ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ]Pet Story ผมต้องการ 'แมว' [hanchul]

    ลำดับตอนที่ #1 : Pet story HC 01 ย้ายบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 61


    Pet Story HC 1 ย้ายบ้าน

     

    พ่อครับ เราจะไปไหนกัน?” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยผิวขาวตาตี่สัญชาติจีน ใบหน้าตาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสราวกับดวงตะวันทอแสงกล่าวขึ้น เมื่อเห็นบิดาของตนได้ทำการเก็บข้าวของภายในบ้านทั้งหมดลงในกล่องสี่เหลี่ยมวางทั่วบ้าน ประมาณ10กล่องได้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเด็กธรรมคนหนึ่ง

    เราจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลีฮันเกิงผู้เป็นพ่อตอบอย่างนุ่มนวล ฟังดูอบอุ่นในน้ำเสียง ดวงตาของผู้เป็นกำลังมองร่างเล็กที่กำลังวิ่งไปมารอบตัวเองอย่างมีความสุข เขาถูกหัวหน้าสั่งให้ไปดูแลบริษัทที่จะเปิดสาขาใหม่ที่เกาหลี เป็นการแลกเปลี่ยนในการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น นั้นเป็นเรื่องดีสำหรับครอบครัวเล็กๆ  ที่จะนำเงินทองที่ได้มาในการสร้างความสุขให้ลูกชายเพียงคนเดียว โอกาสที่จะทำให้ลูกชายได้อยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องลำบากตรากตรำเหมือนที่ตนเองเคยได้พบเจอ

    พ่อครับ เกาหลีคืออะไร? ไกลไหมครับ?” คำถามที่เรียบง่ายของเด็กชายฮันเกิงกลับทำให้ผู้เป็นหัวเราะได้อย่างสุดเสียง ไม่แปลกที่ฮันเกิงจะไม่รู้จักเพราะบ้านของเขาไม่มีทีวี หรือแม้แต่วิทยุ อยู่อย่างประหยัดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อเก็บเงินไว้ให้ลูกชายได้เรียนสูงๆ ฮันเกิงใช้การวาดรูปเขียนแทนการดูทีวี หรือฟังเพลงแบบเด็กคนอื่น วาดรูปจากสิ่งที่ตาเห็น จากสิ่งรอบรอบตัวไม่ใช่วาดจากหนังสือ หรือสิ่งที่ได้เห็นจากเด็กคนอื่นๆ

    เดี๋ยวไปถึงก็จะรู้เอง ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วขึ้นรถฮันเกิงผู้เป็นพ่อจูงมือลูกชายเดินไปยังรถยนต์ที่จอดเทียบอยู่หน้าบ้าน

    ผมจะได้ขึ้นเครื่องบินด้วยหรอครับฮันเกิงถามอย่างตื่นเต้น การได้นั่งเครื่องบินสักครั้งนั้นเป็นความฝันเด็กผู้ชายทุกคนต่างใฝ่หา ฮันเกิงก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างน้อยๆฮันเกิงก็รู้จักเครื่องบิน เพราะสามารถมองเห็นได้จากท้องฟ้าของในทุกๆวัน

    ใช่แล้วครับ รีบไปกันก่อนที่จะไปไม่ทันขึ้นเครื่องบินแทนที่จะเป็นผู้เป็นพ่อเดินนำลูกชายกลับกลายเป็นฮันเกิงที่วิ่งนำผู้เป็นพ่อเพื่อไปให้ถึงรถไวๆ มืออีกข้างยังจับมือของพ่อไว้แน่น เพราะตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน ทำให้เกิดภาพที่ชวนมองยิ่งนัก เด็กชายตัวเล็กที่พยายามวิ่งโดยลากผู้เป็นพ่อที่เดินตามอย่างสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มจากผู้ที่ผ่านไปมาในละแวกบ้านได้เป็นอย่างดี

    คุณเหลินฉินย้ายหรือค่ะ?” เสียงหญิงสาววัยกลางคนกล่าวขึ้นมาจากทางด้านบ้าน เรียกคนความสนใจจากพ่อลูกทั้งสองให้หันไปมองตามเสียง

    ครับ พอดีบริษัททางเกาหลีสร้างเสร็จก่อนกำหนดเลยต้องย้ายกะทันหันครับเหลินฉินตอบตรงๆเพราะคุณซูลี่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีมากสำหรับเขา ตอนที่ภรรยาของเขาเสียช่วงแรกๆ ก็ได้ซูลี่รับฝากดูแลฮันเกิงให้

    แบบนี้ป้าก็คิดถึงฮันเกิงแย่เลยสิเธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้ากึ่งทีเล่นทีจริงกับฮันเกิง

    ป้าซูลี่ก็ย้ายไปกับฮันเกิงสิครับฮันเกิงตามประสาซื่อของเด็กวัย 7 ขวบ ทำให้ทั้งเหลินฉินและซูลี่อมยิ้มไปตามๆกันเพราะความน่ารัก

    ป้าซูลี่ย้ายไปกับเราไม่ได้หรอกฮันเกิงขึ้นรถ ขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกเป็นกล่าวลาอย่างสุภาพก่อนที่สองพ่อลูกจะขึ้นรถยนต์ตรงดิ่งไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง เพื่อเดินทางไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลี

    ตลอดการเดินทางช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษสำหรับเด็กชายฮันเกิงไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่เพิ่งพบเจอ สถานที่ที่เดินทางผ่าน ดวงตาสุกใสเปล่งประกายอย่างตื่นเต้นชอบใจ มือไม้คอยชี้โน่นชี้นี่ถามกับผู้เป็นพ่ออยู่ตลอดเวลาจนขึ้นเครื่องก็ยังไม่หยุดจ้อ การเดินทางครั้งนี้ทำให้เด็กชายฮันเกิงที่ไม่ค่อยพูดค่อยจากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะไม่บ่อยหนักที่เหลินฉินจะพาลูกชายออกไปไหนมาไหน เนื่องจากเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อหาเงินมากมาเลี้ยงลูกชาย ฮันเกิงเองก็รู้ดีจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผู้เป็นพ่อให้หนักใจเลยถึงแม้ตัวเองจะยังเป็นเด็กก็ตามที

    สนามบินอินชอน

    เหลินฉินเดินออกจากสนามบินอย่างเร่งรีบในมือก็อุ้มร่างน้อยของลูกชายมองหาคนที่จะมารับอย่างกระวานวาย เพราะเครื่องบินลงจอดช้ากว่ากำหนด เนื่องจากมีเครื่องบินจากที่อื่นดีเลย์เข้าจอดซ่อมที่สนามบินอินชอนกะทันหันทำให้เครื่องบินต้องบินวนอยู่หลายรอบเพื่อที่จะย้ายรันเวย์ลงจอด

    คุณเหลินฉินใช่ไหมครับ?” ชายชุดสูทสีดำเดินตรงเข้ามาทักเหลินฉินด้วยภาษาอังกฤษ ในขณะที่เหลินฉินมองไปมาซ้ายขวาอย่างกังวลใจ ปกติไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้เหตุสุดวิสัยจริงๆ

    เอ่อ..ครับ แล้วคุณ?” เหลินฉินถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าใช่คนของหุ้นส่วนที่ต้องมารับเขาไปยังที่พัก

    ผม แทกุก รับคำสั่งมาจากคุณชายชเวให้มารับคุณไปบ้านพัก รถอยู่ทางนี้ครับผู้ชายสูทดำแนะนำตัวกลับ เดินนำเหลินฉินไปยังรถยนต์เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านพัก

    เรื่องค่าที่พักจะหักจากค่าแรงของผมเลยใช่ไหมครับ?” เหลินฉินถามอย่างกังวลใจ เขาไม่สามารถรับรู้ก่อนล่วงหน้าได้เลยว่าที่พักของเขาเป็นแบบไหน ยิ่งเรื่องค่าที่พักที่อาจเป็นปัญหาสำหรับการมาอยู่ต่างบ้านต่างถิ่นทำให้คำนวณยากเป็นอย่างยิ่งว่าจะอยู่กินเช่นไร ใช้จ่ายอย่างไรให้มีเงินเก็บมากพอที่จะพาลูกชายเข้าโรงเรียนดีๆของที่โซลนี่ ตอนนี้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของลูกชายตัวน้อยเกี่ยวกับด้านภาษาเองก็เช่นกัน เหลินฉินกังวลเหลือเกินว่ามันอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับลูกชายของเขาทันทีที่ถึงบ้านพัก

    เรื่องค่าที่พักไม่ต้องจ่ายครับ ทางบริษัทของคุณชเวได้ให้บ้านพักกับคุณฟรีในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนคนสำคัญจากจีน อีกประเด็นก็คือครอบครัวคุณชเวได้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว การยกบ้านจัดสรรสักหลังให้กับตัวแทนของหุ้นส่วนเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจเล็กน้อยให้กับมิตรภาพที่ยาวนาน หวังว่าคุณเหลินฉินคงไม่รังเกียจที่จะรับไม่นะครับคำบอกเล่าจากปากของแทกุกทำให้เหลินฉินรับรู้สถานะของหุ้นส่วนที่บริษัทของเจ้านายตนจะร่วมหุ้นได้ทันที

    ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับเหลินฉินตอบกลับอย่างสุภาพน้ำเสียงแสดงความซาบซึ้งอย่างสุดใจ ขนาดบริษัทของเขาเองยังไม่เคยให้สวัสดิการมากถึงขนาดนี้ ค่าที่พักในแต่ละเดือนของสวัสดิการยังไม่ถึง 50 หยวนด้วยซ้ำ เจ้านายของเขาเป็นคนที่ขี้ตืดเอามากๆกับลูกน้อง

    ลูกชายของคุณอายุเท่าไหร่ครับ?”

    “ 7 ขวบแล้วครับ

    แล้วภรรยาของคุณไม่มาด้วยหรือ?”

    ภรรยาของผมเสียไปตั้งแต่ลูกชายของผมได้2ขวบเหลินฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย

    เสียใจด้วยนะครับไม่นานนักที่ทั้งเหลินฉินและแทกุกคุยด้วยกันระหว่างเดินทางไปยังที่บ้านพัก แม้เป็นเพียงการสนทนาที่ไม่มากมายนักแต่ก็ทำให้ทั้งสองคนถูกชะตากันได้อย่างไม่ยากเย็น จนเมื่อแทกุกค่อยๆขับรถเข้าไปเทียบหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่จัดสรร เป็นบ้านสไตล์โมเดิลขนาดพื้นที่ 2 งาน ถือว่าเป็นบ้านที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับเหลินฉิน

    ถึงแล้วครับคุณเหลินฉิน บ้านตกแต่งเรียบร้อยแล้วนะครับเข้าอยู่ได้เลย เรื่องความสะอาดผมให้แม่บ้านมาทำให้เมื่อเช้าแล้วครับ

    ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณแทกุก

    ด้วยความยินดีครับ หวังว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันนะครับ ผมต้องไปทำธุระให้คุณชเวต่อเชิญคุณพักผ่อนไปก่อนนะครับพรุ่งนี้ผมจะมาคุยรายระเอียดของงานกันอีกทีแทกุกกล่าวลาเมื่อเหลินฉินอุ้มลูกชายลงจากรถ ทันทีที่เหลินฉินเดินไปยังรั้วบ้านแทกุกก็ออกรถออกไปทันที

    อย่างน้อยก็มีคุยที่คุยกันรู้เรื่องหนึ่งคนแล้วล่ะนะเหลินฉินพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะพาร่างของลูกชายในอ้อมแขนเข้าบ้านไปวางบนโซฟาห้องนั่งเล่น แล้วตนเองก็เริ่มเดินสำรวจบ้านอย่างละเอียด เป็นบ้านที่สมบูรณ์เลยทีเดียวมีทั้งสนามหญ้า โรงจอดรถ  ห้องครัวก็ค่อนข้างกว้าง ห้องนอน 3 ห้องนอน 2ห้องน้ำ นี่มันดีกว่าบ้านพักรูเล็กๆที่จีนของเขาหลายเท่านัก คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเป็นตัวแทนมาทำงานที่เกาหลีนี้ เท่านี้ลูกชายของเขาก็ได้อยู่อย่างสุขสบายแบบเด็กคนอื่นๆเสียที

    พ่อครับ ฮันเกิงหิวข้าวแล้วทันทีที่ลืมตาตื่นเด็กชายตัวน้อยก็ร้องหาผู้เป็นพ่อพร้อมร้องหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ เหลินฉินที่กำลังสำรวจบ้านอยู่บริเวณชั้น 2 จึงเดินลงไปกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้งตรงไปยังตู้เย็น หวังเพียงเจอน้ำเปล่าก็ยังดี

    พ่อครับอยู่ไหน?” เสียงฮันเกิงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างเล็กที่เดินหาผู้เป็นพ่อ

    อยู่ในห้องครัวฮันเกิง เดี๋ยวพ่อหาอะไรให้กิน รออยู่ตรงนั้นแหละเหลินฉินตอบฮันเกิงเมื่อเห็นว่าในตู้เย็นมีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งอยู่เกือบครึ่งตู้เย็น นึกไม่ถึงว่าหุ้นส่วนของบริษัทจะดูแลตัวแทนต่างถิ่นดีถึงเพียงนี้ แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะฮันเกิงได้เดินคลำทางมั่วๆจนมาถึงห้องครัวเสียแล้ว

    ตู้เย็นใหญ่ดีนะครับพ่อฮันเกิงพูดขึ้นทำให้ผู้เป็นพ่อหันไปลูบหัวลูกชาย ห้ามไม่ทันสินะ เหลินฉินคิดในใจ

    กินน้ำรอสักครู่นะ พ่อจะเอาอาหารไปเข้าไมโครเวฟก่อน

    ครับ ผมนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวนะฮันเกิงชี้ไปยังโต๊ะกินข้าวตัวยาวที่ตั้งอยู่ในห้องครัว เพื่อบอกตำแหน่งให้ผู้เป็นพ่อรู้

    เอาสิ ยกขวดน้ำในตู้เย็นออกไปสักขวดด้วยนะ ดื่มน้ำรองท้องรอไปก่อน

    ครับ

    เหลินฉินเลือกอาหารในตู้เย็นมาเข้าไมโครเวฟสองกล่องเป็นอาหารพื้นบ้านของเกาหลีซึ่งเหลินฉินก็ไม่รู้จัก ใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ได้อาหารร้อนๆมากินแล้ว แต่อาหารที่ทำใหม่ก็ได้คุณค่าทางอาหารและอร่อยกว่าอาหารแช่แข็งเป็นไหนๆ สำหรับอาหารมื้อแรกในต่างแดนถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว

    น่าทานดีนะครับ

    ทานให้หมดฮันเกิง

    ครับ

    ฮันเกิงพ่อไม่อยู่แล้วอยู่คนเดียวได้ไหม? ไม่มีป้าซูลี่อยู่เป็นเพื่อนเหมือนที่จีนแล้วนะ

    ผมจะอยู่ให้ได้ครับฮันเกิงตอบอย่างหนักแน่น

    พ่อต้องทำงานหนักกว่าที่จีนหลายเท่านะ เพราะงานที่นี่เพิ่งเริ่มต้นใหม่

    พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ แค่มีบ้านให้อยู่ ที่ให้นอนผมอยู่ได้สบายฮันเกิงตอบ สำหรับเด็ก 7 ขวบถือว่าเป็นคำตอบที่โตเกินตัวมากนักแต่สำหรับฮันเกิงที่ถูกบ่มเพาะ ปลูกฝังตั้งแต่พูดได้มันเป็นเรื่องทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าสิ่งที่ตนเองคอยพร่ำบอกลูกชายอยู่ทุกวันนั้นได้ซึมซับลงไปในความรู้สึกของเด็กน้อยคนนี้เป็นอย่างดี ใครบอกว่าเด็กไม่รู้เรื่อง เด็กนี่แหละสามารถจดจำได้ดียิ่งกว่าผู้ใหญ่เสียอีก คำตอบในวันนี้ยิ่งทำให้เหลินฉินมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฮันเกิงของเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้แน่ๆ

    ฮันเกิงอยากได้สัตว์เลี้ยงอยู่เป็นเพื่อนไหม?” เหลินฉินเสนอ ตอนนี้ภาษายังเป็นอุปสรรค์ในการสื่อสารของฮันเกิงอยู่ การมีสัตว์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการหาเพื่อนให้ฮันเกิง

    อยากได้แมวมั้งครับ



    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาเบาๆฮันเกิงเว่อร์ชั้นเด็กรับเรื่องใหม่

    ตอนเด็กๆน่ารัก โตมาจะเป็นแบบไหนหนอ?



    -----------------------------------------------------------------------------------

    ในที่สุดก็มาแก้คำผิด ทำตก คำหล่น

    ขออภัยที่หายไปเป็นปี ตอนนี้กำลังค่อยๆพิมพ์อยู่นะครับ อาจจะช้าๆหน่อย ตอนนี้มาแก้ถำทั้งหมดที่จบตอนก่อน


    ขอโทษจากใจ 

    สุดท้ายสุขสันต์ปีใหม่นะครับ รักทุกคนเลย






     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×