คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1: เจ้าของนาม 'เดเรีย'
“เดเรีย ทำไมชื่อเธอแปลกจังเลยอ่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กหันไปพูดกับเด็กหญิงนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอีกคนซึ่งตัวเล็กกว่า
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ถามแม่ แม่ก็ไม่เคยบอก”เด็กหญิงผู้ถูกถามกล่าวพร้อมทำหน้าครุ่นคิด
“งั้นฉันจะเรียกเธอว่าเดแล้วกันนะ” พูดจบเด็กหญิงทั้งสองก็หัวเราะออกมา
จากวั้นนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ13ปีแล้ว จากเด็กอนุบาลอายุ3ขวบ ก็ได้กลายมาเป็นหญิงสาวนักเรียนม.ปลายเต็มตัว ทุกอย่างเหมือนดูเปลี่ยนไปเสียหมด แต่อย่างน้อยยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ก็คือ นิสัยร่าเริงของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายดูมุ่งมั่น ผู้ที่คิดว่าตนเองกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะรู้เช่นนั้น เจ้าตัวยังมีความสุขได้ไม่ต่างจากเด็กสาววัยเดียวกันคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะ มีแม่ผู้ให้ความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หรืออาจเป็นเพราะเหตุผลที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ที่ว่า นิสัยร่าเริงของตนนั้นได้มาจากผู้เป็นพ่อเต็มๆเลย
“เดเรีย แกจะไปโรงเรียนมั้ยห๊า”เสียงของเซเนีย คุณแม่ชื่อแปลกตะโกนเรียกลูกสาวตามปกติเหมือนทุกวัน ...ป่านนี้เจ้าตัวดียังไม่ลงมาจากห้องนอนเสียที... คุณแม่ยังสาวคิดอย่างปลงสังเวชกับคนเป็นลูก เซเนียรอนานเสียจนเกือบจะต้องขึ้นไปตาม พร้อมเตรียมเขกกะโหลกซักทีสองที แต่เจ้าตัวดีก็เหมือนรู้ว่าตัวเองจะเจออะไร ในที่สุดก็ลงบันไดมาด้วยอาการหอบเล็กน้อย
“เสร็จแล้วแม่ โอ๊ยไอผมบ้านี้ น่ารำคาญจริงๆเลย”เสียงบ่นของเดเรียบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดเพราะตัวเองกำลังจะไปโรงเรียนสาย แต่ไอผมเจ้ากรรมกลับยิ่งทำให้เธอสายมากขึ้น
“มานี่ เดี๋ยวแม่ผูกให้”แล้วแม่ก็แย่งที่รัดผมมาจากลูกแล้วจับมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือก็จับรวบผมสีน้ำตาลเข้มของลูกสาวที่พันกันยุ่งเหยิงมาผูกให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถ พร้อมคิดไปพลาง ขนาดผมก็ไม่ได้ยาวมาก ยังยุ่งได้ขนาดนี้ มันดูแลอีท่าไหนเนี่ย
เดเรียมองหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับผมสีน้ำตาลเข้มซอยปลายเลยบ่ามาเล็กน้อย ตาสีน้ำตาลอ่อน ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนไทย แล้วหันไปมองผู้เป็นแม่ ถึงแม้จะมีใบหน้าเรียวสวยเหมือนกัน แต่ เซเนียกลับมีผมสีดำสนิทสีเดียวกับนัยน์ตาคมคู่สวย ต่างจากเธอลิบลับ จนเจ้าตัวก็อดสงสัยไม่ได้ จึงโพล่งออกไป
“ถามไรหน่อยซิแม่ เอ่อ...พ่อของเด...ตาสีอะไรหรอ”เดเรียถามก่อนจะต้องเอามือตะครุบปากตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ทันเสียแล้ว ทำให้ผู้ฟังชะงักไปเล็กน้อยก่อนกลบเกลื่อนด้วยการถามย้อน
“ทำไมอยู่ๆถึงถามล่ะ”เซเนียมองกระจกที่สะท้อนหน้าลูกสาวที่เผยแววความอยากรู้อยากเห็นชัดเจน
“ก็ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากรู้ อยู่กับแม่มาเกือบ 16ปีแล้วยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเลยอ่ะ” คนเป็นลูกว่าเสียยาวพลางสบตาสีดำสนิทอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อย่าสนใจเลย รีบไปโรงเรียนเถอะ จะสายอยู่แล้วยังมาถามอะไรมากอีก”ผู้เป็นแม่พูดตัดบทแล้วรีบหยิบขนมปังให้ลูกเพื่อเป็นอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน
เดเรียหยุดคิดก่อนที่จะยอมทำตามที่แม่บอก “อืมๆ งั้นไปละนะ” ทำความเคารพแม่ก่อนไปโรงเรียน
“เดเรีย อย่าลืมไปเรียนเทควันโดตอนเย็นล่ะ” คำพูดของเซเนียทิ้งท้ายก่อนที่เจ้าตัววุ่นต้องรีบวิ่งเต็มกำลังเพื่อจะไปให้ทันรถประจำทาง
...ไม่น่าถามเล้ย น่าจะรู้อยู่แล้วว่าถึงยังไงแม่ก็ไม่บอก ปิดมาตั้งเกือบ16ปีแล้ว อยู่ๆจะมาบอกรึ โง่จริงๆเลยเรา... เดเรียคิดเพลินจนไม่รู้เลยว่าเท้าตัวเองจะพามาถึงประตูเลื่อนอลูมีเนียมบานใหญ่หน้าโรงเรียนที่กำลังจะปิดแล้ว เสียงเลื่อนของประตูส่งเสียงดังชวนให้ปวดแก้วหู ทำให้เดเรียที่ลืมว่าตัวเองมาสายมัวแต่เดินเอื่อยเฉื่อย รีบวิ่งแทรกเข้าไปที่รอยแง้มของประตูที่ยังถูกปิดไม่สนิท
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เสียงรุ่นพี่สาวคณะกรรมการนักเรียนใส่แว่นหน้าจืด ผู้ที่มีหน้าที่จดชื่อนักเรียนมาสายตะโกนไล่หลัง
...หยุดให้โง่เรอะ...เด็กสาวคิดพร้อมใช้กำลังทั้งหมดที่มีรีบวิ่งไปที่แถวของนักเรียน ม.4/6 ซึ่งกำลังร้องเพลงชาติกันอยู่
เอี๊ยด
เสียงเบรกเท้าของเดเรียทำให้เพื่อนที่อยู่แถวหลังหันมามอง เจ้าตัวจึงได้แต่หันไปยิ้มแห้งๆให้เพื่อน พร้อมโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้หันกลับไป อาจารย์ที่ปรึกษาห้องข้างๆหันมามองแวบนึง ก่อนหันกลับไป
เพื่อนฝูงก็เลยได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแทนเพื่อนสาวสุดแซบประจำห้อง
“พรุ่งนี้ก็วันเกิดเธอแล้วนะเด” เพื่อนสาวคนสนิททักหลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้เดินเข้าห้อง
“อืมใช่ ลืมไปเลย แหะๆๆ”เจ้าคนที่ชอบยิ้มแห้งๆจนติดเป็นนิสัยพูด พร้อมลุกขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ของตัวเอง
“เฮ้ย ทุกคนฟังๆ พรุ่งนี้วันเกิดฉัน เย็นนี้ที่บ้านมีงาน อย่าลืมไปกันด้วยนะ”เจ้าของวันเกิดตะโกนลั่นห้อง จนเพื่อนห้องข้างๆที่เดินผ่านมาต้องหันมามองรวมทั้ง...
“คุณเดเรียจ๊ะ”เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมรังสีสังหารแผ่ไปทั่วห้อง จนหญิงสาวต้องรีบหันไปมองที่มาของเสียงแล้วจึงพบว่าเป็น
“อาจารย์สุนทรี ว๊ากกกก”เจ้าตัวดีสะดุ้งเมื่อเห็นผู้พูดชัดเต็มสองตา
”พรุ่งนี้วันเกิดเธอใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวตามครูไปห้องพักครูด้วย ครูจะอวยพรวันเกิดให้ซักหน่อย”อาจารย์หัวหน้าระดับพูด พร้อมยิ้มโหด ทำให้เจ้าลำโพงเคลื่อนที่ได้แต่ยิ้มแหยๆอีกตามเคย
...อุตส่าห์ไม่โดนเรื่องเข้าแถวสาย ดันมาโดนเรื่องอื่นแทน...เพื่อนทั้งห้องคิดพร้อมทำหน้าปลงอนิจจัง
ก่อนออกจากห้องเจ้าตัวช่างก่อเรื่องยังไม่วายหันมาทำตาปริบๆให้เพื่อนร่วมห้อง
“สงสัยเป็นกิจวัตรประจำวันของเดแล้วมั้ง ที่ต้องโดนอาจารย์ด่าทุกวันเนี่ย”เสียงเพื่อนหนุ่มคนหนึ่งพูดหลังจากที่ผู้ถูกนินทาเดินออกจากห้องไปแล้วเพียง2ก้าว
“ไอ้...”
“เดเรีย”อาจารย์ส่งเสียงดุปราม เด็กสาวจึงได้แต่ทำหน้าหงอยพร้อมคิดคำแช่งเพื่อนปากดีของเธอตลอดทางเดินไปห้องพักครู
ในห้องครัวสีครีมไม่กว้างมากนัก มีชั้นวางที่บรรจุเพียงอุปกรณ์ทำครัวที่จำเป็น บ่งบอกถึงความสามารถในการทำอาหารที่มีอยู่น้อยนิดของเจ้าของบ้าน บนโต๊ะกลางห้องมีอาหารคาวหวานมากมายถูกเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของลูกสาวคนสำคัญ ที่ผู้เป็นแม่ซื้อหลังกลับจากทำงาน
ผ่านมา16ปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก เราปิดบังลูกมาตั้ง16ปีแล้วหรือเนี่ย...เซเนียคิดไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูเลื่อนหน้าบ้าน
“กลับมาแล้ว แม่จ๋ามีไรกินบ้าง วันนี้ครูฝึกโหดมากเลยอ่ะแม่ ฝึกต่อสู้ตัวต่อตัวด้วย”ลูกสาวช่างพล่ามพูดไม่หยุด
“ของกินน่ะมี แต่ยังไม่ให้กินตอนนี้”ผู้เป็นแม่พูดบ้าง
“ไมอ่ะ เดหิว”เจ้าตัวดีทำหน้าหงอย
“ถ้าแกกินตอนนี้ แกก็ไม่มีอะไรเอาไว้เลี้ยงเพื่อนในงานวันเกิดซิ”เซเนียเริ่มกล่าวเสียงเข้ม
“ง่ะ โอเคๆ ใจเย็นแม่ อย่าเพิ่งกริ้ว”
...แม่โกรธทีไร รู้สึกหนาวๆร้อนๆทุกทีซิ...เจ้าลูกตัวดีคิด
“งั้น แม่มีไรจะให้เดช่วยมั้ย เรื่องงานเย็นนี้อ่ะ”เด็กสาวรีบหาเรื่องเอาใจแม่
“อืม ก็มีหลายอย่างเลยล่ะ ไหนๆเพื่อนจะมาบ้านทั้งทีก็ต้องเอาให้ดีใช่มั้ย”เซเนียพูดพร้อมยิ้มโหด (เรียนแบบอาจารย์สุนทรี)
อึก เดเรียได้แต่กลืนน้ำลาย เหมือนรับรู้ชะตากรรมตัวเอง
“งั้นก็ไป กวาดห้องครัว ถูห้องรับแขก ถอนหญ้าตรงสวนหน้าบ้าน เช็ดโต๊ะอาหาร ล้างจานของเมื่อเช้า ปัดหยากไย่ ...”คำพูดต่อจากนั้นของผู้เป็นแม่ ไม่เข้าหูเดเรียอีกต่อไปแล้ว เพราะเจ้าตัวได้แต่คิดคำด่ามาด่าตัวเองที่หลุดปากพูดว่าจะช่วยแม่ออกไป ก็อย่างนี้ มันแกล้งกันชัดๆ
...ในที่สุดก็เสร็จ...เดเรียคิดพร้อมปาดเหงื่อบนใบหน้านวล ซึ่งบัดนี้มีรอยแต้มดำๆทั่วไปหมด ก็เมื่อกี้ตอนที่เจ้าตัวดีปัดหยากไย่อยู่นั้น ดันล้มหน้าคว่ำกับพื้นซะอย่างงั้น
วันนี้ที่บ้านของเด็กสาวจะมีงานเลี้ยงวันเกิด เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเกิดอายุครบ16ปีของเธอ เซเนีย คุณแม่ยังสาวเลยแกล้งให้ลูกสาวตัวดีทำความสะอาดบ้านเสียให้เข็ด อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว
เมื่อเซเนียเห็นสภาพของลูกรัก ก็อดอมยิ้มไม่ได้
“ไม่ต้องมายิ้มเยาะเลยแม่”เจ้าคนซุ่มซ่ามแกล้งทำหน้างอน
“แกไม่ต้องมาทำหน้าอย่างงั้นเลย วันเกิดแกทั้งที ใช้นิดใช้หน่อยไม่ได้หรอไง”คุณแม่เถียง
“โธ่ ก็เพราะเป็นวันเกิดเดนะซิ”เจ้าตัวบ่นอุบ
“อย่าบ่นนักเลยหน่า ไม่เคยได้ยินเหรอไง ว่าในวันเกิด ควรจะทำอะไรให้พ่อแม่”
“แต่มันวันเกิดเดไม่ใช่หรอ”ลูกสาวเริ่มงงกับคำพูดของผู้เป็นแม่
“แกนี่มันได้เชื้อโง่มาจากใครเนี่ย” ด่าเจ้าลูกโง่แล้วกล่าวต่อ “แม่เป็นคนให้กำเนิดลูก วันที่ลูกลืมตามาดูโลก รู้มั้ยว่ามันเป็นวันที่คร่าชีวิตคนเป็นแม่ไปเท่าไหร่”เซเนียอธิบายสีหน้าจริงจัง
“ง่ะ เข้าใจแล้ว”พูดพร้อมทำหน้าซึ้ง
“ไม่ต้องมาทำซึ้ง ฉันก็พูดไปงั้นแหละ จะหกโมงแล้ว รีบไปแต่งตัวได้แล้ว ไป๊” คุณแม่รีบไล่ ก่อนที่จะเห็นลูกสาวน้ำตาซึม
“คุณน้า สวัสดีค่ะ/ครับ”เพื่อนๆก็มากันเกือบหมดแล้ว แต่เจ้าของวันเกิดยังไม่ลงมาเสียที
...มันสายได้ประจำซิหน่า...เพื่อนๆพร้อมใจกันคิดถึงเจ้าเพื่อนตัวดี
“ของขวัญๆๆๆ”เสียงตะโกนดังควบคู่กับเสียงวิ่งลงบันได ทำให้เพื่อนๆต้องหันไปมอง
“ลงมาก็ทวงเลยนะย่ะ”เพื่อนสาวคนสนิททักพร้อมตบไหล่เจ้าของวันเกิด “งานวันเกิดแกทั้งทีทำไมไม่แต่งตัวให้ดีกว่านี้ฟ่ะ” ไม่วายบ่นเรื่องการแต่งตัวของเจ้าคนไม่สนใจแฟชั่น ทำให้เพื่อนๆต้องหันไปดูหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังก้มลงมองชุดตัวเองเช่นกัน เสื้อยืดสีเดียวกับผมเจ้าหล่อนกับกางเกงยีนอีกตัว
...ก็เข้ากันดีนี้หว่า...เจ้าตัวคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จ
“ช่างมันเถอะว่ะ ไอเดมันก็เป็นอย่างงี้ แกจะให้มันใส่กระโปรงหรอไง ขำตายเลย”เจ้าเพื่อนชายปากดีของเธอหันไปพูดกับเพื่อนสาว แต่ยังไม่วายกัดเจ้าของวันเกิดจนได้
“ขำไม่ขำ พวกแกก็เห็นฉันใส่กระโปรงนักเรียนเกือบทุกวันไม่ใช่หรอว่ะ”เจ้าคนถูกกัดย้อนเข้าให้
แล้วมันใส่เหมือนผู้หญิงคนอื่นเสียที่ไหนล่ะ...เพื่อนๆคิดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วนึกถึงภาพเจ้าตัวดีใส่ชุดนักเรียนม.ปลาย ชายเสื้อหลุดมานอกกระโปรง กับรองเท้าพละ
“เอ่อ หยุดได้ล่ะ วันเกิดไอเดมัน อย่าให้มันอารมณ์เสียเลย” หญิงสาวผมสั้นเอ่ย
เป็นอันว่ายุติสงครามย่อยๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
เสียงผู้คนจ๊อกแจ๊กดังมากขึ้นตามจำนวนคนที่มา รวมกับเสียงเพลงจากวิทยุที่ปกติจะอยู่ในบ้าน แต่ในวันนี้ถูกเจ้าของยกออกมาตั้งที่สนามหน้าบ้าน เนื่องจากมีงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆของหญิงสาวผู้ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์
ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง รวมถึงเจ้าของวันเกิดด้วย
เสียงท้องร้องเบาๆของเจ้าคนที่อดอยากไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ตอนเย็น แถมยังต้องทำความสะอาดบ้านซะยกใหญ่อีก เดเรียลูบท้องของเธอ เพื่อเป็นการปลอบใจว่า อีกไม่นานอาหารก็มาแล้ว และไม่ทันที่จะได้นึกอนาถกับตัวเองต่อ เซเนียและเพื่อนสาวของเธอ ก็ถือถาดอาหารคาวหวานมา เปรียบเสมือนเทพธิดามาโปรดสัตว์ผู้หิวโหย
ท้องเจ้ากรรมก็ดันเหมือนจะฉลาดกว่าเจ้าของ ส่งเสียงร้องโครกครากดังกว่าครั้งที่ผ่านๆมา เล่นเอาเจ้าของขายขี้หน้าเพื่อนๆที่มางาน
ผู้เป็นแม่จึงต้องส่งสายตาดุมาให้ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มแห้งตามนิสัย ในขณะที่เพื่อนๆต้องกลั้นหัวเราะกันแทบตาย
เสียงเพลงที่เคยเปิดอยู่ถูกปิดทันทีเมื่อไฟทั้งบ้านดับทำให้รอบตัวดูมืดมิด เสียงเพลงHappy Birthdayเข้ามาแทรกแทน พร้อมกับเค้กที่อยู่ในมือของผู้เป็นแม่ถูกเอามาวางไว้ตรงโต๊ะหน้าหญิงสาวเจ้าของวันเกิด เหมือนเป็นสัญญาณให้ทุกคนในงานเดินเข้ามารุมอยู่ทุกด้านของโต๊ะ
เพลงจบแล้ว แต่เจ้าของวันเกิดยังได้แต่ก้มหน้านิ่ง เรียกให้สายตาทุกคู่ต้องหันมามอง จนในที่สุดเดเรียก็เงยหน้าขึ้นมาทำตาแป๋วใส่เพื่อนๆ และคุณแม่บังเกิดเกล้า ทำให้ทุกคนคิดว่า เธอคงจะซึ้งที่ทุกคนให้ความสนใจในวันเกิดของเธอขนาดนี้
เจ้าตัวดีหันมายิ้มกับเพื่อนๆ แล้วเป่าเทียนวันเกิดจำนวน16เล่ม เท่ากับอายุของเธอ
ไม่รอช้า เดเรียรีบหยิบมีดมาตัดเค้กเป็นส่วนๆ แล้วคว้าชิ้นใหญ่สุดไปกินเป็นคนแรก เพื่อนๆมองหน้ากันเองแล้วอมยิ้มกับท่าทีของเด็กสาวที่ไม่รู้จักโต
การกระทำของเดเรียทำให้เพื่อนๆผู้ฉลาดบางคน พอจะเดาออกว่า ไอ้ประกายตาพิลึกๆที่เดเรียส่งให้เมื่อกี้นี้ไม่ได้หมายความอย่างที่พวกเขาคิดไว้ในตอนแรก มันน่าจะหมายถึง ...ในที่สุด ก็จะได้กินแล้วโว้ย... อะไรประมาณนี้มากกว่า
เพื่อนๆที่พอจะเดาเหตุการณ์ได้ ถอนหายใจเบาๆ พลางว่าตัวเองในใจ...หลงไปคิดว่ามันจะซาบซึ้งในน้ำใจพวกเรา เฮ้อ บ้าจริงๆเลย เราคงจะเพ้อไปแล้วมั้ง...
งานเลี้ยงยังมีต่อไปเรื่อยๆ จนเข็มนาฬิกาบนผนัง แสดงเวลา 2 ทุ่มตรงแล้ว เพื่อนๆก็ค่อยๆลากลับกันไปทีละคน จนเหลือแต่แม่ลูกเจ้าของบ้าน ทั้งสองช่วยกันเก็บกวาดจนเสร็จ แล้วเข้าไปนั่งพักในห้องนั่งเล่น คุยอะไรเพลินๆ เสียงประตูหน้าบ้านก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกวิตกกังวลเล่นปราดเข้ามาในจิตใจของเซเนีย โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ จึงเดินออกไปดู
เซเนียออกมาดูที่หน้าบ้านแล้วก็ต้องตกใจ กับภาพของอาคันตุกะยามวิการผู้นี้ เขาเป็นคนที่เธอรู้จักเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว จนเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนที่จะระงับความตกใจได้แล้วหันกลับมาพูดกับคนตรงหน้า
“ท่าน มาที่นี่ทำไม”
........................................................................................................
ช่วยติชมกันด้วยนะค่ะ หมูบินแต่งแฟนตาซีเรื่องแรก ฝากด้วยนะค่ะ แอดเมลมาคุยกันก็ได้
ความคิดเห็น