คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Ep.09 - Seraph
UNagain.09 – Seraph
“ฮู่มมมมมมมม~~!!”
เกลตื่นตัวด้วยสัญชาตญาณ แม้ยังหวาดกลัว,ทว่าจากการตายมาร่วม
3 ครั้ง เกลก็รับรู้ได้ว่าหากไม่หลบตนคงเละเป็นจุลแน่————เกลฝืนรั้งสติ,ดีดตัวหลบไปด้านข้าง ส่งให้ <อสุรกาย> จู่โจมพลาดเป้าปะทะต่อหนามแหลมเข้าอย่างจัง
พอเห็นเช่นนั้น
เกลจึงโล่งอกคาดว่าอีกฝ่ายคงดับอนาถไปทั้งอย่างนั้น
ซึ่งเขาคิดผิด————อสุรกายตัวนี้แม้จะถูกหนามนรกทิ่มแทงเข้าอย่างจัง
ทว่ามันกลับสั่นระริกแล้วสะบัดตัวอย่างคลุ้มคลั่งหมายให้ร่างหลุดออกจากดงหนาม
เกลถึงกับสั่นสะท้านผิดคาด เมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงมีชีวิตอยู่แม้หนามแหลมจะทิ่มเข้ากลางศีรษะหรือลำตัวจนเผยธารโลหิตไหลนองอยู่ตามพื้น
ขืนเป็นอย่างนี้,ไม่ช้าเร็วมันต้องหลุดจากดงหนามได้แน่
เกลไม่ลังเล,สมองแล่นวาบด้วยความคิด
วิ่งออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มีไปเบื้องหน้าให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกล่าวว่าสุดแรง
กระนั้นยามนี้เขากลับอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงจึงถดถอยลงไปอักโข
พอวิ่งไปได้เพียง 30 ก้าว เกลก็พลันหอบหายใจยันมือกับพื้นปวดร้าวไปทั่วตัว
...เราต้อง...รีบหนี
นึกอย่างนั้นพลางหันกลับไปมอง————แล้วเกลจึงเบิกตาค้างอีกครั้ง
เมื่อพบว่ามันหลุดออกจากดงหนามได้สำเร็จ อสุรกายยักษ์จ้องเกลอย่างถมึงทึง
ร่างของมันแม้จะปรากฏรูพรุนและควันร้อนออกมา
ทว่าสองเท้าหนักกลับก้าวอาดเข้าหาเกลอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ประกอบกับร่างสูงใหญ่นี้ชโลมไปด้วยเลือดจึงทำให้เกลถึงกับหวาดกลัวแผดร้องออกมาดังลั่น
ทุกอณูส่วนยามนี้ล้วนชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อกาฬ
ชายหนุ่มกระเสือกกระสนคลานถอยหลังลาดติดกับพื้น
ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ย่างก้าวเข้ากดดัน
ชั่วพริบตา,อสุรกายนี้ก็พลันถีบตัวออกกระโจนเข้าใส่เกลดั่งสุนัขคลั่ง
“ว๊ากกกกกกกกกกกก~~~!”
สวบ!
.
.
ณ ศูนย์กลางของฝุ่นควันกลับปรากฏร่างของอสุรกายยักษ์ยืนทื่อต่อหน้าชายหนุ่ม
เขี้ยวยาวของมันจรดปลายจมูกเกลเกือบต้องสัมผัส
ลมหายใจร้อนส่งกลิ่นอับฉุนแผ่ซ่านออกมาจนเขาแทบสำรอก
เกลถึงกับหยุดหายใจมองอีกฝ่ายที่เบิกตากว้างแทบถลนออกมาอย่างหวาดหวั่น
กระทั่งเริ่มตั้งสติได้
เกลจึงสูดหายใจลึกเหลือบมองมือขวาตนซึ่งกำหอกไว้แน่นโดยยันด้ามจับค้ำไว้กับพื้นดิน
เหนือสุดของปลายหอก,ยามนี้กลับแทงทะลุเข้ากลางอกของอสุรกาย
ตำแหน่งลิ้นปี่ถึงกับกลวงโบ๋กลางเป็นรูขนาดใหญ่
ติ๋ง..ติ๋ง..
“กี๊ซซซ...ซซ...”
มันหรี่ตาลง————ขณะเดียวกันก็พ่นโลหิตออกมาเป็นฟูมฝอยชโลมทั่วศีรษะของชายหนุ่มจนสะดุ้งเฮือก
เกลไม่กล้าขยับไปไหน,กระทั่งนิ้วก็ยังไม่อาจกระดิกได้เลยด้วยซ้ำ
เขาได้แต่ปล่อยให้อสุรกายนี้สำรอกเลือดสีชาดรดร่างกายไปทั่วสรรพางค์พร้อมกับสั่นระริกไปด้วยความกลัวอันเปี่ยมล้นภายในใจ
กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ร่างใหญ่นี้จึงแน่นิ่งไม่ไหวติงอีก
เกลหอบหายใจหนักอย่างถี่ยิบมองอีกฝ่ายที่ตัวแข็งทื่อยืนคร่อมตน————ทั้งสองค้างตัวในสภาพนี้เป็นเวลากว่า
10 วิ
ทว่าอาการปากสั่นฟันกระทบของเกลกลับไม่เลือนหายไป
ซ้ำร้ายเหมือนจะยิ่งบานปลายหนักข้อขึ้นจนรูม่านตาถึงกับหรี่เล็กกลายเป็นจุดสีดำ ที่ไรฟันเองก็เผยหยาดเลือดไหลรินออกจากมุมปากเป็นพักๆ
————ตอนนั้น,เกลก็พลันแผดร้องขึ้น
“~~~~~~~~~~~~!!!”
เป็นเสียงร้องที่คล้ายคลึงกับสัตว์ป่าซึ่งแฝงอารมณ์อันหลากหลายไว้ภายใน
เป็นเสียงหวีดคล้ายกับลิงผสมนก
ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สติดีทั่วไปพึงกระทำ จากนั้นชายหนุ่มก็เหมือนองค์ลงยันเท้าสุดแรงเข้ากลางอกของอสุรกายจนมันล้มตึงไปอีกด้าน
พร้อมเพรียงกันก็กระชากหอกออกลิ้นปี่จนเลือดคั่งภายในกระเซ็นเปรอะไปรอบบริเวณ
เกลแผดร้องขึ้นอีกครั้ง
“ตายยยยยยยยยยยยยยย~~!!”
สวบ!
“ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ!”
สวบ!..สวบ!..สวบ!..
.
.
เสียสติไปแล้ว
ความกลัวและความเครียด..เป็นนิยามสั้นๆที่พอจะอธิบายได้อย่างเด่นชัด
เกลในตอนนี้กำลังถูกความกลัวเข้าครอบงำจนสติแตก
ร่างกายกับสมองในยามนี้ก็เหมือนแยกออกจากกันไร้ซึ่งการควบคุม
ที่เห็นอยู่นี้เป็นเพียงแค่สัญชาตญาณดิบ
อยากมีชีวิต,ไม่อยากตาย,อยากพัก,ไม่อยากเจ็บ
จะอย่างไหนเกลก็ไม่อาจกระทำได้สำเร็จ ดังนั้นปัญหาในใจนี้จึงกดดันความรู้สึกของเขามาตั้งแต่ต้น
ดังนั้นที่แล้วมามันก็เป็นเหมือนดั่งระเบิดเวลาที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ————กระทั่งความกลัวจับจิตมาผสานเข้ากับความเครียดสุดหยั่ง
จึงทำให้เกลมีสภาพดังที่เห็น
แม้จะเหนื่อยแทบสิ้นสติ,ทว่า <ความบ้าคลั่ง> นี้กลับทลายสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัดของมนุษย์
ชายหนุ่มร่ำไห้ออกจากหางตาเป็นทางยาวชโลมไปทั่วใบหน้า
เฉกเดียวกับหยาดโลหิตที่เปื้อนกระเซ็นตามตัวจนถูกย้อมกลายเป็นสีแดงฉาน
เกลหยุดหอกลงพลางหอบหายใจปนเปกับร้องไห้ออกมาอย่างสับสน
“ฮึก....ฮือ....ฮือ.....”
ทันใดนั้น ณ เบื้องหน้าเกลก็พลันปรากฏ <คลื่น> ที่บีบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขาสูงทั้งสองลูกเริ่มเคลื่อนขนาบกัน
ห่างออกไปเพียง 50 เมตร,หนามแหลมทั้งสองด้านก็คงเข้าบดขยี้ร่างของเกลอย่างไม่ต้องสงสัย
กระนั้น,ในห้วงเวลาเป็นตายนี้เกลกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง
ความคิดอ่านในหัวกำลังหมุนวนอลหม่านยากคาดเดา เกลพึมพำว่า “ทั้งตกงาน..ทั้งแฟนทิ้ง..หรือกระทั่งฆ่าพ่อแม่ไปโดยไม่รู้ตัว
ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ————”
กึด!
“หายไปซะให้หมด!!”
เกลคำรามลั่นแล้วเหวี่ยงหอกออกเป็นวงกว้างเข้าปะทะต่อเขาสูงทั้งสองลูก
ความแค้นต่อโชคชะตาได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ที่คมหอกของสามง่ามพลันบังเกิดละอองแสงสีดำแดงขึ้นย่อมหนึ่ง
แล้วพริบตาก็พลันขยายตัวขึ้นเป็นมวลแสงขนาดใหญ่พุ่งโผออกไปราวกับกระสุนปืนจากวัตถุดาวเทียม
มันพุ่งเข้าปะทะหว่างกลางของหนามแหลมทั้งสอง
จนบังเกิดเสียงสะท้านไปทั่วสถานีที่สามแห่งนี้
เปรี้ยงงงงงงง!
ลำแสงสีดำแดงกลับเหนือล้ำกว่าปราการเหล็ก
มันทะลวงหนามแหลมจนเลือนหายไปเป็นทางยาวราวกับถูกคว้านออกไปส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกันพอส่วนหนามถูกทำลายเนื้อในของเทือกเขาก็เหมือนกับถูกลำแสงดำแดงนี้ต้านเอาไว้
จึงทำให้เขาสูงที่กำลังบีบตัวเข้าหากันอยู่ถึงกับชะงักกึกยื้อแย่งพลัดกันดัน
เป็นเช่นนี้อยู่ราว 2 นาที,แล้วตอนนั้นเขาสูงทั้งสองลูกจึงชะลอตัวลงค้างอยู่กับที่
เช่นเดียวกับลำแสงดำแดงที่อ่อนแรงลงแล้วจึงเลือนหายไปราวกับอากาศอย่างไร้แก่นสาร
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”
เกลสมองเบลอจนยากรับรู้สิ่งใดอีก ความเหนื่อยล้าอันหนักอึ้งทำให้เขาไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้มากนัก
แล้วเกลจึงล้มตึงกับพื้นสิ้นสติไปทั้งอย่างนั้น
۞۞۞
ความคิดเห็น