หลักการเขียนเรื่องสั้นฉบับใหม่ - หลักการเขียนเรื่องสั้นฉบับใหม่ นิยาย หลักการเขียนเรื่องสั้นฉบับใหม่ : Dek-D.com - Writer

    หลักการเขียนเรื่องสั้นฉบับใหม่

    นี้คือคำอธิบายเรื่องสั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    19,745

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    19.74K

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ธ.ค. 48 / 19:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องสั้น
      ความหมายของเรื่องสั้น
              คำว่าเรื่องสั้น มาจากคำภาษาอังกฤษว่า Short Story ได้มีผู้ให้คำจำกัดความไว้หลากหลาย ดังนี้
              เจือ สตะเวทิน (2510 : 27) กล่าวว่า โดยปกติเรื่องสั้นจะมีขนาด 4,000-5,0000 คำ เป็นเรื่องสั้นขนาดพอเหมาะ บางทีอาจใช้เพียง 1,500 คำ ก็เป็นเรื่องสั้น หรืออาจใช้ถึง 7,000-8,000 คำ ก็เป็นเรื่องสั้นได้เหมือนกัน หากเข้าลักษณะอื่น ๆ ของเรื่องสั้น
              จินดา ดวงจินดา (2526 : 5-6) อธิบายว่า เรื่องสั้น คือ เรื่องที่เขียนแต่งขึ้น มีความยาวพอประมาณ แต่สั้นกว่านวนิยาย หรือนวนิยายขนาดสั้น ลักษณะสำคัญของเรื่องสั้นอยู่ที่ แก่น หรือ แกนกลาง ซึ่งมีอยู่เพียงแกนเดียว หรือถ้าจะเป็นความประทับใจก็เป็นความประทับใจนั้น เอามาคลี่คลายขยายเป็นเรื่อง ลักษณะหลักอีกประการหนึ่ง คือ ขอบเขตของเรื่องและตัวละครมีจำกัด
              อาร์ ฟรานซิส ฟอสเตอร์ (R. Francis Foster อ้างถึงใน ประทีป เหมือนนิล 2519 : 35) กล่าวไว้ในหนังสือ How to Write and Sell Short Stories ว่า เรื่องสั้น คือ วิกฤตการณ์ชุดหนึ่ง มีความสัมพันธ์สืบเนื่องกันและนำไปสู่จุดยอดอย่างหนึ่ง
              จูเลียน แอล. มาลิน และ เจมส์ เบอร์กเลย์ (Julian L Maline and James Berkley อ้างถึงใน สุดารัตน์ เสรีวัฒน์ 2522 : 5) ได้ให้ความหมายว่า เรื่องสั้นมีข้อที่น่าสังเกตที่ต่างไปจากวรรณกรรมประเภทอื่น ๆ หลายประการ กล่าวคือ เรื่องสั้นดำเนินเรื่องในช่วงระยะเวลาอันสั้น มีตัวละครเด่น ๆ เพียง 2-3 ตัว และเป็นเรื่องที่เสนอความคิดเห็นสำคัญเพียงความคิดเดียว
              ส่วน การ์โบ (Grabo 1961 : 274-275) กล่าวว่า เรื่องสั้นต้องมีโครงเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน มุ่งเน้นที่เวลา และสถานที่แห่งการกระทำของตัวละครหนึ่งหรือสองสามตัว และพยายามเสนอเสิ่งเหล่านั้นออกมาในวิกฤตการณ์เดียวของช่วงชีวิตตัวละครเหล่านั้นมากกว่าที่จะติดตามเรื่องการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการ อันเป็นผลจากประสบการณ์นานาชนิดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
      สรุปได้ว่า เรื่องสั้น คือ เรื่องที่มีการดำเนินเรื่องแบบวิกฤตการณ์เดียว ระยะเวลาสั้น ๆ เสนอความคิดสำคัญเดียว มีตัวละครเด่น ๆ 2-3 ตัว
      องค์ประกอบของเรื่องสั้น
      องค์ประกอบของเรื่องสั้น แบ่งออกได้ 6 องค์ประกอบ ดังนี้
              1) แก่นเรื่อง คือ แนวความคิดหรือจุดสำคัญของเรื่องที่ผู้แต่งมุ่งจะสื่อให้ผู้อ่านทราบ แต่เนื่องจากเรื่องสั้นมีขนาดจำกัด เรื่องสั้นจึงมีแก่นเรื่องเพียงแก่นเดียว หรือมุ่งสะท้อนแนวคิดของผู้แต่งเพียงประการเดียว เช่น ชี้ให้เห็นความแปลกประหลาดเพียงเรื่องเดียว หรือแสดงอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือแสดงชีวิตในแง่มุมที่แปลกเพียงแง่เดียว หรือเผยทัศนะของผู้แต่งเพียงข้อเดียว เป็นต้น
              2) โครงเรื่อง คือเค้าโครงเรื่องที่ผู้แต่งกำหนดไว้ก่อนว่าจะแต่งเรื่องไปในทำนองใด จึงจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้ติดตามเรื่องอย่างตื่นเต้นและกระหายใคร่รู้ไปได้ตลอดทั้งเรื่อง โครงเรื่องที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องอาศัยกลวิธีการผูกปม (Complication) การคลายปม (Denouement) และการหน่วงเรื่อง (Suspense) ตลอดจนกลวิธีการเปิดเรื่อง การปิดเรื่องและกลวิธีการดำเนินเรื่องของผู้แต่ง และกลวิธีการผูกปมที่ดีนั้นจะต้องประกอบด้วยข้อขัดแย้ง (Conflict) อุปสรรค (Obstacles) และการต่อสู้ (Struggle) ด้วย
      อย่างไรก็ตาม เรื่องสั้นที่ดีควรจะมีโครงเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนเพียงโครงเรื่องเดียว เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องความยาว
              3) ตัวละคร คือผู้แสดงบทบามสมมุติตามที่ผู้แต่งกำหนด โดยทั่วไปผู้แต่งมักกำหนดให้ตัวละครในเรื่องสั้นมีน้อยตัว เพราะเรื่องสั้นมุ่งแสดงแก่นของเรื่องเพียงแก่นเดียวหรือมุ่งแสดงผลของเรื่องเพียงข้อเดียว ฉะนั้นเพื่อให้เรื่องดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางได้เร็วที่สุด ผู้แต่งจึงนิยมสร้างตัวละครให้มีน้อยตัว คือมีตัวละครเอกเพียงหนึ่งหรือสองตัว จะมีตัวละครประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อเรื่องจริง ๆ อีก 2-3 ตัวเท่านั้น
              4) บทสนทนา คือ ถ้อยคำที่ตัวละครใช้พูดจาโต้ตอบกัน บทสนทนาอาจมีประโยชน์ต่อการเขียนเรื่องสั้น เพราะช่วยทำให้เรื่องดำเนินคืบหน้าไปได้โดยผู้แต่งไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว ช่วยสะท้อนบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของตัวละคร หรือช่วยสร้างบรรยากาศของเรื่องให้เป็นไปตามธรรมชาติ
              5) ฉาก คือ สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ในเรื่อง ซึ่งหมายรวมถึงเวลาและสภาพที่แวดล้อมเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วย ฉากที่สำคัญในเรื่องสั้นมักจะมีการกล่าวถึงเพียงฉากเดียว เพราะผู้แต่งถือหลักว่า \"ยิ่งใช้เหตุการณ์ สถานที่ และเวลาในเรื่องน้อยเท่าใด ก็ยิ่งมีผลทำให้แนวคิดของเรื่องชัดขึ้นเท่านั้น\" ประกอบกับการเขียนเรื่องสั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาด ด้วยเหตุนี้ผู้แต่งเรื่องสั้นจึงมักจะเลือกเอาเหตุการณ์สำคัญของเรื่องมากล่าวอย่างละเอียดเพียงเหตุการณ์เดียว พร้อมกันนี้ก็กล่าวถึงสถานที่สำคัญเพียงแห่งเดียวและกล่าวถึงระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ในเรื่องด้วยช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
              6) บรรยากาศ คือ อารมณ์ต่าง ๆ ของตัวละครที่เกิดจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 และมีอิทธิพลทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์คล้อยตามไปตามด้วย การสร้างบรรยากาศจำเป็นต้องอาศัยรายละเอียดจากส่วนประกอบอื่น ๆ ของเรื่องด้วย เช่น สิ่งของเครื่องใช้ สีหน้า ท่าทาง เครื่องแต่งกายและบทสนทนาของตัวละครตลอดจนเครื่องประกอบฉาก เช่น แสง สี และเสียง เป็นต้น เพราะสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะทำให้ตัวละครและผู้อ่านเกิดอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผู้แต่งต้องการได้ เรื่องสั้นที่ดีจะต้องมีฉากและบรรยากาศที่สมจริงและที่สำคัญคือทั้งสองสิ่งนี้จะต้องสัมพันธ์กันและต้องสอดคล้องกับเนื้อเรื่องด้วย โดยทั่วไปผู้แต่งเรื่องสั้นจะถือว่าบรรยากาศเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของฉาก เพราะมีส่วนช่วยทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการสร้างบรรยากาศในเรื่องสั้นจึงนิยมทำควบคู่ไปกับการสร้างฉากพร้อมทั้งใช้หลักเกณฑ์แบบเดียวกัน
      ประเภทของเรื่องสั้น
      การแบ่งประเภทของเรื่องสั้นมีหลายลักษณะ ดังนี้คือ
              1) แบ่งตามลักษณะการแต่ง มี 2 ประเภท คือ เรื่องสั้นประเภทเน้นโครงเรื่องหมายถึงเรื่องสั้นแนวเก่าที่นิยมยึด \"เหตุการณ์\" เป็นหลักแล้วจบลงแบบหักมุม กับเรื่องสั้นประเภทไม่เน้นโครงเรื่อง หมายถึงเรื่องสั้นแนวใหม่ที่นิยมยึด \"ความคิดหรืออารมณ์ของผู้แต่ง\" เป็นหลักแล้วจบเรื่องตามสภาพความเป็นจริงในชีวิต (สายทิพย์ นุกูลกิจ 2537 : 163)
              2) แบ่งตามจุดมุ่งหมายในการแต่ง มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเรื่องสั้นแนวประเทืองอารมณ์ หมายถึงเรื่องสั้นที่ผู้แต่งมุ่งให้ผู้อ่านเกิดความบันเทิงใจเป็นหลักสำคัญ กับเรื่องสั้นแนวประเทืองปัญญา หมายถึงเรื่องสั้นที่ผู้แต่งมุ่งให้ผู้อ่านเกิดความรู้ความคิดหรือเกิดความเข้าใจในเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตและสังคม
              3) แบ่งตามลักษณะโครงเรื่อง ดังนี้ คือ
                      3.1) เรื่องสั้นชนิดผูกเรื่อง (Plot Story) คือ เรื่องสั้นที่ให้ความสำคัญแก่โครงเรื่องเป็นพิเศษ ผู้แต่งมักจะสร้างสถานการณ์แปลก ๆ ซับซ้อน ชวนให้ฉงน และมักจบลงในลักษณะที่ผู้อ่านคาดไม่ถึง เช่น เรื่อง \"สร้อยคอที่หาย\" ของ ประเสริฐอักษร เรื่อง \"สัญชาตญาณมืด\" ของ อ.อุดากร เรื่อง \"จับตาย\" ของ มนัส จรรยงค์ \"การตอบแทน\" ของตุลยเทพ สุวรรณจินดา เป็นต้น
                      3.2) เรื่องสั้นชนิดเน้นแนวคิด (Theme Story) คือเรื่องสั้นที่ผู้แต่งต้องการเสนอแนวคิดหรือทัศนะอย่างใดอย่างหนึ่งของตนมายังผู้อ่านเป็นสำคัญ เช่น เรื่อง \"ถนนสายที่นำไปสู่ความตาย\" ของ วิทยากร เชียงกูล \"มิติที่สี่ของบาป\" ของ ภักดี ริมมากุลทรัพย์ เป็นต้น
                      3.3) เรื่องสั้นชนิดเน้นตัวละคร (Character Story) คือเรื่องสั้นที่ผู้แต่งถือว่าตัวละครเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่อง ตัวละครมีความสำคัญกว่าโครงเรื่อง เพราะเหตุการณ์ในเรื่องเกิดจากพฤติกรรมของตัวละคร ผู้แต่งจึงนิยมเขียนถึงลักษณะหรืออุปนิสัยอย่างใดอย่างหนึ่งของตัวละครให้เห็นเด่นชัดเป็นพิเศษ เพื่อชี้ให้ผู้อ่านเห็นว่า ลักษณะหรืออุปนิสัยดังกล่าวนี้เองที่นำผลอย่างใดอย่างหนึ่งมาสู่ตัวละครเองหรือคนอื่น หรือจะกล่าวว่าผู้แต่งมักกำหนดให้เนื้อเรื่องดำเนินไปตามพฤติกรรมของตัวละครเอกก็ได้เช่น เรื่อง \"คุณย่าเพิ้ง\" ของครูเทพ \"ซาเก๊าะ\" ของ มนัส จรรยงค์ \"มอม\" ของ ม.ร.ว. คึกฤทธ์ ปราโมช \"ยาย\" ของ มน. เมธี และเรื่อง \"ขุนเดช\" ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นต้น
                      3.4) เรื่องสั้นชนิดเน้นบรรยากาศ (Atmosphere Story) คือเรื่องสั้นที่ผู้แต่งต้องการสร้างบรรยากาศของเรื่องให้ดูสมจริง จนผู้อ่านเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่าได้ร่วมรับรู้เหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยตนเอง เรื่องสั้นชนิดนี้มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวน อาชญากรรม หรือเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นระทึกใจ เพราะเขียนได้ง่ายและชัดเจนกว่าเรื่องอื่น ๆ ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้แต่งก็ต้องมี ศิลปการเขียนอย่างดีด้วย ผู้อ่านจึงจะสามารถเกิดอารมณ์ร่วมด้วย เช่นเรื่อง ตุ๊กแกนรก ของ ปกรณ์ ปิ่นเฉลี่ยว แหลมตะลุมพุก ของ มนัส สัตยารักษ์ เป็นต้น
              4) แบ่งตามแนวคิดหรือปรัชญาของเรื่อง ดังนี้
              1. กลุ่มอัตถนิยม (Realism) บางครั้งเรียกว่า \"สัจนิยม\" คือ ลักษณะการเขียนจะใช้บรรยากาศ ฉาก ตัวละคร ตลอดจนปัญหาการขัดแย้ง และสร้างปมต่าง ๆ เป็นไปในเชิง \"สมจริง\" ทั้งหมด การดำเนินเรื่องมักจะเรียบง่ายและเข้าใจได้ทันที โดยยึดถือรูปแบบการมองภายนอกเป็นหลัก และความจริงที่เห็นคือความจริงที่แสดง เช่น เรื่อง พระช่วย ของ สุจิตต์ วงศ์เทศ รองเท้าสีน้ำตาล แมวสีเทา และชายชรา ของ ตั๊ก วงศ์รัฐ จำเลยมนุษยธรรม ของ วิวัฒน์ รุจทิฆัมพร บนสะพานสูง ของ กรณ์ ไกรลาส และเรื่องชายผ้าเหลือ ของ ศรีดาวเรือง เป็นต้น
              2. กลุ่มสัญลักษณ์ (Symbolism) ลักษณะการเขียนใช้สัญลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่งปรากฎอยู่ในการบรรยายฉาก ตัวละคร รวมทั้งปัญหาการขัดแย้งต่าง ๆ ในการสร้างปมของเรื่อง การดำเนินเรื่องมักใช้กลวิธี \"ย้อนกลับไปกลับมา\" ความซับซ้อนของจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นการมองแบบภายในเป็นหลัก เช่น เรื่อง แว่นตาไม่มีกระจก ของ นิพนธ์ จิตรกรรม หนี ของ ประพันธ์ ผลเสวก จะไปฆ่ามันทำไม ของ ประดิษฐ์ กลัดประเสริฐ และ ความในใจของกระดูกจระเข้ ของ วัฒน์ วรรลยางกูร เป็นต้น
              3. กลุ่มเหนือความจริง (Surrealism) ลักษณะการเขียนจะใช้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความจริงนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ บางครั้งใช้สัญลักษณ์ บางครั้งใช้จินตนาการเล่าเรื่องที่เป็นโลกแห่งความฝัน บางครั้งใช้แนวเดียวกับการเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์ บางครั้งใช้กลวิธีวาดภาพย้อนกลับไปกลับมาแบบเทคนิคการตัดต่อภาพยนตร์รุ่นใหม่ เช่น เรื่อง รถไฟเด็กเล่น ของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ค่ำคืนอันโหดร้ายในวันว่างเปล่า ของ วิสา คัญทัพ ฆาตกร ของ โกสุม พิสัย มนุษย์ข้อมือ ของ สุวัฒน์ ศรีเชื้อ เป็นต้น
              4. กลุ่มกะเทาะสังคม (Satirical) ลักษณะการเขียนเป็นไปแบบสมจริง หากแต่มุ่งจะเสียดสีสังคม ทำนองคล้ายนิทานเปรียบเทียบ เช่น นางสาวไทยรอบสุดท้าย ของ อนุช อาภาภิรม, ข้าพเจ้ามิใช่ข้าพเจ้า ของ บัณฑิต ศิริชัยวงษ์ ฉันคือต้นไม้ ของ ไมตรี ลิมปิชาติ เป็นต้น
              5. กลุ่มแปลกแยก (Alienation) ลักษณะการเขียนมีจุดอยู่ตรงที่เล็งเห็นสภาพของมนุษย์ในสังคมปัจจุบันได้ถูกตัดขาดออกจากความเชื่อและกฎเกณฑ์แบบเก่า การดำเนินเรื่องค่อนข้างเป็นแบบการรำพึงของจิตใจสำนึก (Monlogue Subconcionus) เสียส่วนมาก บางทีก็ใช้การเปรียบเทียบกับสัญลักษณ์ และการเสียดสีเยาะเย้ยมาอธิบายการกระทำของตัวละครในลักษณะที่ไร้เหตุผล สิ้นหวังและถูกสังคมเมินหน้า เช่น ถนนสายที่นำไปสู่ความตาย ของ วิทยากร เชียงกูล เขากับบาดแผลที่ข้อเท้า ของ จรัล ดิษฐาอภิชัย ลูกองุ่น ของ ท. เสน เจนจัด (สุรชัย จันทิมาธร) น้ำนั้นย่อมซะตลิ่ง ของ ธงชัย สุรการ และเรื่องจากห้องสีปัสสาวะ ของ ทะนง พิสาล เป็นต้น (สุชาติ สวัสดิ์ศรี 2518 : 36)
      ข้อมูลอ้างอิงจาก http://arc.rint.ac.th/center/pongsak/e_learning/unit5_9.html
      นำเสนอ โดย natt prem grade10

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×