คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #97 : Ep.15 - Adjure
UNagain.15 – Adjure
“งานของเธอคือทำกับข้าว”
ศิษย์พี่ชายคนหนึ่งว่าในท่าเท้าสะเอว
แพทตี้รับทัพพีกับผ้ากันเปื้อนมาสวมไว้ จากนั้นมันจึงกล่าว “เจ้าไปหุงข้าวกับล้างผัก” จากนั้นเจ้าตัวจึงสะบัดผ้าคลุมหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นคาดศีรษะไว้
———อืม หุงข้าวกับล้างผักสินะ ดีล่ะ!
เพล้ง!
“เอ๊ะ..?” แพทตี้ร้องฉงนพอหันกลับไปก็พบกับเศษจานที่แตกเป็นเสี่ยงๆกองอยู่กับพื้น
น-นี่เราชนมันตกงั้นเหรอ? ราวกับนี่เป็นคำตอบย้ำ
เพราะทันทีที่เสียงจานแตกดังขึ้นศิษย์พี่คนเดิมก็พลันหันขวับ
ก่อนจะอึ้งจะลึงงันอยู่กับที่ กระทั่งมันได้สติจึงตวาดออกไป
“นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย..!?”
“ว-หวา! ข-ขอโทษค่ะ”
เพล้ง!
เพราะก้มลงโดยไม่ระวังบั้นท้ายของเธอจึงไปชนเข้ากับหม้อดินเผาด้านหลังอย่างจัง
ผลลัพธ์คือมันแตกเป็นเสี่ยงๆอีกชิ้นหนึ่ง “อ๊ะ..” แพทอุทานได้แค่นั้น
ศิษย์พี่ก็กู่ร้องอออกมาดังลั่น
“ม่ายยยยยยยยยยยย~~!”
“ศ-ศิษย์พี่ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวชั้นจะ––”
เพล้ง!
“อาเร๊ะ?”
“ฮว้ากกกกกกกก~!”
“ศิษย์พี่อย่าตะโกนงั้นสิ
เดี๋ยวคนเขาก็มามุงกันหรอก” แพทตี้เหงื่อแตกพลั่กหันมองซ้ายขวาอย่างกังวล
ทว่าตอนนั้นชายตรงหน้ากลับทุบโต๊ะดัง ปึง! แล้วคำรามว่า
“พอเลย!” พร้อมกับวาดมือออกไป
“ชั้นไล่เธอออก..!”
.
.
“งานของเธอคือทำความสะอาดทางเดินหอ”
หนนี้เป็นศิษย์พี่หญิงอีกคนหนึ่ง เธอยื่นไม้ถูพื้นกับถังน้ำมาให้
แล้วว่า “เอ้า!
ทำงานได้แล้ว” ก่อนจะหันหลังกลับไป
แพทตี้เมื่อรับไม้ถูพื้นมาก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงแค่นลมหายใจดัง ฮึ! ออกมา
———แค่ถูพื้นเองสินะ? ดีล่ะ!
คว้ากก!
“.....เอ๊ะ?”
เพราะถูพื้นแรงไปหน่อย
ก็เลยทำให้ไม้หลุดมือพุ่งออกไปแทงประตูโชจิซึ่งเป็นบานเลื่อนกระดาษแบบญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้เองตรงหน้าของเธอจึงปรากฏไม้ม๊อบปักคากลางประตูห้อง
.....ช-ชิบหายแล้วค่าาา~~!
แพทตี้กู่ร้องในใจ จากนั้นจึงหันซ้ายขวามองดูลาดเลา
ดูเหมือนศิษย์พี่จะออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงเบาใจขึ้นมาหน่อย แพทตี้จับไม้ถูพื้นดัง
หมับ! พร้อมกับกระชากมันออกมา
โครม!
ผลลัพธ์คือบานประตูหลุดติดออกมาด้วย แพทตี้ในตอนนี้ถึงกับชะงักค้าง
ซึ่งทั้งนี้เป็นเพราะตนทำบานประตูหลุดออกมาทั้งแถบ และส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือบุคคลซึ่งอยู่ภายในห้อง
———คนๆนั้นก็คือซือเมี่ยว
“โฮ่? เจ้าทำความสะอาดอยู่เรอะแพทตี้?”
“อ-อาจารย์!?”
.
.
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ศิษย์น้องเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆเลย
ให้ตายสิ!”
“ศิษย์พี่..!” แพทตี้แหวใส่
พร้อมกับทำยู่หน้าไม่พอใจเล็กน้อย โดยมีไวโอเล็ตหัวเราะร่าใคร่จะใส่ใจ
ตอนนั้นเองที่คริซซี่แย้ง “เดี๋ยวเถอะ! ไวโอเล็ตเจ้าอย่าไปล้อศิษย์น้องอย่างนั้นสิ”
พอเธอแก้คำให้แพทตี้จึงยิ้มกริ่ม จากนั้นบัทเตอร์ฟรายก็กล่าวเสริม
“ศิษย์น้อง...สุดยอด...”
“อุ้บ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เพราะอย่างนั้นไวโอเล็ตจึงหลุดขำออกมาอีกครั้ง
เมื่อลงเอยเช่นนี้แพทตี้จึงได้แต่ถอนหายใจ ส่วนทางด้านคริซซี่ก็หันไปติเพื่อนสาวของตนราวกับตัวเองเป็นพี่เลี้ยงคนหนึ่ง
บรรยากาศสนุกสนานของพวกเธอนับว่าเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่หนุ่มๆไม่ใช่น้อย
กระนั้นคิดก็ส่วนคิด เพราะหญิงสาวรุ่นพี่ของเธอนั้นจัดว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
ดังนั้นหากคิดจะจีบเธอล่ะก็บางทีอาจจบแบบศพไม่สวยก็ได้
“ว่าแต่เจ้าจะลงเรียนวิชาเขียนยันต์รึเปล่า?”
“ก็ที่นี่เป็นตึกสำหรับผู้เรียนวิชาเขียนยันต์นี่คะ?”
“ดูเหมือน...ไม่รู้...นะ”
สาวสุดคูลอย่างบัทเตอร์กล่าวจบ ไวโอเล็ตจึงเอ่ยต่อ “ก็จริงว่าวิชาเอกของที่นี่น่ะคือวิชาเขียนยันต์
แต่ว่านอกเหนือจากนั้นก็ยังมี วิชาหลักทั่วไป อย่างวิชาการสงคราม วิชายุทธ์
วิชาก่อสร้าง และวิชาพยาบาลอยู่ด้วยนะ”
เธอชี้นิ้วที่ตัวเองกับบัทเตอร์ฟราย “ข้ากับมันน่ะเรียนวิชายุทธ์ควบคู่กับวิชาเขียนยันต์” จากนั้นคริซซี่จึงว่า
“ส่วนข้าเรียนวิชาพยาบาล วิชาการสงคราม
และวิชาเขียนยันต์น่ะ แล้วศิษย์น้องคิดเห็นเช่นไร?”
“นั่นสินะคะ
ชั้นเองก็อยากเรียนวิชายุทธ์คู่กับการเขียนยันต์อยู่หรอก”
“โอ้! เช่นนั้นก็นับดีเลย––”
“แต่ว่าน่าเสียดายจัง
ที่ชั้นใช้อาคมไม่ได้น่ะ ฮะฮะฮะ...”
หญิงสาวยิ้มเหยเกออกมา บรรยากาศครื้นเครงพลันกลายเป็นหมองหม่นไปชั่วขณะ
คริซซี่เห็นท่าไม่ดีจึงว่า “อ-เอาน่า ถึงตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าอนาคตจะใช้ไม่ได้ซะหน่อยนี่?
จริงไหม?”
“ใช่แล้ว...อย่าท้อ”
“เอ้า!” ทันใดนั้นไวโอเล็ตจึงตักเนื้อย่างลงถาดข้าวของเธอ
แพทตี้งุนงง เธอสลับมองมันกับหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งเจ้าตัวก็ฉีกยิ้มดัง ฮี่!
ออกมาแล้วกล่าว
“ข้ายกให้!
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าจะต้องยิ้ม แล้วก็อย่าได้กลัวต่ออุปสรรคข้างหน้า!”
“............”
แพทตี้ถึงกับอื้ออึงไปชั่วขณะ
ทุกคนเป็นห่วงเรางั้นเหรอ?
หึ! ตอนนั้นเองที่เธอยิ้มมุมปากขึ้นก่อนจะจิ้มเนื้อในจานขึ้นมากิน
หนึ่งคำ สองคำ สามคำ กระทั่งมันหมดลง แพทตี้จึงหลับตาแล้วพูดขึ้นต่อเหล่าศิษย์พี่ตรงหน้า
“ขอบคุณมากนะคะ พรุ่งนี้ชั้นจะลองเข้าไปเรียนวิชายุทธ์ดูค่ะ”
“ศิษย์น้อง..!?”
พอได้ยินดังนั้น
ใบหน้าของทั้งสามก็พลันยิ้มยินดีขึ้นมาด้วย ไวโอเล็ตพยักหน้าให้กับตัวเอง
แล้วเปรยว่า “เป็นเพราะเนื้อของข้าสินะ?
อืมๆ” จากนั้นคริซซี่จึงหันขวับ แล้วตอกกลับไป
“เป็นเพราะคำสอนข้าต่างหาก!” และแทบจะพร้อมเพรียงกันบัทเตอร์ฟรายก็แย้ง
“ไม่...เป็นเพราะชั้น”
“อะไรเล่า!? จะเอารึไง?”
“เจ้านั่นแหละ
จะหาเรื่องเอาหน้าคนเดียวรึไง!?”
“ผิดทั้งคู่...นั่นแหละ”
“อุ้บ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้นแพทตี้ก็หัวเราะขึ้น
สร้างความฉงนให้กับทั้งสามจนต้องละสายตามามองครู่หนึ่ง หญิงสาวโบกมือหยอยๆ แล้วว่า
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
แค่ตลกพวกศิษย์พี่น่ะ”
“..........”
“เอ๋?
ไหงจ้องกันอย่างนั้นล่ะคะ?” ไม่ทันขาดคำดี จู่ๆบัทเตอร์ฟรายก็เข้ามาล็อกหลังไว้
ส่วนคริซซี่กับไวโอเล็ตก็ตีกระนาบเข้าซ้ายขวา แพทตี้ถึงกับตื่นตะลึงร้องว่า “จ-จะทำอะไรน่ะ!?”
“บังอาจว่าพวกข้าเป็นตัวตลก!”
“ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียจริง”
“หัวเราะจนตาย...ซะเถอะ”
“เอ๊ะ?...เหหหหหหห!?”
หญิงสาวพอจะมองเห็นเค้าลางของหายนะได้ลางๆแล้ว ขณะเดียวกันเธอจึงร้องว่า “อย่านะศิษย์พี่ ชั้นผิดไปแล้ว นี่มันกลางโรงอาหารเลยนะ จะทำอะไรก็––”
“สายไปแล้ว! จั๊กจี้มัน!”
“รับ...ทราบ”
“ม่ายยยยยยยยย!”
.
.
“นี่เรอะฝีมือของผู้ที่ล้มนิรยบาลด้วยเมอร์ริธ
4 จุด ถุ้ย!”
แปะ! น้ำลายหยดหนึ่งถ่มเข้าใส่กลางศีรษะของชายหนุ่ม
มันผู้นั้นก็คือกริช ตัวเขาในตอนนี้กำลังสวมชุดของสำนักอยู่ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สภาพชุดกลับยับเยินพอๆกับร่างกายของเขา
หลังจากผ่านมาสองวัน เขาก็ถูกจับฝึกวิชาเพียงเดียวเท่านั้น หากไม่นั่งสมาธิเพิ่มเมอร์ริธ
ก็จะเป็นนั่งท่องบทร่ายไม่ก็ประลองฝีมือ
ทุกอย่างไม่มีปัญหา ยกเว้นข้อสุดท้าย
———ใช่ ประลองฝีมือ
เพราะเขาโม้ไปว่าตัวเองเอาชนะนิรยบาลได้แทนแพทตี้
ดังนั้นชายหนุ่มจึงถูกตั้งความหวังไว้สูงเลยทีเดียว
และเพราะอย่างนั้นเองเขาจึงถูกพวกรุ่นพี่รวมถึงรุ่นเท่าๆกันเขม่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคำพูดเมื่อตอนนั้น
ตอนที่พูดในห้องโถงว่าจะเอาที่หนึ่งของสำนัก
“เฮอะ! เป็นสวะที่ไม่เจียมตัวซะจริง”
ผล่อก!
“อั่ก..!?” กริชสำรอกเลือด
โดยมีศิษย์พี่ร่างสูงใหญ่ระดมลูกเตะเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
จนกริชต้องตัวงอเป็นกุ้ง เพราะที่นี่เป็นมุมอับหลังโกดัง ดังนั้นโอกาสที่ใครจะผ่านมาช่วยก็คงแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
กึด! ทว่าตอนนั้นเองที่กริชกอดเท้ามันไว้แน่น
“นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“.....ขอร้อง...พอเถอะ
ชั้นยอมแพ้แล้ว”
“หืมมมมม!? ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ตะกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”
“.....ชั้น...แพ้...แล้ว”
“หาาา!? บ่นอะไรของเจ้าวะ?
ข้าฟังไม่รู้เรื่อง!” ศิษย์พี่คนนั้นเอ่ยเสียงเหี้ยม
พร้อมกับทำท่าป้องหูตนเองอย่างขบขัน การได้เหยียบย่ำศัตรู
สำหรับมันนั้นนับเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่ง ทว่าช่างน่าเสียดายนัก
สวบ!
ที่นี่จะเป็นการเหยียบย่ำศัตรูครั้งสุดท้าย
ชั่วเสี้ยววินาทีที่อีกฝ่ายหันข้างไปทำท่าป้องหู
จังหวะนั้นก็คือช่องโหว่ กริชคว้ามีดจากปลอกเอวของอีกฝ่ายแล้วทะยานร่างขึ้นเสือกแทงอาวุธในมือเข้าใต้คางของมัน
“อ-อ่อก!? แอ่ก! ค่อก..!”
มันถึงกับงุนงงเอนเอียงซ้ายทีขวาที
———เพราะอย่างนั้นเขาจึงเตะตัดขามันอย่างรวดเร็ว
ตึง!
ศิษย์ล้มตึงหัวฟาดพื้นจนหมดสติ
แน่นอนว่ากริชก็รู้ถึงความข้อนั้นดี ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจต่อความจริงตรงหน้า
เขาผิวปากอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะควงมีดไปมา แล้วคว้าหมับเปลี่ยนอิริยาบถ
“เจ็บจังเลยน้า ให้ตายสิ”
ชายหนุ่มนั่งทับลงกลางอกของมัน——
จากนั้นจึงบรรจงมีดกรีดลงผิวหน้าของอีกฝ่ายอย่างแช่มช้า
“ใบหน้านั่นชั้นขอรับไปล่ะนะ”
———นรกขุมที่หนึ่งว่าด้วยการชื่นชอบทรมานสัตว์
เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยู่ที่นั่น เพราะอย่างนั้นในตอนที่แพทตี้เกิดถึงไม่มีคนอื่นๆอยู่นอกจากพวกเขา...ใช่
คนอื่นๆล้วนถูกเขาฆ่าไปจนหมดสิ้น! หากแพทตี้สังเกตซักหน่อย
ก็จะพบกับซากศพที่ไร้หนังหน้ากองอยู่กับพื้นนับไม่ถ้วน
สวบ! สวบ! สวบ!
.
.
ในมือของมันคือใบหน้ามนุษย์ซึ่งถูกถลกออกมาอย่างประณีต
———กริชเหยียดยิ้มออกมา
ก่อนจะเลียนิ้วมือที่เปื้อนเลือด
“ฮะฮะ...ฮี่ฮี่! ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สวยงาม! ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้!? อ่า!
ชั้นนี่มันอัจฉริยะจริงๆ สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจให้กลายเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนงามแบบนี้ได้”
เขาพริ้มตาดมกลิ่นของโลหิตในมือ
ก่อนจะลืมตาเปล่งประกายวาวโรจน์ออกมา
“.....รอก่อนเถอะ แพทตี้”
รอยยิ้มสะอิดสะเอียนพลันผุดขึ้นบนใบหน้าของกริช
“ชั้นจะเอาเธอมาเป็นของชั้นให้ได้!
ไม่ว่ายังไงก็ตาม! เธอต้องเป็นของชั้นนนนนนน!
ของชั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น..! ฮะฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮี่ฮี่ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
———ชายหนุ่มแผดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกันคาร์ม่าก็เพิ่มขึ้นเป็น 14 จุดอย่างเงียบงัน
۞۞۞
ความคิดเห็น