ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last battle ภาค ประตูสู่สงคราม

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2: 4/7 ห้องอันตราย

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 49


    ตรงหน้าของเธอคือ บุรษสูงวัยผมสีเงิน มีหนวดยาวถึงพื้น กับดวงตาที่มีประกายอบอุ่นอย่างประหลาด บุรุษผู้นี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอแต่เหมือนจะไม่ได้แปลกหน้าสำหรับผู้เป็นแม่

             เธอไม่ได้โง่นักขนาดจะดูไม่ออกว่าแม่ของเธอกำลังตกใจกับการปรากฏตัวของบุรษผู้นี้ ถึงเธอจะสงสัยแต่มันก็เป็นเรื่องของแม่ ถึงแม้เธอจะถามแม่ก็คงไม่ตอบอีกเช่นเคย แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดก็คือ เพราะเหตุใด แม่ถึงต้องไล่เธอให้ขึ้นมานอนก่อน ไม่แม้ที่จะแนะนำชายสูงอายุให้เธอรู้จักด้วยซ้ำ

    ในขณะที่เดเรียกำลังคิดว่าจะลงไปแอบฟังดีมั้ยนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนมีกลิ่นหอมจางๆลอยมาแตะจมูกของเธอ มันเป็นกลิ่นเหมือนดอกไม้ ความหอมอ่อนๆของมันทำให้เธอรู้สึกง่วงขึ้นมา 

    คิดน้อยใจผู้เป็นแม่อีกซักพัก ก่อนหนังตาจะเริ่มหย่อนแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด

     

    เดเรียนอนหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในห้อง

    เซเนีย หยิบเข็มปลายแหลมขึ้นมาจากกระเป๋า แล้วทิ่มเข็มลงไปที่ปลายนิ้วมือของผู้เป็นลูก โดยไม่คิดจะเช็คเพื่อความแน่ใจว่าควันยาสลบของเธอใช้ได้ผลรึเปล่า

    เลือดเริ่มซึมออกมาทางรูที่เข็มทิ่มเข้าไป เซเนียรีบเก็บเลือดของเดเรียใส่ขวดทรงประหลาดขวดเล็ก แล้วรีบออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ

     

    โป๊ก โป๊ก โป๊ก

    เสียงดังชวนปวดหัวจากห้องครัวชั้นล่าง ทำให้เดเรียต้องแหกตาตื่นขึ้นมา ก่อนนึกถึงตาแก่หนวดยาวเมื่อคืนได้

    ...เมื่อคืนตกลงเราฝันไปหรือเปล่าเนี่ย... เดเรียคิดก่อนที่จะรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปหาความจริงจากผู้เป็นแม่

     

    เมื่อลงมาถึงห้องครัว ก็รู้ที่มาของเสียงประหลาดที่ปลุกเธอให้ตื่น

    นึกว่าเสียงอะไร เสียงสับหมูนี่เอง อยู่ๆแม่เกิดนึกอะไรมานั่งสับหมูแต่เช้าเนี่ย...

    สุขสันต์วันเกิดเดเรีย วันนี้ตื่นเช้าเชียวนะ รู้ตัวแล้วใช่มั้ยว่าตัวเองอายุ16แล้ว วันหลังแม่คงไม่ต้องไปปลุกอีกนะ ตื่นมาก็ดีแล้ว งั้นรีบไปโรงเรียนได้เลย

    ยังปกติดี แม่ยังบ่นเก่งเหมือนเดิม เดเรียจึงตัดสินใจว่าเรื่องตาแก่ผมเทานั้น เธอคงฝันไปเอง

    วันนี้อย่าลืมไปเรียนขี่ม้าล่ะเซเนียเตือน ก่อนที่เดเรียจะวิ่งไปขึ้นรถประจำทางที่หน้าปากซอยตามปกติ

     

    ในเวลาเดียวกัน แต่ต่างกันที่สถานที่ ภายในห้องใต้ดินของปราสาทหินอ่อนสีเหลืองนวล พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อกษัตริย์ผู้เป็นประธานในพิธีมาถึง แล้วตรัสอนุญาตให้เริ่มพิธีได้

    หนึ่งในคณะผู้ทำพิธีเริ่มขีดเขียนลายอักขระลงบนพื้นที่ทำเป็นแท่นเอาไว้ ก่อนที่ชายอีกคนจะหยิบขวดทรงประหลาดใบเล็กบรรจุของเหลวสีแดงสด เทลงไปกลางวงที่ชายคนแรกได้วาดไว้ ผู้ทำพิธีทั้งหมดเริ่มร่ายเวทย์พร้อมกัน ก่อนที่ควันสีขาวขุ่นจะปรากฏให้เห็นลางๆ และค่อยๆชัดขึ้นๆ จนในที่สุดก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งแทนที่ควันสีขาวขุ่น หันมาคำนับให้กับประธานในพิธีครั้งหนึ่งก่อนเงยหน้าแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม

    ข้ามีนามว่า ซีดาร์ ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้

    ข้าไม่สามารถสั่งอะไรเจ้าได้หรอก เพราะ ข้าไม่ได้เป็นนายของเจ้า ลูกสาวของข้าต่างหาก บุรุษผู้เป็นประธานกล่าวด้วยเสียงอันอบอุ่นในประโยคหลัง

     

    สายตาทุกคู่ในห้อง 4/6 หันมามองเธอเป็นตาเดียว แววประหลาดใจผุดขึ้นบนใบหน้าของเพื่อนๆในห้อง ก็จะไม่แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกในรอบปีที่คุณนายสายเสมออย่างเดเรียมาก่อนเข้าแถว

    มาเช้าก็เป็นหนิ แล้วมาสายทำไมอยู่ได้ทุกวันเพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยปากแซวเป็นคนแรก

    ก็นะ วันเกิดฉันทั้งทีทำตัวดีขึ้นก็ไม่เห็นแปลกเจ้าคนที่ทำให้เพื่อนๆแปลกใจพูดขึ้นก่อนหันไปคุยกับเพื่อนๆต่อ

    พอดีกับที่หญิงสาวหัวหน้าห้องวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ ทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง

    เดเรีย อาจารย์ใหญ่เรียกเธอไปพบแหนะ

    ทุกคนในห้องต่างหันมามองที่เจ้าตัวแสบเป็นตาเดียวรอบที่สองของวันนี้

    แต่เดเรียไม่ได้สนใจกับสายตาของเพื่อนๆอีกต่อไปแล้ว ก็ในเมื่อตัวเธอแข็งทื่อเป็นหินไปเสียแล้ว

    ...เราทำอะไรผิด ถึงขนาดอาจารย์ใหญ่เรียกไปพบเลยหรอ...เจ้าตัวคิดก่อนรีบเดินคอตกไปห้องอาจารย์ใหญ่

     

    ป้ายติดเด่นหลาอยู่หน้าประตูห้อง ป้ายที่ทำให้เธอแทบเข่าอ่อน ก็ในเมื่อวันนี้เธอก็มาเช้าไม่ได้สายเสียหน่อย แล้วทำไมอาจารย์อยู่ๆก็เรียกพบเธอแบบกะทันหันอย่างนี้

    คิดในแง่ดี อาจารย์อาจจะอยากอวยพรวันเกิดให้เธอก็ได้ คิดแล้วก็ต้องส่ายหัวให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง

    เคาะประตูสามครั้ง ก่อนเสียงอนุญาตจะดังขึ้น ให้เธอเข้าไปในห้อง

    เอ่อ อาจารย์มีอะ...

    นั่งลงก่อน อาจารย์ใหญ่ผายมือไปทางเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานที่ท่านนั่งอยู่

    ตั้งใจฟังดีๆนะ ใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวลล่ะ ไม่เป็นไรนะ ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ครูกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ อาจารย์สาววัยกลางคนพูดรัว แสดงออกถึงความกังวลใจของตน

    ...ฉันยังไม่ได้กังวลอะไรเลย อาจารย์นั่นแหละ...เดเรียคิดพลางแอบส่ายหัวน้อยๆกับอาการของคนเป็นถึงอาจารย์ใหญ่

    อาจารย์ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ และเดเรียคิดว่าถ้าเธอไม่ตัดบทตอนนี้ อาจารย์คงร่ายเรื่องที่คิดว่าเธอกังวลอีกนานแน่

    อาจารย์มีอะไรบอกหนูมาเลยดีกว่า หนูทำใจได้ค่ะ

    เอ่อ คือว่า ครูรู้นะว่ามันเป็นเรื่องแปลก แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วล่ะอาจารย์เกริ่น

    แล้วยังไงต่อค่ะเดเรียเร่งอย่างใจร้อน

    ก็...คือว่า...พูดตะกุกตะกักก่อนกล่าวต่อจนจบประโยคมีนักเรียนมาขอเข้าใหม่เมื่อวานถึง2กลุ่มใหญ่น่ะ แล้วนักเรียนใหม่ก็อยู่ม.4ทั้งหมดเลย ครูเลยคิดจะให้เข้าห้องใหม่เลย แต่ไม่มีใครยอม ครูเลยไม่รู้จะทำอย่างไร พวกกลุ่มแรกที่มาก่อนเค้าก็เลยยื่นข้อเสนอให้ครูว่า ขอนักเรียนเก่าคนนึง ให้อยู่ร่วมห้องกับพวกเขา ครูก็เลยไม่รู้จะเลือกใคร เขาก็เลยขอดูหน้านักเรียนม.4ทั้งหมดจากประวัตินักเรียน แล้ว...อาจารย์หยุดพูดพร้อมลอบมองหน้าเดเรียแล้วยิ้มจืดๆ ทำให้เดเรียเริ่มพอจะเดาใจความที่อาจารย์จะบอกได้นิดนึง เดเรียทำหน้าเครียดกับความคิดที่เธอขอไม่ให้เป็นความจริงเลย ขอให้เธอคิดผิดเถอะ

    อาจารย์อย่าบอกนะว่า...

    ใช่แล้วล่ะ เธอเป็นคนที่พวกเขาเลือก

    อาจารย์ ไม่จริงใช่มะ มันเกินจริงไปนะค่ะ อยู่ๆมาเข้าเรียนกลางคัน แถมมาพร้อมกันเป็นโขยง แล้วยังมาเลือก...

    ครูรู้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วล่ะ วันนี้ครูจะให้เธอย้ายไปอยู่ห้อง4/7ซึ่งเป็นห้องใหม่ แล้ววันนี้จะมีปฐมนิเทศให้นักเรียนใหม่ เธอก็ไปเก็บของที่ห้องแล้วไปรอที่ห้องประชุมได้แล้วล่ะอาจารย์พูดแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก

    แต่อาจารย์ค่ะ ห้อง4/6เป็นห้องเน้นภาษานะค่ะ แล้วห้อง4/7เป็น...เด็กสาวพูดยังไม่ทันจบประโยค อาจารย์ใหญ่ก็พูดแทรกทันที

    ครูรู้ ห้อง4/7เป็นห้องเน้นภาษาเหมือนกัน เดเรียได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนพูดออกมา

    แต่อาจารย์ค่ะ หนูไม่อยาก...

    วันนี้วันเกิดเธอใช่มั้ย Happy Birthdayนะจ๊ะ ไปได้แล้วป่านนี้นักเรียนใหม่มากันแล้วมั้ง โชคดีนะจ๊ะ แล้วอาจารย์ก็ผลักเธอออกจากห้องไป

    ...ตบหัวเสร็จแล้วลูบหลังเรอะ เป็นอาจารย์ใหญ่ได้ยังไงเนี่ย...เดเรียคิดพลางปลงตกกับชีวิต

     

    เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนในห้องฟังจบ ก็รีบเก็บกระเป๋าไปห้องประชุมตามที่ได้รับมอบหมายไว้

    ...ไม่น่าตื่นเช้าเลยวันนี้ ไม่งั้นครูอาจจะตามตัวฉันไม่เจอแล้วหาคนอื่นแทนก็ได้...คิดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

    ...พวกนั้นจะเป็นยังไงกันน้า สงสัยบริจาคตังค์ให้เยอะแน่เลย อาจารย์ถึงเทคแคร์ซะขนาดนั้น...คิดเพลินๆ เท้าก็พามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องประชุม

    ...เอาไงเอากันว่ะ ยัยเด ลุย! ... พูดให้กำลังใจตัวเอง ก่อนผลักประตูห้องเข้าไป

     

    ภาพนักเรียนใหม่ที่เดเรียต้องอึ้งแล้วอึ้งอีก ก็ทำไมแต่ละคนมันหน้าตาดีอย่างงี้วะ ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย แต่ที่ทำให้เดเรียแปลกใจก็ตรงที่ ทำไมต้องนั่งแยกกันเป็นสองกลุ่มด้วยล่ะ หรือว่าครูจัดให้ คิดเองตอบเองเสร็จ

    มาพอดีเลย นี่คือ เดเรีย นักเรียนเก่าจากห้อง4/6 จะมาดูแลทุกคนนะจ๊ะเสียงอาจารย์สุนทรี อาจารย์หัวหน้าระดับม.4 ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนก็ใช้สายตามองเธอไปต่างๆกัน กลุ่มที่นั่งอยู่ด้านขวามองหน้าเธอแบบเป็นมิตรกันทุกคน ตรงกันข้ามกลุ่มด้านซ้ายมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น

    เรามาเริ่มกันจาก แนะนำตัวเองกันก่อนเลยนะจ๊ะ อาจารย์สุนทรีผู้อารมณ์ดีเป็นพิเศษพูดขึ้น

    เรื่มจากหนุ่มน้อยตรงนั้นเลยแล้วกัน อาจารย์ชี้ไปที่หนุ่มน้อยหน้าใสในกลุ่มด้านขวา ที่ส่งรอยยิ้มบาดใจมาให้เดเรีย แล้วลุกขึ้นยืน

    ผมชื่อซีครับ ยินดีที่ได้รู้จักพูดเสร็จก็หันมาส่งยิ้มให้เดเรียอีกทีก่อนนั่งลงตามเดิม

    คนต่อไปเลยอาจารย์เรียกต่อ

    ฉันชื่อมะปราง ยินดีที่ได้รู้จักนะเด็กสาวหน้าตาจิ่มลิ้ม หันมายิ้มให้เธอแล้วนั่งลง

    การแนะนำตัวผ่านไปเรื่อยๆจนคนในกลุ่มขวาทุกคนพูดจบ อาจารย์ก็หันไปมองที่กลุ่มทางซ้าย แล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่มฝาแฝดที่นั่งอยู่หน้าสุด

    ผมพันครับ ส่วนนี้น้องชายฝาแฝดของผม กตครับเจ้าแฝดพี่ที่มีทีท่าแตกต่างจากคนในกลุ่มซ้าย เนื่องจากเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีรอยยิ้มให้กับเดเรีย ตรงข้ามกับเจ้าแฝดน้องที่ไม่แม้จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ

    การแนะนำตัวและการอธิบายกฎโรงเรียนเสียยืดยาวของอาจารย์สุนทรีได้จบลงในเวลา1ชั่วโมงให้หลัง เมื่อร่ายจบอาจารย์ก็หันมาบอกกับเจ้านักเรียนเก่าที่ตอนนี้หลับคาเก้าอี้ไปแล้ว

    เดเรีย เดเรีย ยัยเดเรีย

    พรวด เจ้าของชื่อสะดุ้ง เรียกเสียงหัวเราะให้แก่เพื่อนใหม่

    อ่ะค่ะ พล่าม เอ๊ย พูดเสร็จแล้วหรอค่ะ เจ้าตัวพูดก่อนยิ้มแห้งๆแก้เก้อตามนิสัย

    อาจารย์หันมาค้อนขวับก่อนจะพูดต่อฉันพูดจบแล้ว ต่อไป เธอก็พาเพื่อนๆไปที่ห้องได้แล้ว

    ค่ะ เอ่อ แต่ว่า...เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจในคำพูดประโยคต่อมาของตน หนูยังไม่รู้ว่าห้อง4/7อยู่ไหนเลยอ่ะค่ะ

    เธอเนี่ยน้า ก็อยู่ที่อาคารใหม่น่ะซิว่าพลางบ่นต่ออีกยาวเหยียด กว่าจะได้ไปเดินสำรวจห้องก็เสียเวลาไปอีกครึ่งชั่วโมง สร้างความเบื่อหน่ายให้แก่เหล่านักเรียนใหม่เป็นอย่างมาก

     

    อาคารใหม่ ก็ไม่ได้ติดกับห้อง4/6น่ะซิ แล้วฉันจะไปอยู่กับใครล่ะเนี่ย เดเรียคิดในขณะที่พาเพื่อนนักเรียนใหม่ไปทางตึกเรียน

    ระหว่างการเดินทาง เจ้าพวกเด็กใหม่ก็ยังเดินเป็น2กลุ่มเหมือนเดิม ทำให้เธอชักสงสัยว่าพวกนั้นมันเป็นคู่อริเก่ากันมาก่อนรึเปล่า คิดไปคิดมาก็เริ่มหงุดหงิดกับความเงียบ จึงเริ่มทำลายความเงียบด้วยการหันไปทักทายเพื่อนๆ

    นายสองคน พันกับกต ใช่มะ ถ้าฉันเดาไม่ผิด ชื่อจริงของพวกนายคงจะเป็น อำพันกับมรกตแน่เลยคำตอบที่ได้รับเป็นรอยยิ้มจากเจ้าแฝดพี่ และสายตาคมกริบจากเจ้าแฝดน้องผู้ไม่น่าคบ

    ...สุดท้ายก็เงียบเหมือนเดิม... เจ้าคนเกลียดความเงียบคิดก่อนถอนหายใจ แล้วหันไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่คิดว่าน่าจะเข้ากันง่ายกว่า

    เธอ มะปรางซินะ

    ใช่ เดเรีย ชื่อเธอเพราะดีเนอะ เหมาะกับคนน่ารักอย่างเธอเลยเด็กสาวผมยาวแก้มตุ่ย หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก กล่าวพร้อมหยอดคำชม ทำเอาเจ้าคนที่ไม่ค่อยมีคนชมชักเขิน

    เอ่อ ไม่ขนาดนั้นมั้งเจ้าตัวพูดแก้เขิน ทำเอาคนข้างหลังหัวเราะตัวงอ

    เธอ ไม่เคยถูกผู้หญิงด้วยกันชมหรอไง ไม่เห็นต้องหน้าแดงขนาดนั้นเลย เจ้านักเรียนใหม่ที่ชื่อซี พูดอย่างรู้ทัน

    คนเขินเลยได้แต่หันไปค้อนขวับ เรียกเสียงหัวเราะให้เจ้าคนชอบยั่ว

    ผู้ชายชมก็ว่าไปอย่าง หรือว่า...ซีหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนเอ่ยต่อหรือว่าเธอชอบผู้หญิงพูดแล้วหัวเราะเสียยกใหญ่

    ไอ้#@$!@&$#”เดเรียด่าเสียไม่เหลือเค้าของความเป็นหญิงก่อนจะสงบลงเนื่องจากหาคำด่าไม่ได้แล้ว พร้อมหอบน้อยๆ

    ซีอย่าแกล้งซิ เดเรียเค้าไม่ชอบหรอกนะมะปรางห้าม

    ก็ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันว่า ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะพูดพร้อมหันไปยักคิ้วแผล็บให้เดเรียทีหนึ่ง

    ในที่สุด เส้นอารมณ์ที่ตึงเปี๊ยะตั้งแต่เมื่อเช้า ก็ขาดสะบั้น ก่อนที่ใครจะเข้าไปห้ามทัน เดเรียก็ใช้ท่าเทควันโดที่เรียนมากับคู่ต่อสู้ตรงหน้า ก่อนที่เจ้าคนปากดีที่ยังไม่ทันตั้งตัวหงายหลังตึง เลือดกำเดาไหล

    คงเข็ดไปอีกนาน เพื่อนๆนึกขึ้นพร้อมกัน

     

    ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์

    หนึ่งสัปดาห์กับการที่ต้องเป็นคนดูแลนักเรียนใหม่ที่แสนแปลกประหลาด

    หนึ่งสัปดาห์กับการที่เธอได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในห้อง

    หนึ่งสัปดาห์กับการที่เธอได้รู้จักกับมะปราง จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน

    และหนึ่งสัปดาห์ที่เธอต้องตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนหญิงเกือบทั้งโรงเรียน

    ที่เธอต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากอย่างนี้ ก็เพราะว่า เจ้าเพื่อนร่วมห้องทั้งสามของเธอ ที่หน้าตาดันไปถูกเสป็คผู้หญิงเกือบทั้งโรงเรียน ดันมาอยู่ห้องเดียวกับนักเรียนเก่าที่วันๆเอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวายในโรงเรียนอย่างเธอ แถมยัยพวกผู้หญิงเหล่านั้น ยังคิดว่า ทั้งสามหนุ่มสนใจเธอซะอีก

    ...เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย... เดเรียคิด แล้วกำมือแน่นด้วยความอึดอัดใจ มันเป็นความผิดของเธอหรอ ที่เจ้าพวกบ้าสามตัวนั้นมันเอาแต่จ้องเธอทั้งวัน ทำให้นักเรียนหญิงพากันหมั่นไส้เธอเกือบทั้งโรงเรียน จะเพราะเหตุผลอะไรก็ช่างที่เจ้าสามตัวนั้นมันต้องมามองเธอ แต่การกระทำของมันทำให้เธอเดือดร้อน มันน่าโมโหจริงๆ

    มะปรางที่กำลังนั่งทานข้าวกลางวันอยู่หันไปเห็นหน้าบ่งบอกความหงุดหงิดของเพื่อนสาว จึงเอ่ยปากถาม

    เรื่องซี พัน กะกตใช่มั้ยมะปรางถามอย่างรู้ทัน

    เดเรียสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าถูกเพื่อนสาวจับได้ว่าเธอกำลังกลุ้มใจอยู่ ก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ

    แล้วจะไปสนใจทำไมล่ะ

    ก็เธอดูแม่พวกนั้นมองหน้าฉันเซะ ทำอย่างกะฉันไปแย่งแฟนมันงั้นแหละ เดเรียพูดพลางชี้มือไปทางพวกรุ่นพี่ผู้หญิงที่นั่งโต๊ะห่างออกไปไม่มาก

    แล้วจะไปสนใจทำไมล่ะ มะปรางถามซ้ำ

    ก็... หญิงสาวหยุดพูด ด้วยเพราะจนคำพูดเสียแล้ว

    เธอแคร์สายตาคนอื่นมากเกินไปรึเปล่า พวกนั้นจะมองเธอว่ายังไง เธอไม่เห็นต้องไปสนใจเลย พวกนั้นมีความสำคัญกับชีวิตเธอมากมายนักหรือไง

    ก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่...

    ก็ในเมื่อไม่สำคัญแล้วจะไปสนใจทำไม แค่ให้คนที่รู้จักเธอที่เป็นตัวเธอจริงๆเข้าใจก็พอ ไม่ใช่หรอ

    มันก็ถูก แต่...

    งั้นก็เลิกสนใจพวกนั้นได้แล้ว มะปรางพูดจนจบ

    ไม่ใช่โว้ย เดเรียตะโกนออกมาในที่สุด นี่เธอคิดว่าฉันจะสนใจกับเรื่องหยุมหยิมอย่างงั้นหรอ

    เดเรียมองเพื่อนสาวช่างเทศน์ของเธอด้วยสายตาหงุดหงิด

    อ้าว ก็เพราะเรื่องนั้นไม่ใช่หรอที่ทำให้เธอหงุดหงิดน่ะมะปรางถาม พร้อมทำสีหน้างุนงงขั้นรุนแรง

    มันก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้กลุ้มใจที่พวกมันมองฉันอย่างงั้น ฉันแค่เห็นแล้วรำคาญที่ลงไม้ลงมือไม่ได้ เพราะ ปีนี้ฉันโดนเรียกเข้าห้องปกครองไป2ครั้งแล้ว โดนอีกครั้งโดนไล่ออกชัวร์

    มะปรางมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความอึ้ง ทึ่ง ตะลึง ประหลาดใจ งุนงง สงสัย และอีกหลายๆอารมณ์ แต่อารมณ์ที่เดเรียเห็นดันเป็นอารมณ์เสียใจซะงั้น จนเจ้าเพื่อนปากดีเข้าใจผิดไปว่า มะปรางคงเสียใจที่เธอตะโกนใส่หน้าแรงๆ

    ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ฉันจะทำเป็นไม่สนใจแล้วกันนะ พูดเสียงอ่อนลงทำให้คนกำลังอึ้งต้องหันไปมอง

    มะปรางมองเพื่อนด้วยความงงเล็กน้อย ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนจากเพื่อนตรงหน้า จนต้องยิ้มออกมา ...ดูง่ายจริงๆ...หญิงสาวคิด แต่ในใจลึกๆกลับรู้สึกดีใจที่เดเรียให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของเธอ

    เจ้าคนที่ไม่ค่อยจะพูดอะไรดีๆเท่าไหร่ เขินจัดจนต้องพูดเปลี่ยนเรื่อง

    นี่เธอ จะหมดเวลาพักแล้ว จะกินเสร็จได้รึยังเนี่ยแม่คุณ พูดจบ แล้วทำท่าจะเดินไปเก็บจาน มะปรางเห็นดังนั้น จึงต้องรีบวิ่งตามไป ในใจยังรู้สึกดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ ต้องหัวเราะออกมา เล่นเอาคนที่คิดว่าถูกหัวเราะเยาะ หันมาค้อนควับ แล้วยิ่งเร่งความเร็วของฝีเท้ามากขึ้น

    ...อ่อนโยนกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะ... หญิงสาวคิด แล้วรีบเร่งฝีเท้าตาม ผู้ที่เป็นเหมือน เพื่อน แค่ในเวลานี้

    ใช่...แค่ในเวลานี้เท่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×