ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยาย magic เวทมนต์สื่อรัก [hanchul][FicSJ]

    ลำดับตอนที่ #5 : คาถาที่.......4 ห้องเรียนเวทย์กับเด็กลูกครึ่งสุดหฤหรรษ์ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 58


    ห้องเรียนเวทย์กับเด็กลูกครึ่งสุดหฤหรรษ์

    ชีวิตนี้ผ่านไปหนึ่งวัน ทำไปรู้สึกว่าวันนึงช่างแสนยาวนาน 24 ชม. รู้สึกเหมือน 48 ชม. แต่ ทำไมเวลานอนมันช่างแสนสั้นซะจริงๆ  เอาดีๆนี่ก็หมดไปอีกครึ่งวันแล้วกับการทำการบ้านอ.ยองมินที่ห้องของเจีย

    “บ่ายโมงแล้วหิวว่ะ ไปหาอะไรกินกันไอ่ฮี” เสียงโจวควอนบ่นขึ้นขณะที่พวกเราเก็บเศษซากส่วนเกินของการบ้านไปทิ้งหมดแล้ว เหลือเพียงชิ้นงานที่พร้อมส่ง

    “นั่นดิ กินอะไรดีว่ะเจีย” คิดไม่ออกส่งต่อไปอีกคน มีตั้งหลายหัวต้องใช้ให้คุ้ม จริงไหมครับ-.-

    “อะไรก็เลือกสักอย่างเหอะ เดี๋ยวแกต้องรีบกลับไปช่วยงานเพื่อนพ่อแกไม่ใช่หรอฮี” แล้วผมก็โดนเจียย้อนเข้าให้ มาพูดให้จำมันได้ทำไมว่ะ ยิ่งอยากๆลืมอยู่ -*-

    “งั้นโทรสั่งไก่มาแดกกัน ขี้เกียจออกไปข้างนอกว่ะแดดร้อน” พูดจบก็เดินไปนอนกลิ้งบนโซฟา ที่ตรงนี้ตูยึดแล้วห้ามให้แย่งคนหล่อจะงีบ

    “จะแดกแล้วทำไมมึงไม่โทรสั่งก่อนเล่าไอ่ฮี”

    “มึงก็โทรสิไอ่โจวควอนกูคิดแล้ว มึงสานต่อด้วยกูจะนอนรอไก่” แอร์เย็นกำลังที่เลย นอนสบายนักแล

    “สบายเกินไปปะมึง” โจวควอนมันบ่นแต่ก็ต้องโทรสั่งละครับ ไม่งั้นก็อดแดกกันหมด ส่วนเจ้าของห้องมันดอดออกไปคุยโทรศัพท์อีกแล้ว แอบสังเกตนะครับตั้งแต่ผมมานี่เกือบ20รอบได้ล่ะ เดี๋ยวคุยเดี๋ยวส่งข้อความ แล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

    “พูดมากเดี๋ยวกูเอาเบอร์มึงไปให้กอนฮีเลยนิ” โจวควอนกำลังถูกกอนฮีตามจีบอยู่ล่ะครับ เรียนคนละคณะ ตึกอยู่คนละทิศของมหาลัยลัย แต่ก็ยังขยันมาที่คณะผมทุกวัน เอากับเขาสิครับ

    “โอเค   งั้นมื้อนี้กูเลี้ยงทุกคนเอง หายกันนะฮี”

    “น่ารักมากเพื่อนโจวควอน”

    ครึ่งชม.ผ่านไป ไวอย่างกับโกหก ไวสิครับมัวแต่เล่นเกมส์จนลืมเวลาเลยนี่นา

    ก๊อก~ก๊อก~

    “เอาของมาส่งครับ”

    “โจวควอนไปเอาดิเล่นเกมส์ค้างอยู่ว่ะ ขี้เกียจลุก”

    “ใช้อีกล่ะทำอะไรเองเป็นมั่งรึป่าวไอ่ฮี”

    “ทำเป็นแต่ไม่ทำ มีปัญหาป่ะ?”

    “มึงนี่” ไม่หันไปมองก็รู้ว่ามันต้องส่ายหน้าแน่ๆ คิมฮีชอลคือราชาของห้องนี่รู้มั๊ย ดังนั้นราชาจะไม่ทำอะไรใดๆทั้งนั้น รอกินอย่างเดียว สบายใจจังเลย

    “ไอ่ฮีคนส่งไก่เขาบอกอยากเจอมึงแหนะ” เสียงโจวควอนตะโกนมาจากห้อง ใครว่ะมันอยากเจอผม เดี๋ยวนะไม่เคยจำได้ว่าไปรู้จักกับคนส่งไก่ตอนไหน ความสงสัยมันทำให้เราอยากรู้จริงไหมครับ? ดังนั้นเพื่อให้หายสงสัยจึงต้องออกไปดูว่าเป็นใคร อย่าให้รู้นะว่าแกล้งจะเตะให้ตูดช้ำเลย เสียเวลาคนหล่อจะเล่นเกมส์

    “ไง~ เด็กน้อย” เฮือก มันมาคนที่อยากเจอะหน้าที่สุด ไอ่ผู้ดูแลฮันเกิง

    “มาได้ไง- -^

    “ก็มาส่งไก่ให้เด็กน้อยกินไง”

    “อ้อ เดี๋ยวนี้ทำงานพิเศษเป็นคนส่งไก่? แล้วร้านตัวเองไม่รู้จักเฝ้า”

    “เอ่อ....คุณฮีครับ สรุปว่ารู้จักกัน?”

    “ฮันเกิงครับเป็น....”

    “เพื่อนพ่อกูเองแหละ เรียกลุงได้เลย กูมั่นใจว่าแก่กว่าพ่อมึงชัวร์” แก่กว่าเป็นร้อยปีด้วย 555+

    “ทำไมพูดจาใจร้ายแบบนี้ เรียกพี่ก็พอ”

    “เอิ่ม งั้นเรียกอาล่ะกันครับ ครึ่งทาง ยังไงก็เป็นเพื่อนพ่อไอ่ฮีมัน เข้าไปข้างในก่อนไหมครับ?” จะเชิญพ่อมดประสาทกลับเข้าห้องมาทำไมเนี่ย แล้วนี่มาถูกได้ไงว่ะ สโต๊กเกอร์รึไง

    “ด้วยความยินดีเลย ส่วนค่าไก่จ่ายไปให้เรียบร้อยแล้วล่ะ”

    “อ่าว สรุปไม่ได้มาส่งไก่หรอครับ?”

    “ป่าว พอดีมาพร้อมคนส่งไก่แต่คนส่งไก่กลับไปแล้วครับ” คุยกันไปเลย ฮึ่ย ไหนบอกไปโลกเวทย์มนต์ไงว่ะทำไมกลับมาเร็วแบบนี้เนี่ย

    “ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ รีบเข้าไปนั่งกินกันเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมด” ทำไมเพื่อนโจวควอน ถึงกลายเป็นคนสุภาพไปซะได้ล่ะครับนี่

    “ป่ะๆ เด็กน้อยเข้าไปข้างในกัน” ทุกคนจึงไม่ได้ทำการเคลื่อนพลเข้าห้อง ไม่ถามเจ้าของห้องสักคำว่าเขาอนุญาตรึเปล่า แต่เดินเข้ามาเจ้าของห้องมันไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงซะแล้ว ถ้าจะขนาดนี้ตามมาที่ห้องเลยเถอะ

    “เจียแดกไก่เว้ย ไก่มาแล้ว”

    “เออๆ กินไปก่อนเลย เดี๋ยวออกไปกินข้างนอก กินเสร็จแล้วเรียกด้วยนะ” ตอบแค่นั้นแล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ ตูไม่น่าถามเลยจริงๆ หันมาอีกทีไก่เต็มปากโจวควอนครับท่าน ถ้าจะรีบกินขนาด

    “มองไรไอ่ฮี”

    “มองคนตะกละ มีอยู่กันอยู่2คน รีบแดกเพื่อ?”

    “2คนที่ไหนนับตกหรอครับเด็กน้อย” ไม่ต้องมาลูบหัวไม่ได้นับตกแต่จงใจไม่นับเว้ย

    “นั่นดิ ว่าแต่อาเกิงนี่ใช่คนที่ไอฮีมันบอกว่าต้องไปช่วยงานที่ร้านอะไรสักอย่างป่ะครับ?”

    “ก็คงประมาณนั้นแหละครับ ว่าแต่เราชื่ออะไรคุยมาตั้งนานยังไม่รู้ชื่อเลย” ทำเป็นเก๊กยิ้มให้ไอ่โจวควอน หว่านเสน่ห์ไปทั่ว-*-

    “อ้อ โจวควอนครับเรียนห้องเดียวกับไอ่ฮีมันนะ”  กัดไก่กินต่อ คือจะห่วงกินไปไหนครับคุณเพื่อน

    “เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว?”

    “อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลนู่นครับ บางทีผมก็เบื่อหน้าไอ่ฮีมันนะ เรียนห้องเดียวกันตลอด”

    “กูก็เบื่อมึงดิโจวควอน” สวนกลับเข้าไป อยากกวนดีนัก

    “เบื่องั้นแสดงว่าคืนนี้จะไม่ไปเที่ยวด้วยกันใช่ป่ะไอ่ฮี”

    “เที่ยวไหน?” นัดกันไว้ตอนไหนว่ะไม่เห็นจะรู้เรื่อง

    “ผับเปิดใหม่ในฮองแด ที่คุยในที่มหาลัยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อย่าบอกนะว่าลืมนะไอ่ฮี”

    “ลืมว่ะ โทษทีคืนนี้กูไม่ว่างแล้ว” เพราะต้องไปเรียนต่อที่โลกเวทมนต์อีก ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียน ใครบอกว่าเป็นพ่อมดมันสบาย ผมนี่ขอเถียงสู้ตายใจขาดดิ้นเลยนะครับว่ามันไม่จริง

    “เสียใจด้วยนะ คืนนี้ผมต้องเอาเด็กดื้อคนนี้ไปใช้แรงงาน” ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าเมื่อครู่ ผมเห็นไอ่เถิกนี่นิ่งแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ตอนแบตเตอร์รี่หมด

    “งานอะไรครับ ให้ผมไปช่วยไหม? เสร็จไวไอ่ฮีจะได้ออกมาเที่ยวกับพวกผม” สรุปว่าจะลากกูออกไปให้ได้สินะคุณโจวควอน

    “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวต้องทำการบ้านต่อ เอามาให้มึงลอกไง”

    “เออ งั้นตั้งใจนะเพื่อนคืนนี้ไม่ต้องมาแล้ว” เปลี่ยนสีทันที ไวไปไหมมึง - -'

    “งั้นตามนั้น เดี๋ยวว่ากูกลับก่อนนะโจวควอนฝากบอกเจียด้วย มีธุระต้องไปทำนิดหน่อยว่ะ”

    “กลับก่อนนะครับเด็กๆ ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่”

    ผมจึงตัดสินใจเลือกกลับร้านโดยมีคุณผู้ดูแลหัวเถิกติดสอยห้อยตามกลับมาด้วย  ถึงร้านก็แยกย้ายกันผมก็เข้าห้องมาเคลียร์การบ้านของที่มหาลัยให้เสร็จ จะได้นอนพักเอาแรงก่อนไปเรียนที่โลกเวทมนต์อีกรอบตอนสองทุ่ม ส่วนผู้ดูแลหัวไม่รู้ครับ ปล่อยมันไป

     

    โรงเรียนเวทมนต์ฝึกหัด คลาสแรก

    “สวัสดีครับ มาเจอกันอีกแล้วนะครับ ผมแรมป์ครับจำกันไม่ไหมเอ่ย?” ใครจะไปลืมผู้ช่วยผอ.ที่มาเพียงไม่กี่วิคราวที่แล้วลงครับ เล่นปล่อยซึนซะขนาดนั้น

    “จำได้สิครับ” ฮยอกแจตอบคนเดียวส่วนคนอื่นเงียบกันหมด ยังดีหน่อยนะครับ เพราะในเวลาเรียนผู้ดูแลไม่ต้องเข้ามาเรียนกับพวกผมด้วย ไม่งั้นคงเกร็งกันน่าดู ไม่ใช่ว่าเกร็งผู้ดูแลของตัวเองหรอกนะครับ เกร็งของคนอื่นมากกว่า

    “น่ารักมากครับคุณฮยอกแจ ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายให้ทุกคนรู้จักผมให้มากขึ้นสักหน่อยนะครับ เพราะถึงผมจะเป็นตุ๊กตาเวทย์ที่สร้างขึ้นมาช่วยงานของผอ. ผมก็มีความรู้สึกนะครับ ที่คนอื่นๆไม่ตอบคำถามมีเหตุผลรึเปล่าครับ หรือจำผมไม่ได้?”

    “เปล่าครับ/ค่ะ” คราวนี้ทุกคนพร้อมใจกันตอบลั่นห้องเลยครับ

    “งั้นใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลที่ผมบอกเมื่อครู่รึเปล่าครับ?”

    “ทำไมเป็นตุ๊กตาเวทย์ถึงมีความรู้สึกได้ล่ะครับ?” ผมยกมือขึ้นถามอย่างสงสัย

    “ผมขออธิบายสั้นๆนะครับ ตุ๊กตาเวทย์ถูกสร้างขึ้นมาแต่ล่ะตัวก็มีวัตถุประสงค์ต่างกันไป การใส่ความรู้สึกและอารมณ์เข้าไปในตุ๊กตาเวทย์ก็เป็นส่วนที่จะทำให้ตุ๊กตาสามารถพัฒนาได้ง่าย และไม่ต้องมานั่งดูแลตลอดเวลาด้วยนะครับ”

    “นอกจากตุ๊กตาเวทย์แบบคุณแรมป์แล้วยังมีแบบอื่นอีกหรอครับ?” คราวนี้อีทึกเป็นคนถาม

    “มีสิครับ มีหลายแบบมาก สามารถทำให้เหมือนกับพ่อมด หรือแม่มดที่มีตัวตนอยู่จริงก็ได้นะ เหมือนทุกอย่างไม่ว่าความคิดหรือการทำแต่ต้องดึงด้านมืดของจิตใจของพ่อมด หรือแม่มดเข้าไปในร่างตุ๊กตาเวทย์ แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือต้นแบบของตุ๊กตาเวทย์จะมีร่างกายที่อ่อนแอลงอย่างมาก เพราะดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนทำตุ๊กตาเวทย์ที่เหมือนตนเองขึ้นมา”

    “แล้วถ้าพวกเราอยากได้ตุ๊กตาเวทย์บ้างล่ะครับ?” ซองมินถามอย่างตื่นเต้น สงสัยอยากได้มาเล่นบ้าง

    “ตระกูลของบ้านคุณฮันเกิงก็ทำนะ ค่อยข้างเก่าแก่เลยทีเดียวต้องลองให้คุณฮีชอลถามให้นะคุณซองมิน เพราะเท่าที่ผมรู้มาคนในตระกูลนี้ไม่ค่อยถูกกับพวกเลือดผสมสักเท่าไหร่ ผมยังแปลกใจเลยนะเนี่ยว่าทำไมคุณฮันเกิงถึงมาเป็นผู้ดูแลได้” หืม? ไม่ถูกกับพวกเลือดผสมงั้นหรอ? สงสัยจะมีเรื่องให้ทำซะแล้ว ได้เวลาสนุกแล้วสิ แต่ท่าทางไอ่หัวเถิกนั่นดูไม่ค่อยเหมือนคนไม่ถูกโรคกับพวกลูกผสมเลยนะครับ

    “แล้วแบบนี้พวกผมจะซื้อได้หรอ? คุณผู้ดูแลฮันเกิงเขาไม่ได้ทำไม่ใช่หรอครับ?” ซองมินบ่นกระปอดกระแปดอย่างเสียดาย

    “ครับ ตอนนี้คนที่ทำเป็นบิดาของคุณฮันเกิง ซึ่งคนนั้นเกลียดลูกผสมมากๆซะด้วย มีข่าวลือเหมือนกันว่าคนๆนั้นไม่ยอมให้คุณฮันเกิงมาเป็นผู้ดูแล ผมถึงแปลกใจว่าทำไมถึงยอมได้”

    “ทุกคนคิดเหมือนที่ผมคิดไหม เรื่องนี้มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน ไปสืบกัน” ฮยอกแจบอกอย่างตื่นเต้น

    “สืบกันๆๆ >_<” เอิ่ม แม่มดน้อยมาอิก็เอากับเขาด้วย หนูเอาเวลาไปทำงานคิวปิดของหนูต่อเถอะมาอิ

    “แต่นี่มันชั่วโมงเรียนของผมนะครับ ไม่อนุญาตให้ไปเล่นกันครับ ไม่อย่างนั้นเห็นข้างหลังห้องไหมครับ?” เมื่อแรมป์บอกทุกคนจึงบอกไปยังหลังห้องพร้อมกัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกันอีกครั้ง ก็จะใครซะอีกล่ะครับ ผู้คุมกฎ ไม่น่าลืมนายซีวอนไปซะสนิทเลย

    “คุณฮีชอลไม่เคยได้ยินหรอ กฎมันมีไว้แหกนะ” ฮยอกแจหันมาสะกิดผมแล้วกระซิบเบาๆ

    “พูดอะไรผมได้ยินนะครับ” น้ำเสียงมานิ่งแต่ความโหดมาเต็ม ผมจะไม่แหกกฎ ถ้านายจะทำ ทำไปคนเดียวนะฮยอกแจ คิมฮีชอลจะไม่ยุ่ง

    “ตุ๊กตาเวทย์นี่มีจุดอ่อนไหม?” จู่ๆคนที่ชอบแต่เงียบอย่างคยูฮยอนก็ถามขึ้นมา จะถามจุดอ่อนไปเล่นงานเขาหรืออย่างไร ใครเขาจะบอกล่ะนั่น

    “ก็มีนะครับ เรียกว่าเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอประมาณนั้นครับ ยิ่งถ้าเป็นแบบเหมือนพ่อมด หรือแม่มด เมื่อตนแบบอ่อนแอลงมากๆ ตุ๊กตาเวทย์ก็จะอ่อนแอตาย อาจจะมีหยุดทำงานไปเลยก็มีแต่ถ้าท่องมนต์คาถาใส่ก็จะกลับมาเป็นปกติได้”

    “ครับ” คยูฮยอนตอบแล้วกลับไปนิ่งเงียบเหมือนเดิม

    “เอาล่ะทุกคนคุณแรมป์ว่าเราเสียเวลามามากแล้ว มาเริ่มเรียนกันเถอะ ใครอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตุ๊กตาเวทย์หลังไมค์แล้วกันนะครับถ้าหาผมเจอ”

    “แสดงว่าหาตัวอยากสินะค่ะเนี่ย” คิดเหมือนคุณฮีชอลเลยนะครับน้องมาอิ

    “นอกจากจะใช้บทสวดเฉพาะที่ผอ.ใช้เรียก ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหาเจอ” สงสัยเรื่องนี้ต้องพึ่งห้องสมุดแล้วล่ะครับ

    “งั้นไม่หาแล้วก็ได้ค่ะ” มาอิตอบอย่างขำๆ

    “เริ่มการเรียนกันเถอะครับ คาบแรก เราจะว่าเรียนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของโลกเวทมนต์กัน ก่อนอื่นให้ตัวแทน 6 คนบอกสัตว์ที่ตัวเองชอบมาผมจะสุ่มถามเอานะครับ ให้คิดในใจกันไว้ทุกคน”

    “ครับ/ค่ะ”

    “ดีมากครับ ตอนนี้ทุกคนคงมีสัตว์ที่ชอบในใจกันอยู่แล้วนะครับ”

    “ครับ/ค่ะ”

    “งั้นคุณอีทึกบอกสัตว์ที่คุณชอบมาหน่อยสิครับ” จะว่าไปของอีกทึกก็น่าสนใจอย่าจะรู้จะรู้เหมือนกันว่าเทวดาเขามีรสนิยมแบบไหนกัน

    “ผมชอบเป็ดครับ” หืม? มาแปลก-0-

    “5555+ น่ารักดีนะครับ ต่อไปผมจะเรียกคุณอีทึกว่าเป็ดทึกแทนล่ะกัน น่ารักดี”

    “อะ เอ่อ แบบนั้นก็ได้ฮะ” น่ารักจริงๆ ทำไมชอบเป็ด ทำไมไม่ไปชอบหงส์ สีขาวๆเหมือนกันดูดีกว่าตั้งเยอะ

    “คุณฮีชอลล่ะครับ” นั่นไงโดนจนได้เลยตู

    “แมวดำครับ” ผมว่าแมวมันนิสัยเหมือนผมดีนะ ผมว่า

    “ว้าว  แมวเป็นสัตว์ที่แม่มดนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดเลยนะนั่น ตาถึงนะครับคุณฮีชอล”

    “คุณคยูฮยอนล่ะครับ”

    “หมาป่า”

    “แหมสัตว์ดุซะด้วย” แซวทุกคนเลยครับคนสอน

    “คุณซองมินล่ะครับ”

    “ผมชอบกระต่ายนะฮะ คุณกระต่ายน่ารัก >__<” คนนี้ก็มาน่ารักตลอด

    “ระวังคุณกระต่ายจะโดนหมาป่าขย้ำนะครับคุณซองมิน คุณแรมป์มองอะไรไม่เคยพลาดน้า”

    “พลาดค่ะพลาด เพราะหมาป่าชิมกระต่ายไปแล้ว คิคิ” อะไรคือชิมไปแล้วครับมาอิ แล้วทำไมจู่ๆซองมินหน้าแดง แล้วทำไมผมถึงไม่รู้อะไรเลย

    “มาอิรู้อะไรมา เล่าให้ฮยอกฟังบ้างสิ”

    “อะ แฮ่มเอาไว้ไปต่อกันหลังไมค์นะครับเดี๋ยวผมไปแจมด้วย” แต่ละคนไม่ค่อยเลยนะครับ

    “คุณฮยอกแจล่ะครับ”

    “ผมชอบปลาครับ ปลาแอนโชวี่”

    “อ้อ น่ารักดีนะครับ สุดท้ายคุณจีดรากอนครับ” ฟังจากชื่อนี่คงเป็นมังกรสินะ

    “เอิ่ม ม คงเป็นลิงเห็นแล้วรู้สึกเหมือนเห็นผู้ดูแลตัวเองดี”

    “หืม? คุณท๊อปสินะครับ จะว่าไปก็เหมือนจริงๆนะครับ แต่หล่อนะครับนั่น 555+”

    “เอาล่ะครับมีใครไหมว่าสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในโลกเวทมนต์ของเรามีอะไรบ้าง?”

    “แมว นกฮูก หนู”

    “ถูกต้องครับอีทึก”

    “อย่างที่รู้ๆกันว่าสัตว์เลี้ยงในโลกเวทมนต์มีหลักคือ 3 ชนิดนี้แต่สัตว์ชนิดอื่นก็มีนะครับ เรื่องสัตว์เลี้ยงผมจะพูดถึงแค่นี้ก่อนะครับ เพราะอีกนานพวกคุณจะได้เลี้ยงมันแค่บอกไว้ก่อน”

    “โหย เห็นถามนึกว่าจะให้เลี้ยง” ซองมินครับท่าน โดนสกัดดาวรุ่งสินะ

    “ยังครับๆ นี่ถ้าผมไม่บอกเลิกเรียนคงจะพากันไปซื้อสินะ ยังไม่ต้องซื้อนะครับ จนกว่าจะขึ้นปี2”

    “โหย ต้องรอเป็นปีเลยหรอ?-3-“ ซองมินนายนี่ท่าทางอยากจะได้มากเลยสินะ

    “ครับ ต้องฝึกกันอย่างน้อยหนึ่งปี สัตว์ในโลกนี้ไม่เหมือนสัตว์ของพวกคุณหรอกนะครับ มันมีความคิดเป็นของตัวเองแล้วมันก็เลือกนายของมันเองด้วย เป็นสัตว์ที่ยุ่งยากมากเลยล่ะครับ”

    “มีงี้ด้วยปกติเราต้องเลือกมันไม่ใช่หรอ ก็เราเป็นคนเลี้ยงมันนี่นา”

    “ใช่ครับ สำหรับโลกอื่นๆ แต่สำหรับโลกเวทมนต์มันไม่ใช่ดังนั้น เรามาเรียนสิ่งเราควรเรียนกันดีกว่านะครับ”

    “แบบนี้ถ้าเกิดเป็นพวกที่ไม่มีสัตว์ตัวไหนชอบเลยก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงเลยอ่ะสิครับ” นายจะสื่อถึงอะไรกันฮยอกแจ

    “ก็มีนะครับพ่อมด แม่มดที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงนะ”

    “ถ้าอย่างนั้นแม่มดที่ยืนดูพวกเราคนนั้นเขามีรึเปล่า?”

    “ทำไมไม่ลองถามเขาเองดูเลยล่ะครับคุณฮยอกแจผมว่ามันจะง่ายกว่านะครับ จริงไหมคุณชเวซีวอน”

    “ของผมเป็นนกฮูก แต่ถึงจะบอกสายพันธุ์ไปแวมไพร์อย่างนายคงไม่รู้หรอก อย่างนายเหมาะกับค้างคาวมากกว่านะคุณฮยอกแจ”

    “ใครถามความเห็นนายกันว่าฉันเหมาะหรือไม่เหมาะกับอะไร”

    “เอาล่ะครับใจเย็นๆ อย่าเปิดศึก ผมยังไม่ได้สอนอะไรเลยนะ T^T

    “ทุกคนใจเย็นๆค่ะ สงสารคุณแรมป์นิดนึง เดี๋ยวโดนผอ.ซูมานเล่นงานเอา” มาอิบอกให้สงสารแรมป์แต่เธอขำทำไม นี่เธอสงสารเขาจริงๆรึเปล่า

    “ขอบคุณนะครับมาอิจังที่เมตตาตุ๊กตาเวทย์ตัวน้อยๆอย่างผม กระซิกๆ”

    “ตุ๊กตานี่ร้องไห้ได้ด้วยแหะน่าสนใจ”

    “เอิ่ม ผมไม่ได้มีไว้เล่นครับคุณจีดีดรากอนใจเย็นๆ เสื้อผ้าคุณดูล้ำสมัยดีนะครับ”

    “อ้อ นี่นะหรอผมไปซื้อมาที่โลกมนุษย์นะ ยังไม่วางขายเลยนะสนใจไหม? เสื้อตัวล่ะล้านห้าเหรียญเอง” เอิ่ม เหรียญนี่คงเป็นเหรียนสหรัฐ ทำไมแค่เสื้อมันก็แพงลิบลิ่วขนาดนี้ ถึงมันจะดูดีมากก็เถอะ เสื้อผ้านายมันแพงได้กว่านี้รึเปล่าจีดรากอน

    “ตุ๊กตาเวทย์อย่างผมไม่มีเงินของมนุษย์ใช้หรอกนะครับ แล้วลูกครึ่งมังกรเทพอย่างคุณลงไปทำอะไรที่โลกมนุษย์ล่ะครับ”

    “พอดีว่างๆ เลยลงไปเดินเล่นนะ” ทำไมคิมฮีชอลอย่างผมถึงไม่ได้สะกดคำว่าว่างแบบคนอื่นเขาบ้างเลยล่ะครับ อิจฉา ตรง ว่างๆเลยไปเดินเล่น ขอโมเม้นแบบนั้นให้คิมฮีชอลบ้างสิครับพระเจ้า ทำไมมีแต่คำว่าเรียน กับเรียน เห้อม ม

    “อ้อ ลืมไปเลย ผมต้องเอาบัตรนักเรียนให้ทุกคนก่อน ในนี้ยังไม่มีรูปทุกคนหรอกนะครับจะเพียงแค่ข้อมูล ผมจะให้จากหน้าห้องนะครับ” แรมป์ร่ายมนต์อะไรสักอย่างแล้วซองเล็กก็มาโผล่ในมือจำนวนหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นจำนวนนักเรียนในห้องนี้พอดี แรมป์ร่ายมนต์อีกครั้ง ซองพวกนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าพวกผม

    “แล้วทำยังไงต่อครับ”

    “ให้ทุกคนแกะของใครของมันนะครับ ห้ามขอเปิดของคนอื่นเด็ดขาด เมื่อเปิดแล้วให้ทุกคนจ้องไปที่บัตรของตัวเองแล้วพูดชื่อตัวเอง จะทำท่าทางแบบไหนก็ได้นะครับไปว่ากัน เมื่อพูดจบบัตรจะทำการเก็บข้อมูลด้วยตัวของมันเองหลังจากนั้นจะแลกเปลี่ยนกันดูก็ได้แล้วนะครับ”

    “ครับ/ค่ะ” ทุกคนขานรับและทำตามอย่างสนุกสนาน ผมเองก็เช่นกัน คิมฮีชอลต้องหล่อที่สุดในบัตรนักเรียนเวทมนต์ พอทำตามและเก็บข้อมูลจนมีรูปขึ้นในช่องว่างๆ ก็เห็นเป็นรูปของผมในพร้อมกับท่าทางที่ผมทำตอนพูดชื่อขยับซ้ำไปซ้ำมา น่ารักดีนะครับ แต่ถ้าเผลอไปวางทิ้งไว้ที่ไหนคงหลอนน่าดูรูปขยับไปขยับมาตลอดเวลาแบบนี้

    “ผมอยากให้ทุกคนรักษาบัตรใบนี้ไว้ยิ่งชีพเลยนะครับ เพราะถ้าบัตรใบนี้หาย เราจะมีบทลงโทษให้พวกคุณอย่างแน่นอน ตอนนี้ผมให้เวลาทุกคนตื่นเต้นกับบัตรก่อนนะครับ เพราะผมต้องไปประชุมสภาเวทมนต์กับผอ.ซูมานเกี่ยวกับเรื่องของพวกคุณนิดหน่อย การบ้านวันนี้ให้ทุกคนกลับไปอ่านหนังสือที่อยู่ในล็อคเกอร์ของพวกคุณนะครับ”

    “เห๋? ล็อคเกอร์อะไรครับ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าเรามีล็อคเกอร์ด้วย” ฮยอกแจนายนี่สงสัยทุกอย่างเลยป่ะ

    “นั่นสินะค่ะ ล็อคเกอร์อะไรหรอ?” มาอิอยู่กับฮยอกแจได้ดีนะ จอมสงสัยเหมือนกันเลย

    “ล็อคเกอร์ของเด็กฝึกหัดเพิ่งทำขึ้นในปีนี้นะครับ ในระเบียบการจึงไม่มี ทุกครั้งหามีหนังสือหรือจดหมายอะไรถึงพวกคุณทางโรงเรียนจะนำเอาไปไว้ในล็อคเกอร์นะครับ การเปิดใช้จะมีช่องสำหรับเสียบบัตรนักเรียนเวทมนต์ของพวกคุณเข้าไปแล้วล็อคเกอร์ก็จะเปิดอัตโนมัติเวลาปิดก็แค่ดึงบัตรออกจากตู้ล็อคเกอร์ ในครั้งแรกจะคุณจะเลือกใช้ห้องไหนก็ได้นะครับ แต่หลังจากที่มีการเสียบบัตรครั้งแรกไปแล้วตู้ล็อคเกอร์ห้องนั้นจะกลายเป็นของคุณทันที โดยข้อมูลจากบัตรนักเรียนจะถูกฝังเข้าล็อคเกอร์โดยอัตโนมัติในครั้งแรก ครั้งต่อๆก็ให้เลือกที่ตู้ของตนเองนะครับ เพราะบัตรจะสามารถเปิดแต่ล็อคเกอร์ว่างและล็อคเกอร์ที่ที่ข้อมูลของคุณ สำหรับในการเปิดล็อคเกอร์ว่างจะสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวกับตู้ของโรงเรียนนะครับ สำหรับตู้ของสถานที่อื่นอย่างหอสมุด หรือโรงยิมกีฬาก็ใช้ได้ที่ล่ะครั้งนะครับ มีใครสงสยัอะไรอีกไหมครับ?” อธิบายซะละเอียดยาวยืดขนาดนี้ ใครสงสัยอีกก็โง่เต็มทีล่ะ

    “ไม่ครับ/ค่ะ”

    “งั้นทุกคนผมไปก่อนล่ะนะครับ อย่างลืมไปเอาหนังสือที่ล็อคเกอร์นะครับ อ้อ ล็อคเกอร์อยู่ทางเข้าของโรงเรียนนะครับ ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่คงติดตั้งเรียบร้อยแล้ว บายครับทุกคน”

    “ทุกคนเคารพ” อีทึกพูด

    “ขอบคุณครับ/ค่ะ” สงสัยเราจะได้หัวหน้าห้องเรียนแล้วล่ะครับ

    “ยินดีครับ” แล้วแรมป์ก็หายตัวไปในทันที ตุ๊กตาเวทย์นี่สามารถใช้เวทมนต์ได้ด้วยสินะ ทำไมมันดีอย่างนี้

    “งั้นทุกคนเราไปดูล็อคเกอร์กันเถอะค่ะ ใครจะไปกับมาอิบ้างไหมเอ่ย?”

    “ผม ^0^-<<ซองมิน

    “ผมด้วยๆ>0<<< ฮยอกแจ

    “.....” คยูฮยอนไม่พูดครับแต่เดินมาหลังซองมินแล้ว ซองมินนายระวังหลังนายไว้ให้ดีเลยนะนั่น ผมว่าหมอนี่แลไว้ให้ไม่ค่อยได้

    “ไปด้วย” และนี่คือผมเอง

    “เอ่อ แล้วที่เหลือล่ะค่ะ” มาอิหันไปถามพวกที่เหลือ พวกที่เหลือก็หันหน้ามองกันไปมาสักพักกะยักหน้าให้มาอิ พยักหน้าคือไปด้วยสินะ ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจึงเคลื่อนทัพไปยังทางเดินเข้าตัวอาคารของตึกนี้กัน ฟังดูอลังการมาก โดยมีอีทึกมาเดินข้างๆผม และซีวอนอยู่ท้ายขบวน จำเป็นต้องเฝ้าทุกฝีก้าวไหมครับ?

    “นี่นายเป็นลูกครึ่งมนุษย์ใช่ไหม?” อีทึกหันมาถามผมขณะกำลังเดินไป คนอื่นๆกับจับคู่คุยกันเหมือนกัน

    “ก็ครับ ทำไมหรอ?”

    “ฉันอยากลงไปเที่ยวบ้างจัง เอาไว้ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์พาทัวร์หน่อยสิเดี๋ยวฉันลงไป”

    “แล้วรู้หรอว่าผมอยู่ไหน โลกมนุษย์ใช่ว่าจะแคบๆ”

    “สวรรค์ก็ไม่แคบ อ่ะนี่” ยื่นตุ๊กตาเป็ดตัวเล็กๆให้ผม มันตัวขาวๆขนปุยๆ สรุปนุ่มมาก

    “ให้ทำไมอ่ะ”

    “ก็ถ้านายมีของของฉันติดตัว ต่อให้นายอยู่ซีกโลกไหนฉันก็ไปถูก ตามเจ้านี่ไปไง ง่ายนิดเดียว” มีการขยิบตาให้อีก เป็นเทวดามันสบายจริงๆ มันหลังอยากใช้บริการวาร์ปไปส่งมหาลัยบ้างขี้เกียจนั่งรถเมย์

    คุยกันไปกันมาสักพักก็ถึงแถวๆทางเดินเข้าโรงเรียน มีล็อคเกอร์มาตั้งติดประตูตัวอาคารเรียนจริงๆด้วย จำได้ว่าตอนมายังไม่มีเลยนะเนี่ย ติดตั้งไวโคตร แบบนี้ต้องใช้บริการบ้างล่ะ สร้างบ้านให้ผมฟรีหลังนึงที ไม่อยากอยู่กับผู้ดูแลอะครับ เบื่อขี้หน้ามัน หัวเถิกๆเหม่งๆแถมหื่นอีกตะหาก แค่เห็นหน้าก็เพลียล่ะ ผมนี่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนในบ้านนี้ไม่ชอบลูกผสมเลยอ่ะ จากที่ผมเห็นและเจอมันเอิ่ม มตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

    “ฉันจองอันที่ 2” ผมชอบเลข2 มันสวยดี เย้ เกี่ยวไหม?

    “งั้นของฉันขอห้องแรกแล้วกัน” อีทึกว่าแล้วเอาบัตรนักเรียนเวทย์เสียบทันที ผมเลยเสียบตามมั่งคนอื่นก็พากันไปเดินหาห้องที่ตัวเองอยากได้ ข้างๆผมก็มีซองมินมาใช้ ถัดมาจากซองมอนก็เป็นคยูฮยอน ฮยอกแจแล้วก็มาอิส่วนคนอื่นๆคือมองเห็นไม่ถนัดเหมือนกันว่าใครเลือกห้องไหนกันไปเพราะประตูล็อคเกอร์มันบังพอดี เลยเห็นแค่นี้

    ทันทีที่เปิดล็อคเกอร์ดูก็เห็นหนังสือเวทย์ลอยอยู่กลางล็อคเกอร์หนึ่งเล่ม มีไอสีแดงอ่อนๆรอบตัวหนังสือ คงจะเป็นไอเวทย์ที่สั่งให้หนังสือลอยไว้ ทนทีที่เอื้อมมือเข้าไปจับไอเวทย์ก็หายไปทันที

    “ได้หนังสือล่ะฉันกลับก่อนนะ บายๆ ทึกกี้” ตั้งชื่อใหม่ให้เขาอีกตู ผมเป็นพวกชอบตั้งฉายาให้คนอื่นเขาไปทั่ว

    “เอ๋? ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะ”

    “อ่าว...ไม่ได้หรอ?”

    “อืม จะเรียกก็เรียกเถอะไม่มีอะไร งั้นบายๆนะ เจอกันพรุ่งนี้แล้วนายไม่รอผู้ดูแลมารับงั้นหรอ?”

    “ไม่ดีกว่าขี้เกียจรอ จะรีบกลับไปนอนแล้วด้วย” เวลาที่โลกมนุษย์ ณ กรุงโซลคงจะปาไป5ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก ชีวิตเรียนอะไรเยอะแยะ ลูกครึ่งข้ามสายพันธุ์ใช่ว่าจะดีสักหน่อย-3-

    “บาย” ได้เวลาพักผ่อนแล้วสิ

    'ร้านค้าเวทมนต์ สาขากรุงโซล 003'

    ผมกลับมาเจ้าผู้ดูแลหัวเถิกนั่นยังไม่กลับมาเลย ช่างหัวมันไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับดี ยึดร้านแมร่งเลย



    ------------------------------------------------------------------------------------------

    จะรีบมาต่อนะ สัญญาไปเกินหนึ่งอาทิตขอกลับไปบิวอารมให้กลับมาอยู่ที่พิมค้างไว้ก่อน
    ในหัวผมนี่เกือบจบแล้ว 55+
    --------------------------------------------------
    อัฟเต็มร้อย% แล้วเด้อ พยายามแต่งให้ยาวสุดชีวิต 5555+
    และพยายามไม่ให้มันเวิ่นเว้อเกินไป
    ขอให้ทุกคนชอบนะครัช
    ช่วงนี้ป่วย..ความเครียดรุมตอม เหมือนขี้ที่โดนแมลงวันตอม T^T

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×