ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #8 : Ep.08 - Skyfall

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.02K
      220
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.08 - Skyfall

     “เฮ้อ.....”

    ท่ามกลางแดนร้างซึ่งขนาบไว้ด้วยเขาสูงทั้งสองลูก,เกลกลับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมกับก้าวเดินออกไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย————โดยที่มือหนึ่งยังพกสามง่ามไปมาตลอดทาง

    ตลอดทางที่ว่า,นับโดยประมาณก็ราว 8-9 กิโลเมตร

    เกลก้าวเดินเป็นเวลานานเกือบ 6 ชั่วโมงติดต่อกัน ซ้ำแล้วระหว่างทางยังต้องหลบ <คลื่นด้วยการขุดหลุมอีก ดังนั้นสภาพของชายหนุ่มยามนี้จึงกลายเป็นท่าทีเหนื่อยล้าจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แม้จะเดินทางมานาน ทว่าเกลก็ยังมองไม่เห็นเส้นชัยหรือสุดปลายทางเลยแม้แต่น้อย

    แถมพอสูญเสียแรงกาย,ร่างนี้ก็พลันรู้สึกหิวและหนักอึ้งจนซวนเซแทบบล้มลง

    ถึงเป็นดังว่า,กระนั้นเกลก็ยังก้าวเดินต่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะไร้ซึ่งหนทางอื่นให้ลุ้นหรือเสี่ยงโชค หากกลับไปทางเดิมก็ต้องพบเจอนิรยบาลถึง 50 ตน จำนวนขนาดนั้น,ยังไงเกลก็ไม่อาจรับมือไหว————ดังนั้นการเดินต่อไปเรื่อยๆจึงเป็นทางออกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    อีกเรื่องคือหอกในมือเกล แม้เขาจะรู้วิธีเรียกมันออกมาทว่าการทำให้มันหายไปนับว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แถมพอสังเกตที่ฝ่ามือซ้ายก็พบว่ารอยแต้ม 4 จุดใต้กงล้อ 8 ซี่ยามนี้กลับเลือนหาย

    บางทีจุดทั้งสี่หรือเมอร์ริธอาจเป็นปัจจัยบางอย่างต่อหอกเล่มนี้ก็ได้

    แม้ยังคาใจทว่าคิดไปก็หนักหัว เกลละความคิดพลางย่ำเดินด้วยสองเท้าต่อไปเป็นทางยาว————ไม่รู้ว่านานแค่ไหนหรือยาวไกลเพียงใด กระทั่งถึงจุดหนึ่ง เกลก็พลันไร้เรี่ยวแรงล้มลงไปกองกับพื้น

    ————เหนื่อยหิวน้ำ

    เขานึกอย่างนั้น,โดยที่ยังนอนหอบหายใจอยู่ หากปล่อยให้ร่างกายดำเนินต่อไปในสภาพนี้เรื่อยๆ ไม่ช้าเร็วก็คงพลาดท่าให้กับเขาหนามไม่ก็ตายเพราะขาดน้ำหรือของกินไปก่อนแน่ๆ

    ....

    จากนั้นในหัวจึงเกิดความคิดเพี้ยนๆอย่างการดื่มเลือดตัวเองประทังชีวิต

    ก็....ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าการกระทำนี้มันออกจะดูบ้าบิ่นไปหน่อย————นอกจากนี้,พอลองคิดดูดีๆนี่อาจเป็นผลร้ายมากกว่าดีเสียด้วยซ้ำ การดื่มเลือดตัวเอง,อาจทำให้หน้ามืดได้เพราะการเสียเลือด หากเป็นเช่นนั้นพอ <คลื่นมาเกลก็คงหมดแรงขุดดินหนีไม่ทัน

    อีกอย่างเลือดในตัวมันก็ไม่พอให้เกลรู้สึกอิ่ม หรือถ้าทำให้อิ่มได้เลือดในตัวก็คงต้องเสียไปเยอะจนอาจตายเลยก็ได้ พอนึกอย่างนั้น,เกลจึงละความคิดนี้แล้วหาทางออกใหม่————ทว่าแม้จะขบคิดให้มากเท่าไหร่ สมองในหัวก็ยังคงหาทางออกของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ดี

    ชายหนุ่มได้แต่สลดแล้วฝืนลุกขึ้นก้าวอาดๆไปเบื้องหน้าที่ไม่รู้ว่าสุดปลายทางมีสิ่งใดรอคอยอยู่

    เกลก้าวเดินไปไกลถึง 30 กิโลเมตรด้วยท่าทีเหนื่อยล้าแทบสิ้นสติ หอกในมือถูกลากติดดินเป็นทางยาวไร้เรี่ยวแรงที่จะกำมันไว้ในอุ้งมือ หากเกิด <คลื่นอีก หนนี้เกลก็ไม่แน่ใจนักว่าตนจะสามารถรอดไปได้

    ท่ามกลางทิวทัศน์สีแดงฉานซึ่งปกคลุมไปด้วยฝุ่นธุลีดำ จู่ๆสุดสายตาก็พลันสังเกตเห็นสิ่งแปลกตาขึ้นเบื้องหน้า————มันคือเสา

    เสาเหล็กสียากระบุว่าเป็นแร่ชนิดใดนั้นกำลังตั้งตระหง่านห่างออกไปราว 50 เมตร เกลขมวดคิ้ว,จากนั้นจึงก้าวเดินไปหามันอย่างแช่มช้า เมื่อมาถึงเขาจึงมองมันอย่างพินิจ เสาดำตนนี้สูงเกือบตึก 10 ชั้นได้ความกว้างของมันอยู่ที่ราวสามคนโอบ เกลตระหนักเช่นนั้นโดยไม่พบสิ่งใดอื่นอีก

    กระทั่งเขายื่นมือไปแตะ...

    วูบ!

    เสาดำนี้พลันเปล่งแสง เกลถึงกับสะดุ้งโพลงชักมือกลับ,ทว่านั่นก็เป็นเพียงความรู้สึก เพราะแม้ใจคิดกระทำเช่นนั้น ทว่ามือซ้ายที่สัมผัสอยู่กลับติดหนึบอยู่กับเสาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง

    ไม่จะพยายามยังไงก็ไม่สามารถแกะมือออกจากเสาต้นนี้ได้

    ไม่เพียงเท่านั้นก่อนที่เกลจะทันได้ตระหนกไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นที่ปลอกคอเหล็กพลันปรากฏโซ่อีกเส้นขึ้นคล้องติดกับเส้นเดิมที่ชี้ไปทางหญิงสาวบนบัลลังก์ โซ่เส้นใหม่นี้ถูกถักทอขึ้นจากละอองแสงแล้วกลายเป็นเหล็กเส้นสีดำสนิทไม่ต่างกับอีกเส้นหนึ่ง

    เหนือสิ่งอื่นใดคือโซ่นี้กำลังเชื่อมตัวคิดกับเสาดำตรงหน้า จนกระทั่งแสงจากตัวมันเริ่มอ่อนแรง,โซ่เส้นที่สองจึงปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรมโดยสมบูรณ์————ราวกับเส้นสิ้นภาระ,แสงสีขาวซึ่งตัดกับภาพลักษณ์ของนรกก็พลันดับมอดลงทิ้งให้เกลยืนตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น

    เมื่อกี้...มันอะไรกัน?

    เขาสงสัย,กระนั้นนี่กลับเป็นคำถามซึ่งไร้คำตอบ ขณะเดียวกันมือติดกับเสาเมื่อครู่ ยามนี้กลับดึงออกได้ตามเดิมโดยไม่รู้สึกถึงดึงแรงดึงดูดใดๆอีก กระนั้นเกลก็ยังไม่ไว้ใจจึงตรวจดูสภาพร่างกายของตนว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปรึไม่————คำตอบที่ได้ก็คือยังอยู่ดีครบสามสิบสอง

    จะมีก็แต่โซ่เส้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาแทน

    เกลลองลูบสัมผัสปลอกคอและโซ่ราวกับตรวจหาบางสิ่ง ซึ่งพอไม่พบสิ่งผิดปกติเกลจึงยอมรามือ แม้ทิศทางของโซ่ทั้งสองเส้นจะชี้ไปคนละทิศซ้ายขวา ทว่าเกลก็ยังคงก้าวเดินได้ตามปกติโดยไม่ถูกรั้งไว้ราวกับความยาวโซ่ทั้งสองมีค่าเป็นอนันต์ไร้ที่สิ้นสุด

    ในนรก...ล้วนมีแต่เรื่องที่ยากจะเข้าใจเต็มไปหมด

    หลังจากไม่พบสิ่งใดอีก เกลจึงละความสนใจจากเสาแล้วก้าวเดินลึกต่อไปตามเดิม————ขณะที่ย่างเท้าห่างออกมาได้ราว 100 เมตร ทันใดนั้นเหนือน่านฟ้าทั่วสถานีที่สามแซมกาด้าก็พลันบังเกิดเสียงระฆังก้องดังกระจ่างไปทั่วรอบบริเวณ

    ———— <คลื่นกำลังจะมา

    เหนื่อยกันอีกแล้ว..

    เกลสบถพลางกระชับสามง่ามในมือเตรียมขุดหลุม ระยะทางนี้กับจุดเริ่มต้นนับว่าห่างไกลกันอยู่มากโข เพียงพอให้เกลขุดหลุมจนเสร็จ ทว่าขณะเดียวกันที่เบื้องหน้าของเกลพลันปรากฏเค้าร่างของบางสิ่ง

    เกลถึงกับเบิกตาโพลง

    ตึง!..ตึง!..ตึง!..

    เสียงย่ำเท้าอันหนักแน่น————เจ้าของฝีเท้านี้มีร่างกายสูงใหญ่เกือบ 4 เมตร รูปร่างของมันดูอย่างไรก็ไม่ใช่มนุษย์ สองขาแตะพื้นและสองมือแตะดินคล้ายกับวานร กระนั้นมันกลับไร้ขนแต่ถูกแทนที่ด้วยผิวสีชมพูสดตัดแดงฝาดคล้ายเยื่อโลหิต ศีรษะอันโล้นเตียนของมันประดับไว้ซึ่งเขี้ยวยาวนับสิบโผล่พ้นปาก

    ดวงตาขาวโพลนนั้นจับจ้องมายังเกลอย่างสงบนิ่ง————ต่างกับตัวเขา,ทันทีที่พบเจอสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้า ในใจกลับเต้นระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ

    น่ากลัว...เกลรู้สึกได้อย่างนั้น สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับภัยคุกคามนี้ ไม่ว่ายังไงก็ให้ความรู้สึกว่าอันตรายแน่นอนอยู่ตงิดๆ หากมีคำใดพอจะขนานนามให้แก่มัน,ชื่อนั้นก็คงเป็น <อสุรกายไม่ผิดแน่

    แล้วพริบตานั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าก็พลันกู่ร้อง

    ฮู่มมมมมมมมมมมมม~~~~!!”

    หลังคำรามลั่น มันจึงพ่นลมหายใจพรืดเป็นทางยาวพร้อมกันก็ตะกุยเท้าออกหลังจนฝุ่นตลบ โถมตัวเข้าหาเกลอย่างบ้าคลั่ง...

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×