คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Pet Story HC 03 ครอบครัวเดียวกัน 100%
Pet Story HC 03
ครอบครัวเดียวกัน
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้ชายทั้ง
3 คน
ดังขึ้นเป็นระลอกสลับเสียงหัวเราะผสมปนเปไปกับเสียงลูกแมวอายุราวๆปีกว่า
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านเด็กน้อยจองซู ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงของใครบางคน
“ฮันเกิง ฮันเกิง”
เสียงตะโกนเสียงฮันเกิงดังมาจากบ้านข้างๆซึ่งก็คือบ้านของฮันเกิงเอง
“คุณแทกุกเรียกแล้ว
ฮันเกิงเดี๋ยวพี่เดินไปส่งหน้าบ้านนะ เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่นกับเจ้าเหมียวใหม่นะ” จองซูบอกก่อนจะอุ้มแมวไปวางไว้บนโซฟานั่งเล่น
“ทำไมไม่แวะไปบ้านฮันเกิงสักหน่อยล่ะ
เราจะยังไม่เคยไปกันเลยนี่คุณจองซู”
ซีวอนเสนอแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้านก่อนคนแรก
อีกสองคนก็ได้แต่มองหน้ากันก่อนส่ายหัวเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินตาม
“คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนะอย่าใส่ใจเลยฮันเกิง”
“ครับพี่จองซู” ฮันเกิงตอบแล้วยิ้มกว้าง
“อ่าว คุณหนูซีวอน
อยู่บ้านนี้ด้วยหรอครับ?”
แทกุกถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นบุตรชายของผู้เป็นเจ้านายมาอยู่บ้านข้างๆ
แถมยังเดินอยู่กับ ลูกชายของลูกน้องหุ้นส่วนอย่างฮันเกิง
ไม่คาดคิดว่าเด็กพวกนี้จะคุยเล่นกัน
ตอนแรกที่เหลินฉินบอกให้เขาเดินมาตามฮันเกิงที่บ้านหลังนี้ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมมาอยู่ที่บ้านหลังข้างๆ
“ก็มาเรียนพิเศษกับคุณจองซูเป็นปกตินะครับ”
“จองซูลูกชายของเลขาท่านประธานคุณโบอาสินะครับ?”
“ใช่ครับ นั่นแม่ผมเอง” จองซูที่เดินตามมาทีหลังเป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“ฮ่าๆ ยินดีที่ดีได้รู้จักนะ
ดูดีเหมือนแม่ไม่มีผิดเลย”
“เอ่อ...คุณแทกุกเรียกฮันเกิงทำไมหรอครับ”
“อ่า ใช่ลืมไปเลย
เหลินฉินให้มาตามไปกินข้าวนะ จองซูกับคุณซีวอนก็เข้ามาทานด้วยกันนะครับ
ทานหลายๆคนจะได้อร่อย” แทกุกว่าพร้อมกับเดินเปิดประตูให้กับเด็กทั้ง3คน คว้าข้อมือฮันเกิงแล้วพาทุกคนเดินเข้าไปในบ้าน
“อ่าว เด็กๆมากันครบเลย” เหลินฉินพูดเมื่อเห็นทุกคนเดินเข้าไปในครัว ขณะนี้เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมโต๊ะอาหารอยู่
“คุณทำเองหมดนี่เลยหรอครับ?” จองซูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เพราะปริมาณอาหารที่วางเรียงรายอยู่เบื้องหน้านั้นหลายอย่างมาก
ไม่เหมือนปริมาณอาหารที่กินกัน 2-3 คนเลย
“ไม่หรอกคุณแทกุกช่วยทำด้วยนะ”
“น่าแปลกนะครับ คุณแทกุกผู้ช่วยของคุณพ่อที่งานยุ่งจนแทบไม่ค่อยได้เฉียดเข้าบริษัทมาทำอะไรแถวนี้?” จู่ๆซีวอนที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
จนทุกสายตาหันไปมองที่แทกุกคนเดียวอย่างอัตโนมัติ
“แปลกตรงไหนครับ
ตอนนี้ผมต้องมาช่วยประสานงานกับคุณเหลินฉินจนกว่างานทั้งหมดจะเข้าที่เข้าทาง” แทกุกตอบอย่างไปไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปช่วยเหลินฉินเตรียมโต๊ะอาหาร
“คุณจองซูคิดว่ายังไงดีครับ” ซีวอนหันมากระซิบกระซาบกับจองซูโดยที่สายตาไม่ละจากผู้ใหญ่2คนเบื้องหน้า
“เรื่องแบบนี้คงให้คำตอบไม่ได้หรอกครับ
มันไม่ใช่เรื่องของพวกเราแล้วมันก็ออกจะเร็วไปสักหน่อยที่พวกเราจะมาสนใจเรื่องพวกนี้นะครับคุณซีวอน”
“ไม่เห็นต้องเคร่งขนาดนั้นก็ได้นี่ครับคุณจองซู
จริงไหม? ฮันเกิง” ซีวอนหันไปหาฮันเกิงที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อหวังจะหาแนวร่วม
“ห๊ะ อะไรนะครับพี่ซีวอน?”
“อะไรกันฮันเกิงนี่นายไม่ได้ฟังที่พวกเราพูดกันเลยงั้นหรอ?” ซีวอนหลี่ตามองฮันเกิง
แต่ฮันเกิงกลับเอาแต่มองไปข้างนอกหน้าต่าง
“มองอะไรงั้นหรอฮันเกิง” จองซูถามฮันเกิงอย่างสงสัย
“ผมเห็นแมวตรงต้นไม้หลังหน้าต่างนะฮะ
เดี๋ยวผมมานะ” ว่าแล้วร่างเล็กๆของฮันเกิงก็วิ่งออกประตูหลังบ้านไป
วิ่งตรงไปที่ต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าต่าง ส่วนซีวอนกับจองซูแค่มองตามหลังแต่ไม่ได้เดินตามไปเลือกที่จะนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร
“อ่าว
ไปซะล่ะลูกชายคนนี้เห็นแมวเป็นไม่ได้เลย”
เหลินฉินบ่นพึมพำเบาๆแต่ทุกคนก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
“ฮันเกิงชอบแมวมากขนาดนั้นเลยหรอครับ?” จองซูถามอย่างข้องใจ
“มากๆเลยล่ะ
เมื่อตอนที่อยู่จีนจะมีแมวจรจัดเดินผ่านแถวที่พักของผมบ่อยๆ
ฮันเกิงก็จะวิ่งไปเล่นกับแมวพวกนั้นตลอด บางตัวก็เล่นด้วยบางตัวก็วิ่งหนี
เคยมีวิ่งตามจนตัวเองหกล้มเลยก็มีนะครับ”
เหลินฉินเล่าพร้อมกับนึกถึงภาพเมื่อตอนที่ฮันเกิงเพิ่งจะหัดวิ่งได้ไม่นาน
วิ่งตามลูกแมวจนตัวเองหกล้มแต่กลับไม่ร้องไห้เลยแม้แต่นิดเดียวกลับพยายามจะลุกขึ้นวิ่งตามลูกแมวต่ออีกเสียด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆ เชื่อเลยครับว่าชอบแมวจริงๆ
ไม่แปลกใจเลยล่ะครับทำไมถึงเรียบร้อยใจดีแบบนี้” จองซูว่า
“เด็กๆชมกันเองซะแล้ว
ทานข้าวกันเลยเถอะครับ เดี๋ยวฮันเกิงก็คงมา”
แทกุกว่าพร้อมตักข้าวให้กับทุกๆคนรวมถึงของฮันเกิงที่ยังไม่กลับมาด้วย
~
Pet Story HC ~
ทางด้านฮันเกิงที่วิ่งออกมานอกบ้านก็ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อตามหาลูกแมวทันที
ก็พบลูกแมวตัวสีขาวสะอาดยืนเกาะอยู่บนกิ่งไม้
ยิ่งฮันเกิงขยับตัวไปใกล้เจ้าลูกแมวก็ดูเหมือนว่าทำท่าจะร่วงอยู่ตลอดเวลา
“อยู่นิ่งๆนะเจ้าแมวน้อย” ฮันเกิงบอกกับลูกแมว
แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกแมวตกใจเสียจนเกือบตกลงไปด้านล่าง
โชคดีที่ลูกแมวตกลงมาบนตักของฮันเกิงเสียก่อน
“แง๊ววววว” ลูกแมวขู่ฟ่อใส่ฮันเกิงพร้อมกับตะปบข่วนมือไม่หยุด
“อย่าสิเจ้าเหมียวนี่
เดี่ยวตกต้นไม้ทั้งคนทั้งแมวพอดี”
ฮันเกิงคว้าท้องแมวเหมียวไว้แน่นก่อนจะค่อยๆปีนลงต้นไม้ด้วยมือข้างเดียว
ถึงปกติจะเป็นคนเรียบร้อยแต่เรื่องปีนป่ายต้นไม้นั้นฮันเกิงถนัดมาก
แล้วร่างเล็กของฮันเกิงก็วิ่งดุ๊กๆเข้าบ้านไปพร้อมกับลูกแมวในมือ
“ได้แมวกลับมาจนได้นะเรา
ไปกอดซะแน่นขนาดนั้นแล้วมันหายจะใจออกไหมเนี่ยหืม?” เหลินฉินหันไปบอกกับฮันเกิงที่วิ่งเข้ามาพร้อมลูกแมว
“ก็มันดิ้นนี่ฮะพ่อ เดี๋ยวมันหนี” ฮันเกิงว่าพร้อมกับวิ่งเอาลูกแมวขึ้นห้องนอน
“แล้วจะไม่กินข้าวหรอฮันเกิงห่วงแต่แมวจนลืมพวกเราแล้วนะ” จองซูแกล้งแซวน้องเล็กของกลุ่มอย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวฮันเกิงเอาเข้าเหมียวสีขาวนี่ไปไว้บนห้องก่อน
แล้วจะกลับมากินข้าวฮะพี่จองซู”
“ถ้านายมาช้าฉันจะกินข้าวของนายให้หมดแน่ฮันเกิง” ซีวอนก็ร่วมวงแกล้งฮันเกิงอีกคนด้วย
“คุณทั้งสองคนนี่ไปแกล้งน้อง
เล่นอะไรแบบเด็กๆกับเขาก็เป็นด้วยหรอครับสองคนนี้” แทกุกถามจองซูกับซีวอน
“มันก็ต้องมีบ้างนะครับ ผมก็อายุแค่ 13 ปีเรียนแค่เกรด 7
เองจริงไหมคุณจองซู”
“ไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนั้นก็ได้ครับ
คุณซีวอนเริ่มเข้าไปช่วยบริษัทตั้งอายุ 7 ขวบแล้วนี่ก็ผ่านมาตั้ง 6 ปีแล้วนะครับ คุณไม่เหมือนเด็กทั่วๆไป”
“แต่เด็กยังไงก็เป็นเด็กนะครับ
ไม่ว่าจะเรียนรู้อะไรมากแค่ไหนยังก็มีส่วนที่เป็นเด็กอยู่ อย่าลืมสิครับ”
“ผมไม่เถียงกับคุณซีวอนต่อล่ะ
เถียงไปมีแต่แพ้กับแพ้”
แทกุกว่าอย่างขำๆไม่ได้จริงจังอะไร
แล้วหันไปกินข้าวของตัวเองต่อมีบ้างครั้งที่ตักกับข้าวให้เหลินฉินบ้าง
“มาแล้วครับ คุยอะไรกันอยู่รึเปล่า?” ฮันเกิงวิ่งลงมาจากห้องนอนตรงลงมาที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งเก้าอี้หน้าถ้วยข้าวตามตำแหน่งที่เหลือไว้ให้ทันที
“แค่บอกว่าถ้านายยังไม่มากินข้าวอีกฉันกับคุณจองซูจะหนีกลับบ้านแล้วนะสิ” ซีวอนยังคงแกล้งน้องไม่เลิก
“โถ่ อะไรกันครับจะรีบกลับไปไหน
อุตส่าห์ได้มากินข้าวด้วยกันทั้งทีเป็นไงฝีมือทำกับข้าวพ่อผมอร่อยใช่ไหม?”
“อร่อยสิ
นายรีบกินเถอะเดี๋ยวโตไม่ทันพวกเรานะ”
จองซูว่าพร้อมกับตักกับข้าวเต็มจานฮันเกิงเลย
แต่เป็นผักเสียส่วนใหญ่
“ทำไมมันมีแต่ผักล่ะครับพี่จองซู” ฮันเกิงถามแต่ก็ตักกินโดยไม่มีเลือกกินแม้แต่น้อย
“อ่าว ถ้ากินเนื้อก็ตักเองสิฮันเกิง
มาใช้พี่แบบนี้ไม่ได้นะ”
หันไปว่าฮันเกิงแล้วจองซูก็ตักเนื้อเข้าปากตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณจองซูไปตักผักที่ตัวเองไม่ชอบให้ฮันเกิงกินแบบนี้มันไม่ดีนะครับ” ซีวอนพูดแล้วยิ้มขำๆก่อนจะกินของตัวเองต่อ
“แล้วฮันเกิงไปปล่อยน้องแมวไว้ยังไงเนี่ยหืม?” แทกุกถามขึ้นมาบ้าง
“อ๋อ เจ้าเหมียวหลับไปแล้วล่ะครับ
แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ฮันเกิงปิดประตูหน้าต่างแน่นสนิทไม่มีทางหนีแน่นอนครับ”
“ทำแบบนั้นมันขโมยแล้วรึเปล่าฮันเกิง
แมวนั้นอาจมีเจ้าของก็ได้”
เหลินฉินว่า
“ไม่น่านะครับ
ถ้ามีเจ้าของอย่างน้อยก็ต้องมีปอกคอ แต่เจ้านี่ไม่มีเลยนะครับ”
“ถูกใจล่ะสิ จะเอาตัวนี้หรอ?”
“ไม่ได้หรอครับ” เป็นการตอบคำถามด้วยคำถามที่คนเป็นพ่อต้องหยุดคิด
“ก็เลี้ยงสิฮันเกิง
หมู่บ้านนี้เลี้ยงสัตว์ได้ไม่ต้องห่วงว่าจะผิดกฎ” ซีวอนบอกเหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอกปรายๆ
“แน่ใจหรอว่าตัวเองจะดูแลแมวได้ฮันเกิง” ถึงเขาจะคิดไว้อยู่แล้วว่าจะหาแมวมาให้ฮันเกิงเลี้ยงสักตัวในตอนแรก
แต่ตอนนี้เขายังไม่แน่ใจเพราะว่าตอนนี้ฮันเกิงจะต้องไปโรงเรียนเกือบทุกวัน
“ได้ครับ ให้ผมเลี้ยงเถอะครับ
เจ้าเหมียวมันดูน่าสงสารเหมือนจะป่วยเลย”
“อ่า เอางั้นก็ได้
เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราไปซื้อของใช้สำหรับเจ้าเหมียวกัน”
“เอางี้เดี๋ยวฉันพาไปซื้อแล้วกันฮันเกิง” แทกุกอาสาเป็นคนพาไป
เนื่องจากเหลินฉินยังไม่ได้รับรถยนต์ส่วนตัวจากบริษัท
ซึ่งในตอนแรกประธานชเวจะซื้อให้กับเหลินฉินแล้วแต่เขายั้งไว้ก่อนเพราะบางทีทางบริษัทต้นสังกัดของเหลินฉินอาจจะซื้อให้ถ้าทำแบบนั้นอาจจะเป็นการก้าวก่ายจนเกินไป
แต่นี่ผ่านมา 2
สัปดาห์กว่าแล้วก็ยังไม่เห็นทางบริษัทที่จีนจะติดต่อมาถึงสวัสดิการตรงส่วนนี้เลย
“ขอบคุณครับคุณแทกุก”
“บอกหลายทีแล้วไม่ต้องเรียกคุณก็ได้
เรียกน้าจะดีกว่านะดูไม่ห่างเหินดี”
แทกุกบอกพลางยิ้มให้ฮันเกิง
“แหมทีกับพวกผมไม่เห็นมีแบบนี้เลยนะครับ” จองซูมีแอบแซวแทกุกเล็กน้อย
“กับพวกคุณผมไม่ค่อยได้เจอเลยนี่ครับ
เจอกันทีก็ไม่กี่นาที”
“แต่กับฮันเกิงจะเจอบ๊อยบ่อยเลยสินะครับ” ซีวอนพูดต่อจากแทกุก
“ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ครับคุณซีวอน
เดี๋ยวเถอะ”
“อะไรกันครับแค่นี้ทำเป็นดุหรอครับคุณแทกุก” ซีวอนยังคงไม่เลิกแกล้งแทกุก
“แล้วมันหมายถึงอะไรหรอครับน้าแทกุก” ฮันเกิงหันไปถามแทกุกด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
คุณซีวอนเขาก็แกล้งไปเรื่อยเปื่อยนะครับ”
“คุณซีวอนนี่เป็นเด็กที่ขี้แกล้งสินะครับ” เหลินฉินที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น
“ก็แบบนี้แหละครับไม่มีอะไรหรอก
ผมยังโดนแกล้งอยู่บ่อยๆเลย”
จองซูพูดขึ้น
“งั้นทำไมพี่จองซูกับพี่ซีวอนไม่ไปซื้อของใช้แมวด้วยกันล่ะครับ
เอาไปให้ตัวที่อยู่ที่บ้านพี่จองซูด้วย”
“อ่านั่นสิ แล้วแมวตัวนั้นตกลงจะเอาไว้กับจองซูใช่ไหม?” เหลินฉินหันไปถามจองซู เขาก็ลืมไปเลยว่า 3
วันมานี้มีแมวที่บาดเจ็บอยู่อีกตัวหนึ่งซึ่งจองซูกับฮันเกิงผลัดกันดูแลอยู่คนละวัน
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะครับ
เพราะดูเหมือนฮันเกิงของพวกเราจะชอบแมวตัวขาวๆเสียมากกว่า” จองซูตอบพร้อมยิ้มขำๆส่งให้ฮันเกิง
“งั้นเด็กๆก็รีบทานข้าวให้เสร็จได้แล้วนะครับ
เดี๋ยวไปซื้อของด้วยกัน”
แทกุกว่าพร้อมกับยกถ้วยข้าวของตนเองไปล้างเพราะกินอิ่มแล้ว
“นั่นนะสิ
นานๆออกไปเดินเที่ยวเล่นบ้างคงไม่เป็นอะไรหรอก”
“ครับๆ อยากไปก็ไปครับ
เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกคุณพ่อของคุณซีวอนก่อนนะครับ” แล้วจองซูก็ลุกออกที่นั่งทำท่าจะเดินกลับบ้าน
“อ่าว ไม่ทานให้อิ่มก่อนล่ะจองซู
เดี๋ยวค่อยโทรไปบอกก็ได้”
เหลินฉินว่า
เพราะจองซูกินเข้าไปยังไม่เยอะเท่าไหร่ ถึงส่วนใหญ่ที่จองซูกินจะเป็นเนื้อก็ตามที
“อ้อ ผมอิ่มแล้วครับ พอดีผมกินไม่เยอะ”
“กระเพาะอาหารคุณจองซูเขาเล็กนะครับ” ซีวอนต่อให้จองซูพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“ครับ ใครจะไปกระเพาะยักษ์เหมือนคุณล่ะครับ” จองซูประชดใส่ซีวอนก่อนจะวิ่งกลับไปบ้านออกโทรศัพท์
“พี่ซีวอนไปแกล้งพี่จองซูเขาทำไมล่ะนั่น
เดี๋ยวโดนโกรธหรอก”
“ไม่ต้องห่วง
อย่างคุณจองซูโกรธได้ไม่เกิน 5 นาทีหรอกเดี๋ยวก็ลืม
เรามากินให้อิ่มกันก่อนดีกว่า”
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วก็ขึ้นรถยนต์ของแทกุกเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเพื่อซื้อของใช้สำหรับแมว
โดยที่แทกุกเป็นคนขับ เหลินฉินนั่งข้างๆ และเด็กอีก 3 คนนั่งอยู่ด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กทั้ง 3 คนออกมาข้างนอกด้วยกัน ทำเอาฮันเกิงผู้เป็นน้องเล็กสุกอดตื่นเต้นไปไม่ได้
“ฮันเกิงนายจะเอาหัวมุดออกไปนอกจะกระจกแล้วนะ” จองซูพูดอย่างขำๆเมื่อเห็นผู้เป็นน้องนั่งเกาะกระจกรถยนต์สายตาพยายามกลาดจ้องมองทุกสิ่งอย่างที่รถขับผ่าน
“ก็ตั้งแต่มาที่นี่ฮันเกิงยังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยนี่ครับ”
“อย่ามาโม้หน่อยเลย นายไปโรงเรียนมา2-3วันแล้ว”
จองซูว่าอย่างขำๆ
“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ
ก็รถโรงเรียนมันมองข้างทางแบบนี้ไม่ได้”
ฮันเกิงหันไปทำหน้ามุ่ยใส่จองซูก่อนจะหันกลับไปเกาะกระจกต่อ
“ฮ่าๆ เถียงเด็กแพ้นะครับคุณจองซู”
“ไม่ได้เถียงกันครับ
แค่แกล้งเด็กเล่นเฉยๆ”
และตลอดการเดินทางฮันเกิงก็คอยหันมาถามนู่นถามนี่กับซีวอนและจองซูอยู่บ่อยๆว่าไอ่นี้คืออะไร
ไอ่นั่นคืออะไร โดยมีแทกุกกับเหลินฉินหันมามองบ้างเป็นระยะจนถึงห้างสรรพสินค้า
~
Pet Story HC ~
ที่บ้านของฮันเกิงแมวสีขาวที่นอนหายใจรวยรินก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้น
เดินสำรวจรอบๆห้อง พร้อมกับพึมพำอะไรสักอย่าง
“ทำไมถึงกลับร่างไม่ได้เนี่ย ย๊ากก” เสียงแมวน้อยพูดบอกมาด้วยภาษาคนพร้อมกับวิ่งพล่านไปทั่วห้อง
พยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
เขาเข้ามาในหมู่บ้านของพวกมนุษย์และกำลังปีนต้นไม้เพื่อตามหาจุนซาขึ้นๆลงๆต้นไม้อยู่หลายต้นจนชักไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นแมวหรือเป็นลิงกันแน่? ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆจู่ๆก็ได้ยินเสียงของเด็กมนุษย์ทำให้เขาสะดุ้งจนเกือบตกต้นไม้
แต่เด็กนั่นก็จับตัวเขาไว้ กลิ่นกายของเด็กคนนั้นทำให้เขามึนหัวอย่างมากจนสลบไป
“คิดสิคิด
คิมฮีชอลจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง จะกลับร่างเดิมก็ไม่ได้” เจ้าแมวน้อยพึมพำพร้อมกับเดินวนไปวนมาภายในห้องอย่างหงุดหงิด
ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็มีกลิ่นของเด็กชายคนนั้นหลงเหลืออยู่ในทุกที่ของห้อง
“ข้าเกลียดกลิ่นนี้จริงๆ
มันทำให้ข้าไม่มีแรง”
ฮีชอลยังบ่นพึมพำไม่เลิกพร้อมกับเอาร่างแมวน้อยข่วนตามหมอน
ผ้าห่มที่มีกลิ่นของฮันเกิงติดอยู่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะผล็อยหลับไปบนหมอน
~
Pet Story HC ~
“อ่าวจังมีเจ้ามาเดินวนไปวนมาอะไรหน้าถ้ำ
ไม่ไปดูแลพวกลูกๆของเจ้ารึ?”
เสียงแมวหนุ่มดังขึ้นทำให้แมวแม่ลูกอ่อนที่กำลังเดินวนไปมาหน้าถ้ำด้วยความกระวนกระวายหันไปมองด้วยความตื่นตะลึง
“เจ้าปลอดภัย? แล้วฮีชอลล่ะ เขาออกไปตามเจ้าไม่เจอกันหรอกรึ?”
“ห๊ะ?อะไรนะ
เจ้าแมวบ้านั่นแจ้นออกไปไหน?”
หากแต่ใช่เสียงจุนซาตอบแต่อย่างใดกลับเป็นเสียงของปีศาจหมาป่าคยูฮยอนเสียนี่
ที่มาตอนไหนก็ไม่มีแมวตัวไหนสังเกตเห็นเลย
“ออกไปหมู่บ้านของพวกมนุษย์เขาตั้งใจจะไปตามหาจุนซาเพราะจุนซาหายไปหลายวัน” จังมีตอบเพราะนางจำได้ป่าปีศาจหมาป่าตัวนี้มักจะมาหาฮีชอลอยู่บ่อยๆ
ถึงจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆก็ตามทีแต่ก็ไม่ใช่ปีศาจที่เลวร้ายอะไร
“มันเป็นความผิดของข้าเอง
ข้าตั้งใจจะไปหาเสบียงมาเพิ่มแต่ระหว่างที่ไปหมู่บ้านของมนุษย์นั้น
ข้าพบกับพวกแมวที่ออกจากฝูงไปหากินหลายตัวจึงไปสืบข้อมูลบางอย่างมาจากแมวพวกนั้น
กว่าจะหลบไม่ให้พวกมนุษย์เห็นและกลับมาได้เลยกินเวลาเสียหลายวัน”
“พวกเจ้านี่น้า ทำไมไม่ห้ามไว้”
“ข้าห้ามไว้ไม่ทันจริงๆ” จังมีตอบพลางก้มหน้าเลียเท่าหน้า
“เฮ้อ..อ
ไอ้แมวไม่เจียมสังขารตัวเองติดคำสาปนั้นอยู่ยังจะออกไปอยู่ใกล้ๆพวกมนุษย์อีก
ลำบากข้าต้องไปลากสังขารแมวบ้าๆกลับป่าอีกใช่ไหมเนี่ย” เสียงหมาป่าถอนหายใจอย่างยาวเหยียดด้วยความเดือดดาล
“คำสาปอะไรหรอครับ
คยูฮยอนพอจะบอกข้าได้ไหม?”
จุนซาถามอย่างเกรงๆเนื่องจากตัวเองก็เป็นเพียงแมวป่าธรรมดาเท่านั้นบางครั้งบางเรื่องก็ไม่อาจจะเข้าใจพวกปีศาจที่อยู่กับพวกตนได้ทั้งหมด
“เรื่องมันก็หลายร้อยปีแล้วนะ ปีศาจที่ลงคำสาปก็ตายจนเกิดใหม่แล้วด้วย
คำสาปนั้นมันยังไม่สมบูรณ์ดีหรอกนะ แต่ถ้าเจอคนๆนั้น ปีศาจที่กลับชาติมาเกิดใหม่นะ
ถ้าโดนสัมผัสที่หางเมื่อไหร่คำสาปมันจะสมบูรณ์ทันที”
“ในเมื่อเขาตายแล้วเกิดใหม่
ทำไมมันยังจะมีผลอยู่ล่ะครับ”
“มันเป็นคำสาปที่ผูกเข้ากับดวงจิตนะ
ถึงเกิดใหม่แต่ดวงจิตก็ยังคงเป็นดวงเดิม”
“แล้วคุณคยูฮยอนรู้หรอครับว่าหน้าตาเป็นยังไง”
“เรื่องมันไม่ใช่เรื่องยากหรอก
ต่อให้เกิดใหม่สักกี่ร้อยชาติพันชาติดวงเดิมก็หน้าตาเหมือนเดิม
ปัญหาคือข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้าคนที่ลงคำสาปไว้นะสิ”
“อ่าว ทำไมงั้นล่ะครับท่าน
แล้วท่านรู้ได้ยังไง?”
“อ่า เรื่องมันยาวมากเลยล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะเล่าให้พวกเจ้าฟังเสียด้วยสิ
ข้าต้องรีบไปตามหาฮีชอลเสียก่อน เจ้าแมวนั่นยิ่งไม่ค่อยระวังตัวอยู่ด้วย
ส่วนพวกเจ้าก็อยู่นี่แหละ เดี๋ยวคาดกันอีก”
“แต่ว่า...”
“ไม่แต่จุนซาอยู่เฝ้าฝูงซะนั่นคือหน้าที่เจ้า”
“แต่ข้าพอจะรู้ทางหนีในหมู่บ้านของพวกมนุษย์นั่นเป็นอย่างดีเลยนะท่าน”
“ไม่ต้องมาห่วงข้า
ข้าเอาตัวรอดของข้าได้ เจ้าอยู่เฝ้าที่นี่ไปเถอะ”
ว่าแล้วคยูฮยอนก็กลับร่างหมาป่าแล้วกับวิ่งลุยป่าไปยังหมู่บ้านของมนุษย์
ในใจก็ได้แต่หวังว่าฮีชอลจะไม่เป็นอะไร
“เอ๊ะ..เดี๋ยวสิ ข้าต้องไปอีกที่ก่อนสิ” จู่ๆคยูฮยอนก็พึมพำกับตัวเองพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางการเดินทางไปยังสถานที่อีกที่
เขาเดินหน้าเข้าไปยังป่าที่ลึกกว่าเดิมจากที่พวกเขาอยู่อาศัยมากนัก
ไปยังหนองน้ำที่มีถ้ำอยู่ใกล้ๆ
“เจ้ามาทำอะไร
ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆปีศาจหมาป่าอย่างเจ้าจะมายุ่งย่าม” เสียงเต่าบกอายุราวพันปีที่เฝ้าอยู่หน้าปากประตูถ้ำ
แล้วร่างของเต่าก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นชายชราที่ถือไม้เท้าหันมามองที่คยูฮยอนอย่างดุดัน
“ข้าต้องคุยกับท่านเจ้าวังมังกรเรื่องคำสาปของฮีชอล”
~
Pet Story HC ~
เหลินฉิน
กับแทกุกที่พาเด็กๆมาซื้อของสำหรับลูกแมว เสร็จแล้วก็พากันกลับบ้านทันทีด้วยเหตุผลที่ฮันเกิงบ่นว่าเป็นห่วงเจ้าแมวน้อยตลอดทาง
“แหม
เดี๋ยวนี้เขามีแมวของตัวเองแล้วไม่สนใจพวกเราเลย” จองซูแกล้งว่าเมื่อเห็นฮันเกิงรีบวิ่งเข้าบ้านไปคนแรกทันทีที่ลงจากรถได้
“ใช่เวลามาแซวคนอื่นไหมครับคุณจองซู
เตรียมตัวไปทำธุระของเราต่อเถอะ อีกครึ่งชม.เราต้องไปถึงบริษัทแล้วนะครับ
เห็นไหมพ่อผมส่งคนมารับแล้ว”
“อ่า..งานอีกแล้วหรอ
เลขานี่มีวันหยุดไหมครับ?”
“สำหรับคุณจองซูได้หยุดวันละ 4ชม.เวลานอนก็พอแล้ว รีบมาเถอะ” ซีวอนว่าก่อนจะเดินนำกลับไปบ้านจองซูที่มีรถของบริษัทจอดรออยู่ภายในรั้วบ้านของจองซู
“ไปก่อนนะครับ” จองซูหันไปก้มหัวให้กับแทกุกและเหลินฉินก่อนจะเดินตามซีวอนไป
ส่วนแทกุกก็ช่วยเหลินฉินขนอุปกรณ์ต่างๆสำหรับแมวเข้าบ้าน
“อ่าว
พอถึงบ้านก็รีบจนลืมเอาของเจ้าที่เจ็บไปด้วยล่ะจองซู” แทกุกบ่นอย่างเหนื่อยอ่อน เด็กหนอเด็ก
แปปเดียวก็ไปอย่างอื่นซะล่ะ
“เอาน่า เดี๋ยวก็คงมาเอาเองแหละครับ
ท่าทางพวกเขาจะมีงานต่อนะครับ เด็กพวกนั้น”
เหลินฉินหันมาบอกกับแทกุกพร้อมกับยกถุงทรายแมวขนาด
10 กิโลกรัม2ถุงเพียงคนเดียว
“ครับๆ
ว่าแต่คุณเหลินฉินนี่แข็งแรงจังเลยนะครับ ยกไหวด้วย”
“ก็ไม่ได้หนักมากมายอะไรนี่ครับ”
ในขณะที่เหลินฉินกับแทกุกกำลังยุ่งกับการจัดการเก็บข้าวของของแมวอยู่นั้น
ฮันเกิงก็กำลังยุ่งอยู่กับแมวตัวน้อย
“เจ้าเหมียวนี่แก
รื้อข้าวของฉันยุ่งหมดเลย”
ฮันเกิงบ่นแมวพึมพำพร้อมกับข้าวของจากร่องรอยการข่วนของแมว
ส่วนใหญ่ที่โดนก็จะเป็นของพวกผ้าเสียส่วนใหญ่จึงไม่มีอะไรเสียหายมากมาย
สายตาก็คอยมองเจ้าแมวตัวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่บนหมอนที่ตัวเองหนุนนอน
พอเก็บข้าวของเสร็จก็เดินไปอุ้มลูกแมวมานอนตักตัวเอง
“เหมี๊ยวว” ดูเหมือนลูกแมวจะรู้สึกตัวพอดี
“ตื่นแล้วหรอหิวไหม?” ฮันเกิงถามลูกแมวอย่างเอ็นดู
“ปล่อยฉันนะเจ้าเด็กบ้า
ออกไปฉันเกลียดกลิ่นนาย”
ฮีชอลขู่ฟ่อใส่ฮันเกิงพร้อมกับร้องโวยวายใส่ลั่น
เขาคิดว่าเขาจะสามารถใช้ภาษามนุษย์ได้เหมือนทุกที
แต่เปล่าเลยเสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงลูกแมวธรรมดาเสียนี่
แทนที่จะน่ากลัวกลับดูน่ารักไปถนัดตาเลย
“หิวอย่างนั้นหรอ?” ฮันเกิงถามย้ำเพราะไม่เข้าใจภาษาแมว
“หิวบ้านนายนะสิ เอาฉันออกไปจากห้องนี้นะ” เสียงแมวร้องก็ยังคงเป็นเสียงแมวเสียงเด็กชายฮันเกิงมิอาจเข้าใจได้
“ฉันพาแกไปกินนมข้างนอกนะ
กินในห้องนี้ไม่ได้เดี๋ยวมันหก”
ฮันตัดสินใจตามความคิดของตัวเองอุ้มลูกแมวออกจากห้องไปยังห้องครัว
“อ่าว เป็นอะไรล่ะนั่น
ทำไมเจ้าเหมียวข่วนมือฮันเกิงใหญ่เลย”
แทกุกที่กำลังเอานมแพะสำหรับให้ลูกแมวกินใส่ตู้เย็นอยู่หันมาถามฮันเกิงที่กำลังอุ้มลูกแมวเดินเข้ามา
“ท่าทางจะโมโหหิวนะครับ”
“งั้นฮันเกิงอุ้มลูกแมวไว้นะ
เดี๋ยวน้าจะเอานมใส่ถ้วยให้”
“ปล่อยเราสิ
เราไม่กินของที่พวกเจ้าเอามาหรอกนะ ปล่อย”
ฮีชอลก็ยังคงร้องโวยวายโดยไม่มีใครเข้าใจต่อไป
แม้ร่างกายจะเพลียจากกลิ่นตัวฮันเกิงก็ตามที แต่ความอยากชนะมันมีมากกว่า
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็ได้กินแล้วนะ” ฮันเกิงพร้อมลูบ
“ไม่กิน” เสียงแมวยังคงขู่ฟ่อใส่
ภาพเด็กชายอายุ 7
ขวบนั่งอุ้มลูกแมวที่กำลังดิ้นๆอยู่ในอ้อมแขนโดยที่เด็กชายก็พยายามกอดไว้แน่นไม่ให้หลุด
“ซนน่าดูเลย จะเลี้ยงไหวหรอฮันเกิง” เหลินฉินที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆเสร็จเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ในครัวว่าพลางพร้อมยิ้มขำๆส่งให้ลูกชายตัวน้อย
“ไหวครับ เจ้าเหมียวอาจจะแค่ยังไม่ชินกับคน”
“ใครชื่อเจ้าเหมียวฉันชื่อฮีชอลเว้ย
อย่ามาเรียกมั่วๆนะเจ้าเด็กบ้า”
ดูเหมือนฮีชอลจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตัวเองเท่าที่ควรว่าไม่มีใครเข้าใจภาษาแมว
แล้วตัวเองก็ไม่สามารถใช้ภาษามนุษย์ในร่างสัตว์ได้เมื่ออยู่นอกป่า
ไม่สิน่าจะบอกว่าเพราะกลิ่นของฮันเกิงเสียมากกว่า
“เอ น้าว่าเราน่าจะตั้งชื่อให้มันนะ” แทกุกเดินกลับมาพร้อมถ้วยที่มีนมแพะวางไว้ตรงหน้าฮันเกิง
“ชื่อหรอฮะ....” ฮันเกิงพูดพลางทำท่าทางนึกตาม
“ใช่
น้าว่าเจ้าแมวน้อยคงอาจจะไม่ชอบให้พวกเราเรียกว่าเจ้าเหมียวสักเท่าไหร่หรอก”
“งั้น...ฮีชอล” จู่ๆชื่อนี้ก็เข้ามาในหัวฮันเกิงและพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
“ความหมายดีนะ งั้นเอาชื่อนี้ล่ะ
มากินนมกันฮีชอล”
แทกุกบอกพร้อมกับลูบหัวแมวเบาๆ
ส่วนฮีชอลนั่นก็นิ่งไปด้วยความแปลกใจว่าทำไมเด็กผู้ชายที่ชื่อฮันเกิงคนนี้พูดราวกับเหมือนรู้ชื่อของตัวเอง
“ฮีชอลกินนมนะ” ฮันเกิงเอาฮีชอลวางบนโต๊ะอาหารเพื่อให้กินนมได้ถนัด
“เหอะ
เราเป็นปีศาจเราไม่สนใจของพวกนี้หรอก”
ฮีชอลสะบัดหน้าออกจากหนีออกจากถ้วยแต่กลิ่นหอมของนมภายในถ้วยกลับทำให้แมวน้อยฮีชอลท้องร้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“หิวแล้วก็กินซะนะ” ฮันเกิงจับฮีชอลหมุนหาถ้วยนมอีกรอบ
'หึ เราจะยอมกินก็ได้ ไม่ใช่เพราะเราจะกินของจากพวกมนุษย์หรอก
เป็นเพราะเราไม่มีแรงเฉยๆหรอก'
ฮีชอลคิดในใจก่อนจะก้มลงเลียนมในถ้วย
“ยอมกินนมแล้ว ดีมากจะได้โตไวๆ” ฮันเกิงพูดพลางมองยิ้มให้กับฮีชอล
“ท่าทางไม่น่าจะมีปัญหาแล้วนะครับคุณเหลินฉิน”
“คงจะอย่างนั้นแหละครับ
ขอบคุณมากนะครับที่พาไปซื้อข้าวของวันนี้”
“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับคนกัน
ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
“อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ
เดี๋ยวค่อยกลับ”
“แต่ว่า...มันจะดีหรอครับ
วันนี้ก็รบกวนไปมื้อหนึ่งแล้ว”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยครับวันนี้ก็พาพวกเราไปซื้อของมา”
“ถ้าอย่างนั้นฝากท้องอีกมื้อหนึ่งแล้วกันนะ”
“ด้วยความยินดีครับ” แล้วเหลินฉินก็หันไปเตรียมอาหารเย็นทันที
เหลินฉินมักจะทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา อยู่ว่างๆไม่ได้
เนื่องจากชีวิตที่ผ่านมาเขาทำงานมาตลอดจนติดเป็นนิสัย
“อิ่มไหม?” ฮันเกิงก็คอยนั่งเฝ้านั่งมองฮีชอลกินนมจนหมดถ้วย
พอหมดถ้วยก็เหมือนฮีชอลจะเพลียจนหลับไปอีกรอบ
“อ่าว หลับอีกแล้วแมวน้อย
ฮันเกิงอุ้มแมวไปนอนในห้องเถอะเดี๋ยวน้าเก็บถ้วยให้เอง”
“ครับ” ฮันเกิงรับครับแล้วค่อยๆอุ้มแมวน้อยฮีชอลกลับเข้าห้องตัวเอง
ค่อยๆวางลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองซื้อบ้านแมวหลังเล็กๆสำหรับให้แมวนอน
จึงเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งเหลินฉินได้วางไว้อย่างเป็นระเบียบในห้องนั่งเล่น
“ฮันเกิงจะเอาบ้านแมวไปไหน?” แทกุกที่เก็บถ้วยนมแมวเสร็จแล้วก็กำลังนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
เพราะมื้อเย็นเหลินฉินบอกว่าเขาอยากจะทำเองคนเดียว
“เอาไปไว้บนห้องครับ
ผมว่าฮีชอลคงจะชอบที่เงียบๆมากกว่า”
“อ่า ดีแล้ว ดูแลดีๆล่ะ
ระวังฮีชอลฉี่ใส่ที่นอนด้วย”
“รับทราบครับผม” ฮันเกิงก็ค่อยๆเดินขึ้นห้อง
เดินอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวฮีชอลตื่น จัดแจงเอาที่นอนไปวางไว้ข้างๆเตียงแล้วก็ค่อยอุ้มฮีชอลไปนอนไว้ในบ้านแมว
ในใจก็คิดดีใจที่ได้พบกับลูกแมว และรู้สึกรักไม่อยากจะเสียไป
“มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะฮีชอล” ฮันเกิงพูดกับแมวน้อยที่หลับอยู่เบาๆก่อนจะกลับไปทบทวนหนังสือเรียนของตัวเองต่อ
ความคิดเห็น