอถึงขีดจำกัดเกลจึงชะงักฝีเท้าพลางหอบหายใจจนแทบสิ้นสติ
ขาทั้งสองเป็นตะคริว
แม้อยากจะก้าวต่อ,ทว่าเกลกลับไม่อาจกระทำได้ดังใจนึก
ขามันสั่นพั่บจากนั้นจึงทรุดตัวลงเข่าแตะ
ทั้งที่เหงื่อโทรมกายพร้อมกับเจ็บปวดเข้าถาโถม กระนั้น,เกลก็รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มีแต่ต้องวิ่งเท่านั้น
แต่มันวิ่งไม่ออก
แค่จะขยับก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เกลปากสั่นฟันกระทบอย่างหวาดกลัวพร้อมกับหางตาชื้นแฉะเฉกเดียวกับหว่างขาที่ปลดปล่อยหยาดน้ำสีอำพันออกมาเป็นสายธาร————พร้อมเพรียงกับหนามแหลมที่เข้าประชิดตัวจรดใบหน้าของเกล
ชายหนุ่มพลันแผดร้องออกมาดังลั่น
แผละ!
แล้วเกลจึงเงียบเสียงลงโดยไม่กล่าวอะไรอีก
۞۞۞
ความคิดเห็น