คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Ep.08 - Skyfall
UNagain.08 - Skyfall
“เฮ้อ.....”
ท่ามกลางแดนร้างซึ่งขนาบไว้ด้วยเขาสูงทั้งสองลูก,เกลกลับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
พร้อมกับก้าวเดินออกไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย————โดยที่มือหนึ่งยังพกสามง่ามไปมาตลอดทาง
ตลอดทางที่ว่า,นับโดยประมาณก็ราว 8-9 กิโลเมตร
เกลก้าวเดินเป็นเวลานานเกือบ 6
ชั่วโมงติดต่อกัน ซ้ำแล้วระหว่างทางยังต้องหลบ <คลื่น> ด้วยการขุดหลุมอีก
ดังนั้นสภาพของชายหนุ่มยามนี้จึงกลายเป็นท่าทีเหนื่อยล้าจะล้มแหล่มิล้มแหล่
แม้จะเดินทางมานาน ทว่าเกลก็ยังมองไม่เห็นเส้นชัยหรือสุดปลายทางเลยแม้แต่น้อย
แถมพอสูญเสียแรงกาย,ร่างนี้ก็พลันรู้สึกหิวและหนักอึ้งจนซวนเซแทบบล้มลง
ถึงเป็นดังว่า,กระนั้นเกลก็ยังก้าวเดินต่อ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะไร้ซึ่งหนทางอื่นให้ลุ้นหรือเสี่ยงโชค
หากกลับไปทางเดิมก็ต้องพบเจอนิรยบาลถึง 50 ตน จำนวนขนาดนั้น,ยังไงเกลก็ไม่อาจรับมือไหว————ดังนั้นการเดินต่อไปเรื่อยๆจึงเป็นทางออกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อีกเรื่องคือหอกในมือเกล
แม้เขาจะรู้วิธีเรียกมันออกมาทว่าการทำให้มันหายไปนับว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แถมพอสังเกตที่ฝ่ามือซ้ายก็พบว่ารอยแต้ม 4 จุดใต้【กงล้อ 8 ซี่】ยามนี้กลับเลือนหาย
บางทีจุดทั้งสี่หรือ【เมอร์ริธ】อาจเป็นปัจจัยบางอย่างต่อหอกเล่มนี้ก็ได้
แม้ยังคาใจทว่าคิดไปก็หนักหัว
เกลละความคิดพลางย่ำเดินด้วยสองเท้าต่อไปเป็นทางยาว————ไม่รู้ว่านานแค่ไหนหรือยาวไกลเพียงใด
กระทั่งถึงจุดหนึ่ง เกลก็พลันไร้เรี่ยวแรงล้มลงไปกองกับพื้น
————เหนื่อย…หิวน้ำ
เขานึกอย่างนั้น,โดยที่ยังนอนหอบหายใจอยู่
หากปล่อยให้ร่างกายดำเนินต่อไปในสภาพนี้เรื่อยๆ
ไม่ช้าเร็วก็คงพลาดท่าให้กับเขาหนามไม่ก็ตายเพราะขาดน้ำหรือของกินไปก่อนแน่ๆ
“....”
จากนั้นในหัวจึงเกิดความคิดเพี้ยนๆอย่างการดื่มเลือดตัวเองประทังชีวิต
ก็....ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าการกระทำนี้มันออกจะดูบ้าบิ่นไปหน่อย————นอกจากนี้,พอลองคิดดูดีๆนี่อาจเป็นผลร้ายมากกว่าดีเสียด้วยซ้ำ การดื่มเลือดตัวเอง,อาจทำให้หน้ามืดได้เพราะการเสียเลือด หากเป็นเช่นนั้นพอ <คลื่น> มาเกลก็คงหมดแรงขุดดินหนีไม่ทัน
อีกอย่างเลือดในตัวมันก็ไม่พอให้เกลรู้สึกอิ่ม
หรือถ้าทำให้อิ่มได้เลือดในตัวก็คงต้องเสียไปเยอะจนอาจตายเลยก็ได้ พอนึกอย่างนั้น,เกลจึงละความคิดนี้แล้วหาทางออกใหม่————ทว่าแม้จะขบคิดให้มากเท่าไหร่
สมองในหัวก็ยังคงหาทางออกของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ดี
ชายหนุ่มได้แต่สลดแล้วฝืนลุกขึ้นก้าวอาดๆไปเบื้องหน้าที่ไม่รู้ว่าสุดปลายทางมีสิ่งใดรอคอยอยู่
เกลก้าวเดินไปไกลถึง 30
กิโลเมตรด้วยท่าทีเหนื่อยล้าแทบสิ้นสติ
หอกในมือถูกลากติดดินเป็นทางยาวไร้เรี่ยวแรงที่จะกำมันไว้ในอุ้งมือ หากเกิด <คลื่น> อีก หนนี้เกลก็ไม่แน่ใจนักว่าตนจะสามารถรอดไปได้
ท่ามกลางทิวทัศน์สีแดงฉานซึ่งปกคลุมไปด้วยฝุ่นธุลีดำ
จู่ๆสุดสายตาก็พลันสังเกตเห็นสิ่งแปลกตาขึ้นเบื้องหน้า————มันคือเสา
เสาเหล็กสียากระบุว่าเป็นแร่ชนิดใดนั้นกำลังตั้งตระหง่านห่างออกไปราว
50 เมตร เกลขมวดคิ้ว,จากนั้นจึงก้าวเดินไปหามันอย่างแช่มช้า เมื่อมาถึงเขาจึงมองมันอย่างพินิจ
เสาดำตนนี้สูงเกือบตึก 10 ชั้นได้ความกว้างของมันอยู่ที่ราวสามคนโอบ
เกลตระหนักเช่นนั้นโดยไม่พบสิ่งใดอื่นอีก
กระทั่งเขายื่นมือไปแตะ...
วูบ!
เสาดำนี้พลันเปล่งแสง
เกลถึงกับสะดุ้งโพลงชักมือกลับ,ทว่านั่นก็เป็นเพียงความรู้สึก
เพราะแม้ใจคิดกระทำเช่นนั้น ทว่ามือซ้ายที่สัมผัสอยู่กลับติดหนึบอยู่กับเสาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง
ไม่จะพยายามยังไงก็ไม่สามารถแกะมือออกจากเสาต้นนี้ได้
ไม่เพียงเท่านั้นก่อนที่เกลจะทันได้ตระหนกไปมากกว่านี้
ทันใดนั้นที่ปลอกคอเหล็กพลันปรากฏโซ่อีกเส้นขึ้นคล้องติดกับเส้นเดิมที่ชี้ไปทางหญิงสาวบนบัลลังก์
โซ่เส้นใหม่นี้ถูกถักทอขึ้นจากละอองแสงแล้วกลายเป็นเหล็กเส้นสีดำสนิทไม่ต่างกับอีกเส้นหนึ่ง
เหนือสิ่งอื่นใดคือโซ่นี้กำลังเชื่อมตัวคิดกับเสาดำตรงหน้า
จนกระทั่งแสงจากตัวมันเริ่มอ่อนแรง,โซ่เส้นที่สองจึงปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรมโดยสมบูรณ์————ราวกับเส้นสิ้นภาระ,แสงสีขาวซึ่งตัดกับภาพลักษณ์ของนรกก็พลันดับมอดลงทิ้งให้เกลยืนตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น
เมื่อกี้...มันอะไรกัน?
เขาสงสัย,กระนั้นนี่กลับเป็นคำถามซึ่งไร้คำตอบ
ขณะเดียวกันมือติดกับเสาเมื่อครู่
ยามนี้กลับดึงออกได้ตามเดิมโดยไม่รู้สึกถึงดึงแรงดึงดูดใดๆอีก
กระนั้นเกลก็ยังไม่ไว้ใจจึงตรวจดูสภาพร่างกายของตนว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปรึไม่————คำตอบที่ได้ก็คือยังอยู่ดีครบสามสิบสอง
จะมีก็แต่โซ่เส้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาแทน
เกลลองลูบสัมผัสปลอกคอและโซ่ราวกับตรวจหาบางสิ่ง
ซึ่งพอไม่พบสิ่งผิดปกติเกลจึงยอมรามือ
แม้ทิศทางของโซ่ทั้งสองเส้นจะชี้ไปคนละทิศซ้ายขวา
ทว่าเกลก็ยังคงก้าวเดินได้ตามปกติโดยไม่ถูกรั้งไว้ราวกับความยาวโซ่ทั้งสองมีค่าเป็นอนันต์ไร้ที่สิ้นสุด
ในนรก...ล้วนมีแต่เรื่องที่ยากจะเข้าใจเต็มไปหมด
หลังจากไม่พบสิ่งใดอีก
เกลจึงละความสนใจจากเสาแล้วก้าวเดินลึกต่อไปตามเดิม————ขณะที่ย่างเท้าห่างออกมาได้ราว
100 เมตร ทันใดนั้นเหนือน่านฟ้าทั่วสถานีที่สาม【แซมกาด้า】ก็พลันบังเกิดเสียงระฆังก้องดังกระจ่างไปทั่วรอบบริเวณ
———— <คลื่น> กำลังจะมา
“เหนื่อยกันอีกแล้ว..”
เกลสบถพลางกระชับสามง่ามในมือเตรียมขุดหลุม
ระยะทางนี้กับจุดเริ่มต้นนับว่าห่างไกลกันอยู่มากโข เพียงพอให้เกลขุดหลุมจนเสร็จ
ทว่าขณะเดียวกันที่เบื้องหน้าของเกลพลันปรากฏเค้าร่างของบางสิ่ง
เกลถึงกับเบิกตาโพลง
ตึง!..ตึง!..ตึง!..
เสียงย่ำเท้าอันหนักแน่น————เจ้าของฝีเท้านี้มีร่างกายสูงใหญ่เกือบ
4 เมตร รูปร่างของมันดูอย่างไรก็ไม่ใช่มนุษย์
สองขาแตะพื้นและสองมือแตะดินคล้ายกับวานร
กระนั้นมันกลับไร้ขนแต่ถูกแทนที่ด้วยผิวสีชมพูสดตัดแดงฝาดคล้ายเยื่อโลหิต
ศีรษะอันโล้นเตียนของมันประดับไว้ซึ่งเขี้ยวยาวนับสิบโผล่พ้นปาก
ดวงตาขาวโพลนนั้นจับจ้องมายังเกลอย่างสงบนิ่ง————ต่างกับตัวเขา,ทันทีที่พบเจอสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้า ในใจกลับเต้นระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ
น่ากลัว...เกลรู้สึกได้อย่างนั้น
สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับภัยคุกคามนี้ ไม่ว่ายังไงก็ให้ความรู้สึกว่าอันตรายแน่นอนอยู่ตงิดๆ
หากมีคำใดพอจะขนานนามให้แก่มัน,ชื่อนั้นก็คงเป็น <อสุรกาย> ไม่ผิดแน่
แล้วพริบตานั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าก็พลันกู่ร้อง
“ฮู่มมมมมมมมมมมมม~~~~!!”
หลังคำรามลั่น
มันจึงพ่นลมหายใจพรืดเป็นทางยาวพร้อมกันก็ตะกุยเท้าออกหลังจนฝุ่นตลบ
โถมตัวเข้าหาเกลอย่างบ้าคลั่ง...
۞۞۞
ความคิดเห็น