ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #40 : Ep.40 - Syndrome

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.61K
      98
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.40 – Syndrome

    เพลิงสีขาว———

    ซากปรักหักพัง.....ผู้คนกรีดร้อง.....และศพเงียบงัน ท่ามกลางสมรภูมิอันมอดไหม้รู้ตัวอีกทีทิวทัศน์ก็กลับกลายเป็นขาวโพลนดั่งเถ้าธุลี ในความโกลาหลนี้ยังคงมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ ณ ใจกลางเมือง

    เป็นเกล.....เกลซึ่งมีผมสีขาวดั่งคนชรา เกลซึ่งมีผิวซีดสีขาวดั่งคนตาย และเกลซึ่งมีดวงตาขาวดั่งคนขลาดเขลา ทั้งหมดนั่นก็คือเขาในตอนนี้

    เกล..!”

    แล้วตอนนั้น,ชายอีกคนก็โพล่งขึ้น——เป็นโคงั้นเหรอเกลคิดอย่างนั้นพร้อมกับหันตามไปยังต้นเสียง

    ทว่าสิ่งที่รอคอยอยู่นั้นกลับเป็นเกล

    ทำไมแกทำแบบนี้,แกฆ่าทุกคนทำไม..!?’

    ฆ่า..พูดเรื่องอะไร—”

    ชายหนุ่มสะดุดคำ,เนื่องจากมีบางสิ่งกระตุกเข้าที่แขนเสื้อ ส่งผลให้เขาต้องก้มมองตาม....ซึ่งตัวต้นเหตุนั้นก็คือเด็กสาวที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เกลเลิกคิ้วว่า

    มีอะไรเหรอ,คลาร่า..?”

    ทำไมคะ?’

    เอ๋..?”

    คุณทรยศพวกเราทำไมคะ..!?’

    เฮือก!

    ทันใดนั้นใบหน้าเธอก็งองุ้มกลายเป็นเกลอีกคนหนึ่ง

    .....เกลเหงื่อแตกพลั่กตาค้าง ขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวก็พลันผุดขึ้นมาในใจจนเผลอถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แปะ!——ตอนนั้นก็มีมือหนึ่งมายันไว้แนบที่กลางหลัง

    นั่นคือเทียนเหมย....กระทั่งเกลคิดอย่างนั้น,ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนไป

    ——กลายเป็นเกล

    เหวออออออ....!!?”

    เกลสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น——พื้นซึ่งยามนี้กลับเต็มไปด้วยเลือดและขี้เถ้าพลิ้วไหวไปตามลม เกลถึงกับจุกคำปรากฏความกลัวสุดหยั่งและความสะอิดสะเอียนขึ้นภายใน

    .....พื้นที่เขานั่งทับอยู่นี้คือ <ภูเขาศพของผู้คนนับร้อยพัน

    และก่อนจะทันได้คิดสิ่งอื่นใด ดวงตานับร้อยก็พลันเบิกโพลงขึ้นพร้อมเพรียง——พวกมันจ้องมองเกลด้วยใบหน้าสงบนิ่งจนเขาถึงกับหวาดหวั่น

    ทันใดนั้นซากศพจึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นเกล

    ฆ่าเราทำไม....?’

    แกฆ่าพวกเราทำไม...!?’

    เอาชีวิตชั้นคืนมา.....เอาคืนมา!!’

    เหวออออออ...!?”

    เกลถูกซากศพชุดรั้ง——จมลง....จมลง....ร่างกายของเขาถูกนิ้วมือนับร้อยฉุดกระชากดำดิ่งลงในกองศพขนาดใหญ่ เลือด,น้ำเหลือง,หนองต่างเปรอะเปื้อนเลอะทั่วสรรพางค์อย่างไม่อาจต้าน

    หยุดนะชั้นไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้..ชั้นไม่ได้อยากให้ทุกคนตายซะหน่อย!”

    โกหกแกตั้งใจฆ่าพวกเราแกมันเห็นแก่ตัว,แกมันสารเลว——’

    ไอ้ฆาตกร..! ทุกอย่างมันเป็นความผิดของแก!’

    จงมากับพวกเราแกต้องชดใช้..!!’

    อึก..อย่า——” เกลเอ่ยได้แค่นั้น,ก่อนจะถูกลากลงไปในกองศพนับพันอย่างไร้แรงต้าน ที่นั่น——ภายในซากศพจำนวนมหาศาลนี้เขาไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้ดีนัก ของเสียเน่าเหม็นจากศพมนุษย์ล้วนพรั่งพรูเข้าหูตาจมูกปากจนเกลต้องคายของเก่า

    ทรมาน....อึกอัด....และหายใจไม่ออก

    หากยังติดอยู่ภายในซากภูเขานี้,ไม่ช้าเร็วเกลคงได้ขาดใจตายแน่ กระนั้นคิดก็ส่วนคิด——ตัวเขานั้นไม่อาจขัดขืนต่อศพนับร้อยนี้ได้ แถมพอยิ่งต่อต้านก็เห็นจะมีแต่จมสู่ก้นบึ้งลึกลงไปเรื่อยๆ

    ขณะรอบข้างถูกปกคลุมด้วยซากศพ สุดสายตานั้นกลับมองเห็นแสงสีขาว ณ แห่งหนึ่ง

    .....แสงสีขาวนี้นับว่าเจิดจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด

    ทั้งบริสุทธิ์และอบอุ่น——จนเกลถึงกับหลงลืมสภาวะรอบข้างไปโดยไม่รู้ตัว

    .

    .

    บุ๋ม...บุ๋ม...บุ๋ม...

    ติ๊ด~ติ๊ด~ติ๊ด~ติ๊ด....

    ฟองอากาศและเสียงบีทของชีพจร เกลเริ่มได้สติพร้อมกับตื่นขึ้นมาอย่างสับสน.......สภาพแวดล้อมตรงหน้าคือห้องสีขาวโพลนซึ่งวางอุปกรณ์ดูทันสมัยอยู่เต็มไปหมด ซึ่งหากเปรียบเปรยแล้วก็คงเหมือนกับศูนย์วิจัย

    ที่นี่.....ที่ไหน?——เกลตั้งคำถามแบบนั้น,โดยคิดจะมองดูรอบห้องเพื่อหาคำตอบ

    ทว่าร่างกายกลับนิ่งไม่ไหวติง

    เกลเผยแววมึนงง,ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามตั้งสติ,พร้อมกับฝืนขยับตัวไปมาอีกครั้ง——ซึ่งผลที่ได้ก็นับว่าเท่าทุนไม่ต่างจากเดิม นอกจากมองตรงแล้ว,การกระทำอื่นๆล้วนถูกปิดผนึกหมดจนเกลเคร่งเครียด.....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันพอเขานึกอย่างนั้น,จึงทำให้สมองเริ่มย้อนความกลับไป

    เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เขาจำได้ก็คือตอนที่หนีออกมาจากเมือง

    จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น——จดจำเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ได้อีก

    .........

    หากให้คาดเดา ตอนนั้น,เขาคงกลายเป็น <ดัคน่าแล้วสูญเสียความเป็นตัวเองไป ดังนั้นความทรงจำในหัวนี้ถึงได้ขาดหายไปส่วนหนึ่ง.........ระหว่างที่เกลยังคงขบคิดไม่ตกอยู่นั้น——

    ประตูห้องจึงถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ซึ่งชายดังกล่าวนั้นเป็นคนผิวสีสวมแว่นแฟชั่นดูมีเอกลักษณ์ให้ความรู้สึกสะดุดตาไม่ซ้ำใคร หมอนั่นเองก็หันมามองเกลแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาไปดูมอนิเตอร์บนตู้ทรงเหลี่ยมแปลกๆพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้ม

    โอ้ดูเหมือนจะตื่นแล้วสินะ..?”

    ชายผิวสีว่าอย่างนั้น,ก่อนจะกลับมามองเกลอีกครั้ง นายเป็นใคร?——ถึงเกลอยากจะถามเช่นนั้น,ทว่าปากกลับไม่อาจขยับได้เช่นเดียวกับทุกสัดส่วนบนร่างกาย แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระนั้นในจิตใต้สำนึกเขากลับปักใจเชื่อว่าชายตรงหน้านั้นย่อมเป็นต้นเหตุไม่ก็รู้ส่วนเกี่ยวข้องซักทางใดทางหนึ่ง

    บุ๋ม...บุ๋ม...บุ๋ม...

    “......?”

    พอสังเกตดีๆก็พบว่าตรงหน้าตนนั้นมีฟองอากาศผุดมาเป็นจังหวะสูงต่ำไล่เลี่ยกัน เมื่อเห็นแบบนี้,เกลถึงกับตระหนก คาดเดาไปกว่า 8 ใน 10 ส่วน,ว่าตนกำลังนอนแช่อยู่ในผืนน้ำ แถมพอชายผิวสีเข้ามาใกล้,เกลจึงมองเห็นเงาแบบรีเฟลกขึ้นจางตรงหน้าทำให้คาดเดาว่าตอนนี้ตนกำลังถูกขังไว้อยู่ในแทงค์กระจก

    ขอแนะนำตัวก่อนเลยละกัน.....ชั้นชื่อบ๊อบอย่างที่เห็นว่าทางนี้น่ะเป็นหมอ,เห็นไหม?”

    บ๊อบว่าพร้อมกับชูชุดกาวน์ที่พาดบ่าขึ้นสู่สายตา ก่อนจะวางลงแล้วกล่าวต่อ

    ตามหลักจิตวิทยา——เวลามีใครมาพูดว่าตัวเองเป็นหมอ,จะทำให้คู่สนทนา 7 ใน 10 เชื่อใจในตัวอีกฝ่าย และถึงแม้จะเป็นหมอเถื่อน,แต่โดยรวมชั้นก็เป็นหมอที่แค่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ เพราะงั้นเรื่องที่ชั้นจะพูดจากนี้ไป,ก็ช่วยไว้เนื้อเชื่อใจกันด้วยล่ะ

    .....ทางนั้นพูดเองเออเอง ปล่อยให้เกลที่ไร้เสียงได้แต่รับฟัง

    เรื่องแรก,คือชั้นกำลังทำการทดลองอยู่ ซึ่งเหยื่อทดลองที่ว่าก็คือนายน่ะแหละ——ก็ไม่ใช่อะไรนะ แต่เพราะเป็นการทดลองอะไรหลายๆอย่าง ชั้นถึงต้องทำโน่นทำนี่กับร่างของนายไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ...........

    เกลถึงกับอึ้งไปชั่วเสี้ยววิ——กระนั้น,อีกฝ่ายก็ยังคงพล่ามต่อ

    เรื่องที่สอง,คือนายมันพิเศษชั้นถึงได้เลือกทดลองกับร่าง <อสุภะของนาย ก็อย่างที่เข้าใจใช่ไหมล่ะว่า <อสุภะจะพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่ตอนที่นายเป็น <อสุภะเนี่ย,กลับพูดคล่องปรื๋อจนถึงขั้นร่าย <อาคมออกมาได้เลย——ซึ่งเคสนี้,สำหรับชั้นก็ยังไม่เคยเจอมาก่อน

    บ๊อบว่าทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปหยิบของสิ่งหนึ่งติดมือมาไว้เบื้องหน้า

    สิ่งนั้นก็คือกระจกบานหนึ่ง.....

    ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา——ชั้นจึงตัดสินใจจับตัวนาย,แล้วก็ทำการทดลองอะไรนิดๆหน่อยๆ ตั้งแต่ลองสารละลายยันไปถึงขั้นชำแหละแยกองค์ประกอบ เพราะงั้นตัวนายถึงได้มีสภาพแบบนี้ล่ะนะ

    “...............”

    อ่อ,แต่ชั้นก็รักษาสติคืนมาให้แล้วนา คิดซะว่าแทนน้ำใจละกัน,ชั้นไม่ถือ

    เกลเงียบกริบทั้งทางกายภาพและทางใจ ตัวเขาในยามนี้ถึงกับอื้ออึงไปอย่างยาวนานจนแทบไม่รับรู้สิ่งใดอีก ทีนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างกายถึงไม่อาจขยับและทำไมถึงต้องถูกแช่ตัวอยู่ในแทงค์น้ำ

    ภาพในกระจกนั้นคือ สมองก้อนหนึ่งและลูกตาสองข้างซึ่งยึดติดกันด้วยเส้นประสาทจำนวนหนึ่ง

    ขณะเดียวกันก็มีสายรยางค์จากเครื่องกลนอกแทงค์เชื่อมต่อกับก้อนสมองพันยั้วเยี้ยอยู่เต็มไปหมด

    บุ๋ม...บุ๋ม...บุ๋ม...

    ————เจ้าสิ่งนั้นก็คือเกลในตอนนี้

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×