คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Pet story HC 01 ย้ายบ้าน
Pet
Story HC 1 ย้ายบ้าน
“พ่อครับ เราจะไปไหนกัน?” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยผิวขาวตาตี่สัญชาติจีน
ใบหน้าตาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสราวกับดวงตะวันทอแสงกล่าวขึ้น
เมื่อเห็นบิดาของตนได้ทำการเก็บข้าวของภายในบ้านทั้งหมดลงในกล่องสี่เหลี่ยมวางทั่วบ้าน
ประมาณ10กล่องได้
เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเด็กธรรมคนหนึ่ง
“เราจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลีฮันเกิง” ผู้เป็นพ่อตอบอย่างนุ่มนวล ฟังดูอบอุ่นในน้ำเสียง
ดวงตาของผู้เป็นกำลังมองร่างเล็กที่กำลังวิ่งไปมารอบตัวเองอย่างมีความสุข
เขาถูกหัวหน้าสั่งให้ไปดูแลบริษัทที่จะเปิดสาขาใหม่ที่เกาหลี
เป็นการแลกเปลี่ยนในการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น
นั้นเป็นเรื่องดีสำหรับครอบครัวเล็กๆ
ที่จะนำเงินทองที่ได้มาในการสร้างความสุขให้ลูกชายเพียงคนเดียว
โอกาสที่จะทำให้ลูกชายได้อยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องลำบากตรากตรำเหมือนที่ตนเองเคยได้พบเจอ
“พ่อครับ เกาหลีคืออะไร? ไกลไหมครับ?”
คำถามที่เรียบง่ายของเด็กชายฮันเกิงกลับทำให้ผู้เป็นหัวเราะได้อย่างสุดเสียง
ไม่แปลกที่ฮันเกิงจะไม่รู้จักเพราะบ้านของเขาไม่มีทีวี หรือแม้แต่วิทยุ
อยู่อย่างประหยัดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อเก็บเงินไว้ให้ลูกชายได้เรียนสูงๆ
ฮันเกิงใช้การวาดรูปเขียนแทนการดูทีวี หรือฟังเพลงแบบเด็กคนอื่น
วาดรูปจากสิ่งที่ตาเห็น จากสิ่งรอบรอบตัวไม่ใช่วาดจากหนังสือ หรือสิ่งที่ได้เห็นจากเด็กคนอื่นๆ
“เดี๋ยวไปถึงก็จะรู้เอง
ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วขึ้นรถฮันเกิง”
ผู้เป็นพ่อจูงมือลูกชายเดินไปยังรถยนต์ที่จอดเทียบอยู่หน้าบ้าน
“ผมจะได้ขึ้นเครื่องบินด้วยหรอครับ” ฮันเกิงถามอย่างตื่นเต้น
การได้นั่งเครื่องบินสักครั้งนั้นเป็นความฝันเด็กผู้ชายทุกคนต่างใฝ่หา
ฮันเกิงก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างน้อยๆฮันเกิงก็รู้จักเครื่องบิน
เพราะสามารถมองเห็นได้จากท้องฟ้าของในทุกๆวัน
“ใช่แล้วครับ
รีบไปกันก่อนที่จะไปไม่ทันขึ้นเครื่องบิน”
แทนที่จะเป็นผู้เป็นพ่อเดินนำลูกชายกลับกลายเป็นฮันเกิงที่วิ่งนำผู้เป็นพ่อเพื่อไปให้ถึงรถไวๆ
มืออีกข้างยังจับมือของพ่อไว้แน่น เพราะตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน
ทำให้เกิดภาพที่ชวนมองยิ่งนัก เด็กชายตัวเล็กที่พยายามวิ่งโดยลากผู้เป็นพ่อที่เดินตามอย่างสนุกสนาน
เรียกรอยยิ้มจากผู้ที่ผ่านไปมาในละแวกบ้านได้เป็นอย่างดี
“คุณเหลินฉินย้ายหรือค่ะ?” เสียงหญิงสาววัยกลางคนกล่าวขึ้นมาจากทางด้านบ้าน
เรียกคนความสนใจจากพ่อลูกทั้งสองให้หันไปมองตามเสียง
“ครับ พอดีบริษัททางเกาหลีสร้างเสร็จก่อนกำหนดเลยต้องย้ายกะทันหันครับ” เหลินฉินตอบตรงๆเพราะคุณซูลี่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีมากสำหรับเขา
ตอนที่ภรรยาของเขาเสียช่วงแรกๆ ก็ได้ซูลี่รับฝากดูแลฮันเกิงให้
“แบบนี้ป้าก็คิดถึงฮันเกิงแย่เลยสิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้ากึ่งทีเล่นทีจริงกับฮันเกิง
“ป้าซูลี่ก็ย้ายไปกับฮันเกิงสิครับ” ฮันเกิงตามประสาซื่อของเด็กวัย 7 ขวบ
ทำให้ทั้งเหลินฉินและซูลี่อมยิ้มไปตามๆกันเพราะความน่ารัก
“ป้าซูลี่ย้ายไปกับเราไม่ได้หรอกฮันเกิงขึ้นรถ
ขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีก”
เป็นกล่าวลาอย่างสุภาพก่อนที่สองพ่อลูกจะขึ้นรถยนต์ตรงดิ่งไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง
เพื่อเดินทางไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลี
ตลอดการเดินทางช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษสำหรับเด็กชายฮันเกิงไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่เพิ่งพบเจอ
สถานที่ที่เดินทางผ่าน ดวงตาสุกใสเปล่งประกายอย่างตื่นเต้นชอบใจ
มือไม้คอยชี้โน่นชี้นี่ถามกับผู้เป็นพ่ออยู่ตลอดเวลาจนขึ้นเครื่องก็ยังไม่หยุดจ้อ
การเดินทางครั้งนี้ทำให้เด็กชายฮันเกิงที่ไม่ค่อยพูดค่อยจากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เพราะไม่บ่อยหนักที่เหลินฉินจะพาลูกชายออกไปไหนมาไหน
เนื่องจากเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อหาเงินมากมาเลี้ยงลูกชาย
ฮันเกิงเองก็รู้ดีจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผู้เป็นพ่อให้หนักใจเลยถึงแม้ตัวเองจะยังเป็นเด็กก็ตามที
สนามบินอินชอน
เหลินฉินเดินออกจากสนามบินอย่างเร่งรีบในมือก็อุ้มร่างน้อยของลูกชายมองหาคนที่จะมารับอย่างกระวานวาย
เพราะเครื่องบินลงจอดช้ากว่ากำหนด เนื่องจากมีเครื่องบินจากที่อื่นดีเลย์เข้าจอดซ่อมที่สนามบินอินชอนกะทันหันทำให้เครื่องบินต้องบินวนอยู่หลายรอบเพื่อที่จะย้ายรันเวย์ลงจอด
“คุณเหลินฉินใช่ไหมครับ?” ชายชุดสูทสีดำเดินตรงเข้ามาทักเหลินฉินด้วยภาษาอังกฤษ
ในขณะที่เหลินฉินมองไปมาซ้ายขวาอย่างกังวลใจ ปกติไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้เหตุสุดวิสัยจริงๆ
“เอ่อ..ครับ แล้วคุณ?” เหลินฉินถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าใช่คนของหุ้นส่วนที่ต้องมารับเขาไปยังที่พัก
“ผม แทกุก
รับคำสั่งมาจากคุณชายชเวให้มารับคุณไปบ้านพัก รถอยู่ทางนี้ครับ” ผู้ชายสูทดำแนะนำตัวกลับ เดินนำเหลินฉินไปยังรถยนต์เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านพัก
“เรื่องค่าที่พักจะหักจากค่าแรงของผมเลยใช่ไหมครับ?” เหลินฉินถามอย่างกังวลใจ
เขาไม่สามารถรับรู้ก่อนล่วงหน้าได้เลยว่าที่พักของเขาเป็นแบบไหน
ยิ่งเรื่องค่าที่พักที่อาจเป็นปัญหาสำหรับการมาอยู่ต่างบ้านต่างถิ่นทำให้คำนวณยากเป็นอย่างยิ่งว่าจะอยู่กินเช่นไร
ใช้จ่ายอย่างไรให้มีเงินเก็บมากพอที่จะพาลูกชายเข้าโรงเรียนดีๆของที่โซลนี่
ตอนนี้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของลูกชายตัวน้อยเกี่ยวกับด้านภาษาเองก็เช่นกัน
เหลินฉินกังวลเหลือเกินว่ามันอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับลูกชายของเขาทันทีที่ถึงบ้านพัก
“เรื่องค่าที่พักไม่ต้องจ่ายครับ
ทางบริษัทของคุณชเวได้ให้บ้านพักกับคุณฟรีในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนคนสำคัญจากจีน
อีกประเด็นก็คือครอบครัวคุณชเวได้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว
การยกบ้านจัดสรรสักหลังให้กับตัวแทนของหุ้นส่วนเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจเล็กน้อยให้กับมิตรภาพที่ยาวนาน
หวังว่าคุณเหลินฉินคงไม่รังเกียจที่จะรับไม่นะครับ” คำบอกเล่าจากปากของแทกุกทำให้เหลินฉินรับรู้สถานะของหุ้นส่วนที่บริษัทของเจ้านายตนจะร่วมหุ้นได้ทันที
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ” เหลินฉินตอบกลับอย่างสุภาพน้ำเสียงแสดงความซาบซึ้งอย่างสุดใจ
ขนาดบริษัทของเขาเองยังไม่เคยให้สวัสดิการมากถึงขนาดนี้
ค่าที่พักในแต่ละเดือนของสวัสดิการยังไม่ถึง 50
หยวนด้วยซ้ำ เจ้านายของเขาเป็นคนที่ขี้ตืดเอามากๆกับลูกน้อง
“ลูกชายของคุณอายุเท่าไหร่ครับ?”
“ 7 ขวบแล้วครับ”
“แล้วภรรยาของคุณไม่มาด้วยหรือ?”
“ภรรยาของผมเสียไปตั้งแต่ลูกชายของผมได้2ขวบ”
เหลินฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย
“เสียใจด้วยนะครับ” ไม่นานนักที่ทั้งเหลินฉินและแทกุกคุยด้วยกันระหว่างเดินทางไปยังที่บ้านพัก
แม้เป็นเพียงการสนทนาที่ไม่มากมายนักแต่ก็ทำให้ทั้งสองคนถูกชะตากันได้อย่างไม่ยากเย็น
จนเมื่อแทกุกค่อยๆขับรถเข้าไปเทียบหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่จัดสรร
เป็นบ้านสไตล์โมเดิลขนาดพื้นที่ 2 งาน
ถือว่าเป็นบ้านที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับเหลินฉิน
“ถึงแล้วครับคุณเหลินฉิน
บ้านตกแต่งเรียบร้อยแล้วนะครับเข้าอยู่ได้เลย
เรื่องความสะอาดผมให้แม่บ้านมาทำให้เมื่อเช้าแล้วครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณแทกุก”
“ด้วยความยินดีครับ
หวังว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันนะครับ
ผมต้องไปทำธุระให้คุณชเวต่อเชิญคุณพักผ่อนไปก่อนนะครับพรุ่งนี้ผมจะมาคุยรายระเอียดของงานกันอีกที” แทกุกกล่าวลาเมื่อเหลินฉินอุ้มลูกชายลงจากรถ
ทันทีที่เหลินฉินเดินไปยังรั้วบ้านแทกุกก็ออกรถออกไปทันที
“อย่างน้อยก็มีคุยที่คุยกันรู้เรื่องหนึ่งคนแล้วล่ะนะ” เหลินฉินพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะพาร่างของลูกชายในอ้อมแขนเข้าบ้านไปวางบนโซฟาห้องนั่งเล่น
แล้วตนเองก็เริ่มเดินสำรวจบ้านอย่างละเอียด
เป็นบ้านที่สมบูรณ์เลยทีเดียวมีทั้งสนามหญ้า โรงจอดรถ ห้องครัวก็ค่อนข้างกว้าง ห้องนอน 3 ห้องนอน 2ห้องน้ำ
นี่มันดีกว่าบ้านพักรูเล็กๆที่จีนของเขาหลายเท่านัก
คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเป็นตัวแทนมาทำงานที่เกาหลีนี้
เท่านี้ลูกชายของเขาก็ได้อยู่อย่างสุขสบายแบบเด็กคนอื่นๆเสียที
“พ่อครับ ฮันเกิงหิวข้าวแล้ว” ทันทีที่ลืมตาตื่นเด็กชายตัวน้อยก็ร้องหาผู้เป็นพ่อพร้อมร้องหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เหลินฉินที่กำลังสำรวจบ้านอยู่บริเวณชั้น 2
จึงเดินลงไปกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้งตรงไปยังตู้เย็น หวังเพียงเจอน้ำเปล่าก็ยังดี
“พ่อครับอยู่ไหน?” เสียงฮันเกิงดังขึ้นอีกครั้ง
พร้อมกับร่างเล็กที่เดินหาผู้เป็นพ่อ
“อยู่ในห้องครัวฮันเกิง
เดี๋ยวพ่อหาอะไรให้กิน รออยู่ตรงนั้นแหละ”
เหลินฉินตอบฮันเกิงเมื่อเห็นว่าในตู้เย็นมีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งอยู่เกือบครึ่งตู้เย็น
นึกไม่ถึงว่าหุ้นส่วนของบริษัทจะดูแลตัวแทนต่างถิ่นดีถึงเพียงนี้
แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะฮันเกิงได้เดินคลำทางมั่วๆจนมาถึงห้องครัวเสียแล้ว
“ตู้เย็นใหญ่ดีนะครับพ่อ” ฮันเกิงพูดขึ้นทำให้ผู้เป็นพ่อหันไปลูบหัวลูกชาย
ห้ามไม่ทันสินะ เหลินฉินคิดในใจ
“กินน้ำรอสักครู่นะ
พ่อจะเอาอาหารไปเข้าไมโครเวฟก่อน”
“ครับ ผมนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวนะ” ฮันเกิงชี้ไปยังโต๊ะกินข้าวตัวยาวที่ตั้งอยู่ในห้องครัว
เพื่อบอกตำแหน่งให้ผู้เป็นพ่อรู้
“เอาสิ
ยกขวดน้ำในตู้เย็นออกไปสักขวดด้วยนะ ดื่มน้ำรองท้องรอไปก่อน”
“ครับ”
เหลินฉินเลือกอาหารในตู้เย็นมาเข้าไมโครเวฟสองกล่องเป็นอาหารพื้นบ้านของเกาหลีซึ่งเหลินฉินก็ไม่รู้จัก
ใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ได้อาหารร้อนๆมากินแล้ว
แต่อาหารที่ทำใหม่ก็ได้คุณค่าทางอาหารและอร่อยกว่าอาหารแช่แข็งเป็นไหนๆ
สำหรับอาหารมื้อแรกในต่างแดนถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“น่าทานดีนะครับ”
“ทานให้หมดฮันเกิง”
“ครับ”
“ฮันเกิงพ่อไม่อยู่แล้วอยู่คนเดียวได้ไหม? ไม่มีป้าซูลี่อยู่เป็นเพื่อนเหมือนที่จีนแล้วนะ”
“ผมจะอยู่ให้ได้ครับ” ฮันเกิงตอบอย่างหนักแน่น
“พ่อต้องทำงานหนักกว่าที่จีนหลายเท่านะ
เพราะงานที่นี่เพิ่งเริ่มต้นใหม่”
“พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ
แค่มีบ้านให้อยู่ ที่ให้นอนผมอยู่ได้สบาย”
ฮันเกิงตอบ
สำหรับเด็ก 7 ขวบถือว่าเป็นคำตอบที่โตเกินตัวมากนักแต่สำหรับฮันเกิงที่ถูกบ่มเพาะ
ปลูกฝังตั้งแต่พูดได้มันเป็นเรื่องทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ว่าสิ่งที่ตนเองคอยพร่ำบอกลูกชายอยู่ทุกวันนั้นได้ซึมซับลงไปในความรู้สึกของเด็กน้อยคนนี้เป็นอย่างดี
ใครบอกว่าเด็กไม่รู้เรื่อง เด็กนี่แหละสามารถจดจำได้ดียิ่งกว่าผู้ใหญ่เสียอีก
คำตอบในวันนี้ยิ่งทำให้เหลินฉินมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฮันเกิงของเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้แน่ๆ
“ฮันเกิงอยากได้สัตว์เลี้ยงอยู่เป็นเพื่อนไหม?” เหลินฉินเสนอ
ตอนนี้ภาษายังเป็นอุปสรรค์ในการสื่อสารของฮันเกิงอยู่ การมีสัตว์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการหาเพื่อนให้ฮันเกิง
“อยากได้แมวมั้งครับ”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเบาๆฮันเกิงเว่อร์ชั้นเด็กรับเรื่องใหม่
ตอนเด็กๆน่ารัก โตมาจะเป็นแบบไหนหนอ?
-----------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็มาแก้คำผิด ทำตก คำหล่น
ขออภัยที่หายไปเป็นปี ตอนนี้กำลังค่อยๆพิมพ์อยู่นะครับ อาจจะช้าๆหน่อย ตอนนี้มาแก้ถำทั้งหมดที่จบตอนก่อน
ขอโทษจากใจ
สุดท้ายสุขสันต์ปีใหม่นะครับ รักทุกคนเลย
ความคิดเห็น