คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Lesson:6
บทเรียนที่6
ตอนนี้ที่นครราตรีแอมเบอร์กราวด์เกิดปัญหา...ซีอยากให้นักเรียนที่น่ารักของซีช่วยทำภารกิจบางอย่าง แต่ก่อนอื่นซีจะเล่าเรื่องๆหน่งให้ฟัง บางทีตำนานที่ซีจะเล่าต่อไปนี้อาจจะช่วยเป็นเบาะแสให้กับทุกคนได้ เพราะเหตุการณ์มันก็ใกล้เคียงอยู่
Zตำนานพระจันทร์Z
ในกาลสมัยครั้งกระโน้น ยังมีดินแดนแห่งหนึ่ง ในดินแดนแห่งนี้กลางคืนจะมืดสนิทตลอดเวลา ท้องฟ้าดูไม่ผิดผ้าดำผืนใหญ่ที่แผ่ปกคลุมโลก เพราะที่นี่ไม่เคยมีพระจันทร์ขึ้นมาให้เห็น และก็ไม่มีดวงดาวให้แสงสว่างด้วย ทั้งนี้เนื่องมาจากตอนสร้างโลกนั้นแสงสว่างสำหรับกลางคืนมีไม่พอ
จากดินแดนแห่งนี้ มีชายหนุ่ม 4 คน ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปในโลก ไปจนถึงอาณาจักรอีกแห่งหนึ่ง ที่ในยามค่ำคืน เมื่อพระอาทิตย์อัสดงเคลื่อนลับหายไปเบื้องหลังทิวเขาแล้ว จะมีลูกไฟดวงหนึ่งแขวนอยู่ที่กิ่งโอ๊คโดดเดี่ยวเป็นตัวส่องแสงนวลกระจายให้ความสว่างไปทั่วบริเวณใกล้และไกลทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี แม้มันจะไม่ได้สว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์ก็ตาม ชายทั้งสี่เมื่อเห็นดวงไฟนี้ก็หยุดยืนดูอย่างทึ่ง ขณะนั้นมีชาวนาขับเกวียนผ่านมาพอดี เขาจึงถามชาวนาว่า นั่นดวงไฟอะไร
“นั่นคือดวงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านของเราไปซื้อมาในราคา 3 เหรียญ แล้วก็เลยเอาขึ้นไปผูกไว้ที่ต้นโอ๊ก แกต้องคอยเช็ดถูและใส่น้ำมันทุกวันเพื่อมันจะได้มีกำลังส่องแสงสว่างได้ตลอดเวลา พวกเราจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านในการนี้อาทิตย์ละ 1 เหรียญ” พูดจบ ชาวนาก็ขับเกวียนจากไป
ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก็พูดขึ้นว่า “ตะเกียงดวงนี้ถ้าเราได้ไปใช้ก็คงจะดีหรอก ที่บ้านเราก็มีต้นโอ๊กอยู่ต้นหนึ่งนี่นา ต้นสูงใหญ่พอๆกัน เราเอาตะเกียงนี้ไปผูกไว้ได้พอดีเลย คิดดูมันจะเป็นเรื่องน่ายินดีขนาดไหน ถ้าเราจะไม่ต้องใช้มือคลำหาทางในเวลากลางคืนอีกต่อไป”
“เอาอย่างนี้ดีไหม?” ชายคนที่สองพูด “เราไปเอารถม้ามา แล้วก็ปลดดวงจันทร์ไปเสีย พวกคนที่นี่เขาคงจะหาซื้อดวงไฟดวงใหม่ได้หรอก”
คนที่สามพูดว่า “ฉันปีนต้นไม้เก่งนะ ฉันจะปีนขึ้นไปเอาลงมาเอง”
ตกลงชายคนที่สี่ก็ไปหารถม้ามา (ซี: แหม...ทำกันเป็นกระบวนการมาก - -) ชายคนที่สามก็ปีนขึ้นไปบนต้นโอ๊กเจาะรูเข้าที่ดวงจันทร์รูหนึ่ง เอาเชือกร้อยเข้าไปแล้วก็ดึงดวงจันทร์ลงมา พอได้ดวงจันทร์ลงมาแล้วก็เอาขึ้นรถ เอาผ้าผืนใหญ่คลุมปิดไว้เพื่อที่จะได้ไม่มีคนสังเกตเห็นการโจรกรรมครั้งนี้ ทั้งสี่สามารถพาดวงจันทร์มายังดินแดนที่ตนอยู่ได้อย่างปลอดภัย ผู้คนทั้งชาย หญิง ลูกเด็กเล็กแดง ต่างดีอกดีใจกับดวงไฟดวงใหม่ที่ส่องแสงให้ความสว่างไปทั่วบริเวณหุบเขาและท้องทุ่ง บรรดาคนแคระและมนุษย์ตัวน้อยใส่เสื้อสีแดงก็พากันออกจากถ้ำที่อยู่มากระโดดโลดเต้น จับมือเต้นระบำเป็นวงกลมอยู่ในทุ่งหญ้ากันอย่างรื่นเริงมีความสุข
ชายทั้งสี่คอยดูแลใส่น้ำมันเช็ดถูดวงจันทร์ให้สะอาดอยู่ตลอดเวลาโดยได้รับค่าตอบแทนอาทิตย์ละหนึ่งเหรียญ แต่แล้วในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นคนแก่ชรากันไปหมด และเมื่อชายคนหนึ่งล้มเจ็บลง แลเห็นความตายมารออยู่ข้างหน้าแน่แล้ว เขาจึงสั่งการว่า ดวงจันทร์หนึ่งส่วนในสี่ส่วนนั้นเป็นสมบัติของเขา ขอให้เอาใส่หลุมฝังศพพร้อมกับร่างของเขาด้วย เมื่อชายผู้นั้นตายลง ผู้ใหญ่บ้านจึงปีนขึ้นไปบนต้นโอ๊ก จัดแจงเอากรรไกรตัดหญ้าตัดดวงจันทร์ออกมาเสี้ยวหนึ่ง เอาใส่ในโลงศพให้ชายผู้นั้น แสงดวงจันทร์ก็มืดสลัวลง แต่ยังไม่เป็นที่สังเกตเท่าใดนัก เมื่อชายคนที่สองตาย ดวงจันทร์ก็ถูกตัดออกไปเป็นเสี้ยวที่สอง แสงก็ยิ่งอ่อนลงไปอีก ปรากฏว่าเมื่อชายคนที่สามตายก็ได้เอาดวงจันทร์ไปด้วยอีกเสี้ยวหนึ่งเช่นกัน ทำให้พลังของแสงจันทร์ยิ่งอ่อนลงไปอีกมาก และเมื่อคนที่สี่ตาย ความมืดก็กลับเข้ามาปกคลุมดินแดนทั้งหมดในเวลากลางคืนอีกเช่นเคย เมื่อผู้คนจะออกไปข้างนอกยามค่ำคืน หากไม่ถือตะเกียงไปด้วยก็จะมองไม่เห็นอะไรเลย จะเดินหัวชนกันยุ่งไปหมด
เมื่อแต่ละส่วนของดวงจันทร์ไปรวมที่โลกใต้บาดาลอีกครั้งก็ทำให้โลกใต้บาดาลซึ่งมีแต่ความมืดกลับสว่างไสวขึ้น เหล่าคนตายที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นเพราะแสงเข้าตา ต่างก็แปลกใจที่สามารถมองเห็นอะไรต่ออะไรได้อีกครั้ง ถ้าจะว่าไปแสงจันทร์สำหรับโลกใต้พิภพนับว่าสว่างพอทีเดียว เพราะสายตาของผู้คนที่นั่นอ่อนพลังมาก ย่อมไม่อาจสู้แสงสว่างของดวงอาทิตย์ได้ ปรากฏว่าเหล่าคนตายต่างลุกขึ้น มีอารมณ์คึกคัก มีความรู้สึกเช่นมนุษย์อีกครั้ง เริ่มดำเนินชีวิตแบบเก่า บางคนก็ลุกขึ้นเต้นรำ ไปเที่ยวเล่นเฮฮา บ้างก็วิ่งไปร้านเหล้าสั่งเหล้ามากินจนเมามาย ส่งเสียงเอะอะทะเลาะกันก็มี ที่สุดถึงขั้นลงมือต่อยตีกันก็มี บ้างก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งได้ยินไปถึงแดนสวรรค์
ฝ่ายนักบุญเปรโตรซึ่งทำหน้าที่ยามเฝ้าประตูสวรรค์ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะก็คิดว่าพวกโลกใต้บาดาลจะก่อการปฏิวัติแข็งข้อ จึงเรียกประชุมเหล่าพลเทวดา เตรียมพร้อมจะต่อสู้ขับไล่ข้าศึกที่จะขึ้นมาตีแดนสวรรค์ให้ถอยกลับไป แต่คอยอยู่นานก็ไม่เห็นมีใครขึ้นมา นักบุญเปโตรจึงกระโดดขึ้นขี่ม้าควบออกไปที่ประตูสวรรค์ลงไปที่โลกใต้บาดาลเอง ไปดูแลปราบปรามพวกคนตายให้อยู่ในความสงบ โดยสั่งให้ทุกคนลงไปนอนในหลุมของตนเช่นเดิม แล้วเอาดวงจันทร์ขึ้นมาจากที่นั่น จัดแจงเอาขึ้นไปแขวนไว้ที่บนท้องฟ้านับแต่นั้นเป็นต้นมา
Credit: ดัดแปลงเล็กน้อยๆมาจาก หนังสือนิทานพื้นบ้านเยอรมัน โดย รศ.ดร.อำภา โอตระกูล
อาวล่ะ~~ เรามาเข้าเรื่องของเราดีกว่า...ในอดีตแอมเบอร์กราวด์ก็มีแต่ความมืดมิด ทีนี้พอแสงไม่พอมันทำอะไรก็ลำบาก ผู้บุกเบิกนครราตรีแห่งนี้ 4 คน เลยลงขันกันซื้อพระจันทร์มาหนึ่งดวง เอาแขวนไว้บนต้นโอ๊กที่จุดสูงสุดของหุบเหวผู้ไม่หวนคืน แต่เมื่อพวกเขาแก่ชราลงและเริ่มล้มตายไปทีละคน พวกเขาก็สั่งให้ตัดพระจันทร์เป็นสี่ส่วนฝังตามพวกเขาไปด้วย นับวันแสงก็เลยหรี่ลงๆ จนไม่นานมานี้ ชายชราคนสุดท้ายก็ตายลง ร่างของเขาถูกฝังพร้อมจันทร์เสี้ยวที่สุสานผู้นิทราร่วมกับเพื่อนทั้งสามคน...ตอนนี้...สุสานผู้นิทราก็เลยแปลงร่างเป็นสุสานเฮฮาไปแล้ว เสียงโวยวายดังสนั่นจนชาวบ้านไม่เป็นอันหลับอันนอน
{{การบ้าน: Mission5}}
หน้าที่ของพวกเธอก็คือ...ไปตามเอาพระจันทร์กลับมาจากพวกผี แล้วเอากลับไปแขวนไว้ที่ต้นโอ๊กบนหุบเหวผู้ไม่หวนคืน เมืองใต้ดินจะได้กลับมาสว่างและสงบอีกครั้ง
เนื่องจากงานนี้มันออกจะอันตรายนิดหน่อย ดังนั้นซีจะแนะนำผู้ช่วยให้แล้วกันนะจ๊ะ^^ เอ้านี่ ม้วนกระดาษ
ระหว่างตามหาเบาะแส เจอคนของหน่วยสืบราชการลับที่ชื่ออิทาจิเมื่อไหร่ก็เอาให้เขาล่ะ แล้วเขาจะอำนวยความสะดวกให้เอง
ส่วนจุดเริ่มต้นก็...
1.ไปอ่านที่กระดานประจำเมือง
2.จากนั้นก็ตรงไปเอาพาสปอร์ตที่ห้องพักโรงแรมในแอมเบอร์กราวด์
3.แล้วก็ไปหาเบาะแสเพิ่มเติมที่สุสานผู้นิทราเลยจ้ะ
{เช็คชื่อ วิชาตำนานเทพนิยาย + รับม้วนสาร}
รหัสนักเรียน:
ชื่อ:
วันที่:
โชคดีในการทำภารกิจล่ะ
Sea[S]hore
colors grace.
ความคิดเห็น