ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #4 : Ep.04 - Skyfall

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 59


    UNagain.04 - Skyfall

    "แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก..."

    ทิวทัศน์สีแดงฉานของนรกกับทุ่งเพลิงสีอัสดงจนร่างร้อนฉ่า ยามนี้เกลกลับยืนหอบหายใจอยู่หว่างกลางเขาลูกใหญ่สองฝาก เทือกเขาดำทั้งสองมีหนามแหลมยื่นออกมาแถมติดไฟจนแดงจ้าคล้ายกับเหล็กเดือด————จากนั้นเสียงระฆังที่คล้ายกับเคียวมัจจุราชจึงดังก้อง

    แก๊ง!

    เวรแล้ว..!” ชายที่อยู่ข้างเกลอุทานขึ้น “หาที่หลบเร็ว!” ว่าอย่างนั้นแล้วหมู่คนนับหมื่นจึงรีบวิ่งแจ้นหาที่กำบังจากหนามแหลมทั้งสองซึ่งตอนนี้กำลังเขยื้อนเข้าหากันโดยแช่มช้า รู้ตัวอีกทีรอบข้างเกลจึงพบเจอแต่เสียงร้องหวาดกลัวขึ้นพรั่งพรูไปทั่วสารทิศ  ผู้คนนับหมื่นถึงกับแตกหือกันไปคนละทิศคนละทาง

    เกลเองแม้จะพยายามรักษาท่าทีเอาไว้ ทว่าในใจลึกๆกลับระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ แม้อยากจะวิ่งหนีไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทว่าขาเจ้ากรรมทั้งสองกลับสั่นระริกไม่อาจก้าวออกไป————ขณะเดียวกันเขาหนามทั้งสองลูกก็เริ่มย่างกรายเข้ามาทีละนิด สิบเมตร,ห้าเมตร,สองเมตร...กระทั่งหนามแหลมกระทบหน้าของเกลเจ้าตัวจึงสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนอันแสนสาหัส

    ที่แก้มของเกลถึงกับกลายเป็นรูโหว่ทั้งสองข้าง

    ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก ตาเหลือกขาวโพลน ร่างของตัวเองราวกับเป็นของคนอื่น,นอกจากจะไม่ฟังคำสั่งให้วิ่งออกไป ร่างของเขากลับปล่อยน้ำเหลืองอำพันราวกับท่อแตกที่หว่างขาอย่างมิอาจห้าม ทั่วสรรพางค์กายถูกหนามร้อนทิ่มแทง————จนเลือดและผิวพองตัวขึ้นดีดกระเซ็นราวกับห่าฝน

    อย่า...หยุดนะ...!

    แผละ!

    ร่างของเกลแหลกเละคาเขาดำทั้งสองลูก

    .

    .

    ย้อนกลับไปเมื่อเกลถูกไฟนรกผลาญจนกลายเป็นขี้เถ้า ชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในสถานที่แปลกตากว่าเดิม ตรงหน้าเขาเป็นเหล็กหลอมสีดำขุ่นสูงร่วม 800 เมตรราวกับกำแพงเมือง ด้านข้างก็มีป้ายโลหะที่ถูกกะเทาะออกเขียนว่าสถานีที่สามนรกบดขยี้ • แซมกาด้า

    แซมกาด้า....คำๆนี้เหมือนเคยได้ยินออกมาจากปากหญิงสาวบนบังลังก์————กระนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่เกลอยากยืนยันคือเมื่อครู่..เขาได้ตายไปแล้วใช่รึไม่พอนึกสงสัยเช่นนั้นจึงลองกำแบมือดูสภาพร่างกาย

    เฮ้ย..!?” นี่มันอะไรกัน?

    เกลถึงตระหนก,พบว่ายามนี้เสื้อผ้าที่มีติดตัวมาตอนแรกกลับเลือนหายไปราวกับตนไม่เคยใส่มาก่อน เกลถึงกับหน้าแดงวูบมองท่อนล่างตนที่เปลือยเปล่าพลางตะคิดตะควงใจแล้วกดมือทั้งสองลงป้องของลับ

    เพราะโดนเผางั้นเหรอเมื่อกี้เพราะเราถูกเผา,เสื้อผ้าก็เลยไหม้หายตามไปด้วย..?

    เกลสันนิษฐานอย่างนั้น————ขณะเดียวกันจึงกวาดมองไปโดยรอบ พบว่ามีผู้มาใหม่โผล่ขึ้นมาทีละจุดรอบด้านอย่างพิสดาร รวมๆแล้วก็ประมาณสิบคนที่ยืนอยู่นอกกำแพงเมืองแห่งนี้

    ทุกคนล้วนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและมีโซ่ปลอกคอเช่นเดียวกับเกล————หลายคนถึงกับร้องลั่นเมื่อพบสภาพอันน่าอายของตน

    เกลเคยได้ยิน..อย่างน้อยคนที่มีศาสนาหรือเคยเรียนวิชาสังคมก็คงทราบว่าหากตายในนรก คนๆนั้นก็จะฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆจนกว่าจะชดใช้กรรมได้จนหมด กล่าวคือบางทีเขาอาจจะตายไปแล้วรอบหนึ่งตอนที่ถูกไฟคลอก จากนั้นจึงโดนโยกย้ายมายืนอยู่ที่แห่งนี้ตอนที่ยังไม่ได้สติ

    ตอนนั้นชายผิวแดงจำนวนห้าสิบกว่าก็พลันปรากฏตัว

    หลายครั้งแล้วที่เกลเห็นบุคคลที่มีผิวแดงกับเขาดำในสถานที่แห่งนี้ ชายหนุ่มคาดเดาว่าสถานะของคนจำพวกนี้คงคล้ายคลึงกับผู้คุมนรกซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองจากหญิงสาวบนบัลลังก์ไม่มากก็น้อย

    พวกเจ้าทั้งหมดจงฟังข้า!”————หนึ่งในนั้นคำรามลั่น,ในมือของมันถือหอกสามง่ามแบบเดียวกับพวกที่เหลือ “นี่คือสถานีที่สามนรกบดขยี้ • แซมกาด้าบทลงโทษของสถานีนี้คือพวกเจ้าต้องถูกบดละเอียดจนร่างแหลกเละเป็นกองเลือด” มันวาดสามง่ามออกไป “นิรยบาล,ต้อนสัตว์!”

    พริบตานั้นชายผิวแดงที่เหลือจึงชี้สามง่ามมาทางพวกเกล ทุกคนลอบตระหนก,ขณะเดียวกันพวกมันทั้งห้าสิบคนก็ค่อยขยับเดินมาทีละก้าวโดยดันสามง่ามจี้ให้พวกเขาถอยหลังไปเข้าช่องแคบเล็กๆของกำแพงเหล็ก

    ไม่มีใครคิดต่อต้าน,ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทุกคนล้วนทราบดี————ว่าการกระทำเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องโง่ชนิดหนึ่ง ทีละคนสองคน,กระทั่งเกลเองก็ถูกต้อนเข้ากำแพงเหล็กนี้ไปอย่างไม่ยินยอม ทางแคบเล็กๆนี้พอเดินลึกเข้าไปราว 50 เมตร————พื้นที่รอบข้างจึงค่อยขยายขึ้นกว้างขวางกลายเป็นหุบเขาพอให้คนร่วมหลักพันเบียดเสียดกันได้ง่ายๆ

    แม้จะว่าอย่างนั้น————แต่ที่ปรากฏอยู่คือกลุ่มคนเฉียดหลักหมื่นอันแออัด บางคนหันมามองพวกเขา ทว่าจากนั้นจึงเลิกใส่ใจแสดงสีหน้าว่างเปล่าราวกับหุ่นไร้ชีวิต

    ทุกคนที่นี่ล้วนเปื้อนเลือดเขรอะกรังตามตัว

    เหนือสิ่งอื่นใดคือซากศพเท่ากองภูเขาซึ่งนอนเกลื่อนอยู่กับพื้น พวกเกลซึ่งเป็นคนกลุ่มใหม่ก็ถึงกับตะลึงมองภาพศพอันไม่สมประกอบโชว์เนื้อในชวนสำรอก

    แล้วก็ดังคาด,คนในกลุ่มของเกลมีหญิงสาวสองคนอาเจียนออกมา เดิมที่เหม็นเน่าด้วยซากศพก็กลับกลายเป็นสำทับด้วยกลิ่นอ้วกของคนบางกลุ่ม————และหากสังเกตดีๆก็จะพบว่าไม่ใช่ของเก่า แต่สิ่งที่มีอยู่ก่อนอย่างของเสียทั้งเบาและหนักกลับวางเกลื่อนพื้นดูอุจาดตาทำให้เกลหน้าขึ้นสี

    อุ๊บ..โอ้กกกกกกกก~~!”

    ไม่อาจทนได้นานนัก————สุดท้ายเกลก็มีสภาพไม่ต่างกับหญิงสาวทั้งสองและคนอื่นๆที่เริ่มกระทำตามราวกับเป็นลูกโซ่ พวกคนที่อยู่มาก่อนบางคนก็ส่ายหน้าระอาบางคนก็ถมึงทึงมองอย่างขุ่นเคือง

    แก๊ง!

    ทว่าตอนนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขัด

    ทันทีที่เสียงระฆังกระจายไปทั่วสถานีที่สาม พวกคนที่แต่เดิมอยู่ในนี้มาก่อนกลุ่มของเกลก็ถึงสั่นสะท้าน แล้วรีบวิ่งออกไปออกไปทันที วิ่งออกไปทางตรงข้างหน้าซึ่งยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตายากจะระบุว่าเลยไปไกลถึงกี่เมตร————ท้ายที่สุด,พวกเกลทั้งสิบคนจึงถูกปล่อยทิ้งให้ยืนมองอย่างงุนงง

    ทันใดนั้นเกลจึงสังเกตเห็นเทือกเขาทั้งสองข้างกำลังเขยื้อนเข้ามาหาทีละน้อย ที่ปลายปากเขากลับเผยเพลิงผืนใหญ่ขึ้นลุกไหม้ ขณะเดียวกันกับชะแง่งเขาก็ผุดหนามแหลมขึ้นมานับไม่ถ้วน

    วิ่ง!”

    ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มเกลพูด เพราะก่อนที่เสียงนั้นจะเอ่ยขานคนอื่นๆก็พลันออกตัวไปก่อนแล้ว เกลก็เช่นกัน,เขาถีบวิ่งอย่างสุดแรงเกิด ความกลัวในจิตใจกำลังทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

    ปึง! ————แผละ..!

    ปึง! ————แผละ..!

    ปึง! ————แผละ..!

    เสียงเช่นนี้ดังขึ้นไล่หลังเกล เมื่อมองกลับไปชายหนุ่มกลับพบเจอทางเดินที่ถูกปิดสนิทด้วยเทือกเขาทั้งสองฝั่ง พวกที่มากับเกลค่อยๆหายตัวไปทีละคน ทางเดินของหุบเขานี้เป็นลักษณะของตัว V ดังนั้นเกลจึงคาดเดาว่าหากวิ่งต่อไปเรื่อยๆในลักษณะนี้ก็อาจจะทำให้ตนรอดก็ได้

    ซึ่งเขาคิดผิด

    ระยะทางที่วิ่งมาตลอดทางกลับยาวไกลไม่มีสิ้นสุด ทางยาวกว่า 300 เมตร 500 เมตร 600 เมตร นั้นทำให้สองขาของเกลต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง เดิมทีเกลซึ่งไม่ใช่นักกีฬาแต่กลับวิ่งสุดกำลังมาได้ไกลขนาดนี้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว————ดังนั้นพอถึงขีดจำกัดเกลจึงชะงักฝีเท้าพลางหอบหายใจจนแทบสิ้นสติ

    ขาทั้งสองเป็นตะคริว

    แม้อยากจะก้าวต่อ,ทว่าเกลกลับไม่อาจกระทำได้ดังใจนึก ขามันสั่นพั่บจากนั้นจึงทรุดตัวลงเข่าแตะ ทั้งที่เหงื่อโทรมกายพร้อมกับเจ็บปวดเข้าถาโถม กระนั้น,เกลก็รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มีแต่ต้องวิ่งเท่านั้น

    แต่มันวิ่งไม่ออก

    แค่จะขยับก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

    เกลปากสั่นฟันกระทบอย่างหวาดกลัวพร้อมกับหางตาชื้นแฉะเฉกเดียวกับหว่างขาที่ปลดปล่อยหยาดน้ำสีอำพันออกมาเป็นสายธาร————พร้อมเพรียงกับหนามแหลมที่เข้าประชิดตัวจรดใบหน้าของเกล ชายหนุ่มพลันแผดร้องออกมาดังลั่น

    แผละ!

    แล้วเกลจึงเงียบเสียงลงโดยไม่กล่าวอะไรอีก

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×