ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #19 : Ep.19 - Sandbag

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.9K
      146
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.19 – Sandbag

    ฮ่า~”

    ไอน้ำที่พวยพุ่งกับน้ำอุ่นที่เอ่อล้นเสมอขอบอ่าง เกลถอนหายใจนอนแผ่อยู่ในนั้น

    ตั้งแต่ลงนรกมา นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้อาบน้ำ

    เกลแช่ตัวอยู่อย่างนั้นอ่างชนาดกลางพลางรำลึกถึงเรื่องราวต่างๆในช่วงผ่านมา ทั้งความเจ็บปวดความเศร้าเสียใจหรืออะไรต่างๆ————พอมานึกๆดูที่นี่ก็แทบไม่ต่างจากสวรรค์ในนรก

    โอเอซิส...ถ้าเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิดนัก

    ตอนนั้น————หลังจากที่พูดคุยกับฮิราเสร็จ เกลก็ถูกเอแคร์พาทัวร์ไปโดยรอบหมู่บ้าน หมู่บ้านที่ว่านั้นเป็นเพียงย่านหนึ่งจากทั้งหมดสิบเขตของเมือง จากที่ฟังคำของเธอมาคร่าวๆดูเหมือนเมืองนี้จะแบ่งที่อยู่เป็น 10 เขต

    โดยเขต 1-3 คือสถานบันเทิง,ร้านค้า,สิ่งของต่างๆ ส่วนเขต 4 คือโรงขนส่งและกักตุนวัตถุ เขต 5-6 เป็นสถานศีกษา ส่วนเขต 7-10 คือย่านชุมชน อย่างห้องน้ำที่เกลอาบอยู่นี้ก็ถือเป็นย่านชุมชนแห่งหนึ่ง

    คนที่นี่พอดูดีๆก็พบว่าอาศัยอยู่กันถึงหลักหมื่นกว่า

    แอ๊ด!

    ประตูห้องน้ำเปิดออก เกลในยามนี้กำลังสวมบ๊อกเซอร์ตัวหนึ่งกับขณะเดียวก็เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูไปพลาง

    ที่นี่————ณ บ้านหลังนี้คือที่พักซึ่งฮิราจัดหามาให้ ดูเหมือนทางนั้นจะจัดเตรียมอะไรไว้เสร็จสรรพมาตั้งแต่ต้น บางทีเธอคงคาดเดาเอาไว้แล้วว่าต้องมีผู้มาอาศัยเพิ่ม ดังนั้นเกลจึงได้ที่พักทันทีโดยไม่ต้องพิรี้พิไรอะไรให้ยุ่งยาก

    กระนั้นที่พักนี้ก็ไม่ใช่บ้านเดี่ยวแบบที่ให้เขาได้จับจองเพียงผู้เดียว

    ว่าไง,น้ำอุ่นพอไหม?”

    เกลหันไปทางต้นเสียงจึงพบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง ภาพลักษณ์ของชายคนนี้คือผมสกินเฮดตัวสูงใหญ่ผิดกับเขาซึ่งผอมแห้งแรงน้อย หมอนี่ชื่อว่าโคเป็นรูมเมทที่อาศัยอยู่ในบ้านทาวน์เฮาส์หลังนี้

    ในเขต 7-10 ซึ่งเป็นย่านชุมชนนั้นมีบ้านสำหรับอาศัยอยู่ถึงพันกว่าๆ ในหนึ่งหลังทุกคนจะถูกบังคับให้ร่วมกันอยู่ 10 คนต่อหลัง กล่าวเลยก็คือบ้านหลังนี้นอกจากเกลแล้วก็ยังมีโคและผู้ร่วมอาศัยอื่นอยู่อีก ซึ่งบ้านหลังนี้นับว่าติดเศษอยู่จึงทำให้ผู้อาศัยมีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นโดยที่เกลกับโคเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

    และก็หลังจากที่ได้พูดคุยอะไรกันมาเยอะแยะเกลจึงได้รู้ข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่ง เช่นโคไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนญี่ปุ่น ถ้างั้นทำไมพวกเขาถึงคุยกันรู้เรื่องล่ะ?————ซึ่งคำตอบนี้เกลก็ได้รับมาจากเอแคร์

    ผู้คนที่นี่สามารถสื่อถึงกันด้วย <จิตน่ะค่ะ

    จิต..?”

    เพราะทุกคนที่นี่เป็นวิญญาณ ฉะนั้นการพูดคุยของเราจึงไม่ใช่คำพูดที่เป็นรูปธรรมแต่เป็นนามธรรมค่ะ.....อืมถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับน้ำนั่นแหละค่ะ พวกเราในตอนแรกก็เหมือนกับน้ำในแก้ว กระทั่งพอตายไปภาชนะจึงแตกออกทำให้น้ำภายในเจิ่งนอง ซึ่งหากน้ำจากทั้งสองแก้วไหลรินมาบรรจบกันก็จะกลายหลอมรวมกันกลายเป็นหนึ่ง

    ....อธิบายได้งงจังนะ

    เอ่อ––สรุปง่ายๆก็คือ <น้ำในแก้ว=คนเป็นส่วน <น้ำนอกแก้ว=คนตายค่ะ <น้ำในแก้วไม่อาจรวมเข้ากับ <น้ำนอกแก้วได้ ทว่ากลับกัน <น้ำนอกแก้วกับ <น้ำนอกแก้วจะสามารถ————”

    .......”

    เอาเป็นว่าพวกเราสามารถสื่อสารกันได้ด้วย <จิต>

    ถึงทางนี้จะพูดไทยโดยที่อีกฝ่ายพูดยุ่น กระนั้นเกลกลับเข้าใจศัพท์เป็นยุ่นต่อไทย โดยที่โคก็ฟังไทยเป็นยุ่นด้วยไม่ต่างกัน ชายตรงหน้าเกลแม้จะเป็นคนต่างชาติแต่ก็ให้บรรยากาศเป็นกันเองได้อย่างเฟรนด์ลี่

    กำลังดีเลยล่ะ

    เขาตอบพลางสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงลายพราง เนื่องจากโคมีอายุพอๆกับเขา ดังนั้นเกลจึงเลือกใช้คำพูดที่ดูเป็นกันเองกับอีกฝ่าย พวกเขาเดินคุยกันไปเรื่อยจนเดินมาถึงห้องนั่งเล่น

    ในห้องนี้มีผู้จับจองอยู่ก่อนแล้วหนึ่งคน

    โอ้วเป็นไงบ้าง,เกลเกล อาบน้ำครั้งแรกในนรกคงรู้สึกดีสิท่า?”

    ผู้พูดรายใหม่คือหญิงวัยกลางคนราว 30 กว่าๆ แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าใบหน้าเธอก็ยังเต่งตึงมีเพียงแค่รอยตีนกาจางๆเพียงเท่านั้น ชื่อของเธอคือเทียนเหมย

    ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเป็นคนจีน

    เกลหัวเราะร่วนตอบเธอไป ก่อนจะโต้ไปว่า “ก็คงงั้นแหละครับ” ออกมา

    จากนั้นทั้งโคและเกลจึงนั่งลงยังโต๊ะกลางซึ่งเป็นพื้นที่ทานข้าวรวมสำหรับคนในบ้านนี้ ทั้งสองนั่งลงรออย่างใจเย็นโดยเหลือบมองเทียนเหมยที่กำลังจับกระทะคลุกข้าวผัดด้วยไฟร้อนหลายองศา แล้วไม่นาน,ข้าวผัดจานใหญ่จึงปรากฏขึ้นตรงหน้าพร้อมกับเทียนเหมยเดินเข้ามากลางวง

    ได้แล้วจ้า~”

    เป็นข้าวผัดสีทองอร่ามดูน่าทาน————คนจีนเนี่ยเก่งทำข้าวผัดจริงๆนั่นแหละ

    โอ้กลิ่นหอมชะมัดเลยเจ๊ ผมทานเลยได้ไหม?”

    โคว่าพลางหยิบจานแยกออกเตรียมตักแบ่ง ซึ่งพอเทียนเหมยตอบรับโคจึงซัดโฮกเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกลที่หิวโหยมานานเองก็ไม่ต่างกันนัก————ซักพักหนึ่งโคจึงโพล่ง

    แล้วคุณฉีกับคาร์ร่าจังล่ะเจ๊ยังไม่ลงมาอีกเหรอ...?”

    ยังหรอก สองคนนั้นเมื่อวานเพิ่งทำภารกิจมาหนัก,ตอนนี้ก็คงหลับอยู่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก

    โคผงกศีรษะเห็นด้วยแล้วละความสนใจหันไปจดจ่อกับของกินตรงหน้าตามเดิม คุณฉีกับคาร์ร่าที่โคพูดถึงก็คือผู้อาศัยอีกสองคนในบ้านหลังนี้ ซึ่งตั้งแต่เกลมาถึงจวบจนตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของทั้งสองเลยด้วยซ้ำ เพราะจากที่ฟังๆดูก็เหมือนกับว่าทั้งสองกำลังหมกตัวนอนอยู่ในห้องของตัวเองกันอยู่

    กระนั้นในหัวเกลก็เพิ่งพบเจอต่อศัพท์ใหม่อย่าง <ภารกิจความจริง————มันก็ไม่ใช่ศัพท์อะไรเพราะตัวเขาได้ฟังคำสาธยายคร่าวๆมาแล้วตอนเอแคร์ส่งเขามายังบ้านหลังนี้

    ทุกคนที่ต้องทำงาน————ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกันต่อการได้ที่พักมาฟรีๆ <ภารกิจที่ว่าก็คืองานจิปาถะต่างๆอย่างขนของเก็บวัตถุดิบหรือกระทั่งออกไปลาดตระเวนเองก็เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้คนที่นี่ว่าจะเลือกรับทำงานอะไรแบบไหน

    ซึ่งนอกจากจะหมายถึงการทำงานใช้คืนแล้ว ทางฮิราก็จะตอบแทนด้วย <เหรียญเหล็กซึ่งมีค่าเป็นสกุลเงินของที่นี่มาให้เพื่อเอาไว้ใช้จ่าย ซึ่งตอนที่เอแคร์มาส่ง,เกลก็ได้ 20 เหรียญเหล็ก มาเป็นเงินตั้งตัวไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง หลังจากทานอะไรเสร็จสรรพโคจึงทัก

    เอาล่ะ,จากที่เอแคร์ฝากฝังมา ตอนนี้ชั้นจะเป็นคนทำหน้าที่สอน <อาคมของพวกเราให้กับนายเอง

    โอ้...!”

    เกลถึงกับตาวาวเป็นประกาย

    ว่าแต่นายใช้ <อาคมอะไรเป็นบ้างล่ะจากที่ฟังมาเหมือนนายจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวสินะถ้าไม่มีอาวุธหรือของดีอะไรก็คงไม่สามารถออกมาจาก <ขุมได้หรอก,จริงไหม...?”

    นั่นสินะ

    ถึงสองคนนี้จะดูเฟรนด์ลี่————แต่ความจริงพวกเราก็เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ที่พอรู้จักกันก็เพราะเอแคร์ช่วยแนะนำตัวก่อนจะยัดเยียดส่งเขาอยู่ที่นี่แล้วเดินจากไปโดยไม่ได้ว่าอะไรอีก

    ใช้เป็นแต่นารากะพาราห์น่ะ

    นารากะ...เดี๋ยวนะ,ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าอาคมบทนั้นจะเป็นของพวก <นิรยบาลสินะ?”

    อืม,ใช่แล้วล่ะ

    เกลว่า เรียกสายตาสงสัยจากเทียนเหมยได้อย่างเด่นชัด,เธอกล่าว “แต่ <หอกนรกเป็นอาคมของพวก <นิรยบาลนะ?————แล้วนายไปรู้บทร่ายมาได้ยังไงล่ะนั่น..?”

    อีกฝ่ายเผลอหลุดปากมาน่ะครับ” เขาตอบไปตามตรง ส่งให้พวกโคถึงบางอ้อขณะเดียวกันเทียนเหมยจึงถาม “แล้วนายมีเมอร์ริธเท่าไหร่เหรออย่างน้อยพวกเราจะได้รู้ว่าควรสอน <อาคมบทไหนให้กับนายก่อนดี

    เอ่อ..ทำไมเมอร์ริธถึงเกี่ยวข้องกับการใช้ <อาคมด้วยล่ะครับ?”

    เอ้านี่นายไม่รู้จริงดิการจะใช้ <อาคมแต่ละบทจำเป็นต้องมีเมอร์ริธเพียงพอต่อ <อาคมของแต่ละบทนั้นๆ อย่างบางบทก็ใช้ 2 จุด ไม่ก็ 3 จุด 4 จุด แตกต่างกันไป

    อย่างนี้นี่เอง————มิน่าทำไมตอนเรียกใช้นารากะพาราห์จุดเมอร์ริธถึงได้หายไป บางทีการทำงานของ <อาคมก็คงเหมือนรถที่จำเป็นต้องพึ่ง <น้ำมันถึงจะใช้งานได้สินะ

    ว่าแต่นายเหอะมีเมอร์ริธเท่าไหร่?”

    “ 4 จุด น่ะ

    เห๋..? 4 จุด เชียว,สมแล้วที่ผ่าน <ขุมออกมาได้

    เทียนเหมยพูดชมขึ้นพลางฉีกยิ้ม ทางโคจึงเสริม “นั่นสินะ,มีถึง 4 จุด แล้วนายก็คงใช้ <อาคมได้มากกว่าสองสามอย่างแล้วล่ะ แต่อย่างแรกที่นายควรมีเลยก็คือ <อาคมสำหรับเอาตัวรอดในนรก

    เอาตัวรอด?”

    ชั้นจะสอนนายใช้พานีเบนนี่กับจิวาลกาจอล์ให้เอง

    ....หา?”

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×